Everything changed when I met her
มีหลายคนเคยบอกเอาไว้ว่า ฤดูฝนเป็นฤดูที่ดูอ้างว้าง
โดดเดี่ยวและเหงามากที่สุดแต่เมียวอิ มินะผู้นี้ไม่เข้าใจความหมายของประโยคพวกนั้นหรอก
ฉันรู้สึกเฉยๆกับหน้าฝนมาก ฉันชอบเวลาที่ฝนตกเพราะมันทำให้ฉันรู้สึกสบาย ชุ่มชื้นแต่ฉันก็ไม่ชอบฝนในบางครั้งเหมือนกัน
เพราะมันทำให้ฉันติดแหง็กอยู่ใต้ตึกเรียนเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเหมือนตอนนี้ไงล่ะ
ฉันยืนรอให้ฝนซาอยู่ใต้ตึกเรียนมานานมากแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่ามันจะหยุดตกตอนไหนมีแต่แรงขึ้นเรื่อยๆ
คนที่ไม่มีร่มและต้องเดินไปขึ้นรถเมล์หน้ามหาลัยอย่างฉันก็ไม่มีทางเลือกไหนที่ดีกว่าการยืนรอให้ฝนหยุดตก
จะให้ฉันวิ่งฝ่าฝนไปกว่าจะถึงป้ายรถเมล์ถ้าฉันมีแชมพูก็คงสระผมได้เลยแหละแต่ถ้าคุณฝนยังคงกลั่นแกล้งกันแบบนี้อีกชั่วโมงกว่าก็คงต้องทำแบบนั้นจริงๆ..
“เฮ้อออ!”ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อไม่มีท่าทีที่ฝนจะหยุดตกเลย
คนรอบๆก็เริ่มทยอยกลับกันจนจะหมดแล้วเหลือแต่อินี่แหละที่ยืนมาเป็นชั่วโมงกว่าจนปวดขาไปหมดแล้วเนี่ย!
หรือว่าฉันควรวิ่งไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ใกล้ๆนี่แล้วไปซื้อแชมพูมาจริงๆจะได้ประหยัดค่าน้ำด้วย
ถ้าเกิดว่าวันนี้ฝนไม่ยอมหยุดตกฉันก็ต้องนอนใต้ตึกนี้หรอ.. ไม่เอาหรอก! ฉันยอมเป็นปอดบวมตายเพราะกว่าจะนั่งรถเมล์ถึงบ้านก็ไม่ใช่ว่าจะใกล้ๆดีกว่าเป็นโรคไข้เลือดออกตายเพราะยุงใต้ตึกที่เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
คิดดูสิถ้าข่าวหน้าหนึ่งมีข่าวการตายของฉันขึ้นมาจะทำไง ‘ดับอนาถ! นักศึกษาหญิงมอดัง ตายเพราะโรคไข้เลือดออก
เหตุฝนตกหนักกลับบ้านไม่ได้จึงนอนใต้ตึกคณะเรียนโดนยุงจำนวนมากรุมสูบเลือด’
แค่คิดก็อนาถแล้ว เอาวะ!
เป็นปอดบวมตายดีกว่า! แต่ยังไม่ได้ได้ก้าวขาวิ่งก็มีคนเรียกและดึงชายเสื้อไว้
“เอ่อ..เธอ” ฉันหันหลังไปแล้วเลิกคิ้วสูงเชิงถามว่ามีไร?
นี่กำลังจะเปลี่ยนเป็นเกียร์หมาวิ่งฝ่าฝนไปเนี่ย
“ฉันเห็นเธอยืนอยู่หน้าตึกตั้งแต่ฉันเริ่มทำงานกับเพื่อนจนตอนนี้ฉันทำงานเสร็จแล้วแต่ก็ยังไม่ไปไหนสักที..ไม่มีร่มหรอ?”
