ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Haikyuu!!] Sunbeams แสงตะวัน (ฟิคแปล)

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5: Of Sleeping Gods and Old Wounds (เกี่ยวกับเทพผู้หลับใหลและแผลเก่า)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 158
      8
      9 พ.ย. 61

    Title: Sunbeams แสงตะวัน

    Story: Saturnalius

    Translator: KITDS

     

    Chapter 5:  Of Sleeping Gods and Old Wounds (เกี่ยวกับเทพผู้หลับใหลและแผลเก่า)

    “เขายังหลับอยู่สินะ?”ยาฮาบะเอ่ยถามขึ้นพลางเดินเข้าไปในตัวห้อง

    คุนิมิพยักหน้าและลุกขึ้นนั่ง ปลายนิ้วยังคงปล่อยแสงเรือง

    “อะไรทำให้เจ้าคิดว่าผนึกกำลังอ่อนแรงลง?”เคย์มองไม่เห็นทั้งหมดเพราะบางส่วนถูกบังไว้ด้วยผ้าห่มของคุนิมิ แต่ส่วนที่จารึกลงบนกำแพงนั้นดูปกติ เช่นเดียวกับส่วนที่ถูกวาดลงบนผิวของเขา

    “เขาพูด”คุนิมิยักไหล่

    “เขาพูดว่าอะไร?”

    เคย์หยุดตัวเองไม่ให้กัดริมฝีปากตัวเอง เขาจะดูกังวลใจไม่ได้ มันไม่ใช่ว่าความลับจะหลุดออกมาเสียหน่อย ทั้งหมดมันถูกปิดเงียบไว้ตั้งแต่แรกแล้ว และมันก็ไม่ใช่ว่ามีอะไรที่คุนิมิไม่รู้อยู่แล้ว

    “ไม่มีอะไรสำคัญ”คุนิมิกล่าวตอบ เขารู้ดีว่าเคย์คิดอะไรอยู่ มันเป็นสิ่งที่เขาถนัดมาก

    “นั่นไม่ได้ตอบคำถามข้า”

    “เขาเรียกหาอิวาอิซึมิ และพึมพำอะไรบางอย่างที่ฟังเหมือน โคอยู่ไหน? จะเป็นโคทาโร่หรือโคชิ ข้าก็ไม่รู้”

    ยาฮามะยกมือขึ้นสางผมก่อนจะถอนหายใจ มือกำเส้นผมสีเงินของตน ชายหนุ่มนั่งลงข้างคุนิมิ ในขณะที่เคย์เริ่มทำตามหน้าที่ตัวเอง

    เขาโยนหมอนหลายใบอย่างไม่ไยดีขึ้นฟ้า ก่อนที่พวกมันจะลอยค้างเติ่งอยู่เช่นนั้น

    ผนึกถูกสลักลงบนพื้นเมื่อนานมาแล้ว ทาบทับด้วยมนตราหลายชั้นที่ต่างเรืองแสงอ่อน ผนึกชิ้นนี้เรืองแสงสีม่วง วูบวาบเป็นจังหวะมั่นคง เคย์อังมือเหนือมันและหลับตาลง สะบักไหล่ทั้งสองข้างเขาร้อนรุ่ม เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่เริ่มแผ่กระจายเป็นวงกว้างเมื่อแสงสีฟ้าปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้ว ผนึกกลายเป็นสีเขียว และเคย์ก็ขยับไปอันถัดไป

    มีผนึกหลายโหลรอบตัวห้อง กอรปกับมนตราและเครื่องรางนับร้อยที่ห้อยตามเพดานและกำแพง มันคงใช้เวลาสักพักหนึ่ง คุนิมิช่วยเขาไม่ได้ และ แม้จะเป็นถึงเทพประตูมิติ ยาฮามะก็ห่วยเรื่องผนึกเกินเยียวยา

