ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BAD BOYZ

    ลำดับตอนที่ #2 : กลับตัวเป็นคนเลว

    • อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 51


    เดินกลับบ้านมาด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวสุด ๆ  ภาพที่อีฟยืนหัวเราะต่อกระซิกกับไอ้แม็กนั้น ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เห็นใครเดินเคียงคู่กันก็พาลเดินไปแทรกกลางจนเกือบโดน teen เพราะเห็นเป็นอีฟกับไอ้แม็กซะทุกครั้งไป อาการของผมนี่เข้าขั้นโคม่าแล้วใช่มั้ยเนี่ย

     "โอ๊ะ โอ่ ทำไมทำหน้าตาเหมือนหมาหงอยอย่างนั้นหล่ะ"
     เสียงแหบห้าวของผู้หญิงแถมพูดจากับผมแบบนี้ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ เมื่อหันหน้าไปทางขวา ก็เห็นใบหน้าส่วนหัวของหญิงสาวที่หน้าตาจิ้มลิ้มผิดกับนิสัยกำลังเอาหัวตัวเองเกยไว้บนกำแพงปูน

     เธอชื่อผิง อายุก็รุ่นราวคราวเดียวกับผมนั่นแหละ เธอย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับผมตอนผมอายุราว ๆ 7 ขวบ เราสนิทกันมาก ๆ เพราะว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกับพวกเรานั้นมีแต่ผู้ชายทั้งนั้นและก็ไม่มีใครยอมเล่นกับเธอสักคน นอกจากผม จนทำให้เธอติดผมยิ่งกว่าติดพี่ชายตัวเองเสียอีก  และก็บังเอิญสุด ๆ ก็ที่เธอย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านผมได้นั้น ก็เพราะว่าพ่อของไอ้โอ้เป็นคนแนะนำมา พ่อของผิงกับพ่อของโอ้ เป็นเพื่อนซี้กันตอนสมัยเรียนซึ่งตอนนี้ก็ยังซี้อยู่ ไงล่ะ แบบนี้เรียกว่าโลกมันแคบได้มั้ยเนี่ย 

     และนี่คงคิดว่าจะแกล้งผมอีกตามเคยนั่นแหละ ถึงได้มายืนหลบอยู่ในที่มืด ๆ แบบนี้

     ผิงย่นคิ้วเมื่อเห็นว่าผมไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตามที่สมควรจะเป็น ซึ่งโดยปกติแล้วเวลาผมเจอเธอทำแบบนี้ ผมก็จะผงะและโวยวายตกใจแทบซะทุกครั้ง ก็มันรู้ไงว่าผมนะโคตรกลัวผีเลย แต่ผมกลับถอนใจแล้วพาตัวเองที่กำลังจะหมดแรงเดินต่อไป ไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตามหลังมา

     "เป็นอะไรไปหน่ะ ปอม"  

     "...."

     "เป็นอะไรไปเหรอ"

     ผมไม่ตอบ กลับเดินตรงไปยังเก้าอี้ม้าหินที่อยู่ที่ใกล้ที่สุด และทิ้งตัวลงนั่ง   ผิงวิ่งตามมาและทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ผม โดยไม่ถามอะไรต่อ ผิงเป็นคนที่ไม่ชอบเซ้าซี้ใคร และเธอก็รู้นิสัยผมดีว่าว่าถ้าผมอยากจะเล่าก็จะพูดเองโดยไม่ต้องมีใครมาถาม  และตอนนี้ผมเองไม่อยากจะพูดอะไรทั้งนั้น อยากใช้สมองที่มีอยู่น้อยนิดทบทวนสิ่งที่ผมได้เผชิญมามากกว่า เผื่อว่าจะมีทางออกยังไงบ้าง 

     -เฮ้อ ก็ดันหลุดปากบอกไอ้เพื่อนตัวดีไปว่าจะทำตัวเลว แล้วจะทำยังไงดีหละทีนี้-

     "ปอม" 
     หลังจากที่นิ่งเงียบมานานผิงจึงเอ่ยปากเรียก

     "....."