“อืม ใช่นี่รอมาชั่วโมงกว่าแล้วเนี่ยแต่ยังตกหนักเหมือนเดิม”
ถ้าไม่ติดว่าหน้าสวยอย่างกับนางฟ้าคงตอบไปว่าถ้ามีร่มฉันคงไม่ยืนมาเป็นอาหารของยุงหรอก
“เอ่อ...
ฉันกำลังจะไปป้ายรถเมล์หน้ามออ่ะ...จะไปด้วยกันไหมฉันมีร่ม”เธอพูดพร้อมชูร่มคันเล็กของเธอให้เห็นว่าเธอมีมันจริงๆพร้อมกับรอยยิ้มที่สะกดฉันได้ตั้งแต่แรกเห็น
คนอะไรหน้าก็สวยยิ่งยิ้มยิ่งสวย
มันน่ามองจนฉันไม่สามรถละสายตาไปได้เลยจนเธอต้องโบกมือผ่านหน้าฉันที่เอาแต่จ้องหน้าเธอ
“เอ่อ..โทษที ไปสิฉันก็จะไปที่นั้นเหมือนกัน”
เธอคนนั้นยิ้มขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับกางร่มในมือแต่ร่มที่เธอมีนั้นมันเล็กเกินไปที่คนสองคนจะอยู่ภายใต้ร่มคันเดียวได้ทำให้ยังโดนสายฝนสาดเข้ามาได้อยู่ดี
“โทษนะ”ฉันพูดก่อนจะเป็นฝ่ายแย่งร่มมาถือเองและให้เธอคนนั้นยืนเยื้องเฉียงไปด้านหน้าเล็กน้อยแล้วเดินซ้อนท้ายเธอเพื่อทำให้กินพื้นที่ให้น้อยที่สุด
“เอ่อ เธอชื่ออะไรหรอ”มินะพยายามจะไม่ทำให้บรรยากาศมันดูน่าอึดอัดในการเจอกันครั้งแรกแล้วต้องมาอยู่ในระยะประชิดแบบนี้
“ซานะ มินาโตะซากิ ซานะ
แล้วเธอล่ะ?”น้ำเสียงหวานๆนั้นก็เป็นสิ่งที่สะกดจิตได้เป็นอย่างดีเหมือนกัน
“ม..มินะ เมียวอิ มินะ”ตอบด้วยน้ำเสียงเขินๆใครไม่เขินฉันเขินอ่ะ
อยู่ๆได้มาอยู่ใกล้กันจนแทบจะสิงกับคนที่พึ่งเจอกันครั้งแรกและหน้าตาก็สวยงามหยังกะนางฟ้า
“ไม่ใช่ชื่อคนเกาหลีหนิ เธอก็เป็นคนญี่ปุ่นเหมือนฉันหรอ!”คนตรงหน้าหันมาทำตาโตด้วยอาการตกใจปนดีใจไปพร้อมๆกันฉันก็พยักหัวรับ
เมื่อกี้ก็มัวแต่เขินอยู่ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยแหหะ
“ว้าว! ดีใจจัง! นานๆทีจะได้เจอเพื่อนบ้านเกิดเดียวกัน
ต่อไปนี้ฉันก็ไม่ต้องเหงาแล้วน่ะสิ มีเพื่อนอย่างมินะจังแล้ว เอ๊ะ!หรือมีพี่หรือน้องสาว มินะจังเรียนอยู่ปีไรหรอ เรานิเทศปี4”ซานะแนะนำตัวอย่างร่าเริงช่างเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของซานะที่มินะชอบเลยก็ว่าได้
“เราแพทย์ปี3
งั้นต้องเรียกว่าพี่ซานะใช่ไหมคะ?”มินะยิ้มกว้างเมื่อคิดว่าเธอน่าจะเข้ากับคนตรงหน้าได้ดี
รอยยิ้มที่มินะส่งให้ซานะไม่ใช่ว่าใครจะเห็นได้ง่ายๆในเมื่อปกติแล้วกับคนที่พึ่งรู้จักหรือไม่สนิทมินะจะเป็นคนที่ดูนิ่งๆเงียบๆเท่านั้นแต่ไม่รู้ทำไมพอเป็นซานะกลับเป็นข้อยกเว้นไปได้
“งั้นพี่เรียกมินะว่ามินะจังนะ
ยิ้มของมินะจังน่ารักมากๆเลยยิ้มให้พี่ดูบ่อยๆนะคะ”เป็นมินะเองที่ก้มหน้าเขินเดินต่อไปเงียบๆหลังจบประโยคสุดแสนจะเคลือบไปด้วยน้ำผึ้ง
ในหัวมีแต่คำว่าพี่ซานะก็น่ารักเหมือนกันค่ะ พี่ซานะก็น่ารักเหมือนกันค่ะ
พี่ซานะก็น่ารักเหมือนกันค่ะ พี่ซานะก็น่ารักเหมือนกันค่ะ....
