คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : Chapter 24: It should be snowing here (ที่นี่ควรจะมีหิมะตก)
Title: The Noah’s Bookman 2: The Dawn
Goddess บุ๊คแมนของเหล่าโนอา ภาค
เทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ
Story: Saturnalius
Translator: KITDS
Chapter 24: It should be snowing here (ที่นี่ควรจะมีหิมะตก)
การเปลี่ยนโอนอำนาจเป็นไปอย่างราบรื่น
จากเหตุเสียชีวิตจองผู้ว่าฯปารีสในสภาพศพที่บิดพันเหมือนเพรซเซล
สารวัตรเชอริลได้กลายเป็นผู้สืบทอดอย่างรวดเร็ว
ข่าวนี้ได้พาดหัวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายเจ้าทั่วยุโรป ดังไปถึงอังกฤษด้วย
เหตุฆ่าล้างบางถูกป้ายเป็นความผิดของกลุ่มหัวรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับโบสถ์ที่บิดเบี้ยวไปอัญเชิญปิศาจเพื่อล้มล้างรัฐบาลแทน
บุ๊คแมนหนุ่มกลั้นหัวเราะเมื่อเขาไล่อ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น
และอ่านเรื่องเล่าถึงสิ่งที่เรียกว่าสุนัขซาตาน ผู้คนเหล่านี้ช่างโง่งม
และเรื่องเล่าของพวกเขาก็โง่เขลาพอกัน หลายข่าวอธิบายถึงสัตว์ประหลาดได้ค่อนข้างตรง
แต่ความเข้าใจของพวกเขานั้นมันบิดเบือนมากเกินไปเหมือนกำลังอธิบายถึงโลกท่ามกลางหมู่ดาว
เขาคิดเล่น ๆ ว่าเอ็กโซซิสท์พวกนั้นจะสนใจเรื่องนี้และมาตามหาข้อมูลเกี่ยวกับโนอาหรือเปล่า
นอกเหนือจากการปรากฏตัวของทิกี้ในลา
แมงกา
เอ็กโซซิสท์ก็ไม่เจอข้อมูลอะไรอีกนอกจากนั่งไล่ตามอาคุม่าพเนจรและพยายามปกป้องประชาชนทั่วไป
โร้ดเริ่มเบื่อจากการที่ไม่ได้เล่นกับเอ็กโซซิสท์เลย
แต่ความเบื่อหน่ายนั้นก็หายไปเมื่อเชอริลปรากฏตัว โร้ดเทความรักเอาใจใส่ให้กับเขา
และเชอริลก็อ้าแขนรับมันทั้งหมด
ราวี่พับหนังสือพิมพ์
วางมันลงบนโต๊ะในห้องน้ำชาทันเวลากับที่ทิกี้เดินเข้ามาด้วยท่าทางเหนื่อยล้า
เขานั่งทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ ก่อนจะกวาดเศษขนมบนโต๊ะทิ้ง
“นายดูเหนื่อยๆ
นะ” ราวี่เอ่ยพลางหยิบแก้วชาบนโต๊ะขึ้นมาจิบ
ทิกี้คนนี้มักจะดูสุขุมและรักษามาดตลอดเวลา การได้เห็นเขาเหนื่อยจนโทรมแบบนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย
ทิกี้เหลือบมองราวี่
พยายามจะจัดเสื้อกั๊กให้ดูเรียบร้อย “มันอัศจรรย์มากที่ตัวฉันคนก่อนสามารถรับมือกับดีไซร์ได้ตลอดเวลา”
“จริงๆ
แล้วเขาไม่ได้รับมือนะ” ราวี่บอกออกไป “เขาไม่ได้รับมือ เขาออกไปใช้เวลานอกบ้านมากกว่า”
“ฉันคิดว่านี่คงจะช่วยฝึกความอดทนของฉัน”
ทิกี้ยักไหล่ เสื้อกั๊กเขาเข้าที่และติดกระดุมเรียบร้อย
เรายกมือขึ้นสางผมให้เรียบก่อนจะดันแว่นเข้าที่
“แต่ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อบอกนายถึงเรื่องไร้สาระหรือความลำบากของฉัน
และฉันก็ไม่คิดว่าจะต้องบอกถึงความสำเร็จของปฏิบัติการครั้งก่อนของเราด้วย”
“นายจะให้ฉันเดาว่านายจะมาบอกอะไรอย่างงั้นเหรอ?”
