ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Haikyuu!!] Sunbeams แสงตะวัน (ฟิคแปล)

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 8: Through Magic (ผ่านเวทมนต์)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 112
      9
      1 เม.ย. 62

    Title: Sunbeams แสงตะวัน

    Story: Saturnalius

    Translator: KITDS

     

    Chapter 8: Through Magic (ผ่านเวทมนต์)

    มันเป็นการฆ่าฟันอย่างไร้ปราณี มีเพียงคำเดียวเท่านั้นที่อธิบายได้ ไร้ปราณี คมดาบที่ฟาดฟัน การกัดกระชากผ่านเนื้อหนัง และกระดูกที่หักอย่างสมบูรณ์ เลือดที่สาดกระเซ็นชวนมึนเมาและอุ่นผิดธรรมชาติ มันเปื้อนเปรอะตามผิว เสื้อผ้า เส้นผมของเขา และซึมตามอาวุธของเขา เขายังไม่รู้สึกถึงความรู้สึกผิด อย่างน้อยก็ตราบใดที่เขายังขยับเคลื่อนไหวอยู่เขายังผลักความรู้สึกนั้นออกไปได้ เขาก้าวไปอีกหนึ่งก้าว อีกหนึ่งเสียงหนักแน่นเมื่อรองเท้าบู๊ทเขากระทบพื้นทีละข้าง ทีละข้าง เขาเก็บดาบและยกมือขึ้นสูง แบบนี้มันเร็วกว่า เลอะเทอะน้อยกว่า และง่ายกว่า เวทมนต์รวมตัวกันที่ปลายนิ่ว แม้น้ำตาจะเริ่มไล้คลอในดวงตา มนตราเรืองแสงสีเขียวและขาว ก่อนจะพุ่งไปข้างกน้าด้วยคำกระซิบ หัวลูกศรแสงขนาดเล็กพุ่งทะลุคู่ต่อสู้ของเขา ห่อหุ้มและดูดซึมร่างพวกเขาจนเหลือเพียงซากแห้งเหือด เขาต้องเดินหน้าต่อ ถ้าเขาเดินหน้าต่อไป-

    การขัดคำสั่งจะง่าย มันง่าย พวกเขายุ่งกันอยู่ เขาไม่ได้สู้ หรือคือสู้ไม่ได้ในตอนนี้ แค่เพียงการกระทำธรรมดาเพียงอย่างเดียว เขาทำได้ เปลี่ยนพวกเขา เขาสามารถพาพวกเขากลับมาได้เมื่อทุกอย่างจบลง แค่แบ่งส่วน แยกพวกเขาออก ถ้าพวกเขาอยู่ตรงนั้นได้ก็จะปลอดภัย พวกเขาไม่ต้องรอให้เทพคนอื่นลงมือ อำนาจของพวกเขาจะไม่ถูกส่งต่อ พวกเขาจะกลับมาเป็นตัวเองได้อีกครั้ง สิ่งที่เขาต้องทำคือเข้าไปยังส่วนสสารเทา (Grey Matter) และจัดการกลไกของมัน ภาวะหยุดนิ่ง หลบซ่อน เขาทำอะไรสักอย่างได้สิ เขามองดูเพื่อนพ้องมากมายล้มตายด้วยเงื้อมมือของศัตรู เขาต้องการพวกเขากลับมา เขาแยกส่วนสสารเทาออกจากดินแดน และทำให้มันสามารถคงอยู่ได้ด้วยตัวเองชั่วคราว สกัดกั้นมันจากทางเดินและประตูต่างๆ แบบนี้-

    ไม่ใช่ความผิดเขา เสียงกรีดร้องนี้ไม่ใช่ความผิดของเขา เขาตัดสินใจอะไรไม่ได้ ไม่อีกต่อไป เขาทำเท่าที่ทำได้แล้ว มันไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้อีกนอกจากหันหลังกลับ แม้ตอนนี้จะทำแบบนั้นไม่ได้แล้วก็ตาม ดวงตาเหลือบมองไปยังตัวตนที่อยู่ไม่ไหล พวกเขากำลังวิ่งด้วยความหวัง แต่เขตแดนเขาปิดลงแล้ว ไม่มีใครสามารถเข้ามาได้อีก เขาไม่รู้จักคนพวกนั้นสักเท่าไหร่ เขาไม่ได้มีนิสัยสุงสิงกับคนอื่นบ่อยๆ อยู่แล้ว ชีวิตพวกเขาไม่มีค่าอะไร เพียงแค่หันหลังกลับ เขาจะสามารถบอกได้ว่าไม่รู้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แค่เมินเฉยเสียงร้องและเสียงเฉอะแฉะของดาบที่เฉือนผ่าน-