เสียงของฝนตกยังดังพอที่จะกลบเสียงใจเต้นแรงที่จะทะลุออกมาจากอกมินะ
ฉันไม่เคยมีอาการแบบนี้ เป็นเพราะอะไรกัน?! ขนาดตอนเด็กๆที่ลองขึ้นรถไฟเหาะครั้งแรกยังไม่ใจเต้นเท่านี้เลย
หรือเพราะไม่เคยมีคนมาพูดอะไรแบบนี้กับเธอเลยเขินเป็นธรรมดา?
พวกเราเดินจากใต้ตึกมาถึงป้ายรถเมล์ที่รถเมล์กำลังจะจอดรับคนพอดี
ถือว่าเป็นโชคดีเพราะถ้ามาช้าอีกนิดเดียวคงต้องรออีกนานแน่ๆมีหวังไข้หวัดถามหาแน่ๆแค่ตอนนี้ยังรู้สึก...
“ฮัดชิ้ว!” เอ่อ..นั่นไม่ใช่เสียงฉันนะ
มินะหันไปตามเสียงจาม
เสียงจามเล็กๆเหมือนหมาน้อยนั้นเป็นของพี่ซานะเอง
“เป็นหวัดหรอคะ”ถามออกไปด้วยความเป็นห่วงเพราะเสื้อของพี่ซานะก็มีส่วนที่เปียกเหมือนกันสาเหตุจากร่มคันเล็กไปที่จะอยู่ด้วยกันสองคน
“ขอโทษจริงๆนะคะ เป็นเพราะฉันพี่เลยต้องมาเปียกฝนแล้วไม่สบายแบบนี้”ฉันพูดออกไปด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ
ฉันน่าจะยอมตกเป็นเหยื่อของยุงดีกว่าถ้ามารู้ว่าทำพี่เขาเป็นหวัดเพราะเรา
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ไม่ได้เป็น..ฮัดชิ้ว!”
ยังไม่ทันพูดจบประโยคพี่ซานะก็จามมาอีกรอบแล้ว
“นั้นไง ไม่เป็นไรได้ไงฉันว่าพี่เริ่มเป็นหวัดแล้วแหละ
หนาวไหม?”จากลมที่พัดเข้ามาขณะที่รถกำลังแล่นนั้นมันทำให้ร่างกายที่พึ่งโดนฝนสาดมานั้นหนาวจนตัวสั่นได้ไม่ยาก
ฉันพยายามหาอะไรก็ได้ที่พอจะสร้างความอบอุ่นให้พี่ซานะได้บ้าง ฉันจำได้ว่าวันนี้ฉันพกเสื้อกาวน์มาหนิ
แต่ทำไมในกระเป๋านี้ไม่มีล่ะ อยู่ไหนวะ
“หาไรอยู่หรอมินะจัง”
ซานะเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นมินะจะเจอของที่หาอยู่สักที
“ก็หาเสื้อกาวน์มาให้พี่ใส่นั้นแหละ อากาศมันเริ่มเย็นแล้ว
ถ้าพรุ่งนี้พี่เป็นหวัดฉันต้องรู้สึกผิดมากแน่ๆเลย
หายไปไหนวะตอนกลางวันยังใส่อยู่เลยหรือว่าลืมไว้ในห้องวะ”
ประโยคหลังๆเหมือนบ่นพึมพัมกับตัวเองมากกว่า
มินะมัวแต่ก้มค้นหาเสื้อกาวน์ตัวนั้น
กลัวพี่ซานะหนาวเป็นสาเหตุหนึ่งอย่างที่มินะพยายามหาเสื้อกาวน์หรืออะไรก็ได้มาคลุมร่างกายของพี่ซานะให้อุ่นขึ้นแต่ก็มีอีกสาเหตุหนึ่งเหมือนกันที่ทำให้มินะเอาแต่ก้มหน้าหาเสื้อในกระเป๋า
เสื้อนักศึกษาในส่วนที่เปียกนั้นมันแนบชิดติดกับผิวหนังของพี่ซานะทำให้เห็นอะไรต่อมิอะไร
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เปียกมากจนทำให้เห็นชัดแต่มันก็....