ราวี่ขัดขึ้นพร้อมเหยียดยิ้มบาง
ทิกี้นิ่งไป
คำพูดนั้นทำเขาแปลกใจเล็กน้อย “ฉันจะให้นายเดาก็ได้” เขายักไหล่
และเอียงหัวไปด้านหนึ่งน้อยๆ “แต่นายอาจจะพลาดโอกาสสำคัญไป”
“งั้นฉันก็คงไม่อยากทำแบบนั้น”
บุ๊คแมนพยักหน้าพลางลุกขึ้นยืน
เขาจัดเสื้อเล็กน้อยและเคาะปลายเท้าเพื่อดันรองเท้าบู๊ทให้เข้าที่
“แล้วเราจะรออะไรกันอยู่ล่ะ?”
เป็นอีกครั้งที่ราวี่ทำให้เขาประหลาดใจ
“นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราจะไปไหนกัน” ทิกี้กล่าว
บุ๊คแมนยักไหล่พร้อมเคาะปลายรองเท้าบู๊ทอีกข้าง
“มันสำคัญด้วยเหรอ?”
“ก็คงไม่”
ทิกี้ลุกขึ้นยืนและจัดปลายแขนเสื้อให้ตึง “มาเถอะ ท่านเอิร์ลกำลังรอพวกเราอยู่”
++++++++++++++++
“!” ท่านเอิร์ลหมุนตัวด้วยปลายเท้าข้างขวา
ขาข้างซ้ายยืดออกเช่นเดียวกับแขนข้างซ้ายที่ยืดออกเหมือนกัน เธอยังคงถือร่มสีชมพูคันเดิมขณะเคลื่อนไหว
ราวี่จ้องมองเธอทรงตัวในร่างโนอาอ้วนกลมบนลูกบอลใต้เท้า
หญิงสาวดูดีใจกับอะไรบางอย่างเมื่อเธอเรียกสมาชิกโนอาในปัจจุบันทั้งหมดมายังห้องโถงหลักภายในอาร์ค
ราวี่เคยเดินผ่านโถงนี้หลายครั้ง แม้ว่าจะไม่เคยเข้ามา สถานที่แห่งนี้ทำให้เขานึกถึงจัตุรัสที่ชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน
พื้นถนนเรียงด้วยก้อนอิฐตามทางที่พวกเขาเดินขึ้นเนิน ตัวตึกเองก็ให้ความรู้สึกสไตล์นีโอคลาสสิกจากประตูและหน้าต่างทรงโค้งประดับสองทางเดินด้วยเสาแบบโครินเธียน
ด้านในกว้างขวางและมีเพดานโดมโค้งที่มีช่องโอคูลุส*ด้านบน หน้าต่างมอบแสงสว่างเข้ามาภายในห้อง
ท้องฟ้าใสด้านบนแทบมองไม่เห็นผ่านช่องว่างนั้น
ราวี่คิดว่าอาร์คมันน่าทึ่งในตัวมันเองเสมอ
เมืองทั้งเมืองที่อยู่ภายในห้วงมิติ และมีสภาพอากาศและท้องฟ้าเป็นของตัวเอง
พระอาทิตย์ขึ้นและตก ดวงดาวประดับฟากฟ้า แม้ว่าเมืองนี้จะสวยงามและดูสดใส
แต่ไม่มีใครอื่นที่อาศัยอยู่ที่นี่จึงทำให้มันดูน่าขนลุกในบางครั้ง
ราวี่ไม่เคยมาที่นี่คนเดียว
เขารู้ว่าบ้านบางหลังเป็นบ้านปลอม บันไดบางแห่งไม่ได้พาไปไหน หรือพาไปยังมิติอื่น
แม้เขาจะสามารถจำสถานที่และโครงสร้างของอาร์คได้ แต่ความไม่แน่นอนของอาร์คก็ทำให้ราวี่ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนคนเดียวได้
