คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4...ใจอ่อน
หวานใจนายมนุษย์หมาป่า
บทที่ 4
“บ้าชิบ! ขยับตัวไม่ได้เลย” เจ้าหมาป่าส่งเสียงคำรามฮึมฮัมในลำคอ
จากน้ำเสียงของมัน บ่งบอกว่ากำลังคลั่งมากๆ คงรู้สึกหงุดหงิดกับสภาพที่น่าสมเพชของตัวเอง มันจำเป็นต้องทิ้งตัวลงบนตักฉันอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง และหมดสติไป
ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งหน้าซีด ตัวสั่น ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ เพราะกำลังช็อกกับเลือดจำนวนมาก ที่ไหลเปรอะเปื้อนเต็มไปหมดทั้งสองมือ
ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์อะไร ที่มันเขย่าขวัญสั่นประสาทขนาดนี้มาก่อนเลย (แล้วมันจะได้เจอได้อย่างไง ในเมื่อชีวิตฉัน มีแค่งานกับบ้านเท่านั้น ไม่เคยออกไปเที่ยวเตร่ หรือไปค้างคืนที่ไหนไกลๆ เลย นอกจากไปเข้าค่ายกับทางโรงเรียนเท่านั้น)
แค่เจอผีหมาพูดได้ ที่คิดจะฆ่าฉันอยู่ตลอดเวลา มันก็น่ากลัวพออยู่แล้ว แต่การได้เห็นเลือดจำนวนมากที่ไหลออกมาจากตัวมันอย่างไม่ยอมหยุด ยิ่งน่ากลัวกว่าหลายร้อยเท่า
“นี่! แก...แก อย่ามาตายในบ้านฉันนะ เป็นผีไม่ใช่หรือไง ถ้าเป็นผีจริงๆ ก็รีบๆ ห้ามเลือดสักทีซิ อย่ามาทำเลือดท่วมบ้านฉันอย่างในหนังเรื่องบุปผาราตรีนะเฟ้ย! เพราะแค่นี้ฉันก็ขยะแขยงจนจะอ้วกอยู่แล้ว” พูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ อย่างกลัวๆ พร้อมกับนึกภาพหนังไทยสยองขวัญที่เคยดู
มันน่าทึ่งมาก ที่ฉันยังห่วงเรื่องความสะอาดของบ้านอยู่อีกขณะตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันขนาดนี้ หากเป็นคนอื่นคงเผ่นหนีเอาตัวรอดไปนานแล้ว
คงเป็นเพราะการกวดขันอย่างเข้มงวดของพ่อกับแม่ด้วยก็ได้ ถึงได้ทำให้ฉัน เป็นคนเข้มแข็ง อดทน และไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
และถ้าหากว่าวิญญาณของพ่อแม่ที่อยู่บนสวรรค์ (ซึ่งทั้งคู่ เป็นครู ที่เจ้าระเบียบมากๆ) รู้ว่าฉันรักษาความสะอาดบ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สมกับที่ท่านคอยอบรมสั่งสอน และปลูกฝังเรื่องนี้เป็นอย่างดี ตั้งแต่เด็กๆ พวกท่านคงภูมิใจในตัวฉันมากแน่ๆ
เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังคิดเพ้อเจ้อกันไปใหญ่แล้ว และไอ้หมาปิศาจนี่ ก็ไม่ขยับตัวสักที จะฆ่าก็ไม่ฆ่า จะลุกออกไป ก็ไม่ลุก มันจะนอนแช่ อยู่อย่างนี้ทั้งคืนให้เลือดมันไหล จนหมดตัวเลยหรือไง
ฉันจึงเริ่มหันมาสนใจมันอีกครั้ง และลองเสี่ยงตาย เขย่าตัวมันแรงๆ เพื่อเป็นการหยั่งเชิง
“นี่!...แก ไอ้ผีหมาเร่ร่อน จะฆ่าก็ฆ่าสักทีซิ! มานอนนิ่งทับฉันอยู่อย่างนี้ มันเมื่อยนะเว้ย!” พูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆ เพราะความเบื่อ ความเซ็ง และความเมื่อยขบ
ความรู้สึกที่ถูกกดดันมานาน ตอนเผชิญหน้ากับผีหมาในช่วงแรกๆ ค่อยๆ จางหายไปในเวลาอันรวดเร็ว ในเมื่อตอนนี้ ฉันรู้แล้วนี่นา ว่ามันทำอะไรฉันไม่ได้ แค่แรงจะลุกยังไม่มีเลย
ฉันตัดสินใจผลักหัวมันออกจากตัวด้วยอาการกระแทกกระทั้น จากนั้นก็รีบถอยไปตั้งหลักอยู่ห่างๆ เพื่อดูท่าทีของมันอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ
“ไอ้หมาบ้า! แกคงไม่คิดจะมาตายอยู่ในบ้านของฉันหรอกใช่ไหม?...นี่ ตื่นซิ...ตื่น”
เมื่อเห็นเจ้าผีหมานิ่งเงียบไปนาน โดยไม่ตอบโต้อะไร มีเพียงลมหายใจแผ่วเบา ซึ่งจวนเจียนจะสิ้นลมเท่านั้น ที่เป็นสัญญาณว่ามันกำลังจะตาย ฉันก็เริ่มรู้สึกเป็นกังวล
อะไรกัน? เมื่อกี๊ยังกล้าพูดจาข่มขวัญ ขู่จะฆ่าฉันให้ตายคามืออยู่เลย แต่ตอนนี้ กลับมานอนหมดสิ้นเรี่ยวแรง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แบบนี้ แล้วจะให้ฉันทำอย่างไงกับแกดี?