บาป
ตอนนี้ในหัวมีแต่เรื่องบาปๆเต็มไปหมด
ไม่ได้นะมินะแกจะเป็นคนบาปแบบนี้ไม่ได้ ถึงในหัวจะคิดแบบนั้นแต่หางตาก็ยังจะแลไปดูคนข้างๆอยู่ดี
เสื้อที่ว่าบางอยู่แล้วพอมาเจอกับฝนมันยิ่ง…ไหนจะผมที่เปียกนิดๆนั้นอีก... ฮอล
แม่จ๋าช่วยมินะด้วยมินะกำลังจะเป็นคนบาปค่ะแม่
โชคดีที่เสียงของซานะเอ่ยออกมาก่อนจึงทำให้มินะหยุดคิดเรื่องนั้นไปได้แต่พอจบประโยค
มินะยิ่งใจเต้นแรงบวกกับอาการเขินอายจนไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย
“มินะจังไม่ต้องหาแล้ว พี่ไม่เป็นอะไรหรอกหน่า แต่ถ้าพี่เป็นอะไรขึ้นมาคุณหมอมินะช่วยรักษาให้พี่ซานะหน่อยได้ไหมคะ?”
ฉันเริ่มชอบฝนเพราะมันทำให้เราได้เจอกัน
SANA
Part
ซ่าๆ ครืนน
เป็นธรรมดาของหน้าฝนที่ฝนจะตกบ่อยครั้งแต่ใน365วันมันไม่ควรมาตกวันนี้
เดทวันนี้ล่มไม่เป็นท่าเพราะอิฝนบ้านี่ทำให้แผนการไปเที่ยวสวนดอกไม้นั้นล่มแล้วเปลี่ยนมาหาเครื่องดื่มอุ่นๆดื่มในคาเฟ่แทน
ฉันละไม่ชอบจริงๆเวลาที่ฝนตกแบบนี้
“ทำไมฝนต้องมาตกวันนี้ด้วยอ่ะ”ฉันเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเด็กงอแงอยากได้ของเล่นจากผู้เป็นแม่
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ วันอื่นค่อยไปก็ได้เปลี่ยนมานั่งคาเฟ่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”มินะเอ่ยปลอบคนที่เลยวัยเด็กมานานแต่ยังทำนิสัยเหมือนเด็ก
“ก็มินะจังบ่นว่าอยากไปสวนดอกไม้หนิ..”ฉันยู่ปากนิดๆ
ที่ฉันทำตัวเด็กแบบนี้ใส่มินะก็เพราะฉันต้องการอ้อนมินะไงล่ะ
ขนาดเด็กยังงอแงอ้อนขอของเล่นใหม่จากแม่ได้เลยทำไมฉันจะงอแงอ้อนมินะเพื่อขออะไรบางอย่างบ้างไม่ได้ล่ะ
“นี่พี่อยู่ปี4จริงๆใช่ไหมเนี้ย ไม่บอกนึกว่าอยู่ป.4”
มินะพูดพลางเอื้อมมือไปบีบแก้มอันนุ่มนิ่มเหมือนมาร์ชเมลโล่ของฉันแล้วก็ยีผมของฉันอย่างหมั่นไส้จนผมยุ่ง
แต่ฉันกลับฉันยิ้มกว้างเมื่อได้สิ่งที่ฉันต้องการและยื่นหน้าไปให้มินะยีผมได้สะดวกขึ้น
