ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Devil Tale เรื่องเล่าขานตำนานปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 : จุดเปลี่ยนแปลง

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 52




    Devil Tale เรื่องเล่าขานตำนานปีศาจ

    บทที่ 1: จุดเปลี่ยนแปลง

           คติประจำใจในหมู่โจร คือการขโมยเสียงของเด็กหนุ่มร่างสูงผมสีน้ำตาลเข้มเปรยขึ้นมาเรียบๆเหมือนจะทวนกฏประจำตำแหน่งก็ไม่ปาน เขากำลังยืนอยู่กลางตลาดที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่านและมองไปรอบๆด้วยนัยน์ตาสีเขียวมรกตเป็นประกายระริก

     

     

            ไหนแกบอกจะพามาเที่ยวตลาดไม่ใช่เหรอเสียงของเด็กหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ยขัดกลางคันอย่างไม่พอใจ เจ้าของเรือนผมสีดำดุจรัตติกาลมองหน้าเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มอย่างถามหาเหตุผล  

     

     

            เอาน่าๆ มันต้องหาอะไรตื่นเต้นทำกันบ้างเด็กหนุ่มตัวต้นคิดเอ่ยแก้ตัวอย่างขอไปที เป็นเหตุให้เด็กหนุ่มอีกคนกลอกตาขึ้นฟ้าพลางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย พูดแบบนี้ทีไรเขาเป็นต้องซวยไปกับความตื่นเต้นของมันทุกที นัยน์ตาสีแดงเหมือนจันทร์อาบเลือดเหลือบมองเพื่อนข้างกายที่ส่งยิ้มให้สาวๆไปทั่วราชอาณาจักร

     

     

            แล้วครั้งนี้จะขโมยอะไรอีกล่ะ ลอเรนซ์หวังว่าคงไม่ใช่หัวใจของสาวๆนะ ไม่อย่างนั้น...ฉันไม่ยอมช่วยนายขโมยแน่

     

     

             ลอเรนซ์ขยับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางกวาดสายตาหาเหยื่อที่กระเป๋าหนักพอที่จะเป็นค่าอาหารเย็นวันนี้และในวันต่อๆไปได้ ในขณะที่เดสทรอยก็ช่วยหมุนตัวสามร้อยหกสิบองศาหาด้วยเหมือนกัน เพื่อจะได้ไปจากตลาดแห่งนี้ให้พ้นๆเสียที แต่ก็แอบภาวนาอย่าให้ความซวยมาเยือนเขาเลย

     

     

              อ๊ะ! เจอแล้ว!!”ลอเรนซ์พูดเสียงดังราวกับกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะก่อการโจรกรรม เล่นเอาเดสทรอยรีบตะครุบปากมันแทบไม่ทัน ก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆไปให้อัศวินคนหนึ่งที่มองมาที่พวกเขาอย่างสงสัย

     

     

              แหะๆไม่มีอะไรขอบรับ พอดีเพื่อนผมมันเจอร้านอาหารที่ถูกใจน่ะขยับยิ้มให้อย่างสุดเท่ ก่อนจะลอบถอนหายใจเมื่ออัศวินนายนั้นเดินไปไกลแล้ เขาจึงค่อยๆปล่อยมือจากปากของไอ้เพื่อนบ้าที่ดิ้นพราดๆกลัวไม่ได้อากาศหายใจ

     

     

             กลัวเขาไม่รู้รึไงฟะว่าพวกเราคิดจะปล้นเดสทรอยแยกเขี้ยวขาวราวกับลิงโมโห คนผิดหัวเราะนิดหน่อยพลางเกาหัวแก้เขิน แล้วเจ้าตัวก็หันไปหาเป้าหมายที่กำลังเดินอยู่ เป็นเหตุให้เดสทรอยมองตามด้วยอีกคน

     

     

          เฮ้ย! อันตรายถึงตายเชียวนะโว้ยเดสทรอบโวยวายด้วยความรักตัวเองอย่างสุดแสน เมื่อมองเห็นคุณพี่ล่ำบึ้กอกสามศอกคนหนึ่งที่หน้าตายิ่งกว่าโจร มีรอยสักลายมักรพันรอบแขน ใบหน้าคล้ำมีรอยแผลเป็นเต็มหน้า ชวนให้เสียวสันหลังว่าพี่แกอาจจะเป็นโจรห้าร้อยตัวจริงเสียงจริง

     

     

          ผัวะ!

     

     

         และลอเรนซ์ก็ตอบแทนด้วยการตบหัวเขาทันที นัยน์ตาสีเขียวมรกตของมองเพื่อนอย่างเอือมระอาก่อนจะคล้องคอเด็กหนุ่มชี้ชวนให้ดูถุงเงินที่ห้อยอยู่ตรงเอวด้านขวาของพี่แกทันที

     

     

        แกตาบอดรึเปล่าวะเดธ นั่นอาจจะมีเงินซักห้าพันเหรียญทองเชียวนะว้อยเรียกชื่อเพื่อนอย่างสนิทสนมพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์หรือกระหายเงินมิทราบได้ไปหาถุงเงินถุงนั้น เป็นเหตุให้เด็กหนุ่มกลอกตาขึ้นฟ้าก่อนจะจัดการเอามือมันออกจากคอทันที

     

     

          ไม่เอาด้วยหรอกเฟ้ย งานนี้ขืนเข้าไปมีหวัง...เดสทรอยยกนิ้วปาดคอตัวเอง ซึ่งลอเรนซ์ก็เอาแต่หัวเราะร่วนก่อนจะเสยผมขึ้น เรือนผมสีน้ำตาลเข้มเงางามรับกับใบหน้าหล่อเหลา เป็นเหตุให้สาวๆทุกคนต้องหันมามองตาเป็นมัน

     

     