เชอริลงอเข่าลงเล็กน้อย
และเอนตัวไปด้านหน้าเป็นท่าโพสทำมุม ท่านเอิร์ลหยุดหมุนเพื่อนั่งบนแผ่นหลังของเขา
ราวี่และทิกี้ต่างมองค้าง พวกเรารู้ว่าชุดของท่านเอิร์ลหนักแค่ไหน แต่เชอริลก็ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อยขณะที่เธอนั่งลงบนตัวเขา
หญิงสาวไขว่ห้าง วางมือข้างหนึ่งลงบนไหล่ของเขา ส่วนอีกข้างก็ถือร่ม
ทิกี้ตั้งสติได้ก่อนและดันแว่นขึ้นตามนิสัย
แสงจากหน้าต่างโดมโอคูลุสสะท้อนบนแว่น “ข่าวที่น่ายินดีนี้คืออะไรอย่างงั้นเหรอ
ท่านเอิร์ล?”
“โอะโฮะโฮ่~” ท่านเอิร์ลหลุดหัวเราะร้าย “เหมือนว่าอินโนเซนส์จะเริ่มเกิดขึ้นอีกแล้ว
ตัวตนน่ารังเกียจนั่นกำลังตามหาเหล่าคนโง่งม~ มันยังไม่มีเจ้าของและเอ็กโซซิสท์ก็ยังหามันไม่เจอ
มันถึงเวลาที่เราจะดับความหวังและความฝันของคนโง่งมไร้พระเจ้าพวกนั้นแล้วล่ะ~” เธอคล้องก้านร่วมระหว่างข้อศอกและร่างกายของเธอเพื่อปรบมืออย่างตื่นเต้น
“ทิกี้ปอน~ พาราวี่ปอน
โรนัลด์ปอนและสัตว์เลี้ยงที่น่ารักของเขาไปผจญภัยซะนะ~ เชอริลปอนกับฉันยังมีธุระเกี่ยวกับเมืองปารีสให้ต้องจัดการอยู่~”
++++++++++++++++++
มันควรจะหนาว
แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่ตอนเหนือของประเทศในนอร์ดิกมักจะมีอากาศหนาวเสมอ โดยเฉพาะหมู่เกาะออกมาทางเหนือกลางมหาสมุทรอาร์คติค
แต่สำหรับวันนี้กลับไม่ใช่แบบนั้นเมื่อบุ๊คแมน โนอาทั้งสอง และสุนัขอาคุม่าตัวใหญ่ก้าวออกมาจากประตูอาร์ค
มันให้ความรู้สึกเหมือนฤดูร้อนแถบแนวชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียนเลย
“นี่มันไม่ปกติแล้ว”
บุ๊คแมนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ เขาดึงขยับปกเสื้อแขนยาวของเขา
ถึงราวี่จะไม่เคยเดินทางมายังเกาะนี้มาก่อน เขาก็ค่อนข้างแน่ใจว่ายิ่งเข้าใจขั้วโลกเหนือเท่าไหร่
บริเวณแถบนั้นก็จะยิ่งหนาวตลอดทั้งปีมากเท่านั้น อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่ควรจะเป็น
รอยยิ้มบนใบหน้าขิงทิกี้กว้างขึ้นผิดมนุษย์มนา
“อินโนเซนส์”
ทั้งโรนัลด์และราวี่ต่างจ้องไปยังทิกี้
ช่างรองเท้าหนุ่มยังไม่เคยเจออินโนเซนส์ไร้เจ้าของมาก่อน แต่ขณะที่เขากอดอกพร้อมขมวดคิ้ว
เขาก็รู้ทันทีว่าเขาเกลียดมัน
“มันเปลี่ยนสภาพอากาศได้ด้วยเหรอ?”