ฉันชอบเวลามินะทำแบบนี้และมินะก็จะทำแบบนี้ทุกครั้งเมื่อฉันอ้อนหรืองอแง
“ก็ได้ คราวหลังค่อยไปก็ได้..ตอนนนี้มาสั่งไอติมกันเถอะ”ฉันอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงไอศกรีมของโปรดของฉันไม่ว่าจะฤดูไหนก็กินได้ไม่มีเบื่อ
มินะยิ้มและส่ายหัวกับความเป็นเด็กน้อยของฉันและสั่งไอศกรีมรสโปรดของเราเสร็จสรรพ
ตั้งแต่วันที่เราเจอกันครั้งแรกในตอนนั้นเราก็คุยกันมาเรื่อยๆจนตกลงคบเป็นแฟนกัน
มินะเป็นคนที่อบอุ่นมากอยู่ด้วยแล้วจะสบายใจตลอด
มินะดูแลฉันเป็นอย่างดีถึงแม้ฉันจะเป็นพี่ ฉันอ้อนมินะบ่อยและเยอะมากถึงแม้บางทีเธอจะบอก’ซานะออนนี่น่ามคาน’ในบางครั้งแต่ฉันก็รู้ว่าลึกๆมินะเองก็ชอบให้ฉันอ้อนแบบนี้แหละ ดูอย่างเมื่อกี้สิทั้งบีบแก้มทั้งยีผม
นี่ขนาดบอกว่าน่ามคานนะ ฮ่าๆ
ไอศกรีมถูกเสิร์ฟพร้อมกับฝนที่เริ่มจะซาลง
“รีบกินเร็ว ก่อนที่ฝนมันจะตกหนักอีกรอบ”
มินะเอ่ยเชิงสั่งเล็กน้อยแต่มีหรอเด็กดื้ออย่างซานะจะเชื่อฟัง
“ไอติมที่ไหนเขารีบกินกันบ้าง มันต้องกินช้าๆเพื่อลิ้มรสชาติหอมหวานของมันสิ”
ฉันตักไอศกรีมเข้าปากอย่างช้าๆและทำหน้าทำตาประหนึ่งไม่เคยได้กินไอศกรีมมาก่อนอย่างสโลว์โมชั่นกวนประสาทมินะเล่น
มินะทำหน้าน่าหมั่นไส้เล็กน้อยก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้กันจนริมฝีปากทั้งสองประจบกันในที่สุด
มินะพยายามตักตวงความหวานจากไอศกรีมที่พึ่งเข้าไปในปากของซานะเมื่อสักครู่ด้วยลิ้นของเธอเองจนไอศกรีมในปากซานะไม่เหลือแม้แต่น้อยแต่มินะก็ยังคงจูบต่อไปอย่างเนิบนาบจนซานะต้องทุบไหล่มินะเพราะอากาศเริ่มหมด
“ย๊า! มินะ ทำอะไรน่ะคนอื่นมองหมดแล้วเนี่ยเห็นไหม”
ฉันพูดอย่างอายๆเมื่อคนรอบๆร้านเริ่มให้ความสนใจพวกเธอ
“ก็พี่ซานะบอกเองหนิว่าไอติมต้องกินอย่างช้าๆฉันก็เลยลองดูบ้าง....หวานดีเหมือนกันนะคะ”ประโยคสุดท้ายมินะเลื่อนใบหน้าไปกระซิบตรงข้างหูซานะเบาๆ
“ย..ย๊า อ..ไอ้เด็กนี่! ทะลึ่ง!”
