[SF] YeRyeo ... X' Mas Eve - [SF] YeRyeo ... X' Mas Eve นิยาย [SF] YeRyeo ... X' Mas Eve : Dek-D.com - Writer

    [SF] YeRyeo ... X' Mas Eve

    โดย mine_be

    การรอคอยใครซักคน อาจเป็นความหวังสุดท้ายของใครบางคน

    ผู้เข้าชมรวม

    368

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    368

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    9
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 มี.ค. 58 / 11:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    การรอคอยใครซักคน ที่ไม่มีอะไรให้มั่นใจได้เลยว่าจะสมหวัง มันดูโง่มากๆเลยสินะ ผมรู้ แต่ผมก็ระรอต่อไป จะรอจนลมหายใจสุดท้ายของผม

    .
    .
    .
    .
    .
    .

    เรียวอุค
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      [SF] YeRyeo… X’ Mas Eve.

       

       

                  การรอคอยใครบางคน อาจจะเป็นความหวังสุดท้ายของใครอีกคน

       

       

                  หิมะในวันคริสต์มาสอีฟ หิมะที่ร่วงหล่นลงมาเป็นเพื่อนเขาในเวลานี้ เรียวอุค เด็กหนุ่มตัวเล็กแห่ง Super Junior นั่งกอดเข่าอยู่ริมหน้าต่าง 5ทุ่ม 50 นาทีแล้วแต่คนที่เขาอุตส่าห์หนีงานที่มีมากจนแทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อน แล้วรีบกลับมาจากจีน เพื่อจะมาเซอร์ไพรส์คนรักที่บอกว่ายุ่งมากจนไม่สามารถไปฉลองวันคริสต์มาสกับเขาที่จีนได้ แต่นี่เขานั่งมาเกือบจะหมดวันอยู่แล้วหากแต่ว่าก็ยังไม่ได้เห็นหน้าคนที่เขารอคอย ไวน์กับอาหารที่เขาทำเองกับมือยังถูกวางไว้ที่เดิม

       

                  อาการเหงาซึมของคนตัวเล็กไม่ได้รอดพ้นสายตาของทุกคนที่อยู่ในหอพักนี้หรอก เห็นใจเรียวอุคมากที่ต้องมานั่งรอความหวังที่ริบหรี่ และหลังจากที่นั่งอึดอัดมานานทุกคนจึงพากันขึ้นไปที่ห้องของคนตัวเล็ก ยืนเถียงกันอยู่นานว่าใครจะเป็นคนเข้าไปสุดท้าย อีทึก ที่เป็นลีดเดอร์ของวงก็เปิดประตูเข้าไป เสียงเปิดประตูทำให้คนที่นั่งซึมอยู่ริมหน้าต่างหันมามองด้วยคิดว่าอาจเป็นคนที่เขารอคอย แต่เมื่อไม่ใช่เยซอง ใบหน้าหวานที่เปื้อนยิ้มเมื่อครู่ก็วูบหม่นลงทันที

       

                  “เรียวอุค”

                 

                  “.........”

       

                  “เอ่อ... คือนี่ก็ดึกมากแล้วใกล้จะคริสต์มาสแล้วด้วยออกไปฉลองกับพวกเราเถอะ”

       

                  “ไม่ล่ะครับ พวกพี่ไปฉลองกันเถอะครับ อย่าให้ผลต้องเป็นตัวถ่วงความสนุกของทุกคนเลย ผมจะรอพี่เยซอง”

       

                  “แต่ว่า...”

       

                  “ผมอยู่คนเดียวได้ครับ”

       

                  “เฮ้อ!

       

                  อีทึกถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองคนที่หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป นึกโกรธเยซองที่จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมกลับมา ทั้งๆที่เขาบอกไว้แล้วว่าจะไปฉลองวันคริสต์มาสร่วมกัน

       

                  “เป็นไงบ้าง?”

       

                  ส่ายหัวให้กันคำถามของ ซินเดอเรลล่า ประจำวง ที่ดูจะใจร้อนเป็นห่วงคนที่อยู่ในห้องมากกว่าใครเพื่อน

       

                  “ฉันจะไปฆ่าไอ้เยซอง!