    เคย์จึงต้องลงมือเองรอบห้อง

    เขาไม่แน่ใจว่ามันใช้เวลานานแน่ไหน แต่รู้แค่ว่าแผ่นหลังเขาชาไปหมดและเขาก็ไม่อยากจะทำอะไรนอกจากกระโดดจมลงในทะเลเพื่อบรรเทาความแผดเผาบนแผ่นหลัง แต่เขาก็มาถึงหนึกชิ้นสุดท้ายแล้ว

    แล้วมันก็ต้องเป็นผนึกชิ้นสุดท้ายที่เขาเช็คเสียด้วย

    มันไม่ใช่ชิ้นที่สำคัญอะไรขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกชิ้นไม่มีความสำคัญ แค่เพียงชิ้นนี้ไปหนักหนาเท่าชิ้นอื่นๆ เคย์คุกเข่าลงตรงหน้ามันและยกแขนขึ้น โซ่ของเขาปรากฏด้วยแสงเรืองสีฟ้าเมื่อพวกมันโฉบและวนเวียนรอบผนึก

    ไฟบนแผ่นหลังเขาร้องระงม ไล่ลามผ่านเนื้อกระดูกและเคย์คิดว่าตนเองได้ยินเสียงกระดูกลั่นเปรี๊ยะ แต่เขาก็เมินมันไป เวทมนต์หลั่งสีแดงหยดลงบนผนึก เติมเต็มรูแหว่งและไล่ทับมนตราที่ยังคงหลงเหลืออยู่ลงไปอีกชั้น พลังของเคย์ต่างจากสึกาวาระ มันเป็นธรรมชาติของจันทราที่น่าพิศวง และเวทมนต์ของเคย์ก็มีความเป็นปริศนานั้นเป็นพื้นฐาน เขาช่วยสร้างคุกแห่งนี้ ตัวตนของมันสอดคล้องกับทุกการขยับของปลายประสาทและจังหวะสูบฉีดเลือดของเขา มันพร้อมรับเวทมนต์เขา และเสริมพลังพวกมันจนเคย์ทิ้งแขนลงก่อนจะซวนเซไป

    “พาสึกาวาระมาอีกทีด้วย”เขากล่าวกับยาฮาบะ “ข้าซ่อมชิ้นนี้แล้ว แต่มันต้องใช้คำอวยพรของเขาด้วย”

    “เจ้าก็รู้ว่าเขาไม่มาแน่ สึกิชิมะ”

    “งั้นบอกเขาว่าข้าต้องการคำอวยพรของเขา”

    “จะไม่กลับไปด้วยกันกับข้ารึ?”

    “ไม่ใช่ตอนนี้”เคย์ตอบพร้อมยันตัวขึ้น ผุดลุกขึ้นในขณะที่โซ่หลายเส้นกลับสู่กำไลข้อมือ

    ยาฮาบะกับคุนิมิมองหน้ากันก่อน คนแรกจะพยักหน้าและยืนขึ้น

    ตอนที่เหลือเพียงเคย์และคุนิมิ มันเป็นความเงียบสนิท

    “เจ้าอยากจะคุยอะไรที่ทำให้คุยไม่ได้ตอนชิเงรุอยู่ด้วย?”คุนิมิถาม พลางทิ้งตัวลงนอน

    “เขาเห็นอะไร”เคย์ถามแทนที่

    “ไม่เห็นอะไรเลย แค่ความมืดสบายตา เขาอยู่ในความสงบสุข”

    “ทำไมถึงไม่ให้เขาฝันจริงๆ?”เคย์นั่งลงข้างๆ คุนิมิ ขดขาเข้าหาอกและเท้าคางบนเข่า

    “มันเคลื่อนไหวมากเกินไป แบบนี้จะไม่มีใครหาเขาเจอ ความฝันนำพาซึ่งอารมณ์ มันวุ่นวาย”