“ฉันหมายถึงไอติมรสนี้ไง หวานดีเหมือนกันเนาะ พี่คิดไรอ่ะ”เล่นเอาฉันไปไม่เป็นเลย
ปกติเคยอ้อยใส่แต่คนอื่นพอมาโดนอ้อยใส่กลับถึงกับพูดไม่ออก ไอ้เด็กนี่มัน...
มินะหัวเราะชอบใจที่เล่นเอาฉันไม่กล้าสบตาก้มหน้ากินไอศรีมเงียบพร้อมกับใบหน้าที่แสนจะแดงอย่างเห็นได้ชัด
ซ่าๆๆ เปรี้ยง!
ออกมาจากร้านคาเฟ่ได้ไม่นานฝนก็ตกหนักอีกครั้งจนได้
“เห็นไหมพี่ซานะฉันบอกให้พี่รีบๆกิน เป็นไงล่ะฝนตกหนักอีกแล้วเนี้ย”
มินะบ่นเบาๆเมื่อฝนที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆจนยากที่จะมองทาง
“ยังไม่รู้ตัวอีกช้าเพราะใคร”ซานะยู่ปากเล็กน้อบ
“ฉันทำไร ถ้าพี่ไม่กินช้าแล้วจะได้ออกมาช้าแบบนี้ไหม”
“ก็ถ้าเธอไม่จู-....ฮึ่ย!”เมื่อพูดถึงเรื่องนั้นก็ทำให้ซานะเขินขึ้นมาอีกจนได้
ไอ้เด็กบ้าเอ้ย!
มินะยังคงยิ้มกว้างเมื่อแกล้งซานะได้โดยไม่รู้ว่าที่ซานะนั่งเงียบตลอดทางนั้นได้คิดแผนการเอาคืนไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อถึงคอนโดซานะ ซานะก็ชวนให้มินะขึ้นไปบนห้องเธอก่อนเพราะฝนยังตกหนักอยู่ขืนถ้ามินะขับรถกลับบ้านอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้
ซึ่งมินะก็เชื่อฟังทำตามคำสั่งของซานะอย่างดี
มินะนั่งนอนเล่นในห้องซานะมาหลายชั่วโมงแล้วแต่ฝนก็ยังคงตกอยู่เหมือนเดิมนี่ก็เริ่มดึกแล้วด้วย
ซานะเลยชวนให้มินะค้างที่นี่ซะเลย
มินะก็เคยมานอนที่นี่อยู่หลายครั้งทำให้มีข้าวของเครื่องใช้ของมินะอยู่บ้าง
“เอ่อ..คือ..”มินะอ้ำอึ้งเล็กน้อยในการตอบตกลง
“ไม่อยากค้างก็กลับไปเลย คนอุส่าห์เป็นห่วง
ไม่อยากนอนด้วยกันก็เชิญกลับไปเลย”ซานะเอ่ยเสียงงอนๆ
“โอ๋ๆ มินะนอนด้วยก็ได้ค่ะ พี่ซานะไม่งอนนะคะ”มินะง้ออีกคนที่เริ่มจะงอน
ที่จริงฉันก็รู้สาเหตุที่มินะไม่ค่อยอยากจะค้างกับฉันหรอก ทำไมนะหรอ?
เพราะทุกครั้งที่มินะมานอนค้างคืนกับฉันเล่นเอาหัวใจมินะเกือบวายแหนะ ฮ่าๆ
“ดีมาก งั้นมินะจังไปอาบน้ำก่อนเลยจะได้นอนกัน พรุ่งนี้พี่มีเรียนเช้า”
พอมินะอาบน้ำเสร็จฉันก็เข้าไปอาบต่อพร้อมกับเริ่มแผนการเอาคืนไอ้เด็กแสบ
ผ่านไปหลายนาทีฉันก็อาบน้ำเสร็จแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนจะตะโกนเรียกมินะ
“มินะ..อยู่แถวนี้ไหม”
“ว่าไงคะ?”มินะตะโกนกลับมา
“พี่ลืมหยิบชุดนอนมาอ่ะ พี่เตรียมไว้บนลิ้นชักแถวๆตู้เสื้อผ้าอ่ะ
เห็นไหม?”
