คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 2.ผับ (ในอาณาเขตสัตว์)
ก๊อกๆๆ
“ตื่นได้แล้วยัยน้องบ้า”
“อะไรเนี่ย! คนเขาจะหลับจะนอน”
“เก่งเนอะ นอนอยู่แต่พูดได้ด้วย ^_^”
เสียงคุ้นๆ ? หือ...O_-
“พะ...พี่มายา เข้ามาได้ยังไงเนี่ย”
ฉันรีบลุกขึ้นจากเตียงนอนมองหน้าพี่สาวแบบตื่นครึ่งหลับครึ่ง แต่ก็พยายามปลุกตัวเองให้ตื่น พลางถามพี่ด้วยเสียงงัวเงีย เกาหัวไปมา
“พี่เข้ามาได้ยังไงกัน”
“ก็เอากุญแจ (สำรอง) มาไขน่ะสิ”
“กวนตีนเรอะ –[]-“
“น่าๆๆ รีบลุกขึ้นสักที วันนี้เธอคงจะไม่ลืมบางสิ่งบางอย่างที่เรานัดกันหรอกนะ”
“นัดเหรอ ? เรานัดอะไรไว้...” ฉันพยายามจะคิดสุดสมอง แต่ยิ่งคิด มันก็ยิ่งอยากจะหลับ จนพี่มายาทนไม่ไหวเดินมาจับข้อมือแล้วลากฉันเข้าห้องน้ำ
“เดี๋ยวค่อยคุยกัน อาบน้ำแต่งตัวก่อน พี่ให้เวลายี่สิบนาทีนะ เธอจะต้องเสร็จและลงไปเจอพี่ข้างล่าง” พี่มายาพูดยาวเหยียดเป็นห่างว่าว “เร็วๆ สิ จะยืนหลับอีกนานไหม”
“ค่าๆๆ”
แล้วสรุปว่าไอ้ที่นัดกันเอาไว้มือคืออะไรหว่า ไม่เห็นจะจำได้เลย –O-
ยี่สิบนาทีผ่านไปเร็วดีแท้ มันเป็นช่วงนาทีที่สั้นที่สุดเลย ปกติฉันอาบน้ำไม่ต่ำกว่าสี่สิบห้านาที นี่มันแค่ยี่สิบนาทีเอง T_T ฮื่อๆๆ ฉันยังใช้ครีมไม่ครบทุกตัวเลย อีกอย่างยี่สิบนาทีของพี่มันรวมทั้งเวลาการแต่งตัว แต่งหน้า ทำผม ให้ตายสิ! ไม่เคยทำอะไรมาราธอนขนาดนี้เลย
“นี่หลับอีกรอบหรือยังไงกัน เลยมาตั้งสิบนาที” พี่มายายื่นนาฬิกา พลางใช้นิ้วสวยเรียวยาวชี้ไปที่มัน เหมือนอยากจะให้ฉันจ้องตาทะลุ ถามจริง! จ้องแล้วเวลามันจะเดินถอยหลังกลับให้หรือยังไงกัน
“พี่บ้าหรือเปล่า แค่ยี่สิบนาทีใครมันจะทำทัน” ฉันตอบโต้พี่บ้าง ก่อนจะสาธยายเวลาสามสิบนาทีว่าทำอะไรบ้างให้พี่ฟัง “สิบห้านาทีแรกฉันหมดไปกับการอาบน้ำแบบสุดเร็ว แค่แปรงฟันก็กินเวลาไปตั้งสามนาที ไหนจะใช้ครีมล้างหน้าอีกตีไปเองเจ็ดนาที (มีหลายตัวจัด) แค่นี้ก็หมดไปสิบ อีกห้านาทีฟ้าวิ่งผ่านน้ำ และต่อมาอีกห้านาที ฟ้าทาครีมที่หน้า ทาตัว ทาแข้งทาขา แปดนาทีหมดไปกับการเลือกเสื้อผ้าและทำผมให้เข้าที่ ส่วนอีกสองนาทีหมดไปกับการเดินลงมาจากห้องมาถึงที่นี่ เห็นถึงชะตาชีวิตลูกผู้หญิงยี่สิบนาทีที่มันไม่พอหรือยังคะพี่~ “
