คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Episode 12
Episode 12
โคลมลำบากใจไม่ใช่น้อยที่ต้องโทรไปแคนเซิลนัดกับยามาโมโตะ
ถึงแม้อีกฝ่ายจะบอกว่าไม่เป็นไรพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะสดใสกลับมา
แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความหม่นหมองบางอย่างในน้ำเสียงนั้น เธออยากไปตามนัดที่ให้ไว้กับยามาโมโตะ
เธอไม่อยากเป็นคนผิดสัญญา แต่เธอไม่อยากมีเรื่องกับฮิบาริมากกว่า โคลมรู้ดีว่าการทำให้ผู้พิทักษ์เมฆาหนุ่มโกรธไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีนัก
แถมมันยังตามมาด้วยสารพัดปัญหาที่ยากจะรับมือ
“อ๊ะ!!” นี่ก็เป็นหนึ่งในปัญหาที่เธอไม่อยากรับมือเช่นกัน
ร่างบางร้องออกมาเมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลังโดยไม่ทันตั้งตัว
ตอนนี้หญิงสาวกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ที่สวนด้านหลัง
ซึ่งเป็นสถานที่ที่โคลมยึดไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเธอไปแล้ว
“...คุณฮิบาริ เมื่อไหร่จะเลิกทำแบบนี้กันคะ” โคลมถอนหายใจก่อนจะหันไปมองหน้าคนตัวสูงที่โอบรอบเอวเธออยู่
แถมใบหน้าหล่อเหลายังยกยิ้มอย่างพึงพอใจอีกต่างหาก! “ฉันตกใจนะคะ”
“ทำบ่อยๆ มั้ยล่ะ จะได้ชิน” ฮิบาริตอบกลับหน้าตาย
คำตอบของเขาทำให้เธออยากจะเข้าไปข่วนใบหน้าขาวเนียนนั่นให้เกิดรอยแผลเสียจริง
คนอะไรพูดจาไม่มีความรับผิดชอบแต่ก็ยังดูหล่อเกินกว่าจะโมโหลง
นั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดตัวเองทุกครั้งเวลาเธอตกหลุมพรางของฮิบาริ
“พอเลยค่ะ แค่นี้ฉันก็เสียเปรียบมากพอแล้ว”
“เธอจะกอดฉันคืนก็ได้”
“คุณฮิบาริ!” โคลมเรียกชื่อเขาเสียงดังเมื่อสัมผัสได้ถึงลิ้นร้อนๆ
ที่เลียลงมายังติ่งหูของเธออย่างหยอกเย้า
เธอรีบตะครุบติ่งหูของตัวเองไว้ด้วยความหวาดระแวง แต่ดูเหมือนฮิบาริจะชอบใจกับท่าทีแบบนี้ของเธอมากกว่า
เขาอมยิ้ม...ซึ่งเป็นภาพที่เธอไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก แต่ช่วงนี้เขาอมยิ้มบ่อย
ซึ่งโคลมก็พอรู้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่นั้นมาจากตัวเธอเอง
หลังจากได้ทำอะไรตามใจชอบแล้ว
ร่างสูงก็หายผลุบเข้าไปในคฤหาสน์เพราะมีงานมากมายที่เขายังสะสางไม่เสร็จ
ส่วนคนตัวเล็กก็รู้สึกดีมากที่เขาผละออกห่างเธอไปเสียได้
เพราะยิ่งเขาอยู่ใกล้เธอมากเท่าไหร่ ภัยอันตรายต่อหัวใจก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อรดน้ำต้นไม้เสร็จโคลมก็เดินกลับเข้าไปยังห้องครัว
ในนั้นมีคุซาคาเบะที่กำลังนั่งซ่อมท่อตรงอ่างล้างจานอยู่