“ค..ค่ะ เห็นแล้วเดี๋ยวเอาไปให้”
ซานะยิ้มสะใจเมื่อได้ยินเสียงที่เริ่มสั่นของมินะ
ซานะเปิดประตูห้องน้ำเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ย้ำว่าเปิดไม่ใช่แง้มประตู
“อ..อ่ะ น..นี่ค่ะ” มินะยื่นชุดนอนให้ซานะแล้วรีบหันหลังกลับไปทันที
ซานะพยายามกลั้นขำไม่ให้มินะได้ยิน แค่นุ้งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเสียงยังสั่นขนาดนี้
หึยังอ่อนหัดนะจ๊ะเด็กน้อย
“มินะจัง~ ง่วงรึยัง”เมื่อแต่งตัวเสร็จก็เดินไปที่เตียงที่มินะกำลังนอนเล่นมือถืออยู่
“ร..เริ่มง่วงแล้ว เรามานอนกันเถอะ พี่นอนเลยเดี๋ยวฉันไปปิดไฟให้” มินะหันมาเจอชุดนอนอันแสนวาบหวิวของฉัน
ที่จริงมันก็ไม่ได้วาบหวิวอะไรมากนะก็แค่ชุดนอนกระโปรงยาวเหนือเข่านิดหนึ่งสีน้ำเงินเข้มตัดกับสีผิวที่ขาวเนียนดั่งน้ำนม
แหวกหน้านิดๆหน่อยๆไม่บางมากแค่นั้นเอง
“เดี๋ยวสิ แต่พี่ยังไม่ง่วงเลยอ่ะ เรามาหาไรทำกันเถอะ”ฉันมั่นใจว่าน้ำเสียงที่ฉันเปล่งออกไปออกจะยั่วเบาๆ
“ล..ละ
แล้วพี่จะทำอะไรล่ะ?”ตอนนี้ไม่ใช่แค่เสียงของมินะที่สั่นแต่หน้าก็เริ่มขึ้นสีแล้วเหมือนกัน
“ทำไรดีน้า?~”
มินะกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่เมื่อฉันคลานเข้าไปใกล้มินะเรื่อยๆ
“....”
“อากาศหนาวๆแบบนี้ก็ต้องหาไรที่มันอบอุ่นทำหน่อยสิเนาะ”ตอนนี้ใบหน้าของเราเริ่มใกล้กัน
“ทะ..ทำอะไรหรอคะ”มินะยังไม่หายเสียงสั่นใจเริ่มเต้นแรงและหน้าแดงจนเห็นได้ชัด
“ก็ทำแบบนี้ไงคะ”ซานะเคลื่อนตัวมาใกล้มินะพร้อมกับมือที่เริ่มลูบไล้จากต้นขาของมินะขึ้นไป
มินะหลับตาแน่นเมื่อซานะยังคงจะใกล้เข้ามาแล้วมือที่ตอนนี้ถึงเอวบางของมินะแล้ว
มินะรับรู้ถึงลมร้อนที่ต้นคอนั่นยิ่งทำมินะนั่งตัวเกร็ง
“ไอ้เด็กทะลึ่ง”ซานะกระซิบที่ข้างหูมินะเหมือนตอนที่มินะทำกับเธอในคาเฟ่
ซานะหัวเราะชอบใจเมื่อมินะหน้าเหวอไปเลย
“คิดอะไรอยู่ห้ะ ไอ้เด็กทะลึ่ง”ซานะว่าพลางบีบจมูกมินะเบาๆ
“ก..ก็..พี่..”ซานะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นอาการที่อึ้งไม่หายของมินะ
“นี่คือการแก้แค้นที่มินะจังทำกับพี่เขินต่อคนมากมาย”ซานะกล่าวอย่างอารมณ์ดีที่เธอแก้แค้นสำเร็จ
“ย๊า! นี่พี่แกล้งฉันหรอ”มินะเริ่มโวยวาย