    รอยฟันที่สีข้างเธอและดึงความสนใจเธอไปเกือบทั้งหมด หญิงสาวเลยไม่ทันเห็นความตระหนกบนใบหน้าเขา มันไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีเลย ไม่ดีเลยสักนิด มันไม่ดี และมันก็เป็นความผิดของเขา เธอหายใจเข้าและสำลัก ก่อนจะคายเลือดออกมาจากปาก และยิ้มเปื้อนเลือดให้เขาต่างจากความเหนื่อยล้าในดวงตา เธอยืนยันว่าเธอจะไม่เป็นไร เขาไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ ไม่ มันจะเกิดขึ้นไม่ได้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เมื่อมันเป็นความผิดเขาทั้งหมด และเธอไม่รู้ด้วยซ้ำ เขาผิดเอง ผิดเอง ผิดเองทั้งหมด เขาพยายาม เวทมนต์รวมตัวรอบเขา รายล้อมหญิงสาว พยายามที่จะช่วย แต่เขาก็พลาด เขาผิดเอง ผิดเอง ผิดเองทั้ง-

    เคย์ลืมตาขึ้นและส่งเสียงโอดครวญ

    ผิวหนังอาบไปด้วยเหงื่อ เส้นผมติดตามใบหน้า หัวใจเต้นระรัวในอก ผ้าปูใต้ตัวเขายู่ยี่ ผ้าห่มกองอยู่ที่ปลายเท้า มันไม่ดีเลย ไม่เลยสักนิด เคย์ลูบหน้า และเบ้หน้าเมื่อมือเปียกชุ่ม เขาเตะผ้าห่มออกและถอดเสื้อผ้าโชกเหงื่อของเขา

    ความล้าเริ่มปรากฏ ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยฝันร้ายมักจะส่งผลเช่นนั้นเสมอ เขาเลยเช็ดตัวให้แห้งและสวมกางเกง เขาจะต้องอารมณ์เสียกับตัวเองแน่ๆ แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะยุ่งกับมัน เขาคลำมือหาแว่นตาและสวมมันอย่างไม่ใส่ใจ

    ชายหนุ่มเดินไปยังห้องทำงานของตัวเองเท้าเปล่า เปิดประตูอย่างเงียบเชียบและไม่สนใจสัมผัสหลอนของขนนกบนแผ่นหลัง เขาเสกกุญแจออกมาและเลือกออกมาสี่ดอกจากหลายร้อยที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ

    ดอกหนึ่งเป็นสีเทาเข้ม เป็นลายจุดสีส้ม อีกอันเป็นสีดำสนิดฝังทับทิม ดอกที่สามเป็นสีน้ำเงินเข้มสลับเหลืองเรืองรอง ในขณะที่ดอกที่สี่เป็นลายผสม ตัวกุญแจมีสีพื้นเป็นสีเขียวเข้ม มีลายจุดสีขาวและลวดลายคล้ายเถาวัลย์สีน้ำตาลตัดด้วยรอยหยดสีชมพูที่ดูเหมือนดอกไม้

    เคย์มองพวกมัน และหวังให้พวกมันเงียบ แต่ก็ไม่ และเขาจำได้ เขาสัมผัสได้ถึงหยดเลือดที่อาบชุ่มตามผิวหนัง และอากาศแห้งเย็นในสสารเทา ทรายบนฝ่าเท้าและความรู้สึกผิดในใจ

    เขาอยากให้มันหยุดลงเสียที

    จ้องมองพวกมันไม่ช่วยอะไรเขา แต่เขาไม่สามารถหยุดความคิดที่บอกให้เขาปล่อยพวกมันออกไป ความลับในกุญแจพวกนี้อันตรายกว่าในหัวเขามากนัก ก่อนที่พวกมันจะกลายเป็นกุญแจ เคย์มองเห็นความลับพวกนั้นเหมือนเห็นด้วยตาตัวเอง คนอื่นที่มองพวกมันจะไม่รู้ว่าเป็นความทรงจำของใคร แต่ในกุญเจ ความทรงจำจะเผยให้เห็นจากทุกมุม ผู้มองสามารถเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องและเห็นใบหน้าของทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ข้อดีคือมีเคย์เพียงคนเดียวที่สามารถปลดล็อคพวกมันได้