    พวกเขากลับสู่ความเงียบอีกครั้ง

    ห้องนี้เป็นผลงานสร้างของเคย์เป็นพิเศษ เขาวางรากผนึกชิ้นแรกๆ จารึกมันลงแผ่นหินและลงอาคมไว้ไม่ให้พวกมันสึกหรอ สึกาวาระเสริมชิ้นอื่นลงไปกันพลาด คุนิมิอยู่ในห้องนี้มาตลอดตั้งแต่มันถูกใช้ เท่าที่เคย์รู้ เขาไม่มีความขัดแย้งใหญ่หลวงอะไรกับสถานการณ์ของตัวเอง

    แบบนี้เขาสามารถปกป้องกัปตันของเขาให้ปลอดภัยได้

    “สึกาวาระคิดจะทลายผนึกหลังจากพิธีแต่งตั้งของฮินาตะ”เคย์เอ่ย “ข้าคิดว่าอย่างนั้น”

    “เทพสุริยะองค์ใหม่น่ะหรอ? ทำไม?”

    “ข้าบอกว่าข้าคิดว่าอย่างนั้น ถ้าจะเกิดสงครามเขาก็ไม่อยากให้มีเทพฝึกหัดร่วมด้วย เขาเองก็รู้สึกผิดเหมือนกัน”

    “ข้าเองก็เหมือนกัน แต่กระทั่งข้าเองก็รู้ว่าการทลายผนึกเป็นความคิดที่แย่ มันเป็นทางเดียวที่จะชนะสงครามครั้งก่อน ศัตรูเราไม่ยอมแน่ที่ถูกหลอกมานานขนาดนี้”

    “พวกเขาประเมินสถานการณ์ไว้แล้ว”

    เคย์พูดว่าพวกเขาได้ไม่เต็มปาก แต่พักหลังมานี้ ไดจิมาหาเขาสองสามครั้งแล้ว เขาบอกเคย์ถึงทะเลโลหิตอันเงียบงันที่สุดขอบโลก เขาพูดถึงน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าสึกาวาระยามค่ำคืน และพูดถึงสัมผัสของเลือดยามมันกระเซ็นบนผิว เคย์ไม่ชอบฟังเรื่องพวกนี้ โดยเฉพาะจากไดจิ แต่มันคืองานของเขา

    “เอาเถอะ มาหวังให้มันออกมาดีที่สุดกัน”

    เมื่อเคย์ยืนขึ้น ยาฮาบะก็กลับเข้ามาในห้อง

    “สึกาวาระบอกให้รับมันไว้”เขาบอก

    เคย์พยักหน้าและรับห่อนั้นมา ก่อนจะเดินกลับไปยังผนึกที่เพิ่งซ่อมหมาดๆ

    คำอวยพรของสึกาวาระสร้างจากแสงแรก แสงอ่อน และความจริง มันใหญ่กว่าฝ่ามือของเคย์หยิบมือหนึ่ง และมีรูปทรงกลมเว้นเพียงแอ่งลึกด้านบน

    เขายืนเหนือผนึกและหลับตาแน่น ด้วยความแผดเผาบนแผ่นหลังมากกว่าความจำเป็น และปล่อยให้เวทมนต์ของตนหลั่งไหลออกมา มนตราเขาแปรจากสีฟ้าเป็นขาวประกายเงินผ่านคำอวยพร เวทมนต์ของสึกาวาระนั้นหนักอึ้งและหนาแน่น เคย์ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับมัน แต่มันต่างจากของเขา มันแหลมคมและเก่าแก่กว่า

    ไม่กี่อึดใจ ผนึกก็เสร็จเรียบร้อย และเคย์รู้สึกเหมือนเขาจะไหม้เป็นจุล

    เขากล่าวลาคุนิมิและยาฮาบะเปิดประตูมิติให้เขากลับไปที่โถง

    “ข้าจะอยู่คุยกับเขาอีกหน่อย”ยาฮาบะเอ่ยพลางกัดปาก

    “เข้าใจแล้ว ตอนกลับไปรายงานสึกาวาระด้วยล่ะ”เคย์เก็บคำอวยพรลงกระเป๋าก่อนจะเดินผ่านประตูมิติไป

