*คำเตือน*
1.หยาบเพื่ออรรถรส
2.มุขแป้กโปรดขำ
3.เนื้อเรื่องยาวมากกกก
ชีวิตอันแสนน่าเบื่อของมนุษย์เงินเดือนเดินไปอย่างช้าจนเต่าแซง
ถึงจะมีเพื่อนคอยชวนไปดื่มสังสรรค์กันบ้างก็เถอะแต่ก็ไม่ได้ทำให้มนุษย์เงินเดือนอย่างมินะหายเบื่อได้เลย
คิดดูสิเช้ามาก็รีบไปทำงานแต่เช้าพักกลางวันก็ไปกินข้าวแล้วกลับมาทำงานต่อเลิกงานก็กลับบ้านนอน
วนอยู่แบบนี้มาเกือบ2ปีละจะไม่ให้ฉันเบื่อได้ไง
แต่พอมีพนักงานใหม่เข้ามาในแผนกเราก็ทำให้ฉันเปลี่ยนจากมนุษย์เงินเดือนที่แสนน่าเบื่อเปลี่ยนเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ตั้งใจขยันทำงานรีบเข้าบริษัทแต่เช้า
เธอคนนั้นชื่ออิมนายอน ตั้งแต่ที่เธอเดินก้าวเข้ามา ขย้ำใบลาออกแทบไม่ทันคนอะไรสวยปานนางฟ้า
สวยสั-รัชเชี่ยนรูเล็ต(ผิดวง) มันเหมือนเป็นกำลังใจในการทำงานเมื่อท้อก็ยกรูปของเธอมาดูก็มีแรงทำงานต่อละ.....รูปที่แอบถ่ายอ่ะนะ
นี่ก็เกือบปีแล้วที่นายอนได้เข้ามาทำงานในบริษัทนี้ จึงทำให้ปีที่ผ่านมามินะได้รับรางวัลพนักงานดีเด่นเพราะมีความกระตือรือร้นในการทำงานหารู้ไม่ว่าที่รีบเข้าบริษัทแต่เช้าเพื่อมารอสาว
แต่รู้ไหมว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาเธอแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอิมนายอนเลย
รู้แค่ว่าชื่ออิมนายอนแค่นั้นแหละ
อายุเท่าไรเป็นพี่หรือเป็นน้องเธอก็ไม่รู้เพราะใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ยากที่จะทายอายุ
สถานะตอนนี้เป็นไงมีแฟนรึยังหรือมีคนในใจก็ไม่รู้แต่ที่รู้ๆคือมีหนุ่มๆมาขายขนมจีบไม่เว้นแต่ละวัน
พูดละขึ้น ไม่เกรงใจว่าที่แฟนในอนาคตที่นั่งหัวโด่อยู่นี้เลย
พึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นคนขี้ตู่ก็วันนี้ล่ะ ชวนคุยยังไม่กล้าเลยแล้วชาตินี้แกจะได้เป็นแฟนกับพี่เขาไหมไอ้มินะ! โถ่ชีวิตของเมียวอิผู้นี้ช่างน่าสงสาร
เรื่องอื่นไม่เคยอายจริตจะก้านเยอะมากเสื-กมาอายเรื่องไม่ใช่เรื่อง
วันๆไม่ได้ทำงานอ่ะมัวแต่คิดว่า เฮ้ยถ้าจีบเขาแล้วเขาจะชอบเราเป่าวะ
เฮ้ยแล้วถ้าเขามีแฟนแล้วอ่ะ เฮ้ยถ้าเกิดเขาไม่ได้คิดไรกับเราละ หึๆ เป็นไงละพนักงานดีเด่นของบริษัท
บรรยากาศกำลังให้เลย มิวสิค!
~โปรดรักฉันรักฉันเถอะนะ
จะไม่ทำให้เธอเสียใจ~
รู้ฉันสู้เขาไม่ไหว เทียบกับใครที่เธอมี~
แต่เลือกฉันเลือกฉันได้ไหม
ฉันจะดูแลเธอให้ดี~
โปรดถามใจเธออีกที
เพราะทั้งใจฉันมันยังมีแค่เธอ~ (อันนี้ไม่ใช้แค่ผิดวง
อันนี้ข้ามประเทศไปเลยยย)
เอ๊ะ!ใครมันมาสะกิดไหล่วะไม่เห็นอยู่หรอว่าคนกำลัง....
“อ อ้าว! บอสมาตั้งแต่เมื่อไรคะ”
ชิบฮ๋ายแล้วไงไอ้มินะ
“ก็มาตั้งแต่เธอร้องลิปซิงเป็นบ้าอยู่คนเดียวละ”
“แหะๆ” หมดกันภาพลักษณ์พนักงานดีเด่น....
“สนใจพักงานสักเดือน สองเดือนไปประกวดเดอะว๊อยไหม”
“อุ้ย! แหะๆไม่เป็นไรดีกว่าค่ะบอส....ว่าแต่มาถึงนี่มีอะไรรึเปล่าคะ?”ทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆและรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างเร็ว
ชำเลืองสายตาไปที่นายอนนิดนึงเมื่อกี้นายอนจะเห็นเปล่าวะ แจ็คพอตแตก! นายอนมองมาทางนี้และกำลังหัวเราะคิกๆคักๆ โอโห้ดิฉันควรจะรู้สึกยังไงดีคะตอนนี้ ดีใจที่เราอยู่ในสายตาของนายอนหรือควรจะอับอายที่เห็นความโก๊ะของเรา
“ที่ผมมาในวันนี้เพื่อที่จะบอกว่าหลังเลิกงานให้มาประชุมด้วย....”
ประชุมอีกละเบื่อโครต ประชุมตลอด ประชุมทุกวี่ทุกวัน เรื่องไม่เป็นเรื่องก็ประชุม
คราวหลังประชุมกันเรื่องตั้งชื่อลูกแมวที่ใกล้คลอดของไอ้แต้มดีไหมคะ?
“โดยคนที่ต้องมาประชุมมีรายชื่อดังนี้ เมียวอิ มินะ..”
นั้นไงคนแรกเลย
“ยู จองยอน คิม ดาฮยอน...”
โอเคอย่างน้อยก็มีไอ้สองแสบเป็นเพื่อนละ
“หวัง แจ็คสันและคนสุดท้าย...”