“ท่อเสียเหรอคะ” เธอถามขึ้นเบาๆ
พลางรินน้ำชาลงในแก้วดินเผา เป็นแก้วประเภทเดียวกับของฮิบาริที่เขาใช้ดื่มประจำ
นับวันโคลมรู้สึกว่าตนเองมีอภิสิทธิ์ในของใช้ส่วนตัวของฮิบาริมากขึ้น
เขามักสรรหาข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ มาให้เธอโดยที่มันมีลักษณะคล้ายคลึงกับของๆ
เขา
“ครับ” คุซาคาเบะพยักหน้ารับโดยไม่ได้หันมามองเธอ
เขากำลังหมกมุ่นอยู่กับการมุดหัวเข้าไปใต้อ่างล้างจาน “...น่าจะรั่วน่ะครับ”
“มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะ”
“คุณโคลมไม่ต้องลำบากหรอกครับ...โอ๊ย!!” เพราะการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วทำให้คุซาคาเบะไม่ได้ระวังขอบด้านบนของอ่างล้างจาน
ศีรษะของเขาจึงกระทบเข้ากับมันเต็มๆ โคลมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เตรียมจะเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลให้เขา
“มะ...ไม่ต้องหรอกครับคุณโคลม แค่นี้เอง”
“แน่ใจนะคะ”
“ครับ! สบายมาก” คุซาคาเบะฉีกยิ้มกว้างผิดกับความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาในโสตประสาท “แล้วนี่คุณโคลมทานอะไรหรือยังครับ”
“ทานแล้วค่ะ” โคลมพยักหน้ารับเบาๆ
“เมื่อเช้าคุณฮิบาริ...” หญิงสาวชะงักเมื่อรู้สึกว่ากำลังพูดอะไรที่ไม่สมควรออกไป
แต่มีหรือที่มือขวาคนสนิทที่รับใช้ฮิบาริมาร่วมสิบปีอย่างคุซาคาเบะจะดูไม่ออก
เขายิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย บ่งบอกให้รู้ว่าเธอปล่อยไก่ออกมาหมดคอกแล้ว
“คุณโคลมกับคุณดูจะเข้ากันได้ดีเลยนะครับ” คุซาคาเบะยังคงยิ้มอยู่ ในขณะที่ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำเพราะความเขินอาย
โคลมเป็นคนโกหกไม่เก่ง และเธอก็ซื่อตรงกับความรู้สึกของตนเองเสียด้วย
“เอ่อ...ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอปฏิเสธไม่เต็มเสียง
“อ้อ ผมลืมบอกไปเลยว่าคุณเคียวกลับมาจากฮอกไกโดได้ยังไง
ทั้งๆ ที่พายุเข้า” โคลมไม่ได้พูดอะไร
แต่สีหน้าของเธอบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่าอยากรู้เป็นอย่างมาก
ซึ่งคุซาคาเบะก็ดูมันออกได้เป็นอย่างดี เขาคลี่ยิ้มก่อนจะเริ่มอธิบาย ซึ่งทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจและไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“คุณเคียวเหมาเครื่องบินทั้งลำ
แล้วบอกกับกัปตันว่าถ้าไม่เอาเครื่องออกเขาจะถล่มสนามบิน”
มันน่าตกใจไม่ใช่น้อยจริงๆ
โคลมยังยืนนิ่งค้างอยู่แบบนั้นหลังจากฟังจบ คุซาคาเบะหัวเราะเบาๆ
กับปฏิกิริยานิ่งงันของหญิงสาว เขาเดาไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องมีท่าทีแบบนี้