    ตอนที่เขาโผล่ไปที่โถงนั้นว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง และเขารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ แต่เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะทนความเจ็บปวดบนแผ่นหลังคนเดียวไหวรึเปล่า

    โมนิวะมองเขาอย่างรู้ทันขณะที่เขาเดินผ่านประตู ถ้าเขาไม่มีความเชื่อมั่นในความสามารถด้านความคลุมเครือของตัวเอง เขาก็คงจะวิตก แต่ถึงอย่างนั้น มันไม่มีใครที่เก่งด้านการเก็บงำความลับไปมากกว่าเคย์อีกแล้ว ความจริงที่ว่าโมนิวะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่ถูกขังอยู่ในคุกตัวเองเป็นใครในทางบวกก็น่าขัน แต่ในทางลบก็น่าปวดหัว

    เส้นแสงสองเส้นพาดผ่านฟากฟ้า เส้นหนึ่งสีแดงและอีกเส้นสีขาว ทานากะและยามากุจิที่กำลังเดินทางไปยังดาวอีกดวงหนึ่งของยามากุจิ

    เคย์ถอดแว่นของตัวเองออก สอดมันลงไปในกระเป๋าช่องเดียวกับคำอวยพรของสึกาวาระ และนวดบริเวณตา

    เปลวเพลิงไล่ลามตามแนวสันหลังและเขาก็รอคอยความเย็นยะเยือกที่มักจะตามมาอย่างสิ้นหวัง ไม่ใช่ครั้งนี้ ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม และเขาก็ไม่สามารถตั้งสมาธิได้มากพอจะเดินทางไปยังห้องทำงานของตัวเองได้ เขาโง่เสียจริง เขายอมรับได้ว่าตัวเองเป็นแบบนั้น เวทมนต์ของสึกาวาระนั้นอยู่คนละระดับกัน และการซ่อมแซมผนึกก็กินแรง ไม่น่าแปลกใจว่าเขาทำให้บาดแผลของตัวเองแย่ลง

    ทำไมเขาถึงไม่ขอให้ยาฮาบะเปิดประตูมิติไปที่ห้องทำงานเขาแต่แรกกัน?

    เคย์นั้นมัวแต่ยุ่งกับการหรี่ตาพยายามเมินความเจ็บปวดของตนเองจนไม่ทันสังเกตเห็นโชโยหรือคาเงยามะ จนเจ้าของชื่อแรกกระโดดหมับเข้าที่เอวเขา

    เขาเกือบจะตอบสนองกลับด้วยความรุนแรงเมื่อความเจ็บปวดกระตุ้นสัญชาตญาณการต่อสู้ของเขา โซ่ตรวนขยับสั่นจากกำไลข้อมือแต่เขาก็สกัดกลั้นความรู้สึกนั้นในชั่วอึดใจ

    โชโยไม่สังเกตมันด้วยซ้ำ เขายิ้มให้เคย์ รอยยิ้มกว้างเห็นฟันจนตาหยี

    “เจ้ากลับมาแล้ว! เจ้าหายไปหลังจากประชุมเลย!”เขากล่าวพลางกระพือปีก ตัวเขาเลยลอยขึ้นไปครู่หนึ่งก่อนจะร่อนลงมานั่งบนบ่าข้างหนึ่งของคาเงยามะ ช่างอาวุธจับขาทั้งสองข้างเขาไว้ แม้เคย์จะมั่นใจว่าโชโยสามารถทรงตัวได้ด้วยตัวเอง

    “ต้องไปตรวจอะไรให้สึกาวาระนิดหน่อยน่ะ”

    “อ๋อ เพราะงั้นยามากุจิเลย- เจ้าดูไม่ค่อยดีเลย สบายดีรึเปล่า?”