     "ปอม"  
     ผมเหล่มองผิงด้วยหางตา

     "อะไร"

     "เป็นอะไรไปอ่ะ ทำไมถึงนิ่งผิดปกติล่ะ" 
     
     "ก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย"

     "ไม่จริงหรอก"

     "ไม่จริงยังไง"

     "บอกไม่ถูกอ่ะ ปกติแกไม่เคยเป็นอย่างนี้เลยนี่นา" 
     แล้วผิงก็จ้องหน้าผม สายตาเธอบ่งบอกอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียวว่าเธอรู้สึกแปลกใจมากจริง ๆ

     "ไหน หันหน้ามาดูชัด  ๆ อีกทีสิ" 
     ว่าแล้วผิงก็ใช้มือทั้งสองข้างจับหน้าผมให้หันมาเผชิญหน้ากับเธอ เธอจ้องมองในดวงตาผมอย่างค้นหาอะไรบางอย่าง

     "ทำอะไร" 
     ผมดึงมือผิงที่ประกบหน้าผมเป็นแซนวิชออกไป

     "โดนหักอกมาอีกล่ะสิ"

     เงียบเป็นเป่าสาก คำถามมันแทงใจดำอย่างแรง นี่ผิง มีญาณพิเศษอะไรหรือเปล่าเนี่ย ถึงได้รู้ดีนัก ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     "อกหักอะไร๊ ใครโดนหักอก" 
     เสียงผมนี่มันสูงผิดปกติไปหรือว่าฟังแล้วดูร้อนรนไปหรือเปล่านะ  ผมรีบหันหน้าหนีไปทางอื่น เพราะกลัวว่ายัยผิงจะจับผิดอะไรมากไปกว่านี้

     "ไม่ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เลย แกคิดว่าฉันดูแกไม่ออกหรือยังไงกัน"

     "....."

     "ใช่ผู้หญิงผอม ๆ ที่ผิงเคยเจอที่สยามหรือเปล่า   ที่ชื่อ อืม...อ๋อ อีฟป่ะ" 
      นั่นแหละ  คนนั้นแหละ

     "ทำไมถึงเลิกกันได้หล่ะ เพิ่งคบกันเองไม่ใช่เหรอ" 
     
     'ก็เพราะว่าฉันดีเกินไปยังไงหล่ะ'
     โปรดสังเกตุว่ามันเป็นแค่ความคิด ใครเค้าจะไปป่าวประกาศถึงเหตุผลทุเรศ ๆ แบบนั้นออกมาให้คนอื่นรู้ได้ยังไงกัน

     "เอาน่า ไม่ต้องเศร้าไปหรอก แกออกจะหล่อซะขนาดนี้หาใหม่ได้ง่าย ๆ อยู่แล้วเชื่อสิ"
     ผิงตบมาที่ไหล่ผมเบา ๆ

     ผมรับคำในลำคอ แล้วเอนหัวลงไปพิงที่หัวไหล่ผิง จากนั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันต่อ สมองผมกำลังประมวลอย่างหนักว่าจะเอายังไงกับสิ่งที่ตัวเองพูดไปแล้วดี ใจนึงก็อยากจะเล่าให้ผิงฟังและแน่นอนว่าผิงคงไม่เห็นด้วยเป็นแน่

     "นี่ถามจริง ๆ เหอะผิง ผู้ชายดี ๆ ผู้หญิงเขาไม่ชอบกันหรือไง"

     "ว่าแล้วเชียว...มันเป็นข้ออ้างหน่ะ เขาก็แค่อยากเลิกกับเราไปหาคนใหม่ก็เท่านั้นแหละ"

     "พูดเหมือนไอ้โอ้เลย...แล้วทำไมเขาไม่บอกเราตรง ๆ เลยหล่ะ ว่าไม่อยากคบกับเราแล้ว อยากไปคบกับคนอื่น เบื่อ หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เพราะคำพูดนี้หน่ะ"

     "ถ้าเขาพูดว่าเป็นเพราะเหตุผลอื่นๆแบบที่แกว่าจริงๆแล้วแกมั่นใจตัวเองมั้ยล่ะว่าจะไม่เฮิร์ทอย่างนี้"

     ผมนิ่งไปเพราะคำพูดของผิง มันก็จริงอยู่ ถ้าเกิดเขาพูดแบบนั้นขึ้นมาจริง ๆ ผมก็รับประกันตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าจะไม่เฮิร์ทมากไปกว่านี้หรือเปล่า

     "และไม่ต้องคิดเลยน่ะ ว่าเขาจะพูดให้เรารู้สึกดี เขาแค่พูดเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกผิดก็เท่านั้นแหละ"

     ในสิ่งที่ผิงพูด ผมก็พอจะเข้าใจได้น่ะ แต่ก็แค่ข้องใจว่าทำไม คนเลว ๆ อย่างไอ้แม็กถึงได้สมหวังกับความรักได้ล่ะ

     ทำไม!! พระเจ้าถึงไม่ยุติธรรมเอาซะเลย

     
      

     "หาวววววว"

