ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หวานใจนายมนุษย์หมาป่า

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6...หมาชีกอ

    • อัปเดตล่าสุด 31 ม.ค. 54


     หวานใจนายมนุษย์หมาป่า

    บทที่ 6

     

    ฉันกลับมาอีกครั้งพร้อมกับข้าวต้มหมูสับหอมฉุย เจ้าหมาป่าเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ มันคงไม่คิดว่าฉันจะหายไปนาน เพื่อทำสิ่งนี้ ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องไปใส่ใจมันด้วย คงเป็นเพราะมโนธรรมในใจแน่ๆ ที่ทำให้ฉันไม่สามารถปล่อยปละละเลยมันได้ ถึงอย่างไงฉันก็ยื่นมือเข้าไปช่วยมันแล้ว เพราะฉะนั้นก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด (เป็นอุดมคติที่บ้าบอจริงๆ)

    ฉันเอาชามข้าวต้มไปวางตรงหน้าเจ้าหมาป่าอย่างลังเล เนื่องจากไม่แน่ใจว่ามันจะกินข้าวต้มได้หรือเปล่า หวังว่ามันคงไม่กินเนื้อสดๆ หรือเลือดสดๆ เป็นอาหารเหมือนกับผีดิบในหนังหรอกนะ

    เอ้าข้าวต้ม กินซะซิ

    มันทำจมูกฟุดฟิดใส่ชามข้าวต้มที่มีควันหอมกรุ่น จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น หูและขนสีขาวบริเวณสันหลังตั้งชัน สายตาวาววามจับจ้องมาที่ฉันเหมือนไม่ไว้ใจ ฉันก็เลยพูดดักคอด้วยความหมันไส้ ในเมื่อทำให้ขนาดนี้แล้วยังจะมาระแวงกันอีก มันก็เกินไปหน่อยล่ะ

    กินๆ เข้าไปเถอะน่า รับรองได้ ฉันไม่ใส่ยาพิษเอาไว้หรอก เพราะถ้าฉันอยากจะฆ่าแกจริงๆ ฉันก็ทำไปตั้งนานแล้ว

    มันเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบ ฉันไม่กินอาหารด้วยร่างนี้

    หมายความว่าไง...

    ยังพูดไม่ทันจบ มันก็กลายร่างเป็นมนุษย์ต่อหน้าต่อตาทันที และช่วงเวลาที่เจ้าหมาป่ากลายร่างนั้น มันก็เกิดขึ้นรวดเร็วมาก จนฉันร้องห้ามไม่ทัน

    ร่างทั้งร่างที่เคยถูกห่อหุ้มด้วยขนสีเงินอ่อนนุ่มของหมาป่า ค่อยๆ หดกลับเข้าไปในผิวหนัง จนกลายเป็นผิวหนังของมนุษย์ แขนขาทั้งสองข้างที่เป็นอุ้งเท้าของสัตว์ เหยียดยาวออกมาข้างหน้าและกลายเป็นนิ้วมือนิ้วเท้าเรียวยาว แค่ชั่วพริบตาเดียว เขาก็กลายร่างเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่เหลือเค้าโครงของหมาป่าเลยสักนิด

    แถมเขายังเป็นผู้ชายหล่อเหลาล่ำบึก อย่างกับนายแบบชุดชั้นใน ที่เคยเห็นในโฆษณา แต่ขนาดเป็นแค่โฆษณาธรรมดา สาวขี้อายอย่างฉันก็ยังไม่กล้ามองตรงๆ เลย แล้วนับประสาอะไรกับผู้ชายตัวเป็นๆ ที่ยืนเปลือยอยู่ตรงหน้า มันทำให้ฉันตื่นเต้นจนแทบหัวใจวายตาย

    ฉันยกมือสั่นๆ ของตัวเองขึ้นมาอุดปากเอาไว้โดยไม่รู้ตัว เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้น คงได้เผลอแหกปากร้องกรี๊ดๆ จนบ้านแตกแน่ และถ้าเป็นอย่างนั้น บ้านใกล้เรือนเคียงในละแวกนี้คงได้แตกตื่นกันไปทั่ว โดยเฉพาะบ้านของโย

    และนับว่าฉันนี่เก่งมาก ที่ยังควบคุมสติไว้ได้ ไม่เป็นลมไปซะก่อน แต่อาจจะเป็นเพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นมันกลายร่างเป็นมนุษย์ก็ได้ ถึงได้ไม่ตกใจซักเท่าไหร่

    พอคิดไปคิดมา ตอนนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้มากนัก (หรือแทบจะจำอะไรไม่ได้เลยต่างหาก) เพราะมันมืดมาก แถมยังมีฝนตกพรำๆ ด้วย ก็เลยเห็นไม่ชัด ที่สำคัญฉันก็หมดสติไปก่อน...ก่อนที่จะได้เห็นเขาเปลือย...แบบเต็มๆ ตาอย่างตอนนี้