รีบๆพูดได้ไหมคะงานรออยู่ค่ะ
“อิม นายอน แค่นี้แหละอย่าลืมนะเลิกงานเจอกันห้องประชุม”
แหม่ โอเคได้เลยค่ะจะเลิกดึกโต้รุ่งยังได้เลยค่ะ
หัวข้อเรื่องประชุมต้องน่าสนใจมากๆแน่เลย....บอกแล้วว่าเป็นพนักงานดีเด่น
หลังจากบอสเดินไปทั้งจองยอน
ดาฮยอนก็เดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะทำงานฉันโดยไม่ได้นัดหมาย
“คราวนี้จะเรื่องไรอีกวะเนี้ย” จองยอนเอ่ยอย่างเซ็งๆ
“ไม่ดีค่ะคุณเพื่อน ไม่บ่นๆ
เราต้องตั้งใจทำงานเข้าใจไหมคะ?”
พนักงานดีเด่นประจำบริษัทกล่าวด้วยท่าทีนุ่มนิ่มแต่สายตาไม่ได้มองไปที่บุคคลที่กำลังสนทนาด้วย
สายตาเหล่ไปมองนายอนที่โต๊ะทำงานที่อยู่คนละซีกโลก
“อย่าให้รู้ว่าโชว์สาวนะมึง” อ่ะแน่นอนสินี่พยายามตะเบ่งเสียงอันแสนจะเบาให้ดังขึ้นตั้งหลายเท่าตัว
“แล้วเรื่องมึงกับเขานี่ยังไงเนี้ย ไม่เห็นไปถึงไหนเลย”
แจ็คสันที่ไม่เห็นความสัมพันธ์ของพวกเธอทั้งสองคนจะก้าวหน้าเลยตั้งแต่ปีที่แล้ว
เรื่องที่เธอแอบชอบคนที่ชื่อนายอนเพื่อนๆในกลุ่มเธอรู้เรื่องกันตั้งแต่วันแรกที่นายอนเข้ามาแล้วละ
ไม่รู้เพราะเธอออกอาการมากไปรึเปล่า เพื่อนๆเลยรู้ตัวทัน
แต่เธอก็ไม่ได้แสดงกริยาที่มันมากขนาดนั้นซะหน่อย ก็แค่หวีดเบาๆเมื่อนายอนเดินผ่าน เป็นเหมือนพวกโรคจิตที่มองตามไปทุกๆที่และก็เริ่มใช่ของที่เป็นรูปกระต่ายเพราะคล้ายนายอน แค่นั้นเองพวกมันรู้ได้ไงกัน แต่พวกมันรู้ก็ดีละจะได้ถามกลยุทธ์มัดใจกระต่าย
“เออระวังหมาคาบไปแ-กก่อนละกันมึง” เอ่อ....บางครั้งก็ให้กำลังใจด้วย
“ขอบคุณสำหรับกำลังใจ
พวกมึงไปทำงานได้ละเดี๋ยวเลิกงานค่อยไปเจอกันที่ห้องประชุม ไป๊!
ชิ้ว!” เอ่ยปากไล่เพื่อนๆให้เบะปากหันตูดกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
พอเพื่อนๆหนีหายเข้ารูกันไปหมดแล้วมินะก็ไม่เป็นอันทำงานเพราะคำพูดเมื่อกี้
เราต้องเริ่มทำอะไรแล้วสินะ
เมื่อถึงเวลาเลิกงานมินะก็มองหาไอ้เพื่อนตัวดีของเธอแต่ก็ไม่เจอ
หายไปไหนของมันวะ หรือจะไปก่อนแล้ว?
ก็บอกว่าจะไปพร้อมกันนิแต่เมื่อเห็นนายอนกำลังเดินมาความคิดที่มีอยู่ทั้งหมดก็ฟุ้งหายไป
ไอ้มินะแกทำไงดี? เดินเข้าไปทักทายไหม? ชวนเดินไปห้องประชุมพร้อมกันไหม? โอ้ยยย!
คิดยากกว่าข้อสอบGAT/PATอีกโว๊ะ
“อ เอ่อ...ค..คุณนายอนคะ กำลังจะไปห้องประชุมรึเปล่าคะ”
อยากจะปาดน้ำตา ประโยคแรกที่คุยกันในรอบเดือนค่ะ
“อ๋อใช่ค่ะ” คุณนายอนหันมายิ้มโชว์ฟันกระต่ายสองข้างอย่างน่ารัก ฮืออมันน่ารักมากจริงๆเลยค่ะดาเมจรุนแรงมากอยากจะลงไปนอนดิ้นกับพื้นช่วยคุณแม่บ้านทำความสะอาดพื้นเลยทีเดียว
“ง..งั้นเราเดินไปด้วยกันไหมคะ?”คุณนายอนยิ้มตอบและเดินข้างๆไปห้องประชุมด้วยกัน
หัวใจเต้นตุ่มๆต่อมๆอยู่ในอก
ในใจก็บอกให้ชวนคุยๆแต่สมองกับว่างเปล่าไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรดี
“เอ่อ...คุณนายอนอายุเท่าไรหรอคะ” นายอนนิ่งไปสักแปปเมื่อถามออกไป
ไอ้มินะ ไอ้โง่ อยู่ๆไปถามอายุเขาแบบนี้ได้ไง เสียมารยาท อยากจะตบปากแรงๆสักสิบที
“ อายุ26ค่ะ”
นายอนตอบมาอย่างดีหนำซ้ำยังหัวเราะคิกคักด้วย ทำไมอ่ะมีอะไรแปลกหรอ? กวิ้นงง
กวิ้นตามไม่ทัน สังสัยมินะจะแสดงออกทางสีหน้ามากไปหน่อยนายอนเลยอธิบายให้ฟัง
“ที่จริงมินะไม่ต้องเรียกว่าคุณก็ได้หรอก
อืมม..รู้สึกฉันจะแก่กว่าสักปี สองปีใช่ไหม? งั้นเรียกพี่นายอนก็ได้จ๊ะ” โอโห้
ตายอย่างสงบ
“อ โอเคค่ะ พะ..พี่นายอน” รู้สึกเขินๆไงไม่รู้แหะ
อย่างน้อยความสัมพันธ์ของเราก็ก้าวขึ้นมาอีกหนึ่งขั้นแล้วค่ะ!
“แล้วมินะมาอยู่ที่เกาหลีนานรึยัง?
เห็นพูดเกาหลีเบาและก็ติดๆขัดๆ...แต่มันก็ถือเป็นเส่นห์ประจำตัวของมินะเนาะ พี่ว่าน่ารักดี”
รถพยาบาลอยู่ไหนคะ มารับหนูที ฮือออ รุกแรงขนาดนี้ยอมให้เป็นเมะแทนเลยค่ะ
“อ..อ๋อ ก็อยู่มานานพอสมควรแล้วค่ะ
ปกติเป็นคนพูดแบบนี้อยู่แล้วด้วย แหะๆ”
อยากจะตอบว่าที่พูดติดๆขัดๆก็เพราะว่าชอบพี่อ่ะค่ะก็กลัวจะดูรุกแรงไปหน่อย
เดี๋ยวกระต่ายตื่นตูม
หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีบทสนทนาอะไรเพิ่มเติม
แต่พอมองเห็นห้องประชุมที่อยู่สุดสายตานู้นก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาทันที เอ๊ะ! จะว่าไปนี่ก็ไปครั้งแรกนิที่เราอยู่ด้วยกันสองต่อสอง -////-
อยากจะหยุดเวลาให้เราอยู่ด้วยกันสอ......