ซึ่งเขาเองหลังจากรู้เรื่องก็มีท่าทีไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่นัก
เพราะคุซาคาเบะไม่คิดมาก่อนว่าผู้หญิงที่ชื่อ ‘โคลม โดคุโร่’ จะเข้ามามีอิทธิพลต่อเจ้านายของเขาได้ถึงเพียงนี้
“พะ...พูดจริงเหรอคะ” คำถามของโคลมเบาราวกับเสียงกระซิบ
“จริงครับ
ทางสนามบินส่งคำร้องเรียนมาที่ฐานทัพวองโกเล่ด้วย ตอนนี้คุณจางนินิกำลังเจราจาให้อยู่”
หลังจากจบประโยค โคลมก็เดินไปที่ห้องทำงานของฮิบาริทันที
เธอรู้ดีว่าชายหนุ่มมักไม่ยอมให้ใครเข้ามารบกวนเวลาที่เขาต้องใช้สมาธิ
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อยากจะเห็นหน้าเขาเหลือเกิน ใจของโคลมเต้นแรงไม่เป็นส่ำ
มันเต้นเร็วและรัวจนจะกระเด้งออกมาจากอกอยู่แล้ว
ครืด
ประตูไม้บานเลื่อนถูกเปิดออกโดยฝีมือของร่างบาง
โคลมยืนอยู่หลังประตูและกำลังจ้องมองมาที่เขา
ฮิบาริเงยหน้าจากกองเอกสารที่เขากำลังอ่านอยู่ด้วยความแปลกใจ เธอไม่เคยเดินโต้งๆ
มาเปิดประตูห้องทำงานของเขาแบบนี้มาก่อน ส่วนมากเจียมเนื้อเจียมตัวจะตายไป
ชายหนุ่มเลิกคิ้วเมื่อคนตัวเล็กสาวเท้าเข้ามาใกล้อย่างไม่มีท่าทีเกรงใจใดๆ
เหมือนทุกครา แถมเธอยังไม่ถอนสายตาจากเขาเลยตั้งแต่ปรากฏตัว
ก่อนจะได้เอ่ยถามไถ่อะไร
ร่างบางก็กระโจนเข้าหาฮิบาริจนเขาแทบอ้าแขนรับไว้ไม่ทัน
สองแขนเล็กโอบรอบคอเขาแน่นเหมือนที่เขาชอบโอบเอวเธอไว้บ่อยๆ
หากแต่คราวนี้เขากับเธอสลับตำแหน่งกัน โคลมยังคงไม่มีปริปากพูดอะไร
ฮิบาริไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงทำเช่นนี้ แต่มือกร้านของเขาก็เลื่อนไปโอบเธอไว้หลวมๆ
“คุณนี่มันจริงๆ...” โคลมค่อยๆ
ผละตัวออก สบตากับเมฆาหนุ่มอย่างตรงไปตรงมา
ฮิบาริแปลกใจหนักกว่าเก่าเมื่อเห็นคราบน้ำตาที่เลอะอยู่บนดวงตาอะเมทิสต์ข้างเดียวนั่น
เธอร้องไห้ทำไมกัน?
“คุณทำแบบนั้นได้ยังไงคะ
คุณไม่ห่วงชีวิตตัวเองบ้างหรือไง” ไม่มากนักที่หญิงสาวจะกล้าขึ้นเสียงกับเขา
แถมเธอยังจ้องเขม็งมาอย่างเอาเรื่องด้วย “คุณไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อรักษาคำสัญญาหรอกนะคะ”
“...”
“เพราะถ้าคุณฮิบาริตายไป สิ่งที่ฉันตั้งใจทำมันจะไปมีความหมายอะไร...”
ไม่พูดเปล่า หยาดน้ำใสๆ ค่อยๆ ไหลลงอาบแก้มนวล
โคลมยกมือปาดน้ำตาลวกๆ แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำ ฮิบาริก็คว้ามือเธอไว้อย่าแผ่วเบา
ก่อนจะเป็นฝ่ายเช็ดน้ำตาด้วยนิ้วโป้งใหญ่ของเขาให้เธอเสียเอง
เขาดีใจที่เธอเป็นห่วงเขามากถึงเพียงนี้
แต่ถ้ามันต้องแลกมาด้วยน้ำตาของเธอ เขาก็ไม่ชอบใจนักหรอกนะ
“คนใจร้าย...”