     เมื่อเขาเริ่มขยับตัวจะลุกขึ้น ผ้าห่มมันก็เลยหล่นลงมากองอยู่บนพื้น ฉันอ้าปากค้าง ด้วยความตกใจ และรีบหลับตาปี๋ทันที มันไม่เหมาะไม่ควรที่จะมองภาพอุจาดตานี้ ถึงอย่างไงฉันก็ทำใจกล้า เผชิญหน้ากับมันตรงๆ เหมือนไม่รู้สึกรู้สมอะไรไม่ได้จริงๆ

    เอ่อ...ช่วยกรุณา ดึงผ้าขึ้นหน่อยได้ไหม หรือไม่อย่างนั้นก็รอให้ฉันออกไปก่อนก็ได้ แล้วค่อย...ค่อยกลายร่าง 

    ดูเหมือนเขาจะไม่มียางอายเลยสักนิด ยังจะยืนโชว์ตัวอล่างฉ่างอยู่กลางห้องนอนของหญิงสาวโสดอย่างฉัน แถมยังมีหน้ามาพูดเยาะเย้ยกันอีก

    ฮะ...ฮะ...ฮะ อะไรกัน โตจนป่านนี้แล้ว เธอยังไม่เคยเห็นผู้ชายเปลือยอีกเหรอ หรือว่าจริงๆ แล้วเธอยังเวอร์จิ้นอยู่ จะเก็บพรมจรรย์เอาไว้บูชาตอนแก่หรือไง ยัยทึ่ม

      คิดผิดจริงๆ น่าจะใส่ยาเบื่อหนูลงในชามข้าวให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องเสียหน้า ถูกครึ่งหมาครึ่งคนอย่างนี้เยาะเย้ยถากถาง แค้นใจจริงๆ ฉันคิดในใจ แต่ก็ยังหลับตาแน่น ไม่กล้าลืมตาขึ้นมาต่อปากต่อคำกับเขาอยู่ดี

    หนวกหู พูดมากอยู่ได้...รีบๆ ใส่เสื้อคลุมสักทีซิ เอาของฉันไปใส่ก่อนก็ได้ ฉันให้ยืม แขวนอยู่ตรงนั้น ฉันบอกพร้อมกับชี้โบ๋ชี้เบ๋ไปยังเสื้อคลุมที่แขวนอยู่ตรงข้างฝาห้อง

    ถึงตาย ฉันก็ไม่ยอมใส่เสื้อคลุมสีหวานแหววของเธอแน่

    มาอาศัยบ้านคนอื่นเขาอยู่อย่างนี้ ยังจะมาเลือกมากอีก มีอะไรก็ใส่ๆ ไปก่อนเถอะน่า ฉันต้องรีบไปทำงานแต่เช้านะ และตอนนี้ฉันก็เสียเวลากับแกมามากแล้วด้วย

    อย่ามาสั่งฉันนะ และก็เลิกเรียกฉันว่าแกได้แล้ว ฉันไม่ชอบ ฉันชื่ออเล็กซานเดอร์ ฟานเชสเตอร์ มาร์ชานี่ ได้ยินชัดแล้วใช่ไหม เพราะฉะนั้นถ้าเธอไม่เรียกชื่อฉันด้วยความเคารพ ฉันก็จะไม่เสวนากับคนชั้นต่ำอย่างเธออีก

    โธ่เว้ย ชื่อยาวเป็นวาขนาดนั้นใครจำได้ บอกแล้วไงว่าฉันรีบ ฉันรีบ ไม่มีเวลามานั่งท่องชื่อแกหรอก แล้วถ้าอยากจะยืนโป๊อยู่อย่างนั้น ก็ตามใจ ฉันไปทำงานก่อนล่ะ

    ว่าแล้วก็เผ่นแน่บออกจากห้องไปทันที เพราะถ้าขืนอยู่นานกว่านี้คงได้เป็นตากุ้งยิงแน่

    เดี๋ยวก่อน ฉันยังไม่อนุญาตเลยนะ เธอจะทิ้งฉันไปเฉยๆ แบบนี้ได้ไง กลับมาก่อนยัยบ้า

    ฉันไม่สนใจเสียงเอะอะเอ็ดตะโรของเจ้าหมาปิศาจ ที่มีนิสัยโรคจิตชอบโชว์ของลับของตัวเองหรอก หน้าที่การงานของฉันสำคัญกว่ามันตั้งเยอะ อุตสาห์ช่วยชีวิตมันไว้แท้ๆ แต่มันยังอวดเบ่ง วางอำนาจ เหิมเกริม ไม่เห็นสำนึกบุญคุณอย่างที่ฉันคิดไว้เลย คิดผิดจริงๆ ที่หวังว่ามันจะซาบซึ้งกับสิ่งที่ฉันทำ

     

    ขณะที่กำลังจะสตาร์ทรถออกจากบ้านด้วยอาการโมโหกระฟัดกระเฟียด เสียงที่ดังมาจากข้างรั้วก็ดึงความสนใจของฉันไปจากเรื่องของมัน

    ต้นหญ้า...เฮ้...ต้นหญ้า จะไปทำงานแล้วเหรอ

    ฉันหันไปมองตามเสียงเรียก และเห็นโยกำลังยืนอยู่รอที่รั้ว ถึงแม้จะหงุดหงิดงุ่นง่านเพราะไอ้หมาปิศาจแค่ไหน ฉันก็ยังยิ้มให้และเดินไปทักทายโยใกล้ๆ