    และนั่นทำให้เขาอันตรายขึ้นไปอีก

    เขาไม่แน่ใจว่าเขามองกุญแจอยู่นานเพียงใด แต่รู้แค่ว่านานพอโชโยมาถึง เทพองค์น้อยโผล่หน้าเข้ามาและเคย์ก็เงยหน้าขึ้น

    “ข้ามาผิดเวลารึเปล่า?” โชโยถาม ตั้งแต่เขาเริ่มมาหาครั้งแรก เขาก็เก่งในการอ่านสถานการณ์มากขึ้น เคย์รู้สึกซึ้งใจกับเรื่องนั้น

    โชโยพูดถูก มันผิดเวลา เคย์อยากจะทำตัวไร้ประโยชน์ไปอีกสักพัก แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ส่ายหัวและกวักมือเรียกโชโยเข้ามา เพราะว่า เทพในอดีตโปรดช่วยเขาด้วย เขารู้สึกว่าอยู่กับเทพสุริยะแล้วสบายใจดี

    เพียงเพราะเขามักจะมีรอยยิ้มและมอบไออุ่นให้เสมอ

    “โห!” โชโยมาอยู่ตรงหน้าโต๊ะในพริบตา เขาก้มลงจะได้มองดูเหล่ากุญแจจนจมูกเกือบแตะพวกมัน

    เคย์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง และแอบรู้สึกขำกับความตื่นตาตื่นใจของโชโย

    “ข้าคงถามไม่ได้สินะว่าพวกมันเป็นของใคร?”

    เขาถามได้ ในเชิงหลักการแล้ว แต่เคย์ไม่อยากจะอธิบายเลยส่ายหัวปฏิเสธไป

    “ข้าแตะพวกมันได้มั้ย?”

    ไม่มีอันตรายอะไรที่จะทำแบบนั้น

    เคย์หยิบกุญแจสีดำและยื่นมันให้โชโยรับ ดวงตาสีสว่างเขาเบิกกว้างตกใจกับน้ำหนักแต่ก็ไม่พูดอะไร

    “มันส่งเสียงด้วย!” โชโยตะโกนก้องเมื่อนิ้วกำรอบกุญแจ ดวงตาเขาเริ่มเรืองแสง และเขาก็เกือบจะหมุนตัวกลางอากาศไม่พ้นเพดานห้องก่อนจะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะ เขาวางกุญแจลงตอนที่เคย์สังเกตเห็นกล้มเนื้อเขาเกร็งเพื่อจะถือมัน

    ไม่มีกุญแจดอกไหนที่เบา แค่บางดอกเต็มไปด้วยความผิดบาปมากกว่าดอกอื่น

    “หนักเหมือนกัน” โชโยกล่าวและมองไปยังกุญแจดอกสีดำ แต่ก็เบนสายตาไปยังดอกอื่นไม่นานหลักจากนั้น “พวกมันหนักแบบนั้นหมดเลยหรอ?”

    โชโยไล่นิ้วตามดอกกุญแจดอกอื่น ไล้ตามปลายของดอกสีเขียว ลูบนิ้วโป้งตามร่องรอยของมัน

    “ประมาณนั้น” เคย์ตอบ

    มันคงเป็นน้ำเสียงของเขา

    ดวงตาของโชโยแปรเปลี่ยมจากสีเหลืองน้ำตาลอุ่นเป็นสีส้มแดง

    “เจ้าฟังดูเหนื่อยนะ”

    เคย์ตกใจอยู่ภายใต้ความสนใจจดจ่อ นัยน์ตาของโชโยมองทั่วร่างเคย์ เหมือนกับนกกระดาษของสึกาวาระที่คุมไม่อยู่และตรวจสอบเขา

    มันไม่ได้รู้สึกแย่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีเมื่ออยู่ภายใต้สายตาระแวดระวังเช่นนั้น แม้แต่ยามากุจิเอง ตอนที่เขารู้ว่าเคย์รู้สึกไม่สบาย ก็แค่มองเขาด้วยสายตาเป็นกังวลและพยายามทำตัวห่วงใยเงียบๆ แม้ว่ามันจะดูโจ่งแจ้งแค่ไหน

    นี่เป็นครั้งแรกเลย

    “เจ้าต้องกลับไปนอนที่เตียง” โชโยตัดสินใจอย่างมุ่งมั่น ปีกของเขาขยับกระพือเล็กน้อยเป็นการเน้นย้ำ

    “อะไรนะ?”