ราวี่มองไปยังทิกี้อย่างตกใจแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความสงสัย เขาเกลียดอินโนเซนส์พอๆ
กับโนอา แต่มันก็ยังทำให้เขาสงสัยเกี่ยวกับขอบเขตความสามารถของมันนอกจากการพยายามฟันร่างเขาให้ขาดเป็นชิ้นๆ
เขารู้เกี่ยวกับมันน้อยมาก และรู้เท่าที่เขาเคยเห็น เขาเคยเห็นอินโนเซนส์ไร้เจ้าของแค่อันที่หน้าตาเหมือนลูกบาศก์ประหลาดๆ
ตอนที่บุกไปยังศาสนจักรสาขาอเมริกาเหนือเท่านั้น สิ่งนั้นที่อยากจะเชื่อมต่อกับเขา
อยากจะทำให้เขากลายเป็นตัวตนที่เขาเกลียด
มันต้องถูกสร้างมาจากบางแห่ง
และมีอยู่ที่นี่หนึ่งชิ้น ท่ามกลางโลกภายนอกนี่
ราวี่เคยคิดว่ามันถูกสร้างโดยเอ็กโซซิสท์ แต่ตอนนี้เขาให้เหตุผลว่ามันน่าจะมาจากที่อื่น
และเอ็กโซซิสท์ต้องเก็บรวบรวมมันก่อนจะหาผู้เชื่อมต่อ เกาะแห่งนี้ปลีกวิเวกมาก
กระทั่งเอ็กซิสท์เองก็คงจะหามันเจอด้วยความยากลำบาก
ราวี่มองไปรอบๆ
ไม่มีสิ่งมีชีวิตให้เห็น ไม่มีบ้านหรือถนนหรือสัญญาณของความศิวิไลซ์
ต้นไม้โค้งงอด้วยน้ำหนักของหิมะที่กำลังละลาย พื้นเฉอะแฉะ หิมะและน้ำแข็งที่ละลายตัวอย่างรวดเร็วรวมตัวกับพื้นหินขรุขระเย็บเฉียบ
ลมเย็นพัดลงมาจากภูเขาและผ่านหุบเขาที่พวกเขาอยู่ บุ๊คแมนไม่แน่ใจว่าเขาควรจะสั่นจากลมนั่นหรือถอดเสื้อจากความร้อนแปลกประหลาดนี่ดี
สุนัขอาคุม่ากระสับกระส่ายไม่สบายตัวจากหิมะที่ละลายลง
มันพยายามไม่ให้อุ้งเท้าติดเหนอะตามพื้น โรนัลด์วางมือบนบ่าของเจ้าสุนัขเป็นเชิงปลอบ
เนื่องจากตัวมันขณะนั่งก็ยังสูงกว่าเขาที่ยืนอยู่
“มันทำอะไรร้ายกาจได้หลายอย่าง”
ทิกี้ตอบ เขามองไปรอบบริเวณเพื่อหาที่มา “เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุด”
แสงกระพริบไกลๆ เตะตาเขา มันเป็นสัญญาณของอินโนเซนส์ไร้เจ้าของ
สัญญาณของแสงที่นำไปสู่พระเจ้าจอมปลอม “ทางนั้น”
พวกเขาเดินลุยหิมะไป
กลุ่มคนไร้ซึ่งความกลัวค่อยๆ มุ่งไปยังที่มาของแสงอย่างช้าๆ แต่มั่นคง