“เฮ้ย มินะ!”สองคน.... กำลังจะบอกว่าอยากหยุดเวลาให้อยู่กันสองคนอีกนานๆ!! อิเพื่อนเลวมาทำไมตอนนี้ เห็นทีหยุดเวลาอย่างเดียวไม่พอต้องเก็บอิเพื่อนแสนดีพวกนี้ด้วย
“อ้าวคุณนายอนก็อยู่ด้วยหรอคะ...” เออมึงพึ่งเห็นหรอห๊ะ
คนกำลังเดินสวีทกัน
“ขอโทษด้วยนะคะขอยืมตัวมินะก่อนแปปหนึ่ง
เจอกันในห้องประชุมเลยค่ะ” ไอ้ดาฮยอนมึงจะพากูไปไหน กูไม่ไป!!
กูจะอยู่กับนายอนนนน
แต่ไม่เป็นประโยชน์ดาฮยอนลากเธอมาถึงหน้าห้องน้ำใกล้ๆห้องประชุมแล้ว
“มีอะไร! มึงไม่เห็นอ่อว่ากูกำลังอยู่กับพี่นายอน
อยู่กับพี่นายอนเลยนะเว้ย มึงก็รู้ว่าไม่ได้มีโอกาสง่า....”
ดาฮยอนยกมือขึ้นมาปิดปากมินะก่อนที่มันจะพร่ำเพ้อไปมากกว่านี้
“มึงอย่าพึ่งมาเพ้ออะไรตอนนี้ กูปวดฉี่”
“แล้ว? เกี่ยวไรกับกูละ ปวดฉี่ก็ไปฉี่ดิ”
“ก็ประตูห้องน้ำมันไม่ดีมันต้องมีคนถือประตูไว้
ไม่งั้นกูไม่ลากมึงมาหรอก อย่าโง่ดิ” อ้าวโดนด่าเฉย กวิ้นทำไรผิด
“ถือไว้นะเว้ยอย่าปล่อย คนอย่างคิมดาฮยอนจะมาอับอายกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ถ้าเกิดมีคนอัดคลิปกูแล้วเอาไปปล่อยในโซเชียลละ ‘คลิปหลุด! คิมดาฮยอนสาวฮ็อตประจำบริษัทฉี่ไม่ปิดประตูห้องน้ำ รีบดูก่อนจะลบ’ ไม่ๆหล่อสปอตแบบพี่ต้องไม่มาเจอกับเรื่องแบบนี้” ไอ้เตี้ยนี่เมื่อไรจะหยุดพูดเนี้ย พูดมาตั้งนานนี่มึงยังฉี่ไม่เสร็จอีกหรอ?.....
เฮ้ยเดี๋ยวนะ
ห้องน้ำมันก็มีตั้งหลายห้องนิ
มินะส่องสายตาไปที่ห้องน้ำอื่นๆก็มีคนเข้าคนออกใช่ได้เป็นปกติตั้งหลายห้อง ไอ้เต้าหู้!! จะเล่นงี้ใช่ไหม
ได้! กวิ้นจัดให้!
“เฮ้ยมึง อยากจะเช็คเรตติ้งป่ะ แบบสาวกรี๊ดตรึมเลยอ่ะ
กูมีวิธีนะเว้ย สนป่ะ?”
“ว่ามาดิ” หึๆคิมดาฮยอน เล่นกับใครไม่เล่น
“มาดูคิมดาฮยอนถอดกางเกงโชว์เร็ววววว!!” ตะโกนออกไปสุดเสียงให้ดังที่สุดตั้งแต่เกิดมาพร้อมเปิดประตูห้องน้ำเผยให้เห็นดาฮยอนที่กำลังนั่งอยู่บนชักโครก
อ้าวเผ่นสิครับรออะไร
“ไอ้มินะ!!
เฮ้ย! ไอ้เชี่-----//กรี๊ดๆๆๆ”
คนที่กำลังอยู่ในห้องน้ำกรี๊ดร้องอย่างสุดเสียงทำเอาคนที่คิดแผนหัวเราะจนต้องยกมือขึ้นมากุมท้อง
เมื่อถึงเวลาประชุมทุกคนก็นิ่งเงียบฟังบอสกำลังพูดไปเรื่อยเปื่อยแต่มินะกลับรู้สึกได้ถึงรังสีอะไรไม่รู้ร้อนหนาวๆแปลกๆ
อ๋อมาจากคิมดาฮยอนไงจะใครละ
เชื่อว่าคำพูดของบอสต้องเข้าซ้ายทะลุขวาแน่ๆดูจากสายตาที่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อที่ส่งมาสิคะ
อยากขอบคุณก็บอกไม่เห็นต้องมองแรงขนาดนั้นเลย....
“....งั้นผมขอจบการประชุมเพียงเท่านี้นะครับ”
บอสพูดจบก็เดินออกไปจากห้องทันทีทำให้ตอนนี้ภายในห้องเหลือแต่พวกเราแต่เนื่องจากสายตาที่มองมาที่เพนกวิ้นตัวน้อยๆตั้งแต่เริ่มประชุมบ่งบอกได้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะเกิดภัยร้ายกับเพนกวิ้นตัวน้อยๆตัวนี้
สัญชาตญาณมันบอกให้ทำต่อไปนี้
“พ..พี่นายอนค่ะ เอ่อ...เดี๋ยวพี่จะไปไหนต่อหรอคะ”
1.เราต้องหาเพื่อนเราห้ามอยู่ตัวคนเดียว
“อืมม...คงหาที่แวะกินข้าวแหละนี่มันก็เลยมื้อเย็นมาแล้วด้วย”
นายอนก้มดูนาฬิกาพร้อมกับลูบท้องทำปากเบะนิดๆ
งื้อออน่ารัก(ด) จริงๆเลยค่ะ
“งั้นขอไปด้วยได้ไหมค่ะ...เอ่อ..คือ...เริ่มหิวแล้วเหมือนกันแต่ไม่ค่อยรู้ร้านอาหารอร่อยๆเลย
แนะนำหน่อยได้ไหมคะ?”