    “ข้าสบายดี” ไม่ เขาไม่สบาย บนแผ่นหลังเขามีเพียงความรู้สึกของเข็มร้อนฉ่าทิ่มแทงและกระดูกที่ลั่นเปรี๊ยะ เขามองทุกอย่างแทบจะไม่ชัด คำอวยพรของสึกาวาระเหมือนเป็นน้ำหนักถ่วงที่หนักขึ้นเรื่อยๆในกระเป๋าเขา และมันนานมากแล้วที่เขารู้สึกอ่อนล้าขนาดนี้ รู้สึกเหนื่อยขนาดนี้

    “เจ้าไม่สบายแน่” โชโยกระโดดลงมาจากบ่าของคาเงยามะและทั้งสองคนมองหน้ากันในแบบที่เคย์เคยเห็นไม่กี่ครั้งในช่วงชีวิตอันแสนจะยาวนานนี่

    “ข้า-”เขาตัดบทตัวเองเมื่อร่างกายซวนเซ มือที่ร้อนเกินไปของโชโยดันไหล่พยุงร่างเขาขึ้น

    “พวกเราจะพาเจ้ากลับเอง”โชโยเอ่ยเสียงนุ่ม

    สายตาของเคย์พร่ามัวแต่เขาไม่แยแสจะขัดขืนแล้ว ช่างศักดิ์ศรีมันไป ถ้าเขายังไม่หยุดขยับคงได้เข้าสู่การจำศีลฟื้นฟูแน่ๆ

    เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองคาดหวังอะไร แต่มันไม่ใช่เรื่องนี้แน่ๆ

    โชโยขยับออกและคาเงยามะขยับเข้ามา เคย์ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรจนเขารู้สึกตัวว่ากำลังพิงซุกแผ่นหลังของคาเงยามะอยู่ ช่างอาวุธจับขาของเคย์กันไม่ให้เขาร่วง

    พวกเขาเริ่มเดิน และโชโยเริ่มพูดคุย ปีกขยับอย่างมีความสุขเดินตามมาสร้างลมอุ่นขึ้น

    เคย์ไม่ได้มีนิสัยกลับต่อหน้าคนอื่น อาจจะมียามากุจิบ้างบางครั้ง แต่ไม่กับคนอื่น เขาเลยฝืนพยายามลืมตาเปิด โชโยเป็นเพียงกลุ่มก้อนแสงสีส้มฟูที่มีปีก ขนนกที่ร้อนเกินทนปัดถูกเคย์และคาเงยามะเป็นครั้งคราว แต่เคย์เคยรู้สึกแย่กว่านี้ และคาเงยามะก็ใช้เวลากว่าครึ่งในห้องตีอาวุธของเขา มันเลยไม่เจ็บเท่าที่ควรเป็น

    ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าไฟบนแผ่นหลังของเคย์ดึงความสนใจของเขาไปเกือบหมด

    คาเงยามะแบกเขาอย่างไม่มีปัญหา เคย์ไม่คิดอยู่แล้วว่าเทพที่ใช้เวลาหักงอห้วงอวกาศตามใจนึกจะทำเรื่องแค่นี้ไม่ได้ แต่มันก็น่าแปลก และเขาคิดว่าเขาคงจะมีปัญหากับสถานการณ์แบบนี้แน่ถ้าเขาปกติสุขดี

    แต่เขาไม่ เพราะงั้นเขาเลยยอมให้ตัวเองถูกแบกแบบนี้

    อย่างแผ่วเบา เขาสามารถได้ยินเสียงของโชโย แต่มันวูบวาบ เคย์ไม่แน่ใจว่าการได้ยินเขาเองก็เริ่มไปแล้วเหมือนกันหรือว่าโชโยแผ่วเสียงในการคุยกับคาเงยามะลง

    เขาไม่คิดว่าตัวเองสนใจขนาดนั้นว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกัน

    เคย์สามารถประคองสติให้ตื่นตลอดทางจนถึงบ้านแชร์ของเขา ถ้าเขายังมีสติทุกอย่างครบถ้วน เขาจะรู้ว่ายามะกุจิยังไม่กลับมา แต่นั่นไม่ใช่ความสำคัญลำดับแรกของเขา

    “โอเคแล้ว”เขาพูดไม่ชัด

    “เจ้าไม่”

    มันเป็นคาเงยามะที่ตอบ เคย์สัมผัสได้ว่าเสียงเขาสั่นสะเทือน เขาไม่เคยรู้สึกถึงความสั่นแบบนั้นมาก่อน

    หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง นอนคว่ำหน้าและใบหน้าตะแคงไปข้างหนึ่ง

    “กระเป๋า”เขาบอก คำอวยพรของสึกาวาระกลับไปยู่ในห่อของมันแล้ว และเขาก็ไม่กังวลว่าแว่นของเขาจะแตก มันแค่ไม่สบายตัว

    โชโยหยิบของทั้งสองชิ้นออกและวางมันไว้สักที่ที่เคย์มองไม่เห็น

    “มันมีความเจ็บปวดแผ่ออกมาจากหลังของเจ้า”โชโยเอ่ยเสียงเบา “ให้ข้าดูได้มั้ย? ข้าให้คาเงยามะออกไปก็ได้”

    เคย์จำไม่ได้ว่าการรักษาเป็นแขนงหนึ่งของเทพสุริยะหรือไม่ และเขาก็ไม่สนใจเท่าไหร่

    “รู้อยู่แล้ว”เคย์ตอบ

    ทุกคนรู้ และถ้าโชโยสามารถทำให้ความเจ็บปวดหายไปได้ เขาก็ไม่สนใจที่จะต้องเผยแผ่นหลังให้ดู

    อาจจะนะ

    เขามองอะไรไม่เห็น อะไรคือการที่เขาซุกหน้าลงกับหมอน แต่เขาก็สัมผัสได้ คาเงยามะยืนพิงกำแพง และโชโยยืนข้างเคย์

    ตามสัญชาตญาณ เขาเบ้หน้า มือของโชโย ความร้อนแรงนั้นทาบทับลงบนไหล่ของเคย์ ไฟลุกโชนชั่ววินาทีก่อนจะกระจายทั่ว ความอุ่นวาบแผ่ไปทั่วร่างเคย์ ซึมซาบเข้าสู่ชั้นกล้ามเนื้อก่อนเขาจะเริ่มง่วงงุน

    “ไหล่ของเจ้า”โชโยเริ่ม

    ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเห็นสภาพหลังของเคย์แล้ว รอยร้าวเล็กๆ ในกระดูกเขาไม่หาย บาดแผลจากเวทมนต์มันละเอียดแบบนั้น การสื่อพลังจากสึกาวาระผ่านคำอวยพรทำเพียงให้รอยร้าวมันลึกขึ้น เห็นชัดขึ้น มันไม่ใช่ว่าเขาจะตายหรืออะไร มันยังมีทางเลือกเป็นการจำศีลฟื้นฟูอยู่ แต่เคย์ไม่อภิรมย์กับเวลาสองร้อยปีที่จะหายไปเพื่อจะพ้นจากความเจ็บปวดสักเท่าไหร่

    “มันเป็นแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว?”

    “ตั้งแต่เหตุการณ์นั้น”คาเงยามะตอบแทนเคย์ เมื่อคนถูกถามทำเพียงซุกหน้าลงไปในหมอนยิ่งกว่าเดิม “ตอนนี้มันแย่แค่ไหน?”