          หึๆ รู้ไหมฉันอยากจะบอกแกอย่างหนึ่งแล้วเขาก็มองเดสทรอยด้วยสีหน้ากวนประสาทพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างท้าทาย เล่นเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกกับสีหน้าของเพื่อนรัก

     

     

          ขี้ขลาดว่ะ ไอ้คุณชายเดสทรอย

     

     

         เท่านั้นแหละ...คนที่รักศักดิ์ศรียิ่งกว่าสิ่งใดๆตามนิสัยของลูกผู้ชายถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ  ก่อนที่ท่าทางอึ้งกิมกี่จะแปรเปลี่ยนไปเป็นความโกรธโดยฉับพลัน หารู้ไม่ว่าคนท้ากลับลอบยิ้มอย่างพึงพอใจ

     

     

          ก็ได้! เรื่องแค่นี้คิดว่าฉันทำไม่ได้หรือไง กะอีแค่ขโมยถุงเงินนั่นจะไปยากแค่ไหนกันเชียวเดสทรอยเลิกแขนเสื้อขึ้นพลางย่างสามขุมไปที่คุณพี่ล่ำบึ้กอย่างไม่กลัวตาย โดยมีลอเรนซ์ตะโกนให้กำลังใจอยู่ห่างๆ

     

     

            สู้ๆเข้านะเพื่อนยาก ฉันจะคอยดูต้นทางให้เจ้าเองนะลอเรนซ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ พอพ้นสายตาเพื่อนยาก เขาก็เริ่มสอดส่ายสายตามองไปรอบๆบริเวณ ก่อนที่จะสะดุดตากับสาวน้อยคนหนึ่งที่เดินมาจ่ายตลาด

     

     

             เดสทรอยจ้องเหยื่อกระเป๋าหนักเขม็ง นึกแปลกใจตัวเองอยู่ไม่น้อยว่าทำไมต้องคล้อยตามไปกับคำพูดท้าทายนั่นด้วย คิดพลางสะบัดศีรษะสองสามทีเรียกสติกลับคืนมาก่อนจะนึกวางแผน

     

     

            ...เดินเข้าไปใกล้ๆ แกล้งชนอย่างเบสิคง่ายดาย ดึงถุงเงินมาก่อนที่เจ้าของจะรู้ตัว แล้วสวมวิญญาณเนียนเดินกลับไปหาไอ้ลอเรนซ์...

     

     

           เดสทรอยค่อยๆเดินเบียดเสียดไปกับฝูงชนเพื่อสร้างความคุ้นเคย เมื่อเดินผ่านเข้าไปใกล้เป้าหมาย เขาก็เริ่มมองหาลู่ทางที่จะเข้าไปชนแบบไม่ให้สงสัย เด็กหนุ่มกัดฟันอย่างเจ็บใจเมื่อมองไม่เห็นหนทางที่จะเป็นไปได้ เพราะเหยื่อกำลังเดินผ่านร้านขายผลไม้พอดี คนขายย่อมต้องเห็นเขาเวลาขโมยแน่นอน

     

     

             เอ...เอายังไงดีหว่า เดสทรอยนั่งลงกุมขมับอยู่กลางถนนอย่างจนปัญญา ก็เขามันไม่ใช่ไอ้ลอเรนซ์จอมเจ้าเล่ห์นี่นาถึงจะได้มีแผนร้อยแปดพันเก้า เขาเป็นแค่ผู้ช่วยในการขโมยแต่ละครั้งของมัน และคนที่ซวยก็มักเป็นเขาทุกทีเลยเชียว ให้ตายสิ!

     

     

             เฮ้ย! ระวัง!!”

     

     

              แอ้ก!”

     

     

             โครม!!!!

     

     

             เสียงร้องเตือนของใครบางคนดังลั่น แต่เดสทรอยกลับมึนงงไปชั่วขณะ และระหว่างที่กำลังประมวลข้อมูลผ่านสมองน้อยๆ รถขนผักที่กำลังไหลมาตามไหล่ทางก็พุ่งเข้ากระแทกกลางหลังคนประสาทช้าอย่างแรง เป็นเหตุให้เดสทรอยกระเด็นแอ้กไปกระแทกแผ่นหลังของคุณพี่ล่ำบึ้กจนล้มหน้าคะมำจูบพื้นถนน

     

     

             เท่านั้นยังไม่พอ ร่างกายยังนำพาให้เขากลิ้งหลุนๆไถลลงไปตามเนินถนนพร้อมๆกับเหยื่อที่ถูกบ่วงความซวยไปกับเขาด้วย และเขากับเหยื่อหน้าเถื่อนก็ยังอุตส่าห์เกลือกกลิ้งอย่างเป็นจังหวะสามช่า ผ่านร้านขายไหมพรมที่มีอาม่านั่งมองอย่างละเหี่ยใจ ก่อนจะโชว์ปิดท้ายด้วยการกลิ้งสะดุดก้อนหินกระเด็นข้ามหลังคารถม้าไปอย่างงดงาม จนเด็กที่นั่งอยู่ในรถต้องมองตามพลางถามแม่

     

     

               แม่ฮะๆพี่ชายเขาทำอะไรกันเหรอฮะเด็กน้อยชี้มือไปที่เด็กหนุ่มที่กำลังลอยข้ามหลังคารถอย่างสโลว์โมชั่น คนเป็นแม่ก็ได้แต่ทำหน้ากระอักกระอ่วนใจเหลือเกินที่จะบอก ก่อนจะลูบหัวลูกเบาๆอย่างเอ็นดู

     

     

              พี่เขากำลังแสดงกายกรรมอยู่จ๊ะ

     

     

               โครม!!