มันเป็นการเดินที่ยากลำบากสำหรับทุกชีวิต ยกเว้นแต่ทิกี้ที่โกงโดยการใช้พลังของตัวเองในการเดินทะลุผ่านหิมะที่กำลังละลายเป็นก้อนเขลอะ
แล้วพวกเขาก็มาถึงเหมืองร้าง พวกเขามองเห็นรางรถรางเหมืองที่เริ่มเห็นชัดท่ามกลางหิมะที่ค่อยๆ
ละลาย รางนี่น่าจะพาพวกเขาเป็นยังรางกระเช้าลอยฟ้าใกล้ๆ ที่ดูเหมือนถูกหยุดเวลาไว้กับน้ำแข็งย้อยที่ย้อยลงมาตามสายเคเบิ้ลและกระเช้าที่จอดนิ่ง
มีรถรางบางส่วนจอดอยู่ลึกเข้าไปบริเวณทางเข้าเป็นเงาตะคุ่มๆ
จากแสงของอินโนเซนส์ที่กะพริบจ้า สถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งร้างไว้น่าจะประมาณ 30
ปีก่อนตอนที่ถ่านหมดไปจากเหมือง
บุ๊คแมนหนุ่มลองเหยียบคลำทางให้มั่นคงก่อนเดินตามทิกี้ลึกเข้าไปตามเนินลาดลงสู่ตัวเหมือง
โรนัลด์เองก็ตามมาติดๆ โดยใช้สุนัขอาคุม่าช่วยพยุงขณะเดินเข้าไป
แสงสว่างนั้นกะพริบอยู่ไกลๆ
เป็นจังหวะเหมือนไฟบนยอดประภาคาร ก่อนจะดับวูบไป ราวี่กะพริบตา พยายามมองในความมืด
บุ๊คแมนคว้ามือหาอะไรสักอย่างเพื่อจับทรงตัว
เขาควานหากำแพงและวาดมือผ่านใบแมงมุมที่แข็งเย็น เขานิ่วหน้าและสะบัดมือไล่ความรู้สึกเมื่อครู่
บุ๊คแมนไม่พอใจกับการอยู่แบบไร้แสงไฟ
แต่เขายังไม่มองไม่เห็นไปเสียทีเดียว ชายหนุ่มขยับผ้าปิดตา
ดวงตาข้างขวาเขาเพ่งอยู่สักพักแต่ก็มองเห็นเค้าโครงของบริเวณโดยรอบได้อย่างรวดเร็ว
เขามองเห็นการเคลื่อนไหวนิดหน่อยของทิกี้ด้านหน้าเขาไม่กี่เมตรขณะที่พยายามมองหาเป้าหมาย
โรนัลด์ไม่ขยับจากที่เดิมและพิงสุนัขอาคุม่าที่ตอนนี้นั่งนิ่งบนพื้นเย็น
พื้นที่บริเวณนั้นดูดซึมความร้อนจากร่างของสุนัขอาคุม่า แต่บริเวณอื่นๆ ก็ยังคงแข็งยะเยือกเหมือนเดิม
บุ๊คแมนหนุ่มพอมองเห็นกลุ่มก้อนพลังงานบางอย่างเคลื่อนที่อยู่ลึกเข้าไปจากปากเหมือง
มันกำลังซ่อนตัว เหมือนจะอยู่ในรถรางหรือไม่ก็ในทางแร่เหมือง “มันยังอยู่ที่นี่”
โรนัลด์มองมาทางบุ๊คแมน
หรืออย่างน้อยก็ในทางที่เขาคิดว่าบุ๊คแมนอยู่ “นายมองเห็นมันเหรอ บุ๊คแมน?
ได้ยังไง? มันมืดสนิทเลยนะ!”