“เข้าใจแล้วๆๆ” พี่มายารีบยกมือขึ้นห้ามไม่ให้ฉันพูดอะไรมากไปกว่านี้ ก่อนจะเหมือนสำรวจการแต่งกายของฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วขึ้นมาอีกรอบมาหยุดที่ใบหน้าของฉัน พร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ไม่สมกับเป็นสาวสวยที่สุดของบ้าน “เธอแต่งชุดอะไรของเธอเนี่ย”
“อะไร -*- ก็ชุดธรรมดาๆ ไง พี่ไม่เคยเห็นฉันใส่หรือยังไง” ฉันยกคิ้วขึ้น ก่อนจะสำรวจชุดที่ตัวเองใส่ มันก็เป็นชุดเสื้อยืดธรรมดา เป็นสีดำลายหัวกะโหลกสีขาว เลื่อนลงมาข้างล่างหน่อยก็เป็นกางเกงยีนสีน้ำเงิน มีขาดบ้างเป็นสไตล์ และมีเสื้อกันหนาวสีขาวที่มีลายเป็นสีน้ำเงินมัดตรงเอวของฉัน เลื่อนลงมาอีกก็จะเห็นรองเท้าผ้าใบสีแดงเชือกดำ
บอกเลยว่านี่มันเป็นสไตล์ของฉันจริงๆ เวลาที่ฉันต้องออกไปข้างนอก ส่วนมากถ้าใครรู้เข้าจะหัวเราะ เพราะฉันเป็นถึงลูกคุณหนูธุรกิจหมื่นล้าน ใส่ชุดกะโปโลแบบนี้ แต่ถ้าใครไม่รู้จักฉันล่ะก็ มักจะแห่ชื่นชมฉันเป็นแถว เพราะด้วยผมสีน้ำตาลออกบอล์นทำให้ดูเหมือนสาวเก๋ๆ ซึ่งฉันก็ชอบ มันใส่สบายดีด้วย
“เปล่า...แค่นานๆ เห็นที แล้วมันยังไม่ค่อยชิน คิกๆๆ” พี่พูดไปขำไป เห็นแล้วต้องกัดสักหน่อย
“จะให้ชินได้ยังไงละคะก็พี่แต่งสวยเต็มยศขนาดนี้ ไหนดูหน่อยสิ ว้าว! วันนี้ใส่เดรสสีสีแดงเหรอพี่ นี่อะไรน่ะ ขนหมาเหรอเอามาห้อยคอทำไม”
“บ้าเหรอ >O< นี่มันขนแกะยะ ขนแกะ พูดมาได้ขนหมา” พี่รีบแว้ดๆ ใส่เป็นชุด แกล้งพี่มายาเรื่องอื่นได้หมด ยกเว้นเรื่องวิจารณ์ชุด เพราะเธออยากจะเป็นตัวแม่นำเทรนด์
“แล้วสรุปว่าเรานัดอะไรกันไว้ ทำไมฟ้าไม่เห็นนึกออกเลย”
“อ้อ! เรื่องนั้นเหรอ...ที่จริงก็ไม่ได้นัดกันไว้หรอก อิๆๆ”
“อ้าว! งั้นขึ้นไปนอนต่อดีกว่า...”
“เดี๋ยว!! พี่ต้องการผู้ช่วยนะ”
“หมายความว่ายังไง -*-“
ทำไมรู้สึกขนลุกยังไงก็ไม่รู้ เมื่อได้ยินคำว่าผู้ช่วยของพี่ ไม่ใช่ว่ามันเป็นเรื่องที่มันไม่ดีหรอกนะ แต่ฉันรู้น่ะสิว่าไอ้คำว่าผู้ช่วย มันหมายถึงว่าฉันจะต้องทำตามคำสั่งของพี่ทุกอย่าง ตามความประสงค์ของคุณเธอเขา
ณ ลานจอดรถผับ JIL
“ช่วยไม่ได้นี่น่าก็ในละครของพี่นางเอกต้องมาเที่ยวผับ เป็นเหตุเกิดให้พระเอกนางเอกเจอกัน เพราะงั้น...”