       

                  “ใจเย็นน่าซิน มันอาจจะมีธุระสำคัญก็ได้”

       

                  “มันก็น่าจะรับโทรศัพท์กันบ้างสิ นี่อะไร... โทรไปตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมันก็ไม่ยอมรับสาย ถ้าฉันเป็นเรียวอุคนะ ฉันกลับไปนานแล้วไม่มาอยู่รอให้เจ็บปวดอย่างนี้หรอก ตัวเองอุตส่าห์บินกลับมาทั้งๆที่งานก็เยอะ เหนื่อยสายตัวแทบขาด”

       

                  “ฉันเป็นห่วงเรียวอุคจังทึกกี้ ฉันไม่อยากทิ้งเขาไว้ แล้วพวกเราก็ไปสนุกกันอย่างนี้เลย”

       

                  คังอินพูดอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ ทุกคนเห็นด้วยกับคังอิน แล้วปานประตูที่เพิ่งถูกอีทึกปิดไปก็เปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับร่างเล็กที่เดินออกมา ดวงตาบวมแดงกับหยาดน้ำตาที่นังเกาะอยู่ที่ขนตา ฟ้องว่าเจ้าตัวเพิ่งผ่านการร้องไห้มา

       

                  “พวกพี่ๆไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ ผมบอกแล้วว่าอยู่คนเดียวได้ ผมไม่อยากทำให้ทุกคนไม่มีความสุข อย่าให้ผมต้องรู้สึกแย่ไปกว่านี้เลยนะครับ”

       

                  “แต่ว่าพวกเราอยากให้...”

       

                  “ผมจะรอเค้าเองครับ”

       

                  “เยซองมันอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้นะ”

       

                  “ครับ”

       

                  “งั้นพวกเราไปก่อนนะ แล้วพวกเราจะรีบกลับ ดูแลตัวเองด้วย อย่าคิดมากรู้ไหม ฉันไปไม่นาน แล้วจะรีบกลับมา”

       

                  อีทึกปลอบใจแล้วจึงพากันออกไปฉลองวันคริสต์มาสที่รอคอย ยืนมองจนอีทึกออกไปเป็นคนสุดท้าย แล้วน้ำตาที่เขาเพิ่งจะเช็ดมันออกก็ไหลมาใหม่อย่างง่ายดาย ขาไม่มีแรงแม้แต่จะยืนร่างบางทรุดลงหน้าประตูห้อง อีก 5 นาที ความหวังที่จะฉลองคริสต์มาสกับเยซองเป็นคนแรก เริ่มริบหลี่ลงเรื่อยๆ

       

                  โทรศัพท์เครื่องหรูถูกหยิบขึ้นมาปลดล็อก หน้าจอสว่างวาบโชว์ภาพหน้าจอที่เป็นรูปคู่ของเขากับคนรัก มือบางกดเบอร์ที่จำได้ขึ้นใจแล้วโทรออกอีกครั้ง

       

                  ติดต่อได้ แต่ไม่รับสาย

       

                  เหมือนมีอะไรมาสูบเรี่ยวแรงที่มีออกไปจนหมด เรียวอุคนั่งเอาหน้าซบหัวเข่าร้องให้อย่างหนัก เขากับเยซองคนรักไม่ค่อยได้เจอกันเพราะเขาอยู่ที่จีน ความรักที่ไม่ค่อยหวือหวาเหมือนคู่อื่นๆก็ดูจะลดลงเรื่อยๆ ไม่เหมือนคู่อื่นๆที่ยังรักกันหวานชื่น

       

                  ซีวอนก็โทรคุยกับพี่ฮีซอลทุกวัน อึนฮยอกก็ไปฉลองกับฮันคยองที่อยู่ที่จีนอยู่แล้ว ดงเฮก็อยู่ฉลองกับคิบอมที่บินไปหาถึงจีน ส่วนคยูฮยอนกับซองมินนั่นยิ่งได้ไปทำงานด้วยกันก็ดูเหมือนจะรักกันหวานชื่นกว่าเดิม แล้วเขาล่ะ เขาอุตส่าห์รีบเคลียร์งานแล้วบินกลีบมาที่เกาหลี หวังว่าจะได้มาซอร์ไพรส์และฉลองวันคริสต์มาสด้วยกัน แต่อีกคนกลับไปทำอะไรอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ ไม่มีอะไรให้มั่นใจเลยว่าความรักของเขายังอยู่ดี

       