    “เหมือนมันแตกเลย”

    ถ้าเคย์ไม่รู้อะไร เขาคงคิดว่าโชโยสะอื้น และคาเงยามะฟังดูกังวลจากใจ แต่แน่นอนว่าเขารู้ดี

    “ข้าจะรักษาพวกมัน” โชโยเอ่ยขึ้นกะทันหัน และสาวเท้ายาวกลับมาทางเตียง

    เคย์เตรียมคำพูดไว้แล้ว เขาจะบอกโชโยว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันนานมาแล้วตั้งแต่ปีกเขาถูกกระชากออกไปทั้งคู่จากแผ่นหลังเขา สองชั่วชีวิตยังไม่ยาวนานพอจะรักษาอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ เขารับมือกับความเจ็บปวดได้ เขาทนมาได้ขนาดนี้แล้ว

    เคย์กำลังจะบอกเขา แต่แล้วโชโยก็เรืองแสงสีขาวร้อนผ่าว และทุกอย่างก็แผดเผา

    เขาได้ยินเสียงกรีดร้อง รู้ว่ามันมาจากตัวเขาเอง แต่เขาจำเสียงตัวเองไม่ได้ เขาไม่ได้ร้องแบบนี้มานานนานมากจนสมองบอกเขา ชั่ววูบหนึ่ง ว่ามันไม่ใช่เขา

    แต่มันใช่

    ภาพของเขามืดลงและเขารู้สึกเพียงดิ่งลงไป เขากำลังร่วงอีกครั้ง และเขาบินไม่ได้ เขาช่วยตัวเองไม่ได้ พื้นมันใกล้เข้ามา ถ้าเขาตั้งสมาธิ ถ้าเขารวบรวมสติมากพอ เขาจะเรียกอะไรออกมาได้ แน่นอนว่าความสามารถสักแขนงที่เขามีจะช่วยเขาได้ อากาอาชิไม่อยู่ที่นี่ ไม่มีอะไรจะมาชะลอการตกของเขาได้

    แล้วมันก็หยุด

    เคย์สูดลมหายใจที่ไม่ได้จำเป็นสำหรับเขาเข้าลึก ประสาททุกส่วนตื่นตัว ในหัวอื้ออึง เขาไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

    “มันเจ็บหน่อย”โชโยพูดขึ้น “แต่มันเร็วกว่าอย่างอื่นแล้ว”

    เขาฟังดูเสียงแห้งๆ

    ด้วยแขนที่สั่นเทิ้ม เคย์ดันร่างตัวเองขึ้น และไม่สะดุ้งกับมือของคาเงยามะบนหลังเขา เมื่อเขาลุกขึ้นนั่ง เขาหมุนไหล่และประหลาดใจเมื่อเปลวไฟได้หายไปแล้ว มันยังเจ็บอยู่ แต่มันทุเลาลง เป็นเพียงแรงชกทื่อๆ มากกว่าแรงขวานจาม

    “ขอบคุณ”เสียงเขาแหบแห้งจนแทบไม่มีเสียง

    ประตูเขาสะบัดเปิด ยามากุจิที่เหนื่อยหอบและตื่นตระหนกยืนอยู่ตรงนั้น ในมือถือหอกพร้อม ที่ปลายหอกเรืองรองด้วยแสงดาวหนาแน่น

    “คาเงยามะ? ฮินาตะ?”เขาถาม

    “ไม่เป็นไร”เคย์บอก

    “ข้าเพิ่งกลับมา แล้วได้ยินเสียงร้อง”

    “ไม่เป็นไร”เขาย้ำ เคย์กำลังจะลุกขึ้นยืนแต่คาเงยามะดันเขาลง

    “ยังก่อน”

    “เจ้าต้องพัก ไม่งั้นฤทธิ์มนตราจะหายไป”โชโยบอก

    “เดี๋ยวข้าอธิบายให้ฟัง”คาเงยามะบอกกับยามากุจิ ทั้งสองทิ้งเคย์กับฮินาตะไปยังห้องโถง

    “ทำไมเจ้าถึงไม่เคยพูดอะไรว่าหลังเจ้าเป็นแบบนี้?”โชโยถามหลังจากผ่านไปสักพัก

    “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”เคย์กล่าวเกร็งๆ พลางค่อยๆ ทิ้งตัวลงนอน

    “แต่-“โชโยสูดลมหายใจ “มันช่วยใช่มั้ย? เจ้ารู้สึกดีขึ้น?”