“ขอโทษ” ฮิบาริพูดเสียงแผ่วแล้วยกตัวหญิงสาวขึ้นมาไว้บนตักอย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้านวลด้วยความหวงแหน
“คุณฮิบาริจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วใช่มั้ยคะ” หลังจากที่ฟังเธอพูดมา ฮิบาริก็พอจะรู้แล้วว่าโคลมกำลังหมายถึงเรื่องอะไร
“อืม ไม่ทำแล้ว” ชายหนุ่มรับคำเบาๆ
รู้สึกโกรธมือขวาคนสนิทไม่น้อยที่ปากมากเอาเรื่องของเขามาเล่าให้เธอฟัง
เสร็จจากตรงนี้เมื่อไหร่เขาไปขย้ำคุซาคาเบะเป็นแน่
“ขอบคุณนะคะ” โคลมเอ่ยและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เตรียมตัวจะลุกขึ้นจากตักคนตัวสูงเพื่อกลับเข้าไปในห้องครัว
แต่แขนกำยำทั้งสองข้างของเขาก็พันอยู่รอบตัวเธอแน่น “คุณฮิบาริ?”
เธอมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความฉงน
ก่อนจะเริ่มกระจ่างในเวลาต่อมาว่าฮิบาริกำลังจะเอาเปรียบเธออีกแล้ว! ริมฝีปากนุ่มหยุ่นแต่บางเรียวของเขาค่อยๆ
ประทับลงมาบนริมฝีปากเธออย่างถือวิสาสะ โคลมเอื้อมมือไปทุบอกแกร่งแรงๆ
ด้วยความโมโห เธอยังไม่หายเคืองเขาด้วยซ้ำ ยังจะกล้ามาทำแบบนี้กันอีกเหรอ แต่ถึงอย่างนั้นฮิบาริก็ยังไม่ยอมหยุด
ลิ้นร้อนๆ ของเขาเริ่มรุกรานเข้ามาในโพลงปากของเธออย่างเคยชิน
ราวกับว่ามันเป็นสถานที่โปรดไปเสียแล้ว
หญิงสาวขย้ำยูกาตะสีดำของเขาไว้แน่น
ก่อนจะแปรเปลี่ยนมาเป็นสอดมือเข้าไปในไรผมสีดำขลับของชายหนุ่ม
เมฆาหนุ่มรู้สึกได้ถึงการอนุญาตกลายๆ จากการกระทำของโคลม เขาจึงรุกเธอหนักกว่าเก่า
มือใหญ่เอื้อมไปประครองใบหน้านวลไว้ไม่ให้หนีไปไหน ก่อนจะถอนจุมพิตออกแล้วพุ่งตรงไปยังต้นคอขาว
ฝังเคี้ยวลงไปพร้อมกับออกแรงดูดเบาๆ อย่างเอาแต่ใจ
“คะ...คุณฮิบาริ...อ๊ะ!” เสียงร้องของโคลมทำให้เขาคลั่งกว่าเดิม
ฮิบาริไม่รู้ว่าเธอจะอยู่ที่นี่ไปได้อีกนานแค่ไหน นั่นทำให้เขาเริ่มรู้สึกเห็นแก่ตัว
ชายหนุ่มผละตัวออกจากเธอ ทอดมองคนตัวเล็กที่กำลังนั่งกระพริบตาปริบๆ ในอ้อมแขน
ก่อนจะคว้ามากอดไว้แน่น เขาไม่อยากคืนเธอให้กับไอ้หัวสับปะรดนั่นเลยจริงๆ “คะ...คุณฮิบาริ...”
“...”
“เอาชามั้ยคะ? เดี๋ยวฉันไปรินให้”
“ไม่...” เขาพึมพำแล้วกอดเธอแน่นกว่าเก่า
“ไม่ไปได้มั้ย...”
“คะ?” โคลมรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากำลังสั่น
ฮิบาริไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เขาไม่เคยแสดงด้านอ่อนแอให้เธอเห็น
และเธอก็ไม่เคยคิดว่าเขามีมุมนี้ด้วย มือเล็กเอื้อมไปลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ
อย่างอ่อนโยน โคลมเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยได้รับความอบอุ่นมากนัก แต่เธอกลับมอบความอบอุ่นให้คนอื่นได้เป็นอย่างดี
“ฉันไม่ได้จะไปไหนนี่คะ วันนี้ก็จะอยู่กับคุณฮิบาริทั้งวัน”
“...”