                  กลับเข้าไปนั่งรอในห้องจนเวลาล่วงเลยผ่านเข้าวันใหม่ เสียงเปิดประตูหอพักเข้ามาทำให้เรียวอุคยืนขึ้นแล้วเช็ดน้ำตาออกไปลวกๆ เพราะคิดว่าพี่ๆในวงคงกลับมากันแล้ว แต่เสียงที่เงียบเกินไป ทำให้ต้องเดินลงไปดู ในใจแอบหวั่นว่าอาจจะเป็นขโมยเลยคว้าร่มที่วางอยู่ใกล้ๆติดตัวมาด้วย ทันทีที่ลงบันใดมาก็เจอกันร่างของคนรักที่ไม่ว่าจะมองผ่านความมืดมิด ผ่านม่านน้ำตา หรืออะไรยังไงเขาก็ไม่มีทางที่จะจำไม่ได้

       

                  “พี่เยซอง!

       

                  ปล่อยร่มในมือทิ้ง แล้วรีบเดินเข้าไปหา แต่กลิ่นเหล้าที่โชยออกมาจากคนที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่ที่โซฟา ทำให้เขาหยุดกึก

       

                  นี่เยซองเมามาหรอกเหรอ เขามารอฉลองคริสต์มาสด้วยกันจนข้ามวันข้ามคืน แต่คนที่เขาเฝ้ารอกลับออกไปกินเหล้าจนเมามายไม่ได้สติ จะมีใครโง่เท่าเขาอีกหรือเปล่า ที่มานั่งรอคนเมา ถ้าเขาอยู่ที่จีนเขาคงจะไม่เสียใจเท่านี้

       

                  ถึงจะเสียใจยังไง แต่ก็ยังเดินเข้าไปจัดท่านอนของคนรักให้นอนสบายขึ้น เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใหม่ ก่อนจะถอยห่างออกมา เขาเหลือเวลาอีกไม่มาก ตารางงานในวันคริสมาสของเขาในวันนี้เริ่มตั้งแต่เช้า เขาต้องบินกลับไปที่จีนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว เขาไม่มีเสื้อผ้าให้ต้องเก็บ

       

                  เดินกลับขึ้นห้องไปหยิบเทียนตั้งโต๊ะและไวน์ในห้องลงมาวางไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟา  จุดเทียนแล้วรินไวน์ใส่แก้วสองใบ

       

                  “เมอรี่คริสต์มาส นะครับพี่เยซอง”

       

                  ก้มลงจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากหนา น้ำตาที่เพิ่งหายไปไหลลงมาอีกครั้ง เขาเขียนบางอย่างใส่กระดาษโพสต์อิสแล้วแปะไว้ที่แก้วไวน์ ก่อนจะคว้าเสื้อโค้ทตัวหนาออกไปจากหอ ปิดประตูแผ่วเบา เพราะไม่อยากรบกวนอีกคนที่นอนอยู่

       

       

       

                  หลังจากที่เรียวอุคออกไปไม่นาน คนที่พากันออกไปฉลองวันคริสมาส ก็พากันกลับมาเพราะเป็นห่วงคนตัวเล็กที่ปล่อยทิ้งไว้ที่หอคนเดียว กับสภาพจิตใจที่ไม่ค่อยดีนัก แต่พอเข้ามาในหอพักก็เจอตัวการที่ทำให้วันนี้วุ่นวาย นอนหลับสนิทอยู่ที่โซฟา บนโต๊ะหน้าโซฟามีแก้วไวน์กับเชิงเทียนที่เทียนถูกจุดไว้ประมาณครึ่งเล่มแล้ว

       

                  นี่มันของที่อยู่ในห้องเรียวอุคนี่นา แล้วเจ้าตัวหายไปไหน?...

       

                  “เรียวอุค!

                 

                  “..........”

       

                  “เรียวอุค!

       

                  “..........”

       

                  ไม่มีเสียงตอบรับดังออกมาจากซอกไหนของหอ ฮีซอลเลยหันหน้าไปพึ่งคนข้างๆที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด

       

                  “ชินดง... นายไปดูเรียวอุคบนห้องซิ!

       

                  “ได้!

       

                  ร่างอวบอ้วนของเพื่อนร่วมวงวิ่งขึ้นบันไดไปแล้ว จึงหันมามองคนที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนโซฟาด้วยแววตาวาวโรจน์

       

                  “เยซอง”

       

                  “............”

