คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 16: The land of windmills (ดินแดนแห่งกังหันลม)
Title: The Noah’s
Bookman 2: The Dawn Goddess บุ๊คแมนของเหล่าโนอา
ภาค เทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ
Story: Saturnalius
Translator: KITDS
Chapter 16: The land of windmills (ดินแดนแห่งกังหันลม)
เทพธิดาแห่งรุ่งอรุณปรากฏกายอีกครั้ง
ช่วงนี้ท่านเอิร์ลดูจะยุ่งตลอด แม้จะได้ข้อมูลมาอย่างไม่คาดคิดแต่เขาก็ขอน้อมรับมันไว้
ลามันช่าอยู่ห่างจากชายทะเลมาระดับหนึ่ง แต่ราวี่รู้จักที่แห่งนี้
มันเป็นฉากของจริงจากเรื่อง ดองกีโฮเต้ (Don Quixote) นวนิยายสัญชาติสเปนทรงอิทธิพลจากศตวรรษที่
17 ที่เต็มไปด้วยกังหันลมและวัวมากมาย บุ๊คแมนเคยเดินทางผ่านเมืองนั้น
แต่ยังไม่เคยแวะที่นั่น แต่เหมือนว่าปาเอญ่าจะเลิศรส
แต่ปาเอญ่าไม่ใช่สิ่งที่ดึงดูดให้บุ๊คแมนไปยังพื้นที่กันดารแบบนี้
แม้มันจะเป็นของแถมก็ตาม มันคือข่าวลือเกี่ยวกับรูปปั้นเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ
ชายหนุ่มผมแดงไม่ค่อยแน่ใจว่าทำไมเขาถึงยังไล่ตามตำนานเหล่านี้
แม้จะรู้ถึงความจริงเบื้องหลังแล้ว แต่บางอย่างก็ดึงดูดให้เขาเข้าหาพวกมันเรื่อยๆ
เขามีความอยากรู้อยากเห็นที่ต้องเติมเต็มด้วยความหลากหลายของแต่ละตำนานและเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นรายล้อมพวกมัน
ตัวรูปปั้นเองก็แตกต่างกันไปตามแต่สถานที่ขึ้นกับทรัพยากรธรรมชาติที่มี
ความสามารถของศิลปินและกระทั่งลักษณะพื้นเมืองและตำนาน
ยิ่งเขาไล่ตามตำนานนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเข้าใจอิทธิพลของท่านเอิร์ลที่มีต่อโลกใบนี้มากขึ้นเท่านั้น
ท่านเอิร์ลไม่ลังเลใจที่จะส่งราวี่ไปยังจุดหมายปลายทาง
พร้อมยังปรบมืออย่างดีอกดีใจพร้อมคำพูดตื่นเต้นสองสามคำ
และให้ขนมเขามากินเล่นระหว่างทาง
ราวี่คิดว่าความตื่นเต้นที่เธอแสดงออกเป็นการให้คำอนุญาตในการสืบค้นและเขียนเรื่องราวที่เปิดเผยเพียงน้อยนิดเข้าสู่คลังประวัติศาสตร์โนอากลายๆ
มันเป็นส่วนหนึ่งของตำนานของพวกเขาที่แม้แต่ศาสนจักรเองก็ยังไม่รู้ว่ามีอยู่ แต่ราวี่ก็ไม่แน่ใจเสียทีเดียวว่าพวกเขาอะไรบ้าง
หลังจากการปะทะครั้งสุดท้ายเมื่อห้าปีก่อน
ทั้งราวี่และชายชราแยกกันบันทึกประสบการณ์และรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ในด้านของตน
ไม่มีใครเอ่ยถึงสิ่งที่ตนเองเห็นอย่างละเอียด
แม้พวกเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากัน
ราวี่บิดเบือนบันทึกของเขากว่าครึ่ง และเขาค่อนข้างมั่นใจว่าชายชรารู้ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร
และจากการแยกกันบันทึก
ราวี่รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวศาสนจักร วิธีการทำงานภายใน
หรือเรื่องราวจากมุมมองพวกเขาน้อยมาก เขารู้เพียงสิ่งที่โนอารู้ มันทิ้งช่องว่างในเรื่องราวที่ชายหนุ่มผมแดงรู้
แต่บางทีมันก็อาจจะดีแล้วที่เป็นแบบนั้น เพราะถ้าโนอาถามอะไร
เขาคงจะตอบความลับของศาสนจักรออกไปโดยไม่ลังเล มันดีแล้วที่เขาไม่รู้
เขาจะได้ไม่สามารถฝ่าฝืนกฎของบุ๊คแมนไปมากกว่าที่เขาเคยทำลงไปและกำลังทำอยู่ไม่ได้
แม้ว่าตระกูลบุ๊คแมนจะไม่มีทางรู้ก็ตาม
บุ๊คแมนผมแดงมาถึงในตรอกเล็กๆ
ในตัวจัตุรัสเมือง มันเป็นจัตุรัสที่ไม่มีอะไรให้พูดถึงสักเท่าไหร่ ร้านรวงไม่กี่ร้านเรียงรายบนถนนอิฐที่ผุ้คนมารวมตัวกัน
สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างธรรมดาและเห็นได้ทั่วไป ไม่มีอะไรน่าสนใจเป้นพิเศษ
แต่อาจจะยกเว้นกังหันลมขนาดใหญ่ที่หมุนวนอยู่ไม่ไกล ลามันช่าตั้งอยู่บนที่ราบซึ่งค่อนข้างแห้งแล้งแต่ยังคงอุดมสมบูรณ์ที่มีจำนวนวัวมากกว่าผู้คน
มันมีผลผลิตทางการเกษตรที่เกินความต้องการ รวมถึงไร่องุ่นหลากหลายสายพันธุ์
ที่ใจกลางจัตุรัสมีรูปปั้นโลหะของดองกีโฮเต้และดัลซิเนีย
คนรักในจินตนาการของเขาตั้งอยู่ แม้ว่ามันจะเก็บรายละเอียดได้ดีตามเรื่องเล่า
แต่มันก็ยังไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เขามาที่นี่อยู่ดี
ไม่ไกลนัก เสียงระฆังโบสถ์ดังขึ้น
ตัวโบสถ์อยู่ห่างไปเพียงหนึ่งแยก และเขาก็รีบมุ่งไปยังจุดหมายที่แท้จริงของตน
มันเป็นโบสถ์เล็กๆ กลืนไปกับอาคารและร้านรวงใกล้เคียง มีรั้วเตี้ยๆ ล้อมรอบอาณาเขต
โดยมีเสาหินสองเสาขนาบข้างทางเข้า แมวดำตัวหนึ่งนั่งมองอยู่บนเสาต้นหนึ่ง
มันมีริบบิ้นสีเหลืองประดับด้วยกระดิ่งเล็กๆ ตรงกลางผูกไว้รอบคอ
มันมองราวี่สักพักด้วยดวงตาสีทองก่อนจะกระโดดลงมาและเดินตามถนนไป
ชายหนุ่มผมแดงไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่
และกลับไปสนใจที่ตัวโบสถ์อีกครั้ง วันนี้เป็นวันจันทร์
วันที่ผู้คนไม่ค่อยมาเยือนโบสถ์กัน มันจึงค่อนข้างว่างเปล่า แต่มันก็ดีกว่า
จะได้ไม่มีใครมาขัดขวางการสืบข้อมูลของเขา
ตัวโบสถ์ตั้งอยู่ใจกลางสวน
สวนด้านหน้าตกแต่งด้วยดอกไม้หลายพันธุ์และพุ่มไม้ใบเขียวก็ตัดแต่งอย่างเรียบร้อยไม่ให้มาขวางทางเดิน
แต่เจ้าของเส้นผมสีชาดก็ไม่สนทางเดินที่ปูไว้
แต่เดินหลบมาทางซ้ายและอ้อมตัวอาคารไป และอย่างที่เขาคาด สุสานตั้งอยู่ทางด้านหลังเข้าหาทุ่งกว้าง
คนเมืองอาจจะจุกจิกกับตำแหน่งของสุสาน
เชื่อว่าดวงวิญญาณจะสามารถกลับมาได้ถ้าไม่มีความสุข
หรือถ้ามีใครมาเหยียบหลุมของพวกเขาเข้า ในขณะที่ราวี่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีสาง
แต่เขาก็รู้ว่าคนตายสามารถฟื้นคืนชีพได้โดยหลักการแล้ว
ด้วยฝีมือของท่านเอิร์ลในฐานะเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ มันเป็นตัวตนที่เลวร้าย
และเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมมนุษย์ถึงทำแบบนั้นกับคนที่พวกเขารัก พวกเขาช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เห็นแก่ตัวจริงๆ
รูปปั้นมีปีกที่เขาตามหาตั้งอยู่ใจกลางสุสาน
รูปปั้นของเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ มันเป็นรูปปั้นแบบปกติ หญิงสาวคุกเข่าภาวนาด้วยปีกที่กางสยายอยู่บนแผ่นหลัง
แต่ทรงผมและเสื้อผ้าเป็นแบบพื้นบ้าน แม้จะเป็นแบบที่ตกยุคไปแล้ว
ทำให้ราวี่สงสัยว่ามันอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้ว ตัวหินมีตะไคร้สีเขียวเกาะจากหยาดฝน
เหมือนจะมีใครบางคนที่พยายามทำความสะอาดมัน จึงเป็นคราวเขียวกระดำกระด่างตามรอยยับของชุด
“รูปปั้นนั้นถูกสาป”
บาทหลวงคนหนึ่งเดินออกมาทางประตูหลังของโบสถ์
และเห็นชายหนุ่มเข้าเมื่อเขาเป็นคนเดียวที่อยู่ตรงนั้น เขาเป็นชายมีอายุ
เส้นผมบางๆ ปัดไปข้างหนึ่งเพื่อบังหัวล้าน เขาไม่ได้แต่งชุดบาทหลวงแต่เป็นชุดลำลอง
แต่สร้อยไม้กางเขนขนาดใหญ่รอบคอเขาก็บ่งบอกสถานะออกมา
“ถูกสาป?”ราวี่ทวนด้วยภาษาสเปน
พลางซุกมือลงกระเป๋ากางเกง ได้ยังไงกัน? กับทุกรูปปั้นของเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ
ส่วนมากยังคงสรรเสริญว่ามีความพิเศษและบ่อยครั้งที่มีความสำคัญทางศาสนา
แม้จะมีเรื่องราวแปลกๆ เกิดขึ้นรอบๆ พวกมัน
ราวี่รู้ว่าเหตุการณ์พวกนั้นเป็นผลงานของท่านเอิร์ล
“ถามทำไมล่ะ?”บาทหลวงถามกลับด้วยความสงสัย
เขาไม่แน่ใจว่าราวี่เป็นใคร เขาดูไม่เหมือนคนพื้นที่ และเขาก็พูดด้วยสำเนียงตลกๆ
แต่เขาก็พูดสเปนได้อย่างคล่องแคล่วด้วยเช่นกัน บางทีเขาอาจจะมาจากกัสติยา แต่สิ่งสุดท้ายที่บาทหลวงอยากให้เกิดคือผลที่ตามมาจากอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับชายหนุ่มหลังจากที่เขาสวดอ้อนวอนต่อรูปปั้นนั้น
“ฉันเป็นนักประวัติศาสตร์”ราวี่ตอบเหมือนทุกครา
“เดินทางไปรอบโลก ตามบันทึกเรื่องเล่าและตำนานพื้นเมืองต่างๆ”
บาทหลวงนิ่งไปพลางพิจารณาคำของอีกฝ่าย
“พ่อไม่อยากให้ใครมาไล่ตามตำนานนี้หรอกนะ”
“ไม่คิดว่านายจะต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก”ราวี่โบกไม้โบกมือเชิงปัด
“งานฉันมันสำหรับวงการประวัติศาสตร์เท่านั้น” มันก็จริงตามนั้น บวกลบสักคำสองคำ
บาทหลวงพิจารณาชายหนุ่มอีกสักพัก “ก็ได้
เข้ามาข้างในสิ คุณ...?”
“บุ๊คแมน”ราวี่ตอบ
บาทหลวงชะงักไปที่ขั้นบนสุดของบันได
มือค้างอยู่ที่ลูกบิด “บุ๊คแมน?”