ราวี่ส่ายหัว
เขารู้ตัวว่าเขาน่าจะเป็นคนเดียวที่มองเห็นในที่มืดนี้ “บุ๊คแมนไม่บอกความลับของเขาหรอกนะ”
เขาดุ เขาเองก็ไม่เข้าใจมันเหมือนกัน ดวงตาข้างขวาเขาไม่ปกติ และมันก็เป็นความผิดปกติที่ทำให้ปู่บุ๊คแมนเลือกเขาเป็นลูกศิษย์
ตาขวาข้างนี้ทำให้เขาเห็นสิ่งที่เขาอธิบายไม่ถูก
เขามองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น แต่ปกติแล้วเขาก็ไม่ค่อยได้ใช้มันสักเท่าไหร่ คนส่วนมากจะมองเห็นมันเป็นแค่ดวงตาที่มืดบอด
สีเทาขุ่นมัวและดูเหมือนใช้งานไม่ได้ แต่ในตอนนี้ที่เขายืนอยู่ในความมืดมิดและปิดตาข้างซ้ายด้วยมือของเขา
ดวงตาข้างขวาจะทำให้เขารับรู้ข้อมูลพิเศษและมุมมองที่ปกติแล้วคงจะมองไม่เห็น
เขามองเห็นในที่มืด มันไม่ได้ชัดเจนเหมือนตอนที่มองในที่สว่าง
แต่มันก็เพียงพอสำหรับการนำทางและสำรวจโดยรอบ
ทิกี้ยิ้มกว้าง
เขาดันแว่นขึ้นตามนิสัย เขาเองก็มองไม่เห็นพอๆ กับโรนัลด์ แต่เขารู้จากความทรงจำที่ตัวเขาคนก่อนทิ้งไว้ว่าบุ๊คแมนคนนี้เป็นตัวตนปริศนา
เขามีพลังของผู้เชื่อมต่อ แต่ไม่อยากจะเป็นเอ็กโซซิสท์ และบุ๊คแมนทั่วไปก็เป็นกลุ่มคนแปลกๆ
อยู่แล้ว บางครั้งพวกเขาก็ดูเหนือมนุษย์ โดยเฉพาะกับความสามารถในการสังเกตของพวกเขา
เขาไม่ตั้งคำถามใดๆ เขาแค่อยากจะรู้ว่าเป้าหมายของเขาอยู่ไหน “มันไปทางไหนล่ะ ราวี่~?” เขาถาม แต่ความเจ้าเล่ห์ของจอยด์ก็อาบย้อมอยู่ในน้ำเสียงของเขา
เขากำลังสนุกสนานกับความท้าทายนี้
“มันซ่อนตัวอยู่”
ราวี่ตอบ “ประมาณ 10 ไม่ก็ 15 เมตรข้างหน้า ชิดขวาไว้ มันมีรถรางไม่ก็กล่องสักอย่างอยู่ทางซ้าย”
เขาไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร มันอาจจะเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ก็ได้
พอก้าวอย่างระมัดระวังไปทางขวาสองสามก้าว
ทิกี้ก็เจอกับกำแพง มือที่สวมถุงมือไม่ช่วยปกป้องมือเขาจากชั้นน้ำแข็งหจาที่กำลังละลายและทำบริเวณโดยรอบชื้นแฉะ
ทิกี้ใช้ความสามารถทะลุชั้นผิวลงไป สายเลือดโนอาในกายเขาเดือดพล่าน เขาสัมผัสได้ว่ากำลังเข้าใกล้เป้าหมาย
“ฉันรู้ว่าแกอยู่ตรงนั้น อินโนเซนส์ตัวน้อย”
อินโนเซนส์ขยับและส่องแสงสว่างจ้า
มันพุ่งขึ้นมาจากที่ซ่อนในกล่องและสาดแสงไปทั่วถ้ำ ก่อนจะพุ่งตัวหนีออกไปจากเหมือง
เมื่อมันจากไป ถ้ำก็กลับสู่ความมืดอีกครั้ง ราวี่ป้องปิดตาทั้งสอง แต่ก็เอามือออกและลืมตาเมื่อสัมผัสได้ว่าแสงสว่างหายไปแล้ว
เขามองไปรอบๆ อินโนเซนส์ สิ่งที่เป็นต้นตอของแสงประหลาดนั่นไม่อยู่แล้ว “มันหายไปแล้ว”
“ให้ตายสิ”
โรนัลด์ขมวดคิ้ว เขาพยายามจับทิศทาง “สป็อต ตามมันไป! กินใครก็ตามที่มันพยายามจะเชื่อมต่อทิ้งซะ” สุนัขอาคุม่าทำตามพร้อมขานรับอย่างอารมณ์ดี
มันรีบลุกขึ้นและพุ่งตัวออกจากเหมืองไปอย่างรวดเร็วผิดธรรมชาติ
“สป็อตเหรอ?”