2.ต้องหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดถึงแม้ต้องแถหาเหตุผล....เหตุผลที่ปัญญาอ่อนแค่ไหนก็ตาม
“ได้สิคะ” นายอนยิ้มแบบนี้อีกแล้ว หัวใจจะละลาย
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะเพ้อ ต้องรีบหนีออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“มินะ” นั้นไง ดาฮยอนกดเสียงต่ำจนเสียวสันหลังวูบไปเลย
“พี่นายอนรีบไปเถอะค่ะ มินะหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว”
3.โกยเถอะโยม
ด้วยสถานการณ์มันพาไปเลยเผลอไปจับมือพี่นายอนและกึ่งจูงกึ่งลากให้ออกมาจากห้องประชุมให้เร็วที่สุด
พอออกมาไกลจากจุดเกิดเหตุณ์พอสมควรก็เริ่มเดินช้าลงๆจนกลายเป็นเดินปกติแต่ยังไม่ได้ปล่อยมือ...ไม่ได้ฉวยโอกาสนะแค่ลืมตัว
เมื่อนึกได้ยังงั้นก็ค่อยๆปล่อยมืออย่างนึกเสียดายและหัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อน
“มินะอยากกินแบบไหนดีละ?” พี่นายอนหันมาถามเมื่อใกล้จะออกบริษัท
“แบบไหนก็ได้ค่ะ เอาพี่ว่าเลย” เรื่องกินหนูไม่เกี่ยงค่ะ เลี้ยงง่ายดูแลง่าย
สนใจมาเป็นเจ้าของไหมคะ? ส่วนนี่พูดในใจนะ
“มีใกล้ๆบริษัทเราที่หนึ่ง
ร้านประจำพี่เลยเดินไปแปปเดียวก็ถึง อาหารอร่อยมากเลยนะ
แต่ละเมนู....พูดแล้วน้ำลายจะไหล”
มินะกำลังตั้งใจฟังอีกคนที่กำลังพูดถึงเรื่องของกินอย่างออกหน้าออกตา ทำเอามินะอดอมยิ้มไม่ได้กับภาพตรงหน้า
ผู้หญิงคนนี้มีอะไรหลายอย่างที่ทำให้เธอเผลอยิ้มได้ตลอดเวลา
ระหว่างทานข้าวมินะแทบจะไม่ได้โฟกัสอาหารที่กองอยู่ตรงหน้าแม้แต่น้อยแต่เธอกลับโฟกัสคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามมากกว่าและเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอเมื่อตอนนี้ทั้งสองคนทานข้าวเสร็จแล้วและกำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
เสียดายจังแหะอุส่าห์ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง(แบบไม่มีใครมาขัดขวาง)แต่เวลาดันเดินเร็วเกินไปนี่สิ
“แล้วมินะกลับยังไงละ เอารถมาเองหรอ?”
“ใช่ค่ะ พี่นายอนก็เอารถมาเองเหมือนกันใช่ไหมคะ?”
“อ่าห้ะ งั้นไปละนะบ๊ายบาย”
พี่นายอนโบกมือลาแล้วกำลังจะหันหลังกลับไป
“ด เดี๋ยวค่ะ!
เอ่อ...คือ
จะเป็นอะไรไหมถ้าอยากจะขอเบอร์พี่หน่อย...คือ..เผื่อจะได้คุยกันเรื่องงานอะไรแบบนี้อ่ะค่ะ”
ชั่งใจอยู่นานสุดท้ายก็พูดออกมาจนได้และพยายามหาเหตุผลถูๆไถๆเพื่อจะไม่ให้ดูโจ่งแจ้งเกินไป
“อืมได้สิ” นายอนหัวเราะกับท่าทีที่ดูเขินอายของมินะ
เสียงหัวใจในอกเต้นอย่างลุ้นระทึกระหว่างที่พี่นายอนกำลังกดเบอร์ลงบนมือถือมินะ
มินะจะรู้ตัวบ้างไหมนะว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอสีไม่ต่างจากลูกมะเขือเทศเลย
“อ่ะ เสร็จละ มีไรก็โทรมาได้ตลอดเลยนะ” นายอนยื่นโทรศัพท์ให้พร้อมกับโบกมือลาอีกรอบ
“ขอบคุณมากๆค่ะ” มินะก้มหัวเล็กน้อยและโบกมือตอบนายอน
"เอ่อ..เดี๋ยวคะพี่นายอน!"มินะเอ้ยเรียกอีกคนอีกครั้ง
"หื้ม?"นายอนหันหลังมาพร้อมยักคิ้วขึ้นสูงเชิงถามว่ามีอะไรรึเปล่า
"ฝ ฝันดีนะคะ" มินะพูดอย่างแผ่วเบาสายตามองแต่พื้นอย่างเขินอาย
"ฝันดีเหมือนกันค่ะ" นายอนยิ้มกว้างเผยฟันกระต่ายออกมาก่อนจะขึ้นรถและขับออกไป
“เยส! มินะแกทำได้แล้วโว้ย
แกทำได้แล้ววว!!” กรี๊ดร้องออกมาอย่างแต๋วแตก
ภาพลงภาพลักษณ์อะไรไม่รู้จัก ถ้าไม่เกรงใจลุงยามที่ต้องมาเช็คกล้องวงจรปิดเธอคงเต้นรำวงผีบ้าไปแล้ว
เวลาล่วงเลยไปหลายวันความสัมพันธ์ของเราสองคนก็ดีขึ้นถึงแม้มันจะอยู่ในสถานะเพื่อนร่วมงานก็เหอะ
ดีกว่าไม่ได้คุยกันเหมือนปีที่ผ่านๆมา แต่ยิ่งคุยกันมากขึ้นเท่าไรความรู้สึกที่เธอมีให้นายอนมันยิ่งมีมากขึ้น
เธอหลงใหลในตัวนายอนมากขึ้นและต้องการมากขึ้นเรื่อยๆแต่พอวันไหนที่ไม่ได้เจอกันวันนั้นทั้งวันเธอก็รู้สึกหงุดหงิดไปหมดถ้าเทียบพี่นายอนเป็นยาเสพติดที่อันตรายมากเธอก็พร้อมจะยอมเสพติดมันถึงแม้จะรู้ว่าตอนสุดท้ายอาจจะมีเธอฝ่ายเดียวก็ได้ที่คิดแบบนั้นและตอนนี้ก็เหมือนจะมีคนมายุ่งกับสารเสพติดที่เธออยากจะครอบครองไว้เพียงคนเดียว
“อ้าวเหมือนจะมีหมามาแย่งกระดูกแล้วละสิ”
“จะเข้าไปหรือยืนดูหมาตัวนั้นคาบไปดีนะ?”