    “เตียง” โชโยบินข้ามโต๊ะทำงานและคล้องแขนเคยิ์ลากเขาตามไปเบาๆ เคย์มีสติพอจะเสกกุญแจกลับไป ก่อนพาร่างหนักอึ้งของตนเดินตามโชโยไปโดยไม่หืออือ

    โชโยจับอย่างเบามือแต่ความอบอุ่นก็ยังแผ่ไปทั่วร่างเคย์ มันรู้สึกไม่สบายตัวแค่นิดเดียวเท่านั้น เคย์คิดว่ามันคงไม่เป็นปัญหาสำหรับคาเงยามะเมื่อเขาใช้เวลาส่วนมากข้างเหล็กหลอมและไอร้อน โชโยคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย

    เคย์พบว่าตัวเองนั่งอยู่ริมเตียงและมือจับผ้าห่มไว้ พอนั่งแบบนี้แล้ว โชโยดูตัวไม่เตี้ยสักเท่าไหร่ ซึ่งก็แอบฟังดูน่าขัน แต่ใบหน้าของเทพสุริยะกลับไม่ใช่แบบนั้น เขาดูเป็นห่วงมาก

    โชโยบินตัวลอยขึ้นไปบนอากาศอย่างลังเล ก่อนจะนั่งลงข้างเคย์โดยเว้นระยะห่างไว้พอเหมาะ

    “คาเงยามะเองก็ฝันร้ายเหมือนกัน” เขากล่าวขึ้นไม่นานหลักจากนั้นพลางลูบหลังคอของตัวเอง

    เขารู้สึกขอบคุณความพยายามปลอบประโลมเขา แม้เคย์จะรู้ว่าช่างตีอาวุธที่เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิของพวกเขาคงไม่ชอบที่คนอื่นรู้เรื่องนี้สักเท่าไหร่ แต่มันก็เหมือนๆ กัน เคย์รู้ว่าทุกคนต่างก็มีฝันร้ายของตัวเองทั้งนั้น แค่บางคนนั้นเลวร้ายกว่าเท่านั้น

    สึกาวาระแทบไม่นอนเลย การตัดสินใจในอดีตมักจะหลอกหลอนเขายามตื่น และชัดเจนมากขึ้นยามค่ำคืน ในบางโอกาสที่เขาหลับตาลง เสียงร้องของเขาก็จะดังพอปลุกคนทั้งวังให้ตื่นขึ้น ตั้งแต่ครั้งนั้น สึกาวาระก็ลงอาคมเก็บเสียงที่ห้องของตัวเอง ไดจิเองก็เหมือนกัน เว้นแต่ตอนเขาตื่นมันจะมีสัมผัสหลอนของเลือดตามผิวหนังและร่างกายที่โอบด้วยแสงสีขาวจากการที่เขาพยายามจะรักษาแผลที่ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว

    ทานากะหลับๆ ตื่นๆ เขาตื่นเป็นช่วงๆ เมื่อเขาพยายามจะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ผ่านไปนานมากแล้ว เขาคงเลือกจะไม่นอนหากนั่นไม่ใช่ทางเดียวที่เขาจะได้พบหน้าพี่สาวของเขา

    คุโรโอะนั้นไม่ยอมหลับสักงีบ เขากลัวที่จะได้เห็นใบหน้าที่จะต้องเข้าฝันเขาอย่างแน่นอนเกินกว่าจะนอน

    เคย์สามารถเห็นทุกฝันร้าย ทุกความลับที่พวกเขาแบ่งปันได้ สึกาวาระ ไดจิ ทานากะ คุโรโอะ โคซึเมะ โมนิวะ อาซาฮี อากาอาชิ เกือบทุกคน เขาไม่ใช่คนเดียวที่ตีตัวออกห่างจากวังด้วยความกลัวที่มันจะย้ำเตือนถึงอดีต

    “ข้าคงจะแปลกใจถ้าเขาไม่ฝันร้าย”