“นัดของคุณยามาโมโตะก็โทรยกเลิกไปแล้ว...”
“ไม่กลับอิตาลีได้มั้ย” เขาดันตัวเธอออกเพื่อสบตาอย่างตรงไปตรงมา
โคลมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำถามของชายหนุ่ม ไม่กลับอิตาลี...ก็หมายความว่าไม่กลับไปหามุคุโร่น่ะเหรอ
แต่นั่นเป็นสิ่งที่เธอเรียกร้องมาตลอดไม่ใช่รึไง
“...”
“...”
“...ไม่ได้ค่ะ” โคลมพูดเสียงเบา
แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น จริงอยู่ที่เธอรู้สึกดีกับฮิบาริ
แต่มุคุโร่คือโลกทั้งใบของเธอ จะให้เธอทิ้งผู้มีพระคุณแล้วหนีมาเสวยสุขอยู่คนเดียวแบบนี้
มันไม่ถูกต้องสักนิด แถมฮิบาริยังไม่ชอบมุคุโร่อีกต่างหาก
เธอไม่กล้าทรยศคนที่ช่วยชีวิตเธอหรอก “ฉันไม่กลับไปไม่ได้หรอกค่ะ”
“...” เป็นเวลานานที่ฮิบาริหลับตาลง
ราวกับว่าเขาต้องการจะหยุดเวลาไว้เพียงแค่ตอนนี้ เขาเข้าใจความรู้สึกของโคลมดีและเข้าใจในความสัมพันธ์อันน่าหงุดหงิดระหว่างเธอกับมุคุโร่ด้วย
เพียงแต่มันก็อดเคืองไม่ได้
ฮิบาริลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
เขาเดินออกไปจากห้องนี้โดยไม่ได้หันมาสบตาเธอเลยสักนิด
ซึ่งโคลมก็ไม่คิดจะรั้งเขาไว้ถ้านั่นจะทำให้ฮิบาริรู้สึกดีขึ้น และเธอคิดว่าเขาต้องการอยู่คนเดียวสักพัก
หญิงสาวเองก็กลับไปหมกตัวอยู่ในห้องเหมือนอาทิตย์แรกๆ
ที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่
โคลมใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการนอนดูวิวนอกหน้าต่างอยู่บนเตียงอย่างเลื่อนลอย
8 ชั่วโมงผ่านไป...
โคลมดันตัวขึ้นจากเตียงนอน
จำไม่ได้ว่าผล็อยหลับไปตั้งแต่ตอนไหน
แต่การได้หนีไปจากโลกแห่งความเป็นจริงก็ไม่เลวเหมือนกัน หญิงสาวเดินไปยังหน้าต่าง
ทอดมองพระอาทิตย์อัสดงที่กำลังลาลับขอบฟ้าไป
ดวงตาอะเมทิสต์ข้างเดียววูบไหวเล็กน้อย
เธอรู้สึกเหมือนกับว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้ยืนมองวิวจากหน้าต่างห้องนี้...ที่คฤหาสน์แห่งนี้
เวลาที่ผ่านไปเนิ่นนานอย่างไร้ความหมายทำให้โคลมคิดว่าฮิบาริคงดีขึ้นแล้ว
ดังนั้นเธอจึงเดินไปยังห้องส่วนตัวของเขา มันดูเป็นเขตหวงห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดยกเว้นเจ้านกสีขมิ้นและอาวุธกล่องของเขา
โคลมถือวิสาสะเลื่อนประตูออกอย่างแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้
ภายในห้องของฮิบาริตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ดูเรียบหรูไปในเวลาเดียวกัน
โคลมนึกว่าตัวเองหลุดมาอยู่ในหนังญี่ปุ่นโบราณอะไรเทือกนั้น
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เธอกำลังกังวลอยู่ตอนนี้ หัวใจดวงน้อยๆ กระตุกวูบเมื่อเปิดประตูมาแล้วพบกับความว่างเปล่า