       

                  “เยซอง!

       

                  “............”

       

                  “เยซอง!!!

       

                  เรียกดีๆไม่ได้ยิน ฮีซอลเลยเดินเข้าไปตบหน้าพร้อมเขย่าเรียกสุดแรง ได้ผลเมื่อเยซองค่อยๆปรือตาขึ้นมองด้วยความเมา

       

                  “อะไร! คนจะนอนน่าซิน อย่าเพิ่งมากวน”

       

                  “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เยซอง!

       

                  “อะไรนักหนา!

       

                  เยซองยอมลุกขึ้นมาอย่างหัวเสีย เขาเพลียมากจนไม่อยากจะลุกไปไหนทั้งยังเวียนหัวจากฤทธิ์ของโซจูที่กินเข้าไปอีก

       

                  “ซิน ค่อยพูดค่อยจากันซิ”

       

                  อีทึกเอ่ยเตือน เขามองปราดเดียวก็รู้เลยว่าเยซองเมามาก ขืนปล่อยให้แรงใส่กันมีหวังหอพักแตก เลยต้องรีบห้ามทัพ ฮีซอลหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์ พอดีกับที่ชินดงวิ่งลงมาจากชั้นบน

       

                  “หาไม่เจอ ไม่รู้ไปไหนแล้ว เสื้อโค้ทก็ไม่อยู่”

       

                  ฮีซอลตวัดสายตาไปที่เยซอง สติอารมณ์ที่พยายามทำให้สงบอยู่นั่นแตกกระเจิง และหากสายตาของฮีซอลนั้นมีไฟพุ่งออกมาได้เยซองคงถูกเผา ตายทั้งเป็นแน่นอน

       

                  “เยซอง!... เรียวอุคไปไหน!!!

       

                  ตะโกนถามพร้อมจะเข้าไปตระครุบเจ้าตัวการให้ตายคามือ ดีที่คังอินกับชินดงดึงไว้ทัน

       

                  “เรียวอุค?... เรียวอุคมาที่นี่เหรอ?”

       

                  “ก็ใช่น่ะสิ! นายแหกตาดูโน่น”

       

                  ฮีซอลชี้นิ้วไปที่โต๊ะ แก้วไวน์กับกระดาษที่ติดไว้ข้างแก้ว เขารีบหยิบมันขึ้นมาอ่าน เพราะรู้ดีว่าต้องเป็นของคนรักแน่นอน

       

                              เราเลิกกันเถอะครับ พี่เยซอง

       

                  กระดาษหลุดจากมือ เยซองหายเมาเป็นปลิดทิ้ง รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องของเรียวอุคที่เขามักจะใช้มันฉลองกับเรียวอุคสองคนเสมอ เมื่อยามวันคริสต์มาสมาถึง ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไปก็ทำเอาเขาแทบทรุด สายตามองไปทั้งห้องที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม หัวใจเหมือนถูกคีมบีบอย่างแรง รู้สึกเหมือนกลืนน้ำลายไม่ลง หายใจไม่ออก ทุกอย่างมันอัดแน่นไปหมด อาหารบนโต๊ะที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงามด้วยฝีมือคนรัก ทุกอย่างมันบ่งบอกถึงความตั้งใจและใส่ใจของคนทำได้เป็นอย่างดี

       

                  ลุกขึ้นเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่ถูกจัดไว้ อาหารที่เขาชอบมากมายถูกจัดวางไว้ตรงหน้า มันเย็นชืดไปหมดแล้วคงเพราะทำไว้นาน น้ำตาไหลออกมาช้าๆ ทำไมนะ? ทำไมเขาถึงไม่รีบกลับหอ  เขาอาจจะมาทันเรียวอุคก็ได้

       

                  “เรียวอุคอุตส่าห์กลับมาจากจีนเพื่อเซอร์ไพรซ์นาย มาฉลองวันคริสต์มาสกับนาย ทั้งๆที่งานก็มีเยอะไม่แพ้พวกเรา แต่นายกลับทิ้งให้เรียวอุค นั่งรอนายจนข้ามวันข้ามคืน พอกลับมาก็เมาหลับ นายทำให้เรียวอุคร้องไห้ นายรู้รึเปล่า!