    ความกดดันของคาเงยามะในช่วงเวลาที่พาไปสู่สงครามครั้งแรกนั้นมากมาย เขาไม่ใช่คนที่สร้างความเสียหายได้มากที่สุดในหมู่พวกเขา ไม่เหมือนอาซาฮี อุชิจิมะ หรือยามาโมโตะ แต่อำนาจของเขาก็ใกล้เคียง จำนวนศพของเขาเยอะ พวกเขาอยู่ในบริเวณที่การต่อสู้หนักหน่วง คาเงยามะเป็นฝ่ายโจมตี และเคย์เป็นฝ่ายป้องกัน และด้วยซาเอโกะเคียงข้างพวกเขามันก็ไม่แย่เท่าไหร่ แต่เธอก็เป็นคนแรกที่แตกวงออกไป แล้วก็ยามากุจิ และสุดท้ายเคย์ก็แยกจากคาเงยามะด้วยเหมือนกัน

    มันไม่มีเวลาให้รวมตัวที่วัง ไม่มีเวลาให้ส่งสัญญาณ ไม่มีเวลาให้บินขึ้นไปหาคนอื่น มันเป็นการต่อสู้ทุกช่วงขณะจิต

    “มันเกิดขึ้นบ่อยมั้ย?” โชโยถามคลุมเครือถึงสภาพโทรมของเคย์

    “เป็นครั้งคราว” เขาตอบเสียงแห้งและเอนตัวเท้าข้อศอกบนเข่า ความอ่อนล้าเริ่มพาร่างเขาหนักอึ้ง

    “เจ้าควรจะนอนอีกสักหน่อยนะ บางทีฝันร้ายคราวนี้คงไม่แย่เท่าไหร่ ข้าจะอยู่ตรงนี้ตอนเจ้าตื่น”

    คำพูดนั้นควรฟังดูปลอบประโลม และเคย์ก็สัมผัสได้ถึงความพยายามนั้น แต่อีกส่วนในใจก็ยังเป็นกังวล การนอนหลับต่อหน้าคนอื่นมันก็เหมือนเผยดด้านอ่อนแอให้เห็น ซึ่งเป็นสิ่งที่สึกิชิมะ เคย์ไม่ทำ

    “ข้าจะปลุกเจ้าถ้าเจ้าฝันร้าย”

    เขาไม่อยากจะนอนเท่าไหร่ เขาฝืนตื่นต่อไปได้ มันไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่แล้วโชโยก็ค่อยๆ ประคองเขาเอนตัวลงนอน คลื่นความร้อนแผ่ออกมาจากร่างเขาเป็นระลอก มันชวนเวียนหัว และพาให้เคย์ง่วงนอนยิ่งกว่าเดิม

    “โบคุโตะกับอากาอาชิสอนเพลงเก่าให้ข้ามาเพลงนึง” โชโยกล่าว มันเป็นเหมือนคำถามปลายเปิดลอยๆ

    เคย์เพียงฮัมตอบในลำคอ เขาจะสนใจอะไรถ้าโชโยอยากจะร้องเพลง? เขาแพ้ศึกครั้งนี้แล้ว และรู้สึกได้ว่าเปลือกตาตัวเองปรือปิดลง กล้ามเนื้อผ่อนคล้ายจนเขาเพียงนอนทิ้งตัวอยู่บนผ้าห่ม

    เมื่อโชโยเริ่มร้องเพลง ในห้องก็อุ่นสบายขึ้น เคย์ลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่งพอจะเห็นแสงสีส้มเบลอที่แผ่จากร่างของโชโย เทพตัวน้อยเรืองแสงต่างออกไปจากปกติ มันเหมือนประกายละเอียดระยิบระยับ มันไม่น่าแปลกใจเลยที่เพลงของโชโยจะส่งผลเห็นชัดเมื่อมีโบคุโตะเป็นคนสอน เมื่อโบคุโตะร้องเพลง ถ้อยคำของเขาจะอาบย้อมไปด้วยมนตรา ร่างเขาจะเรืองแสงสีชมพูสบายตา และทุกคนที่ได้ฟังก็จะเรืองแสงด้วยเช่นกัน

    มันไม่น่าแปลกใจเลยที่เคย์จะหลับโดยไร้กังวล

    ครั้งนี้ เขามองความฝันของตัวเองเหมือนเขายืนอยู่หลังกระจกลายฟองน้ำเล็กๆ มันไม่เลวเลย เขาชอบแบบนี้กว่าการมองในมุมมองบุคคลที่หนึ่งที่เขามักจะเห็นเป็นปกติด้วยซ้ำ เขาไม่รู้ถึงรายละเอียดถี่ยิบของความทรงจำที่กลายเป็นความลับ แต่เขาก็เห็นมันบ่อยพอจะเติมช่องว่างต่างๆ ได้อย่างชัดเจน