“นายเคยได้ยินเรื่องของพวกเราสินะ?”ราวี่ซุกมือกลับเข้าไปในกระเป๋าพร้อมมองสำรวจบาทหลวง
เขาต้องเคยเจอบุ๊คแมนมาก่อน มันก็ไม่ได้น่าประหลาดใจ เมื่อมีบุ๊คแมนมีหลายคน
ราวี่รู้เกี่ยวกับลักษณะและบันทึกของคนอื่นหน่อยเดียว
เพราะมัวแต่สนใจบันทึกของตัวเอง บาทหลวงก็มีอายุแล้ว เขาเคยเจอบุ๊คแมนเมื่อวานหรือเมื่อ50ปีก่อนก็ยากจะบอก
“ก็หลายครั้ง”บาทหลวงชราตอบ “มาสิ
มีเรื่องให้เล่าเยอะเลย”เขานำราวี่เข้าไปข้างใน ให้ชาเขาหนึ่งแก้วและที่ให้นั่ง
ในโบสถ์ว่างเปล่า สร้างความเป็นส่วนตัวให้พวกเขาพูดคุยที่ม้านั่งในโบสถ์แถวแรก
ราวี่จิบชาอึกหนึ่งก่อนก็เปิดปากพูด “แล้ว
รูปปั้นนั่นถูกสาปได้ยังไง?”
“ให้พ่อเริ่มจากตำนานก่อนแล้วกันนะ”บาทหลวงพยักหน้า
“ว่ากันว่าเทพธิดาได้นามว่าอรุณ ไม่มีใครรู้ว่าอรุณมาจากไหน
แต่เธอไม่เคยถูกกล่าวถึงในไบเบิ้ล เด็กๆ แถบนี้ชอบบอกว่า
ถ้าภาวนาต่ออรุณและเรียกชื่อของเธอ เธอจะปรากฏกายตรงหน้าและพาคนตายกลับคืนชีพ
มันเป็นตำนานที่น่าเสี่ยง แต่ไม่มีใครเคยลองจริงๆ”บาทหลวงพยักหน้าและจิบชา
“แต่แล้วก็มีคนลองสินะ?”ราวี่แทรก
ชายชราพยักหน้าอย่างลังเล “เขาอยากจะพาลูกชายเขากลับมา
พ่อไปห้ามเขา แต่มันก็สายเกินไป อรุณได้ปรากฏตัวขึ้น แต่เขาก็ไม่เหมือนเดิมอีก
เขากลายเป็นสัตว์ประหลาดบางอย่างและกินคนไปจำนวนหนึ่ง
สร้างความวุ่นวายจนเอ็กโซซิสท์มาและกำราบเขา”
แน่นอนว่าเอ็กโซซิสท์ต้องเคยมาที่นี่
พวกเขาชอบขัดความสนุกของท่านเอิร์ล แม้จะหงุดหงิด
ราวี่ก็คงท่าทียิ้มแย้มสนอกสนใจต่อไป “นานแค่ไหนแล้ว?”
“เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง”บาทหลวงตอบ
“หลายคนยังกลัวอยู่เลย”
มันไม่นาน
แต่ก็เร็วเกินกว่าจะเป็นฝีมือของทีมทีเอดอล พวกเขายุ่งกับการจัดการอาคุม่า แจ็ค
เดอะ ริปเปอร์ในเมืองตอนใต้อยู่เลย
ราวี่ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมีเอ็กโซซิสท์มีจำนวนเท่าไหร่ แต่เขาประเมินไว้ประมาณแปดถึงสิบ
มันเป็นแค่การสุ่มเดา แต่ก็มาจากจำนวนที่รอดมาและจากที่เขาเคยเห็น
การเดาสุ่มนี้ก็คงไม่ทิ้งห่างจากตัวเลขจริงสักเท่าไหร่
มันเป็นไปได้ว่าทีมนั้นยังอยู่แถวนี้
แต่เมื่อทีเอดอลไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โอกาสที่พวกเขาจะเดินทางไปแล้วก็สูง
ประตูหน้าโบสถ์ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเมื่อถูกเปิดออก
ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหลายคู่ หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยภาษาอังกฤษ “คุณพ่อลอเรนซิโอ
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะ-“เธอหยุดพูดไป ก่อนจะเสริม “อ๊ะ ท่านมีแขกนี่!”