       

                  ฮีซอลที่ตามขึ้นมาด้วยยืนดูสภาพของเยซองก่อนจะพูดให้เยซองได้รับรู้บ้าง ไอ้ท่าทีหมดสภาพนั่นก็น่าสงสารอยู่นะ แต่ความโกรธมันมีมากกว่าเลยระเบิดออกไป หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะโทรถามถึงเรียวอุคกับซีวอนเพราะติดต่อเจ้าตัวไม่ได้ แต่คนที่กำลังจะโทรฯหากลับโทรมาซะก่อน

       

                  “ฮัลโหลซีวอน เรียวอุคกลับไปแล้วใช่มั้ย?”

       

                  (( ไม่นะ นี่ฉันก็จะโทรถามนายเหมือนกันว่าทำไมเรียวอุคถึงยังไม่มาอีก ติดต่อก็ไม่ได้ รึว่ามัวแต่ฉลองกับเยซองจนลืมตารางงานไปแล้ว วันนี้พวกเรามีงานตั้งแต่เช้านะ))

       

                  “ว่าไงนะ! เรียวอุคยังไม่กลับ แล้วเรียวอุคไปไหนล่ะ?”

       

                  “ซินแย่แล้วซิน! เรียวอุคแย่แล้ว!!!

       

                  ชินดงถือโทรศัพท์วิ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับร้องบอกอย่าร้อนรน เบื้องหลังมีคังอินที่กำลังพยุงอีทึกที่หน้าตาซีดเซียวหมดแรงจะเดินตามเข้ามา  เยซองรีบวิ่งเข้าไปเขย่าตัวชินดงเร่งรัดคำตอบ

       

                  “มีอะไรชินดง เรียวอุคเป็นอะไร?”

       

       

                  “ตำรวจโทรมาบอกว่า เรียวอุค... เรียวอุคโดนรถชน ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”

       

       

                  คำตอบของชินดงทำเอาทุกคนถึงกับช็อคไปตามๆกันกับข่าวร้ายที่ได้รับรู้ ปลายสายของฮีซอลก็พากันช็อคไปด้วย เยซองถึงกับทรุดลงกับพื้นอีกครั้ง น้ำตาไหลลงมามากกว่าเดิม

       

                  “เรียวอุค... นายจะทิ้งพี่ไปจริงๆหรอ”

       

                  “ฉันว่าเรารีบไปที่โรงพยาบาลกันเถอะ”

       

                  จบคำอีทึก ทุกคนก็พากันไปที่โรงพยาบาล ไม่นาน ทุกคนก็มาถึงหน้าห้อง ICU  ยืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างกระวนกระวาย ในที่สุดหมอก็ออกมาจากห้อง เยซองรีบปรี่เข้าไปถามอาการคนรักกับหมออย่างร้อนรน

       

                  “เรียวอุคเป็นยังไงบ้างครับหมอ?”

       

                  “ร่างกายคนไข้บอบช้ำมากครับทั้งภายนอกแล้วก็ภายใน จากแรงกระแทกที่ได้รับทำให้ขาขวาและแขนขวาหัก กระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดทะลุ ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก หมอพยายามเต็มที่แล้ว แต่ก็ทำได้เพียงแค่ยื้อเวลาไว้เพราะดูเหมือนคนไข้ยังรออะไรบางอย่างอยู่ เชิญพวกคุณเถอะครับ”

       

                  แทบจะทันทีที่หมอพูดจบ เยซองก็รีบวิ่งเข้าไปก่อนเพื่อนตามด้วย อีทึก คังอิน และชินดง เรียวอุคที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง มีสายอะไรต่อมิอะไรห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด ทำเอาหัวใจเขาเหมือนถูกควักออกมาเหยียบจนแหลกลาน ใบหน้าหวานที่บอบช้ำจากอุบัติเหตุดูอิดโรย สัญญาณชีพจรที่เต้นแผ่วเบาทำให้เขายืนแทบไม่อยู่ กุมมือคนรักแผ่วเบาพร้อมยกขึ้นมาจูบ

       

                  “เรียวอุค พี่มาหานายแล้วนะ นายอย่าเป็นอะไรไปนะ”

       