     ผมหาวอ้าปากกว้าง โดยไม่สนใจสายตาของเจ๊ไฝ ที่จ้องมายังผมอย่างตำหนิ  เจ๊ไฝที่ผมว่านี้ คืออาจารย์ รัศมี อาจารย์ประจำวิชาประวัติศาสตร์สุดโหด สาเหตุที่ผมเรียกเจ๊แกแบบนี้ก็เพระว่าที่หน้าเจ๊แกมีไฝเม็ดเป้งติดอยู่ที่ปลายคางนะสิ

     ผมก้มดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง อะไรกัน นี่เพิ่งจะเรียนคาบนี้ไปได้แค่ 10นาทีเอง ผมนึกว่าปาเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะเนี่ยโอ๊ย น่าเบื่อจริง ๆ ผมอยากรู้นักว่าใครกันเป็นคนจัดตารางเรียนให้วิชาประวัติศาสตร์อันแสนน่าเบื่อ มาอยู่คาบแรกได้เนี่ย

     เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมาตะหงิด ๆ แล้ว เมื่อคืนนี้ผมก็นอนไม่ค่อยหลับ กระสับกระส่ายไปมา สาเหตุก็เพราะภาพบาดตาบาดใจที่ผมเห็นผู้หญิงของผม เอ่อ อดีต ผู้หญิงของผม เดินเคียงคู่ไปกับผู้ชายคนใหม่หลังจากเลิกกับผมได้แค่ 1วันเท่านั้นและพาลทำให้ผมคิดไม่ตกกับสิ่งที่ผมได้ลั่นวาจาบอกไอ้โอ้ไปว่าผม -จะกลับตัวเป็นคนเลว-

     ผมไม่รู้ว่าผมคิดผิดหรือคิดถูกกันแน่ที่จะทำอย่างนั้น หรืออาจจะเป็นเพราะว่า ผมเมาเป็บซี่เหมือนอย่างที่ไอ้โอ้มันว่าก็ได้ละมั้ง ถึงทำให้พูดอะไรออกมาโดยไม่ยั้งคิดแบบนั้น

     แล้วอีกอย่าง  ผมก็ไม่รู้ว่าในสายตาของผู้หญิง ความเลวของผู้ชายที่นอกจากจะเจ้าชู้ คบผู้หญิงทีเดียวหลาย ๆ คนแล้วยังพอจะมีอะไรอีกบ้าง ผมคิดไม่ตกจริง ๆ

     "หาวววววว"

     ไม่ไหวแฮะ ผมรู้สึกง่วงจนทนไม่ไหวแล้ว ตาของผมเริ่มปรือ และหรี่ลง หรี่ลงไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดผมก็ได้ไปเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าบนสรวงสวรรค์  คร่อกฟี้ 

     .
     .
     .
     โป๊ก

     ผมสะดุ้งเฮือก และยกมือกุมหน้าผากเอาไว้พร้อมกับถูไปมา สัปหงกจนได้เรื่อง หน้าผากของผมกระแทกลงไปที่โต๊ะเรียนอย่างแรง ผมไม่รู้ว่าหัวผมลงไปอีท่าไหน แต่ผมรู้อย่างเดียวว่า เหตุการณ์เมื่อกี้นี้มันเหมือนกับว่าผมตกเหวลึกลงไป 100 เมตรได้ละมั้ง

     "เจ็บ...ฉิบ"

     ผมรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ และยังคงถูหน้าผากไปมาและผมก็เริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องเรียนแปลกไป ผมจำได้คลับคลายคลับคลาก่อนผมจะหลับไปสัก 10วินาทีว่า เจ๊ไฝแกสั่งให้ไอ้ต๊อด หัวหน้าห้องคนเก่ง ยืนอ่านคำถามท้ายบท แต่จู่ ๆ เสียงไอ้ต๊อดกลับขาดหายไป

     ผมค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา และก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นสายตาของเพื่อน ๆ ในห้องทั้ง 30 กว่าชีวิตหันมามองที่ผมกันเป็นตาเดียว ในเมื่อเพื่อน ๆ หันจ้องมองกันแบบนี้แล้ว ก็คงไม่รอดพ้นสายตาของเจ๊แกด้วย ผมเบนสายตาไปยังหน้าเจ๊แกที่ยืนอยู่หน้าห้องและส่งยิ้มแห้งๆ ให้ แต่ผมรู้ว่าแกคงไม่ชอบรอยยิ้มผมเท่าไหร่ ยิ่งดูจากสีหน้าของแกแล้วด้วย 

     "นายปริวัตร...เธอกล้าดียังไงถึงหลับในชั่วโมงเรียนของฉัน!!"
     ผมก้มหน้างุดเมื่อเจ๊ไฝแกแผดเสียงที่ผมคาดว่ามันคงเกิน 85 เดซิเบลที่หูของคนเราจะรับได้ออกมา