“เลยอยากได้ผับสวยๆ สินะคะพี่” รู้ทันหรอกน่า... “แล้วผับนี่มันเปิดกี่โมงกี่ยามกัน พี่มาเร็วหรือเปล่า เพิ่งจะสิบโมงเอง”
“ผับเปิดแปดโมง” พี่มายาหันมายิ้มให้ฉันน้อยๆ เหมือนไม่ได้รู้สึกผิดสังเกตอะไรที่บอกมาเลย
“แปดโมงเนี่ยนะ! บ้าป่าว O_o ผับมันต้องเปิดตอนกลางคืนสิ นี่ล่อเปิดแปดโมงแล้วปิดกันตอนทุ่มอะไรล่ะ”
“ปิดตีห้าจ้ะ ^_^”
“มันหาเวลานอนกันตอนไหน!”
“มันมีกะน่า~ ที่นี่ติดอันดับผับที่วัยรุ่นอยากจะมาที่สุดเลยนะ แต่ว่าที่นี่เข้มมากกกกก ถ้าไม่ยี่สิบขึ้น ต่อให้พ่อเป็นมาเฟีย หรือนายกรัฐมนตรีก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาเด็ดขาด แถมมันยังไม่เคยมีใครเอาภาพข้างในออกมาเผยแพร่ประชาชนข้างนอกเลยสักครั้ง น่าสนใจมั้ยล่ะ” พี่มายาแอบทำหน้าภูมิกับข้อมูลที่แน่นเอี๊ยดในหัว
“ก็นะ...แล้วพี่จะเข้าไปถ่ายละคร เขาจะยอมเหรอ” ฉันจ้องมองเข้าไปในสถานที่ที่น่าจะเต็มไปด้วยเฒ่าหัวงูทั้งหลาย หรือไม่ก็พวกกามตัณหาที่ไม่รู้จักพอ แต่ฉันไม่ได้ว่าคนที่เครียดแล้วหันมาพึ่งทางนี้หรอกนะ
“นั่นสิ แต่อย่าเพิ่งถึงขนาดนั้นเลย หาทางเข้าไปดูข้างในก่อนเถอะ”
“ทำไมเหรอ ผับก็น่าจะเข้าไปได้ทุกคนไม่ใช่เหรอ พี่พูดอย่างกับเข้าไปไม่ง่ายอย่างนั้นแหละ”
ฉันพูดจบก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของพี่สาวที่พ่นออกมา ก่อนเสียงหวานของพี่จะถูกขับออกมาอีกครั้ง หลังถอนหายใจออกไป
“ก็ใช่น่ะสิ ที่นี่ถือว่าเป็นที่พิเศษกว่าผับอื่น เพราะการที่จะเข้าไปใช้บริการได้นั้น ครั้งแรกต้องไปกับคนที่มีบัตรเข้าเท่านั้น แล้วหลังจากนั้นเขาจะให้เราทำบัตรถ้าอยากมาอีก...คิดว่าไง”
“ฉลาดนะ คนที่มีบัตรเข้าคนแรกๆ ต้องเป็นพวกที่รู้จักกันเท่านั้น คงไม่ให้มั่วไม่รู้จักตาม้ามาเรือ เจ้าของผับไม่ต้องกลัวเลยว่าคนที่เข้ามานั้นจะเป็นพวกไม่มีเงิน เพราะส่วนมากจะเป็นคนรู้จักกันหมด ตัดปัญหาง่ายๆ ออก ก็เจ๋งดีนะ เหมือนกับเป็นผับเฉพาะเลยก็ว่าได้”
“ใช่ไหมล่ะ...แล้วเราจะเข้าไปได้ยังไงจ้ะน้องรัก ^_^;;”
“อะไรกันเสียงคาดหวังแบบนั้น...”
“พี่หวังพึ่งน้องฉลาดคนนี้คนเดียวนะ เร็วๆ สิ เราจะเข้าไปข้างในยังไง พี่ไม่มีคนรู้จักในนั้นเลย”
“ถ้ารู้จักก็แปลกแล้ว” ฉันส่ายหน