     

     

               พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างกายกรรมทั้งสองก็พุ่งเข้าชนที่ร้านขายไหและเครื่องลายครามเบริเวณนั้นเสียงดังสนั่น เสียงข้าวของแตกกระจายดังมาเป็นทอดๆ ก่อนจะตามด้วยเสียงถ้วยน้ำจิ้มที่ตกใส่หัวของผู้เคราะห์ร้ายดังเพล้ง เดสทรอยส่ายหัวอย่างมึนๆก่อนจะหันไปมองคู่กรณีที่นอนคอพับอยู่ในโอ่งลายมังกรหน้าตาน่าเกลียด

     

     

               ...โดยมีถุงเงินที่ห้อยตรงเอวขวาแลบออกมาให้เห็น...

     

     

              เดสทรอยค่อยๆประคองตัวเดินโงนเงนเข้าไปหาเป้าหมาย กระตุกถุงเงินตรงเอวขวาออกมาอย่างชำนาญด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาตั้งแต่เด็ก กระตุกยิ้มเล็กน้อยให้กับความสำเร็จก่อนจะหน้าเบี้ยวเมื่อรู้สึกเจ็บตรงแผล

     

     

              ขโมย! ขโมย!”

     

     

               เสียงผู้คนแถวนั้นตะโกนโหวกเหวก เดสทรอยสะดุ้งโหยงก่อนจะทำหน้าเหยเก อยู่ไม่ได้แล้วสิเรา คิดพลางใส่เกียร์เตรียมเผ่นแน่บ แต่แล้วกลับรู้สึกเหมือนมีใครสักคนตะครุบถุงเงินในมือไปทันควัน

     

     

               ฉันรับช่วงต่อเองนะเดธเสียงของใครบางคนที่ทำเอาเขาอ้าปากค้าง ตาเหลือกถลนมองไอ้คนที่ตะครุบเงินเขาไปอย่างง่ายดายเหลือเกิน ลอเรนซ์ฉีกยิ้มกว้างให้เขาก่อนจะทำหน้าเหวอสุดขีด

     

     

              เดสทรอย! เผ่นสิโว้ยไอ้บ้า! เผ่นสิเดธ เผ่นเร็ว!”

     

     

              เดสทรอยทำหน้าเอ๋อประมาณว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่จะเข้าใจในความหมายที่ลอเรนซ์บอก เมื่อทหารรักษาความปลอดภัยของเมืองปีศาจกรูกันเข้ามาถึงที่มาเรียบร้อย แถมกระจายกำลังกันปิดล้อมพร้อมจับหัวขโมยผู้กล้าหาญขโมยเงินกันกลางวันแสกๆ

     

     

              ซวยแล้วไง...พูดพลางกลืนน้ำลายเอื้อกมองหาตัวช่วยอย่างเร่งด่วน แต่กลับต้องตะลึงจนพูดไม่ออกเมื่อตัวช่วยเผ่นหายวับไปกับสายลมสมกับที่เป็นขโมย โดยทิ้งให้เขายืนอยู่ท่ามกลางทหารเป็นกองทัพที่พร้อมจะเสียบหอกทะลุปอดของเขาได้ทุกเวลา

     

     

              หยุด! เราล้อมไว้หมดแล้ว!”

     

     

              นั่นไง...และความซวยก็ตกเป็นของเขาอีกแล้ว

     

     

    *************************************************

     

            สำนักงานใหญ่ของทางการโลกปีศาจ เป็นที่สำหรับพิจารณาโทษของผู้กระทำความผิดอันขัดต่อความสงบสุขของเมืองหลวง ซึ่งจะมีหน่วยงานรักษาความสงบที่ข้าคุ้นหน้าคุ้นตาดีมาคอยรับผิดชอบ พูดง่ายๆที่นี่ก็เปรียบเสมือนโรงพักดีๆนี่เอง มีทั้งอัศวิน ทั้งกองทหาร ทั้งผู้คุมกฏ แล้วแต่ว่าคุณจะชอบการตัดสินและลงโทษสไตล์ไหน คนพวกนี้จะจัดให้คุณแบบที่คุณไม่ทันได้เอ่ยปากว่าข้าถูกปรักปรำกันเลยทีเดียว

     

     

            และข้าก็กำลังจะทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน...

     

     

           ช่วยด้วย ! ข้าถูกปรักปรำ!”ข้าตะโกนเรียกร้องความสนใจจากไอ้ทหารที่ลากคอผมเข้ามา ดีใจไม่น้อยที่ตัวเองงทำสำเร็จ เพราะคนทั้งสำนักงานหันมามองข้าเป็นตาเดียว

     

     

            ไอ้หมอนี่อีกแล้วเหรอผู้คุมกฏคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานเหลือบมองข้าอย่างเบื่อหน่าย แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเบื่อเพราะมันเจอหน้าข้าเป็นรอบที่ยี่สิบแล้วครับท่านผู้ชม...

     

     

             ขอรับท่านมอร์แกนทหารที่ถือกุญแจมือข้าขานรับเสียงแข็งขัน พูดตามตรงนะ โจรก็มีแค่ข้าคนเดียวกลับแห่ไปจับกันเป็นกองทัพอย่างกับจะไปจับมังกร เล่นเอาข้าตกใจขวัญหนีบินหายไปกับท้องฟ้าแน่ะ

     

     

             ชิ! ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้จับ ลอเรนซ์ เดอะ ทีฟไม่ใช่ไอ้กระจอกนี่!”พี่แกโวยวายลั่นสำนักงานพลางปาบุหรี่ในมือทิ้งอย่างหัวเสีย ฮึก! ขนหน้าแข้งเริ่มตั้ง ข้าไม่ได้กระจอกซักหน่อย ไอ้คุณพี่หัวทุ่งหมาหลง อ๊ากกก! อยากจะซัดหน้าผู้คุมกฏที่นี่แล้วโว้ย!