ถ้าคุณคิดว่าสองประโยคเมื่อกี้คือเสียงในความคิดของฉันละก็
คุณคิดผิด มันคือเสียงอิเพื่อนตัวดีที่มายืนอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
คนยิ่งอารมร์เสียอยู่
“คราวนี้มินะจะทำอย่างไร
จะปล่อยให้หมาตัวอื่นมาคาบไปแล้วนกหรือไม่”
“โอ้วๆตอนนี้มินะเดินไปที่โต๊ะของนายอนแล้วครับ
เราจะมาดูกันว่ามินะจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้
โปรดติดตามช่วงหน้าอย่าพึ่งเปลี่ยนช่องไปไหนละครับ”
มินะเดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะนายอนโดยไม่สนใจเสียงของดาฮยอนกับจองยอนที่เหมือนกำลังพากย์อะไรสักอย่าง
ตอนนี้เธอสนใจแค่นายอน นายอนของมินะคนเดียว!!
มินะทำเป็นกำลังจะเดินผ่านโต๊ะนายอนแล้วทำเป็นเนียนเข้าไปร่วมในบทสนทนาด้วย
“คุยอะไรกันอยู่คะเนี้ย ดูน่าสนุกจัง”
มินะเดินเข้าไปแทรกสองคนนั้นที่กำลังคุยกันอย่างออกหน้าออกตาเหลือเกิน
“อ้าวมินะหรอ กำลังคุยเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์น่ะ
นานๆทีจะเจอแฟนพันธ์ด้วยกัน” นายอนกล่าวอย่างร่าเริงตัดกับมินะที่สตั้นไปสามวิ
ห..ห๊ะ แฮร์รี่พอตเตอร์? ไม่ใช่เธอไม่รู้จักหรอกนะ เธอแค่ไม่เคยดู
รู้แค่ว่าเป็นหนังพวกเวทมนต์แล้วมีเด็กที่มีรอยสายฟ้าตรงหน้าพากแค่นั้นแหละ
แค่นั้นจริงๆ…
“มินะชอบเรื่องนี้รึเปล่า?”
นายอนมองมาด้วยสายตาที่เหมือนมีแสงระยิบระยับออกมาเหมือนกระต่ายขอแครอท พี่นายอนอย่ามองด้วยสายตาแบบนั้นสิคะ ได้โปรด
มินะคนนี้จะไม่มีเรี่ยวแรงยืนแล้วค่ะ ทำไมพี่ชอบทำตัวน่ารักแบบนี้คะ แต่เดี๋ยว
หยุดก่อนๆ พี่นายอนถามว่าชอบไหม? เฉี๊ยบหายแย้ว
ไม่ได้ๆเราต้องไม่น้อยหน้าไอ้หมอนี้
“ชอบค่ะๆชอบมากๆด้วย” ยิ้มโชว์เหงือกตามสไตล์มินาริไปทีหนึ่ง
“จริงดิ! งั้นมาคุยด้วยกันไหม?
กำลังคุยเรื่องคาถาที่ชอบที่สุดอยู่เลย”.....ถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า(ยังคงผิดวง)
ถึงแม้หนูจะรักพี่มากแค่ไหนแต่หนูก็ต้องถอยค่ะ
ขนาดเรื่องยังไม่เคยดูแล้วคาถาจะรอดหรอ
ถ้าขืนอยู่ต่อคงได้ตอบว่าชอบคาถาคาปูชิโน่เอสเปรสโซ่โอริโอ้แน่ๆ
“น่าเสียดายจังพอดีมีงานด่วน เอาไว้คร่าวหน้านะคะ”โชคดีที่เผลอหยิบเอกสารอะไรไม่รู้ติดมือมาเลยเอามาอ้างได้
พี่นายอนก็คิ้วตกลงไปทันทีบึนปากเล็กน้อยอย่างน่ารัก ฮือออ
ถ้าพี่รักหนูพี่ไม่ควรจะฆ่าหนูด้วยวิธีแบบนี้
สุดท้ายมินะก็ต้องยอมเดินออกมาจากวงสนทนานั้นอย่างจำใจ
เมื่อถึงเวลาเลิกงานมินะก็รีบตรงดิ่งไปที่บ้านและเปิดแฮรรี่พอตเตอร์ในเว็บดูทันทีด้วยความไม่รู้ว่ามันมีกี่ภาคกี่ตอน
ก็ดูไปเรื่อยๆรู้ตัวอีกทีก็ปาไปตีสามแล้ว...ตีสาม!!
หลับดึกสุดของตอนนั้นแค่ตีหนึ่งยังเบลอทั้งวันนับภาษาอะไรกับตีสาม
อยากจะดูต่อให้จบต่อแต่พอรู้ว่าเหลืออีกหลายภาคก็ไม่อยากจะฝืนสังขารตัวเองเท่าไรเลยปิดแล้วไปอาบน้ำเข้านอน
แน่นอนว่าหลับดึกขนาดนั้นก็ต้องตื่นสายแน่นอน.... ตอนนี้ขาของเธอกำลังแข่งกับเวลาที่กำลังเดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่คิดจะหยุดรอ ตอนนี้เธอกำลังจะสาย อีกสองนาทีเธอจะเข้าทำงานสาย วิ่งเท่านั้นที่จะช่วยได้วิ่งประหนึ่งเคยเป็นนักกีฬาโอลิมปิคจะให้เธอมารอลิฟต์เธอคงได้เข้างานสายแน่ๆก็แค่วิ่งขึ้นมาแค่ห้าชั้นเอง แค่นั้นเองลดโลกร้อนไปในตัวดีจะตาย...
สุดท้ายพระเจ้าก็ทนเห็นภาพอันอนาถใจ(?)ไม่ไหวจึงทำให้เข้าทำงานทันเวลาได้อย่างฉิวเฉียด
เกือบไปแล้วไหมละ พนักงานดีเด่นเกือบเข้าทำงานสายเพราะเมื่อคืนมัวแต่ดูแฮรรี่เพื่อจะมาคุยกับสาวให้รู้เรื่อง....
สภาพตอนนี้ไม่ต่างจากหมาที่นั่งหอบจากการที่วิ่งไกลมาอาการใกล้ตาย
ง่วงก็ง่วง เหนื่อยก็เหนื่อย พอมาคิดดูอีกทีก็เริ่มจะอนาถกับตัวเองละเหมือนกัน
กับการเรียนหนูเคยทุ่มเทแบบนี้ไหมลูก?
กวาดสายตามองไปรอบๆหาพี่นายอนเพื่อที่จะคุยเรื่องที่เธอไปศึกษามาทั้งคืน
ที่รีบนี่ไม่ใช่อะไรหรอกกลัวลืม แต่พอมองหาแล้วกลับไม่เจอเลยต้องล้มเลิกความคิดไป
ว่าแต่หายไปไหนของเขานะ?