     ผมเหลือบมองอาจารย์รัศมีเล็กน้อย แกมีใบหน้าโมโหมาก ๆ ยังกับว่าไอ้เรื่องที่ผมทำลงไปเมื่อกี้ เป็นเรื่องคอคาดบาดตายอะไรอย่างนั้น  แต่พอคิดไปคิดมา ผมว่าอาจารย์คงจะรู้สึกเสียหน้าเอามาก ๆ เพราะว่าไม่มีนักเรียนคนไหน กล้าหลับในชั่วโมงเรียนของเจ๊แกเลยสักคนเดียว ขอย้ำ สักคนเดียวก็ไม่เคยมี เท่าที่แกสอนที่นี่มา 10 กว่าปีได้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เป็นคนแรก และคาดว่าอาจจะเป็นคนสุดท้ายด้วย

     "ผมขอโทษครับอาจารย์"
     ผมเอ่ยเสียงเบา ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังคงก้มหน้าอยู่

     "หึ หึ หึ"
     ผมก็ได้ยินเสียงอะไรบาง ๆ อย่างดังมาจากโต๊ะเรียนข้าง ๆ ผมค่อยมองเหล่ไปด้วยหางตา และก็เห็นว่า ไอ้โอ้มันกำลังหัวเราะเยาะผมอยู่

     ดู๊มัน ดูมันหัวเราะได้ใจมากเลยนะนั่น แถมยังมีน้ำตาเล็ดออกมาอีกด้วย ถ้าไม่ติดว่ามีเจ๊ไฝอยู่ในห้องด้วยละก็มันคงระเบิดเสียงหัวเราะที่มันอัดอั้นเอาไว้ออกมาเป็นแน่

     "ไอ้การนั่งเรียนมันคงทำให้เธอสบายเกินไปใช่มั้ย ฮึ นายปริวัตร ..งั้นเธอก็หยิบหนังสือไปยืนเรียนหลังห้องแก้ง่วงไป๊!!"

     กรรมของผม โดนทำโทษจนได้ ว่าแล้วผมก็หยิบหนังสือเล่มหนาเตอะเดินออกไปยืนหลังห้องแต่โดยดี ขืนเล่นแง่กับแกผมคงไม่ได้หยุดอยู่แค่หลังห้องหรอก แกอาจจะทำอะไรรุนแรงกับผมก็เป็นได้ ไม่อยากจะคิด

     และผมก็ยังเห็นไอ้โอ้มันหัวเราะผมอยู่ ผมอยากจะหันไปซัดมันสักผัวะ แต่ผมก็ได้แค่คิด -ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ไอ้เพื่อนยากส์-


     หลังจากที่ผมกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ผมก็มานั่งอยู่ที่ม้าหินที่ประจำ พร้อมกับนั่งนวดขาของตัวเองไปด้วย เมื่อยชะมัด ทุกท่านคงจะแปลกใจ กับอีแค่โดนทำโทษให้ยืนเรียนหลังห้องนั้นทำไมถึงต้องมานั่งนวดแก้เมื่อยพร้อมบ่นกระปอดกระแปดแบบนี้  แต่ถ้าเจ๊ไฝแกเป็นอาจารย์แสนธรรมดาเหมือนอาจารย์คน ๆ อื่นเขาคงก็ไม่แปลกอะไร

     แต่นี่!! แกเป็นเจ๊ไฝจอมเขี้ยว จอมโหด ที่นักเรียนทุกคนต่างพากันเกรงกลัว เจ๊แกคงแค้นผมสุด ๆ ทั้ง ๆ ที่หมดคาบเรียนของแกแล้วแท้ ๆ แต่แกก็ยังไม่วายเป่าหูอาจารย์ประจำวิชาที่สอนผมคาบเช้าทั้งหมด ให้ทำโทษผมเหมือนกับที่แกทำด้วย 

     "อาจารย์ค่ะ คือว่า ช่วยให้นายปริวัตรยืนอยู่อย่างนั้นก่อนได้ไหมค่ะ คืออิฉันกำลังทำโทษแกค่ะ แต่ว่าคาบเรียนวิชาของอิฉันคงไม่พอที่จะทำให้นายปริวัตรรู้สึกจำและเข็ดในสิ่งที่ทำไปได้ ยังไงก็ขอรบกวนด้วยนะค่ะ"

     นั่นแหละ คือสิ่งที่เจ๊แกพูด ไม่ต้องเดาเลยครับพี่น้อง ว่าอาจารย์คนอื่น ๆ จะทำยังไง ก็เออออห่อหมกไปกับเขาด้วยนะสิครับผมเลยต้องยืนตั้งแต่คาบแรกจนถึงคาบสุดท้ายก่อนพักเที่ยง