                  คนที่ถูกเรียก ได้ยินแต่โต้ตอบอะไรไม่ได้ รู้ตัวว่าคงไม่รอดแต่ก็ยังพยายามยื้อลมหายใจตัวเองเพื่อความหวังว่าจะได้เจอคนรักอีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย อยากลืมตาขึ้นมามองแต่มันกลับหนักอึ้งเหมือนมีอะไรมากดทับ

       

                  เขาไปถึงสนามบินแล้ว แต่ในที่สุดเขาก็เปลี่ยนใจเขาหันหลังกลับมาขึ้นรถเพื่อที่จะกลับไปหาเยซองที่หอ ระหว่างเดินทางกลับและอีกไม่ไกลก็จะถึงหอพัก รถบรรทุกก็วิ่งผ่าไฟแดงออกมาชนตรงส่วนของผู้โดยสารเต็มแรง เรียวอุครู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งตัว แต่ก็ขยับตัวไม่ได้ แล้วก็หมดสติวูบไป

       

                  ใบหน้าหวานยิ้มจางๆออกมาหลังจากได้ยินเสียงเรียก ในที่สุดเขาก็ได้เจอกับเยซองในวันคริสต์มาสอย่างที่หวัง ก่อนสัญญาณชีพจรจะค่อยจางหายไปในที่สุด

       

                  “เรียวอุค! นายอย่าทิ้งพี่ไปนะ พี่รักนายนะเรียวอุค เรียวอุค!!!

       

                  คนทั้งห้องใจกระตุกวูบ น้ำตาไหลออกมากับการสูญเสียสมาชิกอันเป็นที่รักในวงไปตลอดกาล สงสารทั้งเรียวอุค ทั้งเยซอง

       

       

                              ผมก็รักพี่นะครับ พี่เยซอง

       

                 

       

       

                  ร่างหนาของเยซองยืนถือช่อดอกไม้อยู่หน้าหลุมศพของคนรัก ตั้งแต่วันที่เขาสูญเสียเรียวอุคไป นี่ก็ 5 ปีแล้วที่เขาต้องอยู่โดดเดี่ยวนั่งมองเพื่อนๆในวงมีความสุขกับคู่รัก 5 ปีที่พวกเขาประสบความสำเร็จในการเป็นศิลปิน

       

                  วันนี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟ เขารับรู้ความรู้สึกของเรียวอุคในวันนั้นได้ดี เพราะทุกวันนี้เขาก็เจ็บปวดทรมานไม่แพ้กัน น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงภาพความสุขที่ผ่านมาของเขากับเรียวอุค

       

                  5 ปีแล้วนะเรียวอุค   5 ปีที่นายจากพี่ไป   5 ปีที่พี่ถูกนายทำโทษด้วยการจากพี่ไปตลอดชีวิตอย่างนี้ พี่ขอโทษที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้นายตาย ถ้าพี่รีบกลับมา นายก็คงไม่ต้องเสียใจ และนายก็คงไม่ตาย พี่ขอโทษ”

       

                  ถึงแม้เรียวอุคจะจากไปถึงห้าปีแล้วแต่เขาก็ยังไม่เคยลืม และไม่สามารถรักใครได้อีก เขามาที่นี่ทุกอาทิตย์ บางครั้งที่เขามีปัญหาที่นี่ก็จะทำให้เขามีกำลังใจขึ้นมาได้อย่างประหลาด เหมือนกับว่าเรียวอุคยังไม่ได้จากเขาไปไหน

       

                  ร่างหนายืนสั่นสะท้าน เพราะแรงสะอื้น ไม่ได้รับรู้ถึงอ้อมกอดบางเบาที่สวมกอดจากร่างโป่งบางด้านหลัง ใบหน้าหวานแนบซบลงกับแผ่นหลังกว้าง หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข

       

                              ผมรักพี่นะครับพี่เยซอง ผมจะอยู่ข้างๆพี่ตลอดไป

       

       

       

                              เมอรี่คริสต์มาส นะครับพี่เยซอง

       

       

       

       

       

       

      ในที่สุดเรื่องนี้ก็ได้ออกมาลืมตาดูโลกซะที

      ตอนแรกกะว่าจะลงวัน คริสต์มาสอีฟค่ะ

      แต่ว่าโน้ตบุ๊คมันติดปัญหานิดหน่อย ก็เลยย้ายมาลงวันนี้

       

      ฝากเม้นกันเยอะๆด้วยนะคะ




      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×