พอคิดถึงเจ้าตัวก็เดินเข้ามาในห้องพอดีแต่....ดันมีแขกไม่ได้รับเชิญเดินมาด้วย
ทั้งสองยังคงคุยกันสนุกสนานเหมือนอย่างเมื่อวาน
“โถ่ๆมินะผู้น่าสงสารสงสัยงานนี้จะนก”
จองยอนที่มาอยู่ข้างๆตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เอ่ยขึ้นมา
“ใช่ๆกวิ้นมึงสู้เขาไม่ได้หรอก ดูเขาสิทั้งหล่อ
สูงยาวเข่าดี ดูมีฐานะ ดูจะมัดใจหญิงได้ไม่ยากโดยเฉพาะกระต่ายตัวน้อยๆอย่างพี่นายอน”
ดาฮยอนก็เดินมาเสริม
“ย๊า!! ขอบคุณสำหรับกำลังใจแต่เสียใจนะพี่นายอนต้องเป็นของฉันคนเดียว!”
“ทำมาเป็นพูดดี ก็เห็นอยู่ชัดๆเนี้ยว่าแกมันนก
บินร้องจิ๊บๆอยู่กลางอากาศเนี้ย”จองยอนเบะปากเบาๆ
“แล้วมึงจะทำไง มีวิธีที่จะทำให้พี่นายอนมาสนใจคุณมึงหรอคะ~” ดาฮยอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่กวนเบื้องล่าง
“ม..มีสิ!......ฉันจะร่ายมนต์ให้พี่นายอนมารักฉันเอง!”
“โถ่มินะ มึงไม่น่าเลย โดนหักอกจนสมงสมองไปหมดเลย
ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพี่ดุ๊บจะอยู่ข้างน้องเอง โอ๋ๆ”
ดาฮยอนทำหน้าเศร้าใจเป็นอย่างมากเท่านั้นยังไม่พอยังมากอดปลอบอย่างสงสาร
ถ้าน้ำตาไหลเตรียมรับรางวัลตุ๊กตาทองได้เลย
“ปล่อยเว้ย!
เฮ้ยนี่พูดจริง ไม่เชื่อลองดู”
ก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงหลุดพูดแบบนั้นออกไป หลอนที่เมื่อวานดูแฮร์รี่ยันเช้าหรอ?
“อิมเปริโอ..”เสียงอันแหบพร่าเอ่ยคาถาที่เธอไปเสิร์ชเจอมาเมื่อวานว่าเป็นคาถาสะกดจิตใจออกมาเบาๆอย่างกระซิบ
นิ้วชี้ส่ายไปมาเหมือนเวลาพ่อมดร่ายมนต์สายตาจ้องเขม็งไปที่นายอนอย่างจริงจัง
.........
กา...กา...กา...
“ฮ่าๆๆๆๆ โอเคมินะมึงควรนอนพักผ่อนให้พอนะอย่าหักโหมทำงานมากนักละเพื่อนเป็นห่วง”จองยอนหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างเปิดเผยพร้อมตีไหล่เบาๆเชิงให้กำลังใจและเดินหัวเราะจากไปส่วนดาฮยอนก็ปิดปากกลั้นหัวเราะแล้วรีบวิ่งตามจองยอนไปเมื่อเห็นสายตาอำมหิตที่ส่งมา
ชิส์! ก็รู้อยู่แล้วตั้งแต่แรกแล้วละว่ามันจะเป็นแบบนี้ใครมันจะโดนสะกดจิตจากเวทย์มนต์ที่เอามาจากในหนัง
แต่ยังไงก็ช่างเหอะตอนนี้เธอแค่อยากให้คนที่นายอนคุยอยู่เป็นเธอแทนไอ้หน้าหล่อนั้นมากกว่า
ถ้านายอนหันมาสนใจฉันซักนิด พาไปเลี้ยงข้าวงี้ ไปเที่ยวกันสองต่อสองงี้(ไม่นิดละ)
ฉันยอมเป็นเบ๊ไอ้สองแสบนั้นเดือนเต็มเลยเอ้า! มินะยกกาแฟที่ซื้อมาก่อนจะเข้าทำงานยกดื่มอย่างไม่สบอารมณ์
“มินะ”
พรูดดดดด!
กาแฟที่พึ่งดื่มมันเข้าไปก่อนหน้านี้พุ่งออกมากระจายเป็นไอน้ำโชคดีที่ส่วนมากมันกระเด็นไปโดนต้นไม้ต้นเล็กๆของเธอ
ถือซะว่าเป็นการรดน้ำต้นไม้ไปในตัวละกัน แต่เสียดายซื้อมาแพงดันเอามาให้ต้นไม้กินแทน...
“แค่กๆๆ..ค
คะ?”คนที่เธอพึ่งคิดถึงในใจเมื่อกี้บัดนี้ได้มายืนอยู่ข้างหลังเธอเรียบร้อยแล้ว
“กลางวันนี้ไปกินข้าวด้วยกันไหม? พี่เห็นร้านเปิดใหม่ใกล้นี่”นายอนเอียงคอถาม
โอมายก็อด! นี่ฉันฝันไปรึเปล่าคะ พี่นายอนชวนฉันกินข้าว พี่นายอนชวนฉันกินข้าว!! ควรดีใจที่พี่นายอนชวนไปกินข้าวหรือต้องเสียใจที่ต้องเป็นเบ๊ไอ้สองคนนั้นดี
บ้าไปแล้ว ไม่ได้ๆ แกต้องตั้งสติมินะ แกจะให้พี่เขารู้ไม่ได้ว่าแกตื่นเต้นเพราะพี่เขาชวนกินข้าว
ไม่ได้ๆ หายใจเข้า หายใจอ...
“สรุปมินะจะไปกับพี่ไหมคะหื้ม?” K.O. ตายคาที่มารับศพทีค่ะ
“ป..ไปค่ะ
ไป”พยายามจะทำให้ดูปกติที่สุดเท่าที่ทำได้แต่คงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะตอนนี้หัวใจเต้นแรงเป็นจังหวะlike
ooh ah(ในที่สุดก็ถูกวง)เลยทีเดียว ไหนจะเหงื่อที่เริ่มออกตามมือ ดูก็รู้ว่าไม่ปกติ
“โอเคงั้นเดี๋ยวตอนกลางวันพี่จะมาหาที่โต๊ะนะ”
ด้วยความที่เขินอยู่เลยก้มหน้าก้มตาไม่ได้มองหน้าพี่นายอนจนนายอนเดินไปที่โต๊ะตัวเองเหมือนเดิม
“เฮ้ยมึงๆ เมื่อกี้พี่นายอนมาหามึงทำไมวะ?” โอโห้เรื่องเผือกขอให้บอกเร็วยิ่งกว่าเน็ต4Gก็ไอ้พวกนี้แหละ
“ทำมาเป็นยิ้มกรุ้มกริ่ม รีบๆบอกมาดิวะมัวแต่ลีลา”
“เออๆ พี่นายอนมาชวนไปกินข้าวกลางวัน”
ระหว่างที่พูดก็นั่งบิดไปบิดมาเหมือนปวดฉี่(?)ให้พวกนั้นหมั่นไส้เล่น
“ไม่น่าเชื่อ มึงฝันอยู่ป่ะเนี้ย เดี๋ยวกูตบปลุกมึงเอง”
จองยอนว่าพร้อมง้างมือออกมาพร้อมตบ
“เดี๋ยวๆอย่าพึ่ง!