จะให้ฉันเล่นงานแก ตอนไม่มีทางสู้อย่างงั้นเหรอ?
ไม่! ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่ใช่คนใจดำขนาดนั้น
อีกอย่าง ฉันก็ใจไม่แข็งพอ ที่จะทนมองเห็นมันตายไปต่อหน้า โดยไม่รู้สึกอะไร ฉันไม่คิดว่า ถ้าฉันช่วยมันแล้ว มันจะกลับมาฆ่าฉันอีก อย่างน้อยมันก็น่าจะมีสามัญสำนึกบ้าง เพราะฉันยังมีสำนึกผิดชอบชั่วดี สงสารมันเลย
คิดได้อย่างนี้ ฉันก็รีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากป้าแจ่มที่อยู่บ้านข้างๆ ทันที ก็ลูกชายของป้า เป็นสัตว์แพทย์นี่นา เขาต้องช่วยมันได้แน่ๆ
“ช่วงนี้เป็นช่วงผสมพันธุ์ของสุนัข พวกมันมักมีอาการติดสัด และต่อสู้กัน เพื่อแย่งชิงการผสมพันธุ์กับตัวเมีย ทางที่ดี ต้นหญ้าควรจะทำหมันมันซะ มันจะได้ไม่หนีออกจากบ้าน แล้วบาดเจ็บกลับมาอีก นี่ ก็ถือว่ามันโชคดีมากๆ แล้วนะ ที่สามารถเอาชีวิตรอดกลับมาบ้านได้”
โย หรือยงยุทธ เพื่อนสมัยเด็กๆ ของฉัน และเป็นลูกชายของป้าแจ่มบ้านข้างๆ หันมาอธิบายให้ฉันฟัง หลังจากทำแผลให้เจ้าหมา (ปิศาจ) เสร็จเรียบร้อย
เขาเชื่อเสียสนิท ว่าเจ้าหมาตัวนี้ เป็นหมาที่ฉันซื้อมาจากสวนจัตุจักร เพื่อเอามาเฝ้าบ้าน แล้วเมื่อหลายวันก่อน มันก็หนีออกจากบ้านไป พึ่งกลับมาในสภาพที่บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้
“เอ...แล้วนี่มันเป็นหมาพันธุ์อะไรกันเนี่ย? ทำไมโยไม่เคยเห็นมาก่อนเลย...อืม...ถ้าสังเกตดูดีๆ แล้ว จากลักษณะของมัน โยว่า...ไม่น่าจะใช่สุนัขที่มีขายอยู่ในประเทศไทยเลยนี่นา” เขาถามพร้อมกับเพ่งมองขนสีเงินหนานุ่มของมันอย่างพินิจพิจารณา
ฉันรีบเข้ามาขวางตรงกลางระหว่างคุณหมอกับคุณหมาด้วยท่าทางร้อนรนทันที
“มัน...มันเป็นหมาพันธุ์ผสมน่ะโย...พันธุ์ผสมระหว่างบางแก้ว กับ...กับ...เอ่อ เซนเบอร์นาร์ด ใช่...ใช่...มันเป็นหมาไทยผสมกับหมาฝรั่งไง รูปร่างมันก็เลยเป็นแบบนี้ แหม...ต้นหญ้า ก็ชอบหลงๆ ลืมๆ จำชื่อพันธุ์ของมันไม่ได้สักที”
“แต่...แต่โยว่าไม่ใช่หรอกมั้ง ต้นหญ้าคงจำผิดแล้ว
”
ฉันรีบพูดต่อทันที ไม่ปล่อยโอกาสให้โยได้แย้ง
“โยก็รู้ว่าต้นหญ้าไม่ชอบเลี้ยงสัตว์พวกนี้ แล้วต้นหญ้าจะไปสรรหาซื้อหมาฝรั่งตัวแพงๆ มาเลี้ยงทำไม” จากนั้นฉันก็หัวเราะอ่อยๆ เพื่อกลบเกลื่อนพิรุธ