    ฉากที่เห็นนั้นคุ้นเคย เขาเห็นมาเป็นแสนครั้งล้านครั้งได้แล้ว ประกายเวทมนต์ชีวิตสีเขียวห่อหุ้มค้อนสงครามบ่งบอกอถึงตัวอาซาฮี เขาเป็นคนเดียวที่สามารถทนแผ่นดินไหวและดินถล่มที่บรรจุอยู่ในค้อนขนาดมหึมานั้นได้ พวกมันเรืองแสงวูบสีทองก่อนจะหมุนควง สร้างวงแหวนเรืองรองรอบอาซาฮีและเทพอีกองค์

    เปลวไฟเบลอสีชมพูอ่อนรอบมือหมายถึงซาเอโกะ เธอยืนโซซัดโซเซ แขนยังคงลุกด้วยเปลวเพลิง แต่เหล็กและไฟก็ค่อยๆ ลดขนาดลงจนเหลือเพียงแสงเรืองสีส้มอ่อนบนสนับแขน

    เคย์มองเห็นหน้าพวกเขาไม่ชัด แต่เขาก็เห็นทั้งสองคนบ่อยพอ สีหน้าของอาซาฮีตื่นตระหนกและแอบแฝงด้วยความรู้สึกผิด ใบหน้าของซาเอโกะดูไม่เจ็บปวด แต่นั่นก็เผื่ออาซาฮี มันมีประกายความกลัวในดวงตาสีลาเวนเดอร์คู่นั้น

    อาซาฮีทรุดลงไปกองกับเข่าพร้อมอุ้มร่างของซาเอโกะบนตัก และพยายามหาทางออก พวกเขาอยู่ใกล้ตัววังพอ มันเป็นไปได้ที่จะเรียกใครสักคน เขาผละมือที่เปื้อนเลือดออกมาข้างหนึ่งและทาบลงกับพื้น เส้นแสงวูบวาบสีเขียวแล่นออกไปอย่างเร็วที่สุดที่อาซาฮีจะทำได้

    หลักจากนานเกินรอ ซากุนามิก็มาถึง แท่นลอยฟ้าสำหรับซาเอโกะลอยตามเขามาติดๆ

    พวกเขาพาร่างของซาเอโกะขึ้นบนแท่นโดยไม่พูดอะไร อาซาฮียังคงสั่งให้ค้อนหมุนควงรอบตัวจนพวกเขาเดินทางมาถึงเขตแดนล้อมรอบวัง

    เขาไม่สามารถอยู่ดูเหตุการณ์ที่เหลือได้ ยังมีสงครามให้เขาสู้อยู่

    นิชิโนยะที่เรืองแสงสีเหลืองอ่อนเดินเข้ามาพร้อมเสียงฝีเท้าอ่อนล้า

    “เราจะคุ้มกันเธอให้ปลอดภัยเหมือนคนอื่นๆ ข้าจะคอยระวังหลังให้เจ้าเอง” เขากล่าว “ไปเถอะ แล้วกลับมาทันทีที่ทุกอย่างจบลง”

    ฉากเปลี่ยนไป มันเป็นเพียงสีฟ้าขาวเบลอๆ หมุนไปมาเหมือนกำลังตกดิ่ง ต่างจากความทรงจำอื่น ครั้งนี้ไม่ใช่กระจกลายฟองน้ำ เคย์มองเห็นบางส่วนได้อย่างชัดเจนจนน่าตกใจ เลือดสีเข้มวาดผ่านจุดเหล่านั้น ตามด้วยแสงสีเงินและขนนกหนึ่งเส้น มีสองร่างกำลังห้ำหั่นกันเป็นเส้นเบลอๆ จนพวกเขาผละออกจากกัน ร่างหนึ่งเป็นก้อนสีเทากับแดง อีกคนเป็นสีฟ้า ขาวและดำ มันเป็นการต่อสู้ที่เลวร้าย คนหลังเริ่มร่วงหล่นจากท้องฟ้า