กูก็ว่ากูฝันไปแน่ๆแต่กูขออยู่ในความฝันต่อเถอะถ้าเจอแบบนี้”
“งั้นก็เชิญอยู่ในความฝันไปคนเดียวเลย จองยอนเดี๋ยวเราก็ไปกินข้าวเที่ยงหรูๆอร่อยๆกันสองคนเถอะ ชิส์”
ดาฮยอนพูดอย่างงอนๆแล้วลากจองยอนไป
ณ
จุดๆนี้พนักงานดีเด่นอย่างเธอไม่มีกระจิตกระใจในการทำงานเลยสายตาเอาแต่มองนาฬิกาที่เดินอย่างช้าเหมือนเป็นตะคริวต่างจากตอนเช้าที่เธอรีบมาทำงานอย่างลิบลับ
และเวลาที่เธอเฝ้าคอยก็มาถึงเมื่อนายอนเดินมาสะกิดไหล่เธอถึงโต๊ะ
“มินะถึงเวลาแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ”กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆทำให้ใจเธอสั่นกว่ากาแฟเมื่อเช้าซะอีก
นายอนคือตัวอันตรายต่อหัวใจเธอจริงๆ
เมื่อถึงร้านพึ่งเปิดใหม่ที่นายอนแนะนำ นายอนก็สั่งอาหารให้เธออย่างเสร็จสรรพบอกว่าถ้ามาร้านนี้ต้องกินอันนี้ๆ เธอก็ไม่ได้ขัดอะไร อาหารอะไรเธอไม่สนหรอก เธอสนแค่พี่นายอนเท่านั้นแหละ ฮิ้วววว~มีความเสี่ยว
บรรยากาศบนโต๊ะระหว่างรออาหารเงียบยิ่งกว่าป่าช้า
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา พี่นายอนก็มองอย่างเหม่อๆไปนอกหน้าต่าง
ส่วนฉันก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเงยหน้ามามองหน้าพี่เขาเป็นช่วงๆ.....จะว่าไปวันนี้ทำไมเธอรู้สึกว่าพี่นายอนแปลกไป
ไม่ใช่ว่าพฤติกรรมที่แปลกนะ ถึงแม้จะแปลกแต่ก็น้อยกว่า
วันนี้เธอมีมีความรู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก เหมือนไม่ใช่พี่นายอน ความรู้สึกของเธอในวันนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนตอนที่อยู่กับนายอน แต่อะไรละที่แปลก..... ไม่มีอะไรหรอกมั้ง มึงอ่ะคิดมาก
เมื่ออาหารได้ถูกจัดวางบนโต๊ะจนเสร็จต่างคนก็ต่างกินจนมินะอดรู้สึกเซ็งไม่ได้
อย่างน้อยพี่นายอนก็ควรจะป้อนเธอบ้างแล้วแบบก็เช็ดอาหารที่มุมปากให้เหมือนในซีรี่ย์ทั่วๆไปและเหมือนพี่นายอนจะอ่านใจเธอออก
“มินะอ้าปากสิ อ้าม!” นายอนยื่นช้อนที่มีอาหารพูนมาเล็กน้อยมาจ่ออยู่ที่ปากของมินะ
ด้วยความตกใจและเขินอายทำให้มินะอ้าปากไม่กว้างนักอาหารบางส่วนเลยตกเลอะเทอะไปหมด
“ทำไมไม่กินดีๆละคะ ดูสิเลอะหมดเลย ขยับเข้ามาใกล้ๆเดี๋ยวพี่เช็ดให้”นายอนไม่พูดเปล่ายังออกแรงดึงปกเสื้อเล็กน้อยเมื่ออีกคนไม่ยอมขยับเข้ามาตามคำสั่งของเธอ
ตึกตักๆ
มินะคิดว่าตอนนี้เราคงใกล้กันมากที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมา
กลิ่นน้ำหอมที่ตอนแรกได้แค่กลิ่นจางๆบัดนี้กลิ่นหอมได้ฟุ้งกระจายไปทั่วยิ่งทำให้หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วแรงเพิ่มขึ้นอีก ถ้าให้เดาตอนนี้หน้าเธอคงแดงเอามากๆแน่
มินะเริ่มจะทำตัวไม่ถูกเพราะพี่นายอนยังเช็ดอาหารที่เลอะยังไม่เสร็จ
สายตาเจ้ากรรมนายเวรก็ดันไปเผลอสบตาคู่สวยนั้น แต่....
แปลก แปลกอีกแล้ว
สายตาพี่นายอนดูไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
ถ้าเป็นเมื่อก่อนป่านนี้เธอคงน็อคเอาท์ไปแล้ว สายตาพี่นายอนดูไม่มีแสงระยิบระยับเหมือนทุกที สายตาเหมือนไม่ใช่พี่นายอนคนเดิม สายตาของพี่นายอนตอนนี้ดูแน่นิ่งมากเหมือนโดนสะกดจิตยังไงยังงั้นแหละ
เดี๋ยวนะ!
สะกดจิตงั้นหรอ?...
บ้าหน่าไม่ใช่หรอก พี่นายอนจะโดนฉันสะกดจิตได้ไง
ฉันไม่ใช่พ่อมดแม่มดซะหน่อย
‘ถ้านายอนหันมาสนใจฉันซักนิด พาไปเลี้ยงข้าวงี้ ไปเที่ยวกันสองต่อสองงี้
ฉันยอมเป็นเบ๊ไอ้สองแสบนั้นเดือนเต็มเลยเอ้า!’
‘อย่างน้อยพี่นายอนก็ควรจะป้อนเธอบ้างแล้วแบบก็เช็ดอาหารที่มุมปากให้เหมือนในซีรี่ย์ทั่วๆไป’
ถ้าจะบอกว่าเหตุการณ์เหล่านั้นที่บังเอิ๊ญ
บังเอิญเกิดหลังที่เธอร่ายคาถานั้นพอดีมันก็จะดูมหัศจรรย์เกินไปไหม
แต่พอมาคิดๆดูแล้วหลังจากที่เธอร่ายคาถานั้นพี่นายอนก็เข้ามาคุยกับเธอก่อน
กลับกันถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีโมเม้นท์แบบนี้เกิดขึ้นแน่ๆ
แต่ถึงยังงั้นก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าพี่นายอนโดนสะกดจิต
ของแบบนี้มันต้องพิสูจน์แต่เธอจะพิสูจน์ยังไงดีละ?