     

     

              ...แล้วข้าก็สนองด้วยการขยับยืนข้างๆอีกนิดหนึ่งทันที...

     

     

             ขอโทษครับท่าน เพราะว่าเดอะ ทีฟมาครั้งนี้ใช้ผู้ช่วยเป็นตัวล่อ ทำให้พวกเราพลาดไปขอรับเชอะ พูดถึงข้าทีไรก็ตัวช่วยๆ เอ่อน่ะสิ ข้ามันไม่ชั่วร้ายเลวทรามเท่าไอ้ลอเรนซ์มันนี่นา เที่ยวขโมยของชาวบ้านไปทั่ว ตอนนี้คงแอบไปสอยกางเกงในสาวๆอยู่ล่ะสิท่า

     

     

               ไอ้หัวขโมยลามกโรคจิต!!

     

     

               แย่จริง! รู้บ้างไหมว่าถ้าเรายังจับเดอะ ทีฟ ไม่ได้ เราก็ต้องเพิ่มค่าหัวของมันอีกสองเท่านะผู้คุมกฏกุมขมับอย่างปวดหัว ในขณะที่ข้าอ้าปากค้าง อะไรนะ! ค่าหัวไอ้ลอเรนซ์เพิ่มขึ้นอย่างนั้นเหรอ

     

     

               ข้ารีบหันควับไปมองกำแพงอีกด้านของสำนักงาน ที่มีป้ายประกาศจับมากมายเรียงรายกันเป็นแถวสูงต่ำตามราคาค่าตัวของแต่ละบุคคล วินาทีนั้นข้าเดินพรวดเดียวไปเกาะติดป้ายแผ่นหนึ่งตาเหลือก มันเป็นสิ่งที่ทำให้คิ้วข้ากระตุกเป็นช่วงๆ...

     

     

              ภาพใบหน้าของลอเรนซ์ถูกวาดอย่างสมจริงไม่ผิดเพี้ยน เรียงตั้งแต่มันอายุแค่แปดขวบจนกระทั่งตอนนี้ราวกับภาพเกียรติยศของท่านนายพลก็ไม่ปาน มีทุกท่วงท่า มีทุกสีหน้า และมีทุกราคาที่ดูเหมือนจะขยับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามช่วงอายุ...และคดีความที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

     

     

              ลอเรนซ์ เดอะ ทีฟ หัวขโมยผู้ขโมยได้ทุกอย่าง คนชั่วอย่างมันอาจสร้างความเดือดร้อนให้เราในอนาคต โปรดให้ความร่วมมือ...

     

     

              ห้าหมื่นเหรียญทองจากหน่วยรักษาความสงบ จะเป็นของท่านทันทีหากจับตัวมันมาได้ ไม่ว่าจับเป็นหรือจับตาย...

     

     

               ลมพัดหวีดหวิวดังเข้ามาในสำนักงาน ปลายนิ้วเย็นเฉียบของข้าเลื่อนไปตามประกาศต่างๆก่อนจะพบรูปตัวเองในปัจจุบัน ให้ตายเหอะ! ทำไมค่าหัวของข้ามันแค่สามพันเหรียญทองวะ ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ทั้งๆที่ข้าเป็นคนช่วยมันขโมยทุกครั้งนะเฮ้ย

     

     

              ย้ากกก!!”แผ่นป้ายประกาศใหม่ล่าสุดของลอเรนซ์ถูกข้าฉีกกระชากยับไม่เหลือชิ้นดี ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของคนทั้งสำนักงาน แง่งๆบังอาจเด่นเกินหน้าเกินตาข้าได้ หนีกลับไปได้เมื่อไหร่ข้าจะฟันไอ้น้องชายสุดรักสุดหวงแกทิ้งซะ แล้วเอาไปโยนให้เป็ดกิน ฮ่าๆๆ

     

     

                หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้นะ เห็นบ้านเมืองไม่มีเขื่อมีแปหรือไง โป๊ก!”ข้าโซเซหงายหลังตึงไปทันทีหลังจากเสียงโป๊กดังขึ้น โอย~ เจ็บชะมัด กระบองเงินน่ะตีเบาๆไม่เป็นหรือไง หัวคนนะไม่ใช่หัวเป็ด ข้าบ่นพึมพำในใจเพราะไม่อยากโดนตีกบาลรอบสอง งึมงำๆ

     

     

                ขโมยของแล้วยังทำความเสียหายอีกต่างหาก จับมันไปขังคุก!!”

     

     

                 และนั่นก็เป็นคำประกาศิตลิขิตชะตาข้า...

     

     

                ที่ข้าไม่มีวันยอมหรอก!!

     

     

               บุกโว้ยยย!!”ข้าตะโกนเหมือนคนจะไปรบก่อนจะจับคุณพี่ทหารที่คล้องกุญแจมือข้าทุ่มลงกับพื้นสุดแรงเกิด เสียงกระอักเลือดของคนต่อมาที่ถูกข้าหมุนตัวเตะก้านคอจนพุ่งไปชนกำแพงเสียงดังสนั่น พร้อมๆกับเหวี่ยงหมัดไปอัดทหารอีกคนที่เซ่อซ่าวิ่งเข้ามาหาข้าอย่างไม่กลัวตาย

     

     

                ย้ากกก!! เจ๊สั่งลุย!”กำปั้นเหล็กถูกเสยเข้าที่คางของทหารที่หมายมาดจะฟาดกระบองเงินใส่ข้า หึๆแต่ขอบอกไว้นะว่าไม่มีรอบสอง เพราะตอนนี้สัญชาตญาณการหนีเอาตัวรอดสั่งข้าให้เตะต่อยได้เต็มที่เสียแล้ว

     

     