บาทหลวงชราหันไปทักทายผู้มาเยือน “พ่อแค่บอกคุณบุ๊คแมนตรงนี้เกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อต้นอาทิตย์น่ะ
เข้ามาสิ”เขาพูดภาษาอังกฤษติดสำเนียง แต่ก็ดูค่อนข้างชำนาญในภาษา
ราวี่ไม่ต้องหันกลับไปก็รู้ว่าใครเข้ามา
เอ็กโซซิสท์ระดับเสนาธิการ รินาลี่ ลีกับทีมของเธอ
เขาได้ยินเสียงพวกเขาขยับอย่างอึดอัดบนพื้นไม้เก่าๆ
เขาไม่อยากเจอพวกเขาหรือเอ็กโซซิสท์คนไหนเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้น
เขาก็กันไปแล้วยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร “ไง~ ไม่คิดเลยว่าจะเจอกันที่นี่”เขาแสร้งทำเป็นมิตรไปก่อนก็ได้
หวังว่าพวกเขาจะเชื่อว่าเขายังเป็นกลางอยู่
ชายหนุ่มรู้ว่าพวกนั้นจะพบจุดจบในอีกไม่นานแน่
เมื่อเหล่าโนอาเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
เชาจี๋ขยับเหมือนจะพูด
หรือเหมือนจะตะโกนใส่ราวี่ แต่ก็ถูกห้ามโดยกำปั้นของรินาลี่ที่ถองเข้าซี่โครงเขา
เธอรักษาสีหน้านิ่งสงบ
แม้มันจะดูเป็นมิตรน้อยกว่าก่อนหน้า “เราไม่รู้ว่ามันจริงรึเปล่า
เพราะงั้นเปิดใจไว้ก่อนเถอะนะ”รินาลี่กล่าวเสียงเบากับทีมของเธอก่อนจะขยับก้าวมาข้างหน้าพลางยื่นมือ
“เราควรจะคุยกันหน่อยนะ บุ๊คแมน”
คอร์บิเนียนโผล่มาจากด้านหลังหญิงสาวและสำรวจบุ๊คแมนหนุ่มจากระยะไกล
เขาดูไม่สบายใจเอามากๆ และระวังตัว พร้อมจะลุยทันทีที่เห็นอะไรผิดปกติ
โครรี่ยืนอยุ่ข้างเขา ดูมั่นใจมากขึ้นและแย่น้อยกว่าตอนที่พวกเขาเจอกันที่เยอรมัน
ราวี่นิ่งไป หรือศาสนจักรจะบอกเอ็กโซซิสท์เกี่ยวกับสิ่งที่ลิงก์เห็นเมื่อเกือบสองเดือนก่อนที่อังกฤษกัน?
ดูจากสีหน้าท่าทางพวกเขาแล้ว เขาคิดว่าใช่
ซึ่งมันจะสร้างข้อจำกัดให้กับการเดินทางตามสืบข้อมูลของเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณยากขึ้น
แต่เขาก็เมินเสียงแข็งจางๆ ในน้ำเสียงหญิงสาวและคุยเรื่องเดิมที่เขาตั้งใจไว้ “ฉันยินดีฟังเรื่องรูปปั้นเสมอ
เจอพวกมันทุกที่เลย”
รินาลี่ถอนหายใจ “ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”
“ก็บอกไปแล้ว”ราวี่วางแก้วชาบนม้านั่งก่อนจะยืนขึ้น
“ฉันเป็นแค่บุ๊คแมนที่ไล่ตามตำนานเท่านั้น”
บาทหลวงชรามองระหว่างราวี่และรินาลี่
ไม่รู้ถึงสิ่งที่แฝงอยู่ในบทสนทนาของพวกเขา
รินาลี่ดูซึมไปครู่หนึ่ง
เธอไม่ชอบการพูดจากล่าวหาใส่คนอื่น แม้ราวี่จะมีความเกี่ยวข้องกับโนอาก่อนหน้านี้จริงๆ
เธอก็ไม่มีเหตุผลในเชื่อว่าพวกเขากลับมาเกี่ยวข้องกันอีกครั้ง
เธอเห็นสิ่งที่อาคุม่าทำกับเขาแล้ว แม้เธอจะไม่มั่นใจว่าราวี่รอดมาได้ยังไง
เขาไม่ใช่อาคุม่าแต่เป็นผู้เชื่อมต่อ
และบางทีนั่นอาจจะเป็นสาเหตุว่าทำไมโนอาถึงปกป้องเขาเหมือนก่อนหน้านี้
พวกเขาไม่อยากให้ชายหนุ่มทรยศตัวเองและไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