‘ให้พี่นายอนจูบฉัน....งี้หร..’
ยังไม่ทันจะคิดจบใบหน้าที่ตอนแรกอยู่ใกล้กันอยู่แล้วก็ใกล้กันมากขึ้นโดยที่ริมฝีปากทั้งสองสัมผัสลงบนตำแหน่งเดียวกันแต่ทาบลงแค่แปปเดียวเท่านั้นพี่นายอนก็ถอยห่างกลับไปนั่งที่เดิมปล่อยให้เธอนั่งตัวแข็งวิญญาณหลุดลอยออกไปจากตัว
ยกมือขึ้นมาแตะปากที่เมื่อกี้พึ่งสัมผัสกับปากของนายอนอย่างไม่เชื่อตัวเอง
โอเคตอนนี้เธอฟันธงได้แล้วว่าพี่นายอนโดนเธอสะกดจริงแต่..
‘มินะแกจะกลัวอะไรละในเมื่อแกชอบพี่เขา
แกจะสั่งให้พี่เขาทำอะไรก็ทำได้ จะสั่งให้พี่เขารักแกยังทำได้เลย’
‘ไม่ได้นะมินะ ทำแบบนี้มันไม่ถูกนะ
ก็จริงอยู่ที่เธอสามารถสั่งอะไรกับพี่นายอนก็ได้แต่ถึงแม้ว่าเธอจะได้ตัวนายอนมาแต่เธอก็ไม่ได้ใจนายอนมาหรอก
สู้ให้พี่เขารักเธอจากหัวใจเขาจริงๆดีกว่าให้เขามารักเธอเพราะเวทมนต์บ้านั้น’
ตอนนี้เหมือนมีมารและเทวดามากระซิบอยู่ตรงที่หูทั้งสองข้างของเธอ
ความคิดของเธอตีกันไปหมด เธอจะเลือกอะไรดี?
แต่ถ้าเธอไม่สะกดจิตพี่นายอนพี่นายอนอาจจะไม่ได้รักเธอก็ได้
แต่ถ้าเธอสะกดจิตพี่นายอนต่อมันก็ไม่ต่างจากหุ่นเชิดที่มีไว้แค่บังคับให้ทำตามเท่านั้น.....
'แต่ถ้าแกไม่คว้าโอกาสนี้ไว้แกก็ต้องอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงที่ว่าพี่นายอนไม่สนใจแกเลย เป็นหมาหัวเน่าที่แกต้องเป็นฝ่ายเข้าหาทุกครั้ง'
แน่นอนคนเราทุกคนย่อมมีความเห็นแก่ตัว ซึ่งในตอนนี้มินะมีมันมาก ก็จริงที่มินะอยากได้พี่นายอน อยากครอบครองไว้คนเดียวไม่ให้ใครมายุ่ง อยากจะอยู่ในสายตาของพี่นายอนและตอนนี้เธอก็มีโอกาสที่จะทำให้มันเป็นจริง...
ไม่รู้ว่าเพราะเธอหน้ามืดตาลายหรือขาดสติทำให้ความเห็นแก่ตัวมันครอบงำจิตใจ
"ฉันขอให้พี่รักฉัน.....จูบฉันสิพี่นายอน"สิ้นเสียงของมินะนายอนก็เดินอ้อมมานั่งบนตักมินะพร้อมวาดแขนไปโอบคอออกแรงดึงเล็กน้อยให้ใบหน้าเราได้ใกล้กันมากขึ้น ริมฝีปากเนียนนุ่มมาบรรจบที่ตำแหน่งเดียวกัน มันไม่ได้อ่อนหวานและอ่อนนุ่มเหมือนครั้งแรกแต่มันร้อนแรงและโหยหา เหมือนตอนนี้มินะไม่มีสติให้ควบคุมตัวเองได้แล้วและทุกๆอย่างกำลังจะถล้ำลึกลงไปเกินกว่าที่จะดึงกลับมา
และเมื่อลมหายใจหมดทั้งสองก็แยกออกจากกันสายตาที่นายอนมองมินะต่างจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง สายตาที่หวานเยิ้มกำลังยั่วเย้าอีกคนได้เป็นอย่างดี มินะยกยิ้มอย่างดีใจก่อนจะกดสันจมูกไล่ไปตามซอกคอและเริ่มกัดจนเกิดเป็นรอยแดง จบพรบไล่ไปทั่วจนขึ้นมาประกบที่ริมฝีปากกันอีกครั้ง มินะยกยิ้มอย่างพอใจก่อนจะถอดจูบและไปจุ๊บตรงหน้าพากนายอนแทน
"รักนะคะ นายอนของฉัน"
- ทอร์ค กะ ไรท์ -
เริ่มแบบใสใสแต่จบแบบไสยไสยค่ะ คนเราย่อมมีด้านมืดเนาะ ฮ่าๆๆๆๆ
จบแล้วไปในส่วนของ #MinayeonThai1stFictionProject ยาวมากกก ยาวชนิดที่ว่านี่คือวันช็อตหรอ? ถถถถถ ในเรื่องนี้ไรท์ได้หัวข้อคืออิมเปริโอ คือ คำสาปสะกดใจ เป็นอีกหนึ่งในกลุ่มคำสาปโทษผิดสถานเดียว ใครที่โดนคำสาปนี้ จะถูกสะกดให้ทำตามคำสั่ง
เป็นเรื่องแรกที่ลองแต่งคอมมาดี้ไม่รู้ว่าขำหรือแป้กยังไงนะคะแต่ดูแล้วควรกลับไปแต่งสายดราม่าเหมือนเดิมต่อเหอะ555555
ขึ้นชื่อว่าฟาเจเป็นคนแต่งย่อมจบธรรมดาไม่ได้555555 เห็นคนอื่นเค้าดาร์กก็อยากจะดาร์กบ้างง่ะ
ยังไงก็ช่วยเม้นติหรือชมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะคะ
ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น สามารถมาพูดคุยกันได้ในแท็กทวิตเตอร์ #โถ่มินะ ได้เลยนะจ๊ะ มาเถอะค่ะอยากจะรู้จริงๆว่าแต่งเป็นไงบ้าง
สุดท้ายนี้ขอบคุณบ้านมินายอนไทยแลนด์นะคะที่จัดกิจกรรมสนุกๆแบบนี้และขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านหวังว่าฟิคเรื่องนี้จะทำให้คุณมีความสุขได้นะคะ~
สู้ๆ^^