คนที่เธอยากเจอที่สุดกลับไม่อยู่ในห้องของเขา
โคลมวิ่งลงไปยังชั้นล่างเพื่อมุ่งตรงไปที่ห้องทำงานของฮิบาริ
แต่มันก็เหมือนเช่นเคย เธอไม่พบเขาในห้องทำงานนั่น ร่างบางวิ่งไปทั่วคฤหาสน์ราวกับคนบ้า
โคลมหอบหายใจแรง ร่างกายของเธอไม่ได้สุขภาพดีนัก การวิ่งไปวิ่งมาแบบนี้ทำให้โคลมเหนื่อยง่าย
เสียงกุกกักบางอย่างที่ดังอยู่หน้าบ้านทำให้โคลมรีบวิ่งไปที่ประตู
เธอวิ่งไปเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หัวใจสูบฉีดเลือดด้วยความรวดเร็ว
ใบหน้านวลปรากฏรอยยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบัง ก่อนที่มือบางจะเอื้อมไปเลื่อนประตูเปิด
“คุณฮิบาริ...!” เธอเรียกชื่อเขาเสียงดัง
แต่คนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากลับไม่ใช่คนที่เธอกำลังเรียกหา ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง
ผิวขาวซีด ใบหน้าคม จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาข้างหนึ่งสีน้ำเงินเหมือนน้ำทะเล
ส่วนอีกข้างสีแดงสดมีตัวเลขภาษาจีนปรากฏอยู่ในนัยน์ตาข้างนั้น และทรงผมที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครยาวถึงกลางหลัง
เขาคือคนที่เธอเฝ้ารอมาโดยตลอด...
“...ท่านมุคุโร่” โคลมพึมพำชื่อของผู้ชายตรงหน้าแผ่วเบาราวกับคำกระซิบ
แต่ถึงกระนั้นรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาก็ไม่ได้จางหายไปไหน มุคุโร่คลี่ยิ้ม
เอ่ยทักทายหญิงสาวเสียงหวาน
“ไม่เจอกันนานเลยนะครับ...โคลมที่น่ารักของผม”
“ท่านมุคุโร่มาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ? หรือว่า...”
“ไม่ครับ ไม่ใช่ภาพมายา” มุคุโร่ส่ายหน้าอย่างรู้ทันว่าหญิงสาวจะเอ่ยอะไรออกมา
“ผมตัวจริงนี่แหละครับ” ไม่พูดเปล่า
มือหนาภายใต้ถุงมือสีดำเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าโคลมแผ่วเบา
สัมผัสจากมุคุโร่ทำให้น้ำตาแห่งความดีใจไหลอาบแก้มนวลทันทีทันใด
โคลมหลับตาลงเพื่อซึมซับสัมผัสของผู้ชายที่เธอเคารพรักกว่าสิ่งอื่นใดในโลก
มือบางเอื้อมไปแตะมือของเขาเบาๆ เพื่อให้แน่ใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่ภาพมายา
แต่คือมุคุโร่ตัวจริงเสียงจริง
“ท่านมุคุโร่...” โคลมเรียกชื่อมุคุโร่เสียงเบาหวิวเหมือนครางในลำคอ
“ไปครับโคลม ผมมารับคุณกลับ”
_____________________________________________
มาแล้วจ้าาาาา
หลังจาก feel good กันไปพักใหญ่
ก็ได้เวลาปู่เสื่อเข้าสู่ดราม่าแล้วเน้ออออ
ตอนนี้ก็ใช้เวลาแต่งไปสองวันเน้นๆ ค่ะ
เพราะตันแบบตันไม่ไหวแล้ววว
ไม่ใช่สมองนะคะ แต่หุ่นนี่แหละค่ะ ตันไม่ไหวแล้วววว T^T
ยังไงก็มาเม้นท์กันด้วยน้าาาา อยากอ่านนนนน
? cactus
ความคิดเห็น