     "ไอ้ปอม เป็นไงบ้างว่ะ"
     ไอ้โอ้มันเอ่ยทักพร้อมกับเดินมานั่งลงข้าง ๆ ผม

     "ไม่ต้องทำมาเป็นพูดดีเลยเมื่อกี้นายยังหัวเราะเยาะฉันอยู่เลยไม่ใช่เหรอไง" ตบหัวแล้วลูบหลังหรือไงฟ่ะ 

     "ก็มันขำจริง ๆ นี่หว่า"

     "อย่าให้โดนมั่งน่ะมึง  ฉันจะหัวเราะยิ่งกว่าแกในวันนี้อีกเป็น 100 เท่า" 
     ผมขู่อาฆาตมัน แต่รู้สึกว่ามันจะไม่กลัวคำขู่ของผมสักเท่าไหร่ มันกลับแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกผมด้วยอีกต่างหาก  ไอ้เวรนี่ มันเป็นเพื่อนที่น่ารักน่ากระทืบมากเลยนะเนี่ย ว่าม่ะ

     "ไง ไอ้เจ"
     ผมไม่สนใจกับท่าทีที่แสนสะใจของมัน และหันไปทักบุคคลหนึ่งที่เดินมาพร้อมกับไอ้โอ้ตั้งแต่แรก มันชื่อ เจ อยู่ ม.5/4

     มันไม่ตอบกลับพยักหน้าให้ผมเฉย ๆ ผมก็ไม่ใส่ใจนัก เพราะผมไม่ได้สนิทสนมอะไรกับมันนักหรอก แต่มันสนิทกับไอ้โอ้เพราะว่าชอบเหล่หญิงด้วยกันเป็นกิจวัตร

     "แล้วเรื่องที่นายบอกเมื่อวานตกลงเอาจริงแน่ใช่ม่ะ"

     "ก็จริงสิว่ะ"
      ผมเป็นคนพูดจริงทำจริงเสมอ  แต่ก็เริ่มชักจะไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันแฮะ

     "ก็ดีเลย ที่ฉันชวนไอ้เจมาเนี่ย ก็จะให้มันมาแนะนำวิธีทำตัวเป็นเพลย์บอยให้"

     "เฮ้ย นายเอาเรื่องของฉันไปเล่าให้คนอื่นฟังได้ยังไงว่ะ"
     ผมต่อว่ามัน ไอ้เวร มันหัวเราะเยาะผมคนเดียวไม่พอใช่ม่ะ ถึงเอาเรื่องของผมไปพูดให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะผมด้วย แค่มันคนเดียวผมก็เกินจะทนแล้วนะ

     "เอ๊า ถ้าไม่เล่าแล้วฉันจะหาทางช่วยให้นายได้ยังไงว่ะ"

     "ตกลง พวกนายจะเอายังไงกันแน่ เสียเวลาฉันนะเว้ย"
     ไอ้เจพูดแทรกขึ้นมา มันคงเบื่อที่จะต้องมาฟังผมกับไอ้โอ้เถียงกันแน่ ๆ

     "เออ ก็อย่างที่บอกนายเอาไว้นั่นแหละ"
     โอ้หันไปตอบคำถามของไอ้เจ

     "ไอ้ปอม ฉันอุตส่าห์ไปขอร้องให้ไอ้เจมันมาช่วยนาย นายยังจะปฏิเสธความหวังดีของฉันหรือไงว่ะ" ผมถอนใจออกมาบาง ๆ ผมก็รู้สึกซึ้งใจมันเหมือนกันที่มันหวังดีกับผม  แต่ต้องให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะผมแบบนี้ ผมไม่ขอรับความหวังดีมันจะดีกว่ามั้ย

     ผมเลิกคิ้วมองหน้าไอ้โอ้ สลับไปมากับหน้าไอ้เจ ที่กำลังจ้องมองมาเพื่อรอคำตอบจากปากผม ว่าผมจะตัดสินใจเอายังไงดีแน่และผมจะเอายังไงได้ครับ ก็ไอ้โอ้มันเล่นทำหน้าแบบว่าจะฆ่าผมได้ในทันทีถ้าผมปฏิเสธมัน ผมก็ต้องปล่อยเลยตามเลยไปนะสิ

     ในที่สุดผมก็มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีกคนหนึ่ง ที่จะมาช่วยให้ผม กลับตัวเป็นคนเลว ได้อย่างที่ผมได้ลั่นวาจาออกไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×