แต่บางทีมันก็อาจจะมีอะไรมากกว่านี้ เธอแค่ไม่รู้เท่านั้น แต่เธอรู้ว่าลิงก์ไม่มีเหตุผลให้โกหกเธอ
เขาเป็นคนซื่อสัตย์คนหนึ่ง
“แล้วทำไม-“คอร์บิเนียนเริ่ม “ทำไมอาคุม่าถึงมาทุกครั้งที่นายโผล่มาล่ะ?”เขาจบประโยคเป็นภาษาเยอรมัน
ไม่แน่ใจว่าเขาควรพูดสิ่งที่คิดออกมาตามใจมั้ย เขาคิดว่าบุ๊คแมนจะไม่เข้าใจเขาเมื่อคราวก่อนที่พวกเขาเจอกันได้คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ
ราวี่มองไปทางคอร์บิเนียน
เข้าใจทุกคำที่เขาพูด “ความบังเอิญ”เขารักษาท่าทีเป็นมิตร
แต่มันก็เริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้ความตั้งใจของอีกฝ่าย เพื่อดักเขาเหมือนหนูติดจั่น
เพื่อกล่าวหาเขา คอร์บิเนียนหน้าใหม่พอจะเชื่อเขา แต่คนอื่นชาญฉลาดกว่านั้น
“夠了!”เชาจี๋ตะโกนก้อง “เลิกพูดภาษาพวกนั้นได้แล้ว! พวกเขารู้นะว่านายอยู่ข้างโนอาน่ะ! ยอมรับได้แล้ว!”
“คำพูดรุนแรงจังนะ”ราวี่ยักไหล่
ไม่ตอบคำกล่าวหานั้นตรงๆ บาทหลวงที่เคยนั่งอยู่หลังเขายืนขึ้นและถอยห่างไป
ไม่อยากจะยุ่งกับอะไรก็ตามที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่วนราวี่ก็ยังคงมั่นคง
เขาค่อนข้างมั่นใจว่าจะเกิดการปะทะขึ้นกลางโบสถ์แห่งนี้แน่ “ไม่มีเหตุผลให้รุนแรงแบบนั้นนี่”
เชาจี๋ถกแขนเสื้อขึ้น “ก็ได้
ถ้านายไม่อยากตอบ เราก็จะต้องใช้วิธียากกันล่ะ”
ll WORDS FROM WRITER ll
รูปปั้นอีกหนึ่ง! และอันนี้มีชื่อเสียอย่างน่าตกใจ(หรือไม่น่าตกใจกัน?)
ฉันคิดนานมากว่าใครควรจะโผล่มาทำลายทุกอย่างของราวี่
ฉันอยากจะให้คอร์บิเนียนกลับมามีบทบาทอีกครั้ง เขาค่อนข้างซื่อ
และยังไม่คุ้นชินกับวิถีของศาสนจักรสักเท่าไหร่ เขาใจกว้างและพร้อมจะเปิดใจมากกว่า
พร้อมจะถามถึงอะไรเป็นอะไรและควรเป็นยังไงมากกว่าจะสรุปเองเออเอง
เขากับรินาลี่คงเข้ากันได้ดีเรื่องมุมมองนี้ ตรงข้ามกับเชาจี๋ที่มองทุกอย่างเป็นขาวดำอย่างสุดโต่ง
ll TALK WITH TRANSLATOR ll
สวัสดีครับ
กลับมากับตอนใหม่และความค้างคา 5555
ตอนนี้ผมมาเรียนตปท.ระยะสั้น
ก่อนหน้านี้เลยหายไปกับการเตรียมตัว ปรับตัวและอะไรอีกหลายๆอย่างมาครับ
ก็ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้อัพเดทอะไรสักพักใหญ่ๆ เลย
ตอนนี้ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เวลาว่างก็มีมากขึ้น
ก็จะพยายามมาอัพนะครับ
แล้วก็อย่าลืมจะครับ
สำหรับคนที่สนใจรูปเล่มของภาคแรก ตอนนี้ยอดยังไม่ถึง (หรือจะถึงรึเปล่าน้า?)
ก็เป็นว่า ตอบโพลกันด้วยนะครับผม! ไม่สนใจก็กดไม่สนใจก็ได้นะเออ รายละเอียดอยู่ในตอนก่อนหน้านี้เองครับ กดเข้าไปดูได้เลย
ไว้พบกันใหม่คราวหน้านะครับ
คิดถึงทุกคนเสมอครับ ^ ^
พาร์ท
Killer in the Dark Shadow
ความคิดเห็น