    “ใช่”

    เมื่อรอยยิ้มของโชโยขยายกว้าง ร่างเขาก็ส่องแสงจ้าขึ้น เคย์หรี่ตาสู้แสงและโชโยก็เก็บปีกเพื่อลดแสงของตนลง

    “เยี่ยม!”เขาผุดขึ้นยืน ร่างแผ่วเบาล่องลอยแม้จะไม่มีปีก “ข้ากับคาเงยามะต้องกลับไป แต่ข้าจะกลับมาดูอาการนะ”

    เคย์เพียงพยักหน้า และโชโยก้าวกระโดดออกจากห้องไป ไม่นานยามากุจิก็เข้ามา โดยไม่มีหอกของเขา และนั่งลงข้างเคย์ เขาช่วยเทพจันทราลงนอนดีๆ นัยน์ตามองไปยังรอยที่ขดม้วนตามแผ่นหลังเคย์

    “คาเงยามะบอกว่าเจ้า-“

    “มันไม่เป็นไรแล้วตอนนี้”

    “เคย์”

    “ข้าพูดความจริงทุกประการ”

    ห่อคำอวยพรของสึกาวาระตั้งอยู่บนโต๊ะของเคย์ ชายหนุ่มไม่รู้ว่ามันคืออะไร เคย์รู้ว่าเขาไม่รู้ แต่ยามากุจิคงเป็นคนโง่ถ้าเขาไม่สังเกตเห็นพลังที่แผ่ออกมา

    “ข้าถามไม่ได้ใช้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?”ยามากุจิถามหลังผ่านไปสักพัก

    “ต่อให้เจ้าถาม ข้าก็ตอบไม่ได้”

    ยามากุจิถอนหายใจ และเคย์เกือบจะรู้สึกผิด แต่เขารู้สึกกวนใจมากกว่าที่จะอารมณ์เสีย จากทุกความสามารถเขา เขาเกลียดการเก็บงำความลับมากกว่าอะไร เขาชิงชังมันมาก เขาบอกยามากุจิไม่ได้ เขาบอกความลับที่เขาใส่ลงกุญแจกับใครไม่ได้

    “คาเงยามะบอกว่าเจ้าต้องพักผ่อน เจ้าจะไม่เข้าใกล้ห้องทำงานเจ้าจนกว่าจะหายดี”ยามากุจิลูบขาเขาและลุกขึ้น

    เคย์คิดจะเถียง บอกว่าเขาสามารถไปที่ห้องทำงานตัวเองเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ แต่หนังตาเขาก็ตกลงและเขารู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้ง

    เขาหลับไปก่อนที่ยามากุจิจะเดินถึงประตูเสียอีก

    “หลับให้สบายนะ สึกกี้”

     TBC..


    ll LITTLE TALK WITH TRANSLATOR ll

    ตอนนี้ยาวมากครับ ยาวกว่าทุกตอนเลย ตอนพิมพ์จบก็แบบว่า โอ๊ะ 11 หน้าแล้วหรอเนี่ย 555ความจริงตั้งใจจะมาอัพก่อนหน้านี้ครับ แต่โดนหวัดกินกับสภาพอากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวของที่ญี่ปุ่น กลายเป็นว่าป่วยยาวซะงั้น ทั้งๆที่อากาศไม่ได้หนาวขนาดนั้น แต่ดันเจอความร้อนๆหนาวๆจนไข้ขึ้นเสียนี่

    ถ้าชอบก็คอมเมนต์ และแชร์ให้เพื่อนๆมาอ่านกันเยอะๆนะครับ ^ ^

    ตอนถัดไป Secrets in Sea Caves (ความลับภายในถ้ำใต้ทะเล)

    พาร์ท

    Killer in the Dark Shadow

     

     

     

     

     

     

    double_B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×