    เคย์ลืมตาขึ้นและหายใจเข้าลึก

    ไม่ จะไม่คิดถึงเรื่องนั้น

    โชโยกึ่งนั่งบนเก้ากึ่งเอนตัวบนเตียงของเคย์ ไหล่เขาตกขณะที่เขาเอาหัวพิงแขนทั้งสองข้าง เขายังตื่นอยู่และสายตาจดจ้องไม่ไหวติงก็จับจ้องมายังเคย์

    “มันแย่เท่าอันที่แล้วมั้ย?” เขาถามเสียงแผ่วและสงบเสงี่ยม

    “ไม่”

    “ดีแล้ว”

    เคย์เพียงพยักหน้าและดันตัวเองขึ้นนั่ง ดูจากแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาแล้ว เขาหลับไปหลายชั่วโมงทีเดียว

    “ยามากุจิแวะมาดูเจ้าก่อนหน้านี้ เขาบอกว่าเขาจะอยู่กับยาจิและเอ็นโนะชิตะ พวกเขากำลังทำอะไรสักอย่างด้วยกันอยู่” โชโยยืดตัวขึ้น ปีกเขาขยับกระพือเล็กน้อย

    เมื่อเคย์ลุกออกจากเตียง เขาก็สวมเสื้อฝึกและทำท่าให้โชโยตามไป

    “มันเป็นเวลาดีที่จะฝึก เจ้าเรียนอะไรกับคาเงยามะมาบ้าง?” เขาถามทันทีที่พวกเขาอยู่ข้างนอก เคย์ขยับนิ้วเท้าบนพื้นหญ้าแล้วยืดแขนทั้งสอง

    “ข้ารู้วิธีใช้ไม้พลองแล้ว เรากำลังเรียนเรื่องการใช้มันสู้กับอาวุธแบบอื่นอยู่”

    “ข้าเดาว่าเจ้ายังไม่ได้ลองกับโซ่สินะ?” เคย์ถามพร้อมรอยยิ้มเหยียด

    โชโยส่ายหัว แต่บนใบหน้าปรากฏเป็นรอยยิ้ม และแสงเรืองรอบตัวสว่างขึ้น

    “เราจะเริ่มจากอาวุธอย่างเดียวก่อน แล้วแค่เวทมนต์ ถ้าเจ้าทำได้ดีพอทั้งสองอย่าง เราจะรวมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน” เคย์เสกโซ่ขึ้นมาและพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้างงงวยของโชโย “มันเป็นเรื่องดีที่รู้วิธีสู้โดยปราศจากเวทมนต์หรือไม่มีอาวุธ เจ้าอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ใช้อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ขึ้นมาก็ได้”

    โชโยพยักหน้าเมื่อเข้าใจ และหยิบพลองสองอันออกมาจากเข็มขัด เขาไม่ได้รวมพวกมันเข้าด้วยกัน แต่เขาก็ตั้งท่าต่อสู้หลวมๆ เคย์สูดหายใจเข้าลึก โซ่หลอมรวมเข้าด้วยกันจนเหลือเพียงเส้นหนาในมือข้างละเส้น เขาจะแยกพวกมันตามความสามารถของโชโย แต่สองเส้นเป็นการเริ่มต้นที่ดี

    โชโยเคลื่อนไหวตามคาด ปีกพยุงร่างเขาไปด้านหน้า

    การต่อสู้กับโชโยเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจ เขายังเลินเล่ออยู่บ้าง แต่เทคนิคที่ไม่เพียงพอก็ทดแทนด้วยการตอบสนองของเขา การป้องกันยังต้องฝึกอีกเยอะมาก แต่พลังโจมตีของเขานั้นน่าประหลาดใจ

    เคย์ชนะได้ด้วยประสบการณ์ที่เหนือกว่าหลายขุม แต่โชโยก็ไม่ได้ดูแปลกใจ หรือผิดหวังเท่าไหร่ ถ้าจะอะไร เขาดูมุ่งมั่นและตั้งใจมากขึ้น

    “เจ้าเคยฝึกเวทมนต์กับใครมั้ย?” เคย์ถาม มองโชโยที่พยายามจะรวมไม้พลองทั้งสองเข้าด้วยกัน เขารวมมันได้สำเร็จนาทีหลังจากนั้น มือทั้งสองเรืองสีแดงร้อนแรง ดวงตาราวกับเพลิงสีขาว

    คาเงยามะเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดสำหรับอาวุธกายภาพ แต่ในด้านของเวทมนต์ต่อสู้แล้ว มีคนอื่นที่โชโยควรไปหามากกว่าอยู่ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอำนาจที่มีอยู่ด้วย แต่ละคนมีเวทมนต์สังกัดธาตุที่ต่างกันไป เวทมนต์ของโชโยแน่นอนว่าเป็นไฟ ซึ่งอย่างการไปหาอาซาฮีก็ไม่ได้อะไร ทานากะเป็นตัวเลือกที่ดี เอ็นโนะชิตะอาจจะพอเสนอแนะแนวทางอะไรได้

    แต่น่าเสียดายที่บุคคลที่ถนัดมนตราทุกอย่างของพวกเขาไม่สะดวก

    “ข้าเคยฝึกกับทานากะนิดหน่อย ข้าพอรู้พื้นฐานอยู่” โชโยพูดและเก็บไม้พลองทั้งสองกลับไปบนเข็มขัด

    เวทมนต์ของเคย์นั้นนับเป็นขั้วตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เพราะงั้นเขาสามารถแสดงความต่างชัดเจนได้ เขาแค่ไม่สามารถตอบคำถามที่โชโยอาจจะมีให้ได้

    เคย์เสกเวทมนต์ขึ้นมาก่อน เขาสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกทั่วร่างเมื่อสีฟ้าแล่นจากแผ่นหลังข้ามไหล่และตามแขนลงมา มันต่างจากเวทมนต์สำหรับพระจันทร์หรือการซ่อมผนึก มนตราต่อสู้นั้นเป็นสีฟ้าเข้ม มันดูเกรี้ยวกราดและคมกว่ามนต์ใช้สอยนุ่มฟู

    เขาคิดว่าเขาคงจะดูน่ากลัวนิดหน่อย

    เมื่อไม่มีปีก เวทมนต์แผ่ออกไปด้านนอกจากแผ่นหลังเขาจนก่อเลียนแบบพวกมันจนเกือบล้อมรอบตัวเขา มันดิ้น ขยับ หายใจ เวทมนต์ส่วนที่เหลืออยู่ไล้จากแขนถึงแผ่นหลัง ไล่สีน้ำเงินเข้มจากหัวไหล่จนเป็นสีฟ้าท้องฟ้าที่ปลายนิ้ว ดวงตาเย็นยะเยือกจนสีแทบจะแผ่ออกมาจากม่านตา ร่างอาบย้อมด้วยแสงสีฟ้า ความโกรธเกรี้ยวคมกริบ เคย์เป็นตัวตนที่น่าพรั่นพรึงคนหนึ่งในสนามรบ

    แต่ต้องยอมให้เขา เมื่อโชโยไม่ถอย เขาเคยเห็นเคย์ที่ห้อมล้อมด้วยแสงสีฟ้าเงียบตอนที่เขาสร้างพระจันทร์ แต่นี่เป็นอีกตัวตนหนึ่ง และเขาก็รู้ดี

    โชโยเรียกมนตราของตนเองพร้อมหายใจอย่างเงียบเชียบ

    ดังคาด เวทมนต์ของเขาเป็นสีแดง มันเริ่มจากฝ่ามือของเขาและไล่ลามล้อมรอบกาย ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการเรียนกับทานากะ ปีกของเขายังคงเดิม แต่ผิวของโชโยกลายเป็นโทนออกแดง ขณะที่ดวงตาเป็นเพลิงลุกโชนสีขาว มนตราหลอมรวมกับทุกลมหายใจ และดูเหมือนใหญ่กว่าเดิมเกือบเท่าตัว มันทำให้โชโยดูตัวใหญ่กว่าที่เป็น

    พวกเขาพยักหน้า และเริ่มการต่อสู้

    TBC…

     

    ll TALK WITH TRANSLATOR ll

    สวัสดีครับ มากับอีกตอนที่ยาวขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้นี่เกือบ 11 หน้าเลยล่ะครับ แล้วก็มีอะไรให้บรรยายเยอะเลย เรื่องตัวละครไว้เดี๋ยวผมว่างๆ จะมานั่งจัดสรรให้อีกทีนะครับ 5555

    การต่อสู้ของทั้งสองคนจะเป็นยังไง ติดตามได้ในตอนหน้านะครับ! (หวังว่าจะอีกไม่นานเกินรอ55555) แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ทุกคำชมนะครับผม ^^

    ด้วยรัก

    พาร์ท

    Killer in the Dark Shadow

    double_B

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×