               อย่าไปกลัว เอาอาวุธออกมาใช้ได้เลย!”อีตาลุงคาบบุหรี่ตะโกนสั่งพวกทหารให้แห่กันมาหาข้าพร้อมกับดาบในมือ โอ้ว! นี่แสดงว่าข้ากำลังจะได้เพิ่มค่าหัวในไม่ช้าใช่ไหม ซึ้งใจสุดไปเลยพระเจ้า ซิกๆ

     

     

               หึๆ คิดจะเอาจริงแน่เลยข้าถามเสียงยียวน ส่งผลให้เจ้าพวกนั้นเกิดอาการหมั่นไส้ข้าเข้าไปใหญ่จนตัดใจทิ้งดาบมาเปลี่ยนเป็นปืนแทน แหม...ชอบเล่นกระสุนก็ไม่บอก วันหลังข้าจะหาเป้ามาให้ยิงนะ

     

     

               นั้น...ข้าเสยผมสีดำดุจรัตติกาลที่ชุ่มเหงื่อขึ้น เป็นเหตุให้นัยน์ตาสีแดงเหมือนจันทร์อาบเลือดของข้าปรากฏสู่สายตาประชาชน ไม่รู้ว่ามันน่ากลัวอย่างไร เพราะเจ้าพวกนี้สะดุ้งเฮือกไปอย่างกับเจอผี ยืนขาสั่นท่องโอมนะจังงังกันยกใหญ่

     

     

               ข้าจะซัดไม่เว้นวรรคะเลยละกัน!”

     

     

               ทันทีที่ข้าพูดจบ เสียงอาวุธกระทบกันและเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็ได้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนคนที่จะเข้ามาติดต่อสำนักงานถึงกับเผ่นหนีเอาชีวิตรอด บัดนี้สำนักงานรักษาความสงบแห่งโลกปีศาจกำลังโดนข้าพังราบ ข้าแสยะยิ้มอย่างสะใจเมื่อร่างของทหาร ผู้คุมกฏ หรือแม้แต่กระทั่งอัศวินถูกข้าเตะต่อยจนลงไปนอนดาวดิ้นที่พื้นเหมือนแมลงโดนยาฉีดกระป๋องอานุภาพสูง

     

     

               ชั่วพริบตาเดียว...ข้าก็ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงกองทหารที่กำลังนอนโอดครวญอยู่กับพื้นด้วยความจ็บปวด สายลมจากทางหน้าต่างพัดโชยจนผ้าคลุมของข้าปลิวไสวพร้อมกับแสงสีทองเป็นประกายที่ส่องมากระทบบนตัวข้า อา...มันช่างให้ความรู้สึกว่าข้าเกิดมาเพื่อผู้ยิ่งใหญ่เสียจริงๆ

     

     

              อึก...แกเป็นใครกันแน่อีตาลุงคาบบุหรี่ที่นอนวัดพื้นกระอักเลือดถามผมอย่างยากเย็น อ้าว! นี่ผมลืมแนะนำตัวไปหรือนี่ ผมเขกกบาลทำโทษตัวเองไปหนึ่งทีก่อนจะกระแอมเสียงหล่อๆตอบ

     

     

               ชื่อของข้าน่ะหรือ หึๆ แน่นอนว่าใครได้ยินเป็นต้องขยาดกลัว เพราะข้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนปีศาจ อนาคตนักดาบผู้เก่งที่สุดในโลก ถึงแม้เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ลักขโมยเลี้ยงชีพไปวันๆ แต่ข้าไม่ได้เป็นแค่คู่หูของลอเรนซ์ เดอะ ทีฟ แต่ข้ายังเป็น...เอ่อ...ยังเป็น

     

     

                เอ่อ...ตกลงว่าแกเป็นใครเหรอ

     

     

                 โว้ย! อย่าขัดสิวะ คนกำลังคิดอยู่ว่าตัวเองจะเป็นอะไรดีข้าตวาดใส่อีตาลุงอย่างหัวเสียพลางตบเหม่งลุงแกไปหนึ่งที ก่อนจะหันมาจับคางคิดต่อ เมื่อตะกี้เสียสมาธิไปเพียงเล็กน้อย ตอนนี้ข้าปิ๊งไอเดียแล้วว่าข้าเป็นอะไร

     

     

               ใช่แล้ว! แต่ข้ายังเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกรแห่งกองทัพปีศาจนาม เดสทรอย เดอะ บะละเฮิ่มจึ๊กกะดึ๋ย ย้ากกกก!!”

     

     

               ข้าแสดงท่าแปลงร่างเป็นแม่ทัพแบบโจ๋เรนเจอร์ให้เจ้าพวกนั้นประจักษ์แก่สายตา เล่นเอาพวกทหารทำตาโตเท่าไข่ห่านระเบิดเถิดเทิงน้ำตากันออกมาเสียยกใหญ่ เป็นยังไงล่ะ! รู้สึกซาบซึ้งใช่ไหมล่ะที่ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้า เอ...แต่คิดไปคิดมาสายตาแบบนั้นมันเหมือนคนอยากผูกคอตายมากกว่านะ

     

             

               แหม...แย่งตำแหน่งข้าแบบนี้ไม่นึกละอายใจบ้างหรือ!?

     

     

               ตึง!!

     

     

             ยังไม่ทันที่ข้าจะหันไปมองเจ้าของเสียงที่หล่อกว่าข้าเป็นสิบเท่า ข้าก็ต้องล้มลงไปทันทีเหมือนมีพลังบางอย่างกดหัวของข้าเอาไว้ ก่อนที่มันจะจับข้ากระแทกกับพื้นหลายครั้งหลายคราจนข้ารู้สึกสะเทือนไปถึงดวงดาว โอ๊ย! และพอมันโขกกบาลข้ากับพื้นจนหนำใจ ข้าก็กัดฟันหันไปมองผู้กระทำด้วยใบหน้าอาบเลือด

     

     

              โอย...เหมือนเห็นจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่มาเยือนอยู่ตรงหน้า รัศมีอันสง่างามที่เปล่งประกายเจิดจ้าราวกับไม่ใช่คนธรรมดากระแทกตาข้าผู้ต่ำต้อยอย่างจัง สูงส่งจนไม่กล้าเข้าไปเทียบเทียม ที่สำคัญแรงกดดันจากนัยน์ตาสีดำคมดุดันคู่นั้นทำให้ข้าเปลี่ยนใจรีบหันหน้ากลับมาแทบไม่ทัน

     

     

              ชายหนุ่มคนนั้นมีใบหน้าเย็นชา...จนข้าอยากจะหาแสงอาทิตย์มาส่องหน้าซักหน่อย แต่ก็จัดว่าหล่อจนสามารถทำให้หญิงสาวคลั่งไคล้ไปได้ค่อนเมือง เส้นผมเป็นสีดำสนิทตามแบบฉบับปีศาจ นัยน์ตาสีดำจ้องมองมาที่ข้าจนรู้สึกหนาวสันหลัง กล้ามเนื้อแข็งแรงบนร่างสูงโปร่งของชายคนนั้นทำให้เขาดูทะมัดทะแมงเหมือนนักรบ ผิวขาวกระจ่างดุจหิมะ ริมฝีปากเรียบสนิทเท่กระชากใจ แลดูแข็งแกร่งดุจอัศวินที่ผ่านสมรภูมิมาโชกโชน...

     

     

              เอื้อก! ข้าสู้ความหล่อของพี่แกไม่ได้ อ๊ากกก!

     

     

             ท่านไคนอส!! ช่วยพวกเราด้วยขอรับ!”เจ้าพวกขี้ขลาดทั้งหลายหันไปหมอบกราบหมอนั่นทันที อะไรนะ! ไคนอสอย่างนั้นเหรอ เฮ้ย! ใจเย็นๆก่อนสิเดสทรอย อาจจะไม่ใช่ไคนอส อัลเทอเรียส แม่ทัพแห่งโลกปีศาจก็เป็นได้...

     

     

             ถ้าหากว่าตอนนี้พี่แกไม่ได้สวมเครื่องแบบทางการทหารระดับสูง...ไม่ได้มีสีหน้าเย็นยะเยือกตามคำเล่าลือ...ไม่ได้มีรอยแผลเป็นจางๆเหนือหัวคิ้วขวาอย่างที่ควรจะเป็น...และก็ไม่ใช่ยอดบุรุษที่เก่งกาจทั้งทางยุทธ์และทางเวทย์จนได้รับการขนานนามว่าเป็นลูกชายของซาตาน

     

     

            เอ่อ...ข้าว่าข้ามาเจอคู่ต่อสู้ผิดคนแล้วล่ะ

     

     

            เจ้าเองรึ ที่เป็นหัวขโมยแห่งโลกปีศาจอ๊ากกก! อย่าดึงผมกันสิพี่ชาย แค่นี้หนังหัวข้าก็จะหลุดอยู่แล้วนะ ข้าถูกบังคับให้มองหน้าพี่แกอย่างช่วยไม่ได้ นัยน์ตาสีดำส่อแววคาดคั้นข้าอย่างเต็มที่...ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ข้ากลัวจนขาสั่นแล้วนะ

     

     

            ไม่ใช่ขอรับท่าน คนๆนี้เป็นแค่ผู้ช่วยติงต๊องของเจ้าหัวขโมยมันขอรับแว้กก! ข้าไม่ได้ติงต๊องนะ เดี๋ยวงับหัวหลุดเลยไอ้ทหารนี่ ข้าหันไปมองไอ้คุณทหารตาเขียวปั๊ดประมาณว่าถ้าไม่หุบปากเดี๋ยวพ่อกัด ก่อนจะถูกกระชากหน้าให้หันกลับมาสบตากับผู้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง

     

     

             อย่างนั้นเหรอเอื้อก! อย่าทำสีหน้าเย็นชาอย่างนั้นสิพี่ชายครับ แค่นี้ข้าก็จะแข็งไปทั้งตัวอยู่แล้วนะ ข้ากลั้นใจจ้องหน้าพี่ชายคนนั้นกลับไปอย่างกล้าหาญ ก่อนพี่ชายคนนั้นจะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อได้จ้องหน้าข้าแบบชัดๆ

     

     

            ในขณะที่ข้ายิ้มกลับไปเพื่อแสดงความเป็นมิตร...ที่แม้แต่ตัวข้าเองยังคิดว่ามันปัญญาอ่อนเป็นที่สุด...

     

     

            หึ...ตายยากจริงๆนะแวบหนึ่งที่นัยน์ตาคู่นั้นคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปเข้มแข็งดุดันใหม่อีกครั้ง แล้วพี่ท่านก็หันไปสั่งพวกทหารเสียงดังฟังชัดชิดที่ข้าตาค้างยกกำลังสอง

     

     

            เอาตัวมันไปขังไว้ที่คุกใต้ดิน!!”

     

     

            อะ...อะไรนะ! ข้าเพิ่งได้พบหน้าท่านเป็นครั้งแรกนะพี่ชาย ไม่คิดจะรับข้าไปเป็นคนรับใช้ส่วนตัวบ้างหรือ!?”ข้าเริ่มใช้แผนการแหลขั้นเทพแบบไอ้ลอเรนซ์ แสร้งทำหน้าอ้อนวอนสุดฤทธิ์สุดเดช ตามแบบฉบับมารยาชายล้านเล่มเกวียนที่ไอ้ลอเรนซ์สอนให้หมดไส้หมดพุง

     

     

            หึ...น่าอายจริงนะ ทั้งๆที่เจ้ามีฝีมือเก่งกาจออกซะขนาดนี้ แต่คนเลวก็ยังเป็นคนเลวอยู่วันยันค่ำ ไม่มีทางจะเปลี่ยนสันดานมาเป็นคนดีได้หรอก หมาขี้เรื้อนจงหุบปากไปซะ...

     

     

            ข้าอ้าปากค้างตะลึงงันไปในบัดดลหลังจากที่พี่ชายคนนั้นพูดจบ คำพูดแต่ละคำชัดเจนราวกับพระราชาให้โอวาทประชาชนก็ไม่ปาน แต่กลับแสบลึกปถึงทรวงในจนบังเกิดความหมั่นไส้ขึ้นมาในไม้ช้า ในขณะที่ข้าถูกทหารหิ้วออกไปจากสำนักงานจนห่างพี่ชายคนนั้นไปเรื่อยๆ

     

     

            กร๊าซซซ!! คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน คิดว่าเป็นแม่ทัพแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ คอยดู! สักวันข้าจะทำให้ท่านยอมรับในตัวข้าให้ได้ ยอมรับในสิ่งที่ข้าเป็น และข้าก็จะทำให้ได้ด้วย!”

     

     

           ข้าโวยวายลั่นวาจาจนกระทั่งโดนทหารแบกขึ้นรถม้าไป แม้จะยังไม่รู้ว่าข้าจะเป็นอะไรในอนาคต แต่ข้ามั่นใจว่าจะต้องยิ่งใหญ่กว่าไอ้คุณท่านไคนอสอย่างแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์!!

     

     

          ...แม่ทัพหนุ่มยืนมองเดสทรอยที่โหวกเหวกโวยวายต่อยกับทหารในรถม้าไปจนลับสายตา นัยน์ตาสีดำทอดมองไปไกลราวกับห้วงความคิดกำลังนึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะมาเยือน ก่อนที่นัยน์ตาคู่นั้นจะหลุบลงจนหลับตาไปในที่สุด มือหนากำแน่นจนเส้นเลือดบนกล้ามเนื้อปูดโปน ก่อนจะทุบกำปั้นเข้ากับข้างกำแพงจนสำนักงานสั่นสะเทือนแทบถล่มทลายเป็นหนที่สอง...

     

     

           เอ่อ...ท่านไคนอสครับ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับนายทหารคนหนึ่งเข้ามาถามอย่างห่วงใย แต่แล้วก็ต้องตกใจแทบสะดุ้งเมื่อนัยน์ตาดุดันคู่นั้นหันมามอง น่ากลัวจนแทบเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะปรับสีหน้าให้เย็นชาเป็นปกติ

     

     

            ไม่เป็นอะไรหรอก แค่...หงุดหงิดนิดหน่อยชายหนุ่มตอบ ลอบถอนหายใจเบาๆอย่างหนักใจ แม้ว่าชายตรงหน้าจะมีอายุเพียง 21 ปี ซึ่งหน้าละอ่อนกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ด้วยความสามารถที่เก่งกาจจนได้เป็นถึงแม่ทัพแห่งกองพันปีศาจ ทำให้อดไม่ได้ที่จะเรียกอย่างสมเกียรติว่าท่าน

     

     

            ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วขอรับ พวกข้าตกใจกันแทบแย่ นึกว่าเจ้าเด็กจรจัดนั่นจะทำให้ท่าน...

     

     

           ข้ายังไม่ได้สั่งให้เจ้าพูด!”สิ้นเสียงตวาด แรงกดดันมหาศาลก็พุ่งเข้าใส่ทหารคนนั้นอย่างรุนแรงจนกระเด็นล้มลงไปกับพื้น ท่ามกลางความตกใจของหลายๆคนที่ไม่คาดคิดว่าท่านแม่ทัพจะเกรี้ยวกราดขนาดนี้

     

     

              ขะ...ขอโทษครับ ท่านไคนอสนายทหารคนนั้นลุกขึ้นยืนตัวตรงเอ่ยคำขอโทษเสียงดังฟังชัด ให้นัยน์ตาดุดันคลายความโกรธลงมาบ้าง ก่อนที่ผู้คุมกฏคนหนึ่งจะเอ่ยถามขึ้นเพื่อคลายความตึงเครียดที่เกาะตัวหนาแน่นในบรรยากาศของสำนักงาน

     

     

            เอ่อ...ไม่ทราบว่าท่านไคนอสมีธุระอะไรหรือขอรับ ถึงได้มาเยือนสำนักงานรีบร้อนนักผู้คุมกฏเอ่ยอย่างนอบน้อม พยายามที่จะไม่หลุดปากไปว่าเมื่อสักครู่มีคำสั่งมาจากพระราชาว่าถ้าท่านไคนอสยังเดินทางมาไม่ถึงจะจัดการริบเบี้ยเลี้ยงเดือนนี้ทั้งเดือนให้ได้

     

     

            ...ช่างเป็นพระราชาที่ไม่สมกับเป็นราชาเอาเสียเลย เอาแต่ใจชะมัด ผู้คุมกฏคนนั้นคิดในใจ ก่อนที่ท่านไคนอสจะเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเท่บาดใจ จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขาเป็นผู้หญิงคงได้กรี๊ดกร๊าดบ้านแตกไปนานแล้ว             

     

     

             อ๋อ! ธุระน่ะเหรอแม่ทัพคนสำคัญแห่งโลกปีศาจพูดพร้อมกับดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะวางไปบนโต๊ะโดยที่กองทหารทั้งหมดพากันเงียบกริบทันทีเมื่อเห็นข้อความบนแผ่นกระดาษ

     

     

             มันเป็นประกาศรับสมัครองครักษ์ของเจ้าหญิงคนสำคัญแห่งโลกปีศาจที่ใครๆต่างก็รู้กิติศัพท์ของเธอเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเย็นชาเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็งยิ่งกว่าคนตรงหน้าแล้ว จิตใจยังแฝงไปด้วยความเคียดแค้นเกลัยดชังบางอย่างจนไม่อาจเป็นมิตรกับใครได้ เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ได้มาเป็นองครักษ์ของเจ้าหล่อน...