การที่อ้างว่าไม่เคยเลี้ยงหมา ก็เลยไม่รู้ว่ามันเป็นพันธุ์อะไร เป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้โยเชื่อ ในเมื่อฉัน กับโยเติบโตมาด้วยกัน เขาจึงรู้ดีว่าพ่อกับแม่ฉัน เป็นคนที่เจ้าระเบียบมากๆ พวกท่านเกลียดสัตว์หน้าขนเป็นที่สุด ไม่ชอบพวกมัน เพราะพวกมันชอบสร้างความเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปทั่วบ้าน ทำให้บ้านไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย
อีกทั้งสัตว์พวกนี้ ยังทำให้บ้านมีกลิ่นเหม็นสาป ต้องคอยทำความสะอาดอยู่เรื่อย เพื่อตัดปัญหากวนใจ พวกท่านก็เลยไม่อนุญาตให้ฉันเลี้ยงสัตว์ทุกชนิดในบ้าน แต่หันมาปลูกฝังให้ฉันปลูกต้นไม้ ทำกับข้าว และดูแลบ้านแทน
เมื่อขึ้นชั้นมัธยม เขาก็เรียนอยู่คนละโรงเรียนกับฉัน แถมยังไปเรียนต่อเมืองนอกอีกตั้งหลายปี กว่าจะกลับ วันเวลาที่โยและฉันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ทำให้ความสัมพันธ์ค่อยๆ ห่างเหินกันไปในที่สุด
“แล้วมัน...มันจะตายไหมโย?” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
“ถ้าแผลไม่ติดเชื้อ มันก็น่าจะรอด แต่เท่าที่ดู อาการของมันก็สาหัสเอาการอยู่นะ...ทำไม ต้นหญ้าไม่พามันไปรักษาที่โรงพยาบาลล่ะ ที่นั่นเขามีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อม จะได้ตรวจเช็คร่างกายมันให้ละเอียดๆ กว่านี้...แต่ถ้าต้นหญ้าไม่สะดวก เดี๋ยวโยไปส่งให้ก็ได้นะ” เขาเสนอแนะอย่างมีน้ำใจ
“ไม่ต้องถึงขั้นนั้นก็ได้มั้งโย ถ้ารักษามันขนาดนี้แล้ว มันยังจะตายอีก ก็ปล่อยให้มันตายไปเถอะ”
“ต้นหญ้าพูดเหมือนไม่ค่อยห่วงมันเลย...แน่ใจเหรอว่าอยากจะเลี้ยงหมาจริงๆ ถ้าคิดจะเลี้ยงมัน ก็น่าจะอ่อนโยนกับมันให้มากกว่านี้หน่อยซิ หมามันก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกันกับคนนะ จะเลี้ยงทิ้งๆ ขว้างๆ แบบนี้ได้อย่างไงกัน”
ปัทโธ่โย! ถ้าโย ได้เห็นภาพตอนมันลุกขึ้นมาจะขย้ำคอฉันให้ตาย โยยังอยากจะช่วยมันอยู่ไหม แค่นี้ ก็เท่ากับว่าฉันได้ช่วยมันมามากพอแล้ว ใจจริงนะ ฉันอยากจะจับมัน โยนออกไปตายนอกบ้านด้วยซ้ำ
ฉันคิดในใจอย่างแค้นๆ แต่ปากกลับตอบไปส่งๆ อย่างไม่ใส่ใจว่า
“จ้า...จ้า พ่อคนรักสัตว์ ถ้าพรุ่งนี้อาการมันยังไม่ดีขึ้น ฉันจะพามันไปรักษาที่โรงพยาบาล...พอใจหรือยังคะ!”
ความคิดเห็น