    อืม...โยก็กำลังจะไปทำงานเหมือนกันเหรอ

    ใช่แล้ว...แล้วหมาพันธุ์ผสมของต้นหญ้าเป็นยังไงบ้างล่ะ อาการดีขึ้นหรือยัง ให้โยเข้าไปดูอาการมันอีกทีดีไหม

    โอ้ยไม่ต้องหรอกโย ไอ้เจ้านั่นน่ะนะ ตายๆ ไปซะได้ก็ดี ฉันปฏิเสธเสียงสูงอย่างหมันไส้ เมื่อคิดถึงท่าทางกวนโมโหของมัน แต่พอเห็นสีหน้าแสดงความประหลาดใจของโย ฉันก็รีบพูดแก้ต่างทันที

    เอ่อ...คือ...อ่า...อาการมันดีขึ้นหน่อยนึงแล้ว แต่ทั้งหมดนี้ ต้องยกความดีความชอบให้โยเลยนะเนี่ย ถ้าไม่ได้สัตว์แพทย์เก่งๆ อย่างโยช่วย ป่านนี้มันก็คงซี้ม่องเท่งไปแล้ว ขอบใจโยมากเลยนะ โยช่างเป็นคนดี มีน้ำใจจริงๆ 

    ฉันลอบถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อคำยกยอของฉัน ทำให้โยปลื้มจนไม่สงสัยอะไรอีก ไม่อยากจะโกหกคนที่แสนดีอย่างโยเลยจริงๆ แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือก ขอโทษด้วยนะโย ฉันนึกในใจและรีบพูดขอตัวไปทำงานทันที จะได้ไม่ต้องปั้นหน้ายิ้มแย้ม สร้างเรื่องหลอกลวงเขาไปมากกว่านี้

     

    หลังจากวิ่งกระหืดกระหอบมาทำงานทัน สองโมงเช้าพอดีเป๊ะ ฉันก็โล่งอก เดินเข้ามานั่งประจำที่ของตัวเองด้วยความสบายใจ มีแต่ที่นี่เท่านั้นที่ให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย (คนที่คิดว่าออฟฟิศเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ คงมีแต่ฉันคนเดียวเท่านั้นละมั้ง)

    เพราะที่นี่ ฉันไม่ต้องปั้นหน้าสร้างเรื่องหลอกลวงใครเหมือนที่ทำกับโย ไม่ต้องตื่นตัวคอยระวังว่าจะถูกไอ้ครึ่งคนครึ่งหมานั่นจ้องเล่นงานด้วย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้อารมณ์ดีได้ไง

    แต่ฉันก็แทบจะหุบยิ้มทันที เมื่อเห็นคุณมฆวันเดินตรงเข้ามา ด้วยสีหน้าทมึงถึง ท่าทางเคร่งเครียดแบบสุดๆ

    คุณพิมพ์งานแบบนี้ออกมาได้ไง มีคำผิดตั้งหลายคำ แถมยังพิมพ์ตกๆ หล่นๆ ข้ามไปตั้งหลายบรรทัด ทำไมไม่ตรวจทานให้ดีก่อน ที่จะเอามาเสนอ นี่ยังดีนะที่หัวหน้ายังไม่เห็น ไม่อย่างนั้นคุณคงถูกเล่นงานแน่

    มาถึงเขาก็ตวาดใส่เสียงดังอย่างไม่คิดจะถนอมน้ำใจกันเลย และมันทำให้พนักงานคนอื่นต่างหันมามองที่พวกเราด้วยความสนใจ จากนั้นก็ลอบสังเกตสถานการณ์กันอยู่เงียบๆ โดยไม่คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยฉันเลยสักนิด

    เอ่อ...ขอโทษค่ะ...เดี๋ยวฉันจะรีบพิมพ์ให้ใหม่นะคะ...ขอโทษจริงๆ ค่ะฉันได้แต่ก้มหน้าก้มตากล่าวขอโทษขอโพยคุณมฆวัน ด้วยความสำนึกผิดจริงๆ

    ช่างเถอะ ผมทำเองดีกว่า เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ แล้วมอบหมายงานใหม่ให้ทันที

    เดี๋ยวคุณช่วยไปสั่งอาหาร เพื่อเตรียมเอาไว้สำหรับจัดประชุมแทนก็แล้วกัน

    ค่ะ

    ฉันตอบรับด้วยความยินดีที่คุณมฆวันยังให้โอกาสฉันอยู่ ไม่เอาเรื่องที่ฉันทำงานผิดพลาดไปรายงานหัวหน้า ไม่อย่างนั้นคนที่ทำงานไม่เก่งอะไรเลยอย่างฉัน ซึ่งทำทั้งเวิร์ด โปรเซสเซอร์ คิดเลขเร็ว หรือแม้แต่ภาษาอังกฤษไม่คล่องเลยสักอย่าง ต้องกลายเป็นคนตกงานแน่ๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×