ทิกี้ทวนด้วยรอยยิ้มกว้าง
“อแมนด้าตั้งชื่อให้มัน”
โรนัลด์ยักไหล่ “อีกอย่าง นายจะเรียกหมาปิศาจสูง 7 ฟุตว่าอะไรล่ะ?”
TBC…
ll WORDS FROM
AUTHOR ll
มันถึงเวลาไล่ล่าอินโนเซนส์แล้ว! พูดยากมากเลยว่าใครจะได้เปรียบกว่ากันระหว่างโนอากับเอ็กโซซิสท์! ศาสนจักรมีสมาชิกใหม่ แต่โนอาก็มาถึงก่อน
และถ้าอาคุม่าวิวัฒนาการขึ้น
แล้วอินโนเซนส์ล่ะ? เป็นเรื่องที่ยังบอกไม่ถูกเหมือนกัน
แต่อินโนเซนส์ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้
มันคือดวงตาข้างขวาของราวี่ที่ในที่สุดก็เผยให้เราเห็นความสามารถตามความคิดของฉัน! มันไม่ถูกพูดถึงในต้นฉบับเลย
ยกเว้นแค่เรื่องที่ดวงตาข้างนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่บุ๊คแมนเลือกราวี่เป็นผู้สืบทอด
และมันก็ถูกพูดถึงเฉพาะในนิยายภาค Reverse ภาคที่ราวี่เจอดั๊กด้วย
ฉันก็เลยเติมที่เหลือเองค่ะ
Saturnalius
ll LITTLE TALK WITH TRANSLATOR ll
สวัสดีครับ กลับมาได้ไม่นานก็หายไปอีกแล้ว 55555
ความจริงตอนนี้ครึ่งตอนแรกแปลเสร็จไปตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนแล้ว แต่หลังจากนั้นก็เจองานนอกนิดหน่อย แถมยังเรื่องที่เคยเปิดใจไปก่อนหน้านี้อีกส่วนด้วยล่ะครับ น่าจะอีกสักพักเลยจนกว่าผมจะกลับเป็นปกติ แหะๆ ยังไงก็จะพยายามอัพเรื่อยๆครับผม
ถ้าเจอคำผิดหรือคำไหนแปลกๆก็บอกได้นะครับผม!
*โดมแบบมีช่องโอคูลุส เป็นโดมที่มีช่องกลมเหมือนภาพด้านล่างครับ โดยช่องกลมนี้แหละที่เรียกว่า โอคูลุส (Oculus) เป็นทางให้แสงเข้าภายในตัวอาคารได้ครับ
**ตัวละครต้นแบบของเชอริลคนใหม่ครับ Hildibrand จากเกม Final Fantasy XIV
**ส่วนอันนี้ผมเดาเองว่าน่าจะเป็นที่มาของท่าที่เชอริลโพสครับ 5555
ไว้พบกันใหม่ตอนหน้าครับ
ด้วยรัก
พาร์ท
Killer in the Dark Shadow
ความคิดเห็น