     

     

             ...อยู่ไม่ถึงสามวันก็เผ่นกลับบ้านเกิดกันหมดแล้ว...

     

     

             พวกเจ้ามีใครอยากจะสมัครบ้างไหมท่านแม่ทัพถาม ก่อนจะได้รับการส่ายหัวพรืดๆอย่างพร้อมเพรียงกันเป็นการตอบแทนจนน่าถอนหายใจยิ่งนัก เพราะทุกคนต่างพากันกลัวความโหดดหี้ยมของเจ้าหญิงคนนี้จนเจียมกะลาหัวไม่เข้าไปยุ่ง

     

     

               นั้นจะเอายังไง เพราะข้าเดาว่าคงไม่มีใครอยากไปเป็นองครักษ์ให้แม่เด็กจอมเอาแต่ใจนั่นหรอก ถีบองครักษ์ออกมาเกือบห้าสิบคนแล้ว แสบเหมือนลูกพี่ลูกน้องนางไม่มีผิด

     

     

               คำพูดที่ทำให้หลายๆคนอมยิ้มออกมาอย่างขำขัน ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าหญิงคนนั้นคงหนีไม่พ้นยอดสตรีแห่งหอพยากรณ์เป็นแน่แท้ หญิงงามเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถกุมหัวใจของยอดบุรุษแห่งกองทัพปีศาจไว้ได้ เจ้าหญิงผู้งดงามเพียบพร้อมทั้งหน้าตาและกิริยามารยาทจนเหมือนเจ้าหญิงหลุดมาจากเทพนิยาย

     

     

                แต่กุหลาบย่อมมีหนามแหลม แม้หญิงงามอย่างนางจะอ่อนหวานน่ารัก แต่แท้ที่จริงแล้วนางกลับเป็นสตรีที่เข็มแข็งคนหนึ่งเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะสามารถบัญชาการรบแทนท่านจอมทัพตอนบาดเจ็บสาหัสได้แล้ว นางยังขโมยหัวใจของแม่ทัพคนสำคัญไปได้อีกด้วย

     

     

                แล้วไม่เจ็บใจบ้างเหรอครับที่หลงรักนางเข้าไปอย่างนั้นทหารคนหนึ่งที่สงสัยว่าเพื่อนคงจะกระโดดปิดปากไม่ทันเอ่ยขึ้น เป็นเหตุให้นัยน์ตาคมดุตวัดมามองอย่างน่ากลัว ก่อนที่ทหารคนนั้นจะถูกพลังกดดันอันมหาศาลกระเด็นออกนอกประตูไปกองอยู่นอกสำนักงาน

     

     

                 มีใครจะพูดอะไรอีกไหมคราวนี้ทั้งสำนักงานเงียบกริบขึ้นมาในทันที

     

     

                  เอ...แต่ทำไมเราไม่ลองเอาเจ้าโจรติงต๊องนั่นไปเป็นองครักษ์ดูล่ะขอรับอัศวินคนหนึ่งเอ่ยความคิดเห็นที่พิสดารจนคนทั้งสำนักงานหันไปมองหน้าเขาแทบไม่ทัน แม้แต่ไคนอสเองก็เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างสนใจขึ้นมาเล็กน้อย

     

     

                 ฝีมือมันก็ดีไม่ใช่เหรอ จะจับไปขังลืมแบบนั้นก็เสียดายเปล่า สู้เอาเจ้าคนประหลาดนั่นไปรับใช้องค์หญิงจอมโหดซักสองสามวัน บางทีมันอาจจะได้ผลกว่าการลงโทษซะอีกนะครับอัศวินคนนั้นพูดอย่างน่าเชื่อถือเป็นที่สุด จนเป็นเหตุให้คนทั้งสำนักงานปรึกษาหารือกันเป็นนกกระจอกแตกรังทันที

                               

     

             ก่อนที่ไคนอสจะยกมือเป็นเชิงให้เงียบลงแล้วขยับยิ้มเท่บาดจิต...

     

     

             ก็น่าสนใจดีนี่ เอาไว้ฉันจะพิจารณาดูก่อนก็แล้วกัน

     

     

    *************************************************

    *เดี๋ยวพระเอกจะได้เจอเรื่องซวยๆแล้วครับท่าน ช่วงนี้กำลังหาทางปั่นสองเรื่องไปพร้อมๆกันอยู่ กรุณาอย่าใจร้อนTT^TT
    *ง่า...เรื่องนี้ก็จะรวมเรื่องราวของพระเอกและนางเอกเอาไว้นะคะ และก็จะมีตัวละครสำคัญๆมาแทรกให้ความเฮฮาเป็นบางครั้ง ลอเรนซ์ก็ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนพระเอกนะ ถือเป็นพระเอกรองลงมาเลยทีเดียวเชียว
    *คิดไปคิดมาชักอยากเปลี่ยนชื่อเรื่อง เพราะฟังแล้วมันไม่ค่อยฮาเท่าไหร่เลย ให้ตายTTOTT คนอ่านช่วยกันคิดหน่อยสิคะว่าจะเปลี่ยนเป็นชื่ออะไรกันดี
    *ตอนหน้า"คำสัญญาในคุกใต้ดิน" องค์ราชันย์ฟารอนออกโรง!!
    *มาอ่านกันเยอะๆนะคะ^O^ หวังว่าเรื่องนี้จะโหด มันส์ ฮา เหมือนเรื่อง[โลกมนตรา ทะลุเวลาอลเวง]นะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×