“ไม่ต้องโวยวายแล้วนอนได้แล้วพรุ่งนี้พี่มีเรียนเช้านะ”ซานะบอกเชิงสั่งและลุกไปปิดไฟเตรียมนอนเรียบร้อย
“ไม่ได้นะ
นี่พี่กำลังทำฉันอารมณ์ค้า-..”มินะยกมือปิดปากแทบไม่ทันเมื่อเธอพูดตามสิ่งที่เธอคิด
“เมื่อกี้มินะจังว่าไงนะ ฮอล ทำไมเป็นเด็กทะลึ่งแบบนี้นะ”ซานะบีบจมูกมินะอีกรอบ
ไม่คิดจริงๆว่าเด็กน้อยที่หน้าตาไร้เดียงสาในวันนั้นจะกลายมาเป็นเด็กแสบที่แสนจะทะลึ่งในวันนี้
“โอ้ยๆ ก็พี่นั้นแหละ
พี่ต้องชดใช้โดยการเป็นหมอนข้างให้เค้าทั้งคืน”ไม่พูดเปล่ามินะเขยิบตัวเข้ามากอดซานะพร้อมเอากางเกยไหล่สูดดมกลิ่นหอมของสบู่จากไหล่เนียนของซานะ
“ตัวพี่หอมจัง”
“ม..มินะ เธอนี่มัน..”ซานะหันหลังไปซบอกมินะหาความอบอุ่น
“ที่จริงพี่ก็ไม่ได้พูดมั่วนะ นี่ไงที่พี่บอกว่าหาไรทำที่มันอุ่นๆ
นอดกอดกันตอนฝนตกนี่แหละ อุ่นจะตาย”มินะพูดอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะก้มหน้าลงมาจุมพิตที่หน้าผากของซานะ
“ฝันดีนะคะ”
“ฝันดีเหมือนกัน”
ก่อนทั้งห้องจะเงียบลงมีแต่เสียงฝนที่ยังคงตกอยู่ภายนอกถ้าเป็นเมื่อก่อนคืนนี้เธอต้องนอนห่มผ้าห่มหลายชั้นเพราะความหนาวเหน็บแน่ๆแต่คืนนี้ผ้าห่มผืนเดียวก็อุ่นสุดๆตราบใดที่ยังมีความอบอุ่นจากคนในอ้อมกอด
ฉันเริ่มชอบฝนเพราะมันทำให้เราได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น
ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นคนนิยามไว้ว่าถ้าเป็นหน้าฝนต้องรู้สึกหดหู่
เหงาหงอย ต้องนึกถึงเพลงเศร้า ต้องนึกถึงคนอกหัก แรกๆฉันก็เชื่อแบบนั้นจริงๆนั้นแหละ จนมาถึงวันที่ฉันได้เจอกับคนๆหนึ่งความเชื่อนั้นหายไปไหนพริบตา
ฉันชอบหน้าฝน ฉันชอบวันที่เราได้เจอกันวันแรกในวันที่ฝนตก
ฉันชอบวันที่เราได้กอดแบ่งปันความอบอุ่นให้กันในวันที่ฝนตกและฉันชอบเวลาอยู่กับเธอทุกเวลาไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก
- END -
- - - - - - - - - - - - - - -
- - - - - - - -
สวัสดีทุกๆคนนะคะ
เป็นเรื่องแรกที่ลองแต่งมิซา ตอนของยัยแต่งยากมาก
ต้องแต่งยังไงให้ดูอ้อยอ่ะ55555 ตอนของยัยถ้าติดขัดไปบ้างต้องขออภัยนะคะ55555
ตอนที่เห็นว่าบ้านมิซานะมีโปรเจคนี้ขึ้นมาคืออยากแต่งเลยอ่ะ ชอบ
ปกติจะแต่งแนวดราม่านะแต่อันนี้แต่งจนเขินเองเลยอ่ะ
ใครไม่เขินไรท์เขิน5555
หวังว่าทุกๆคนจะชอบเรื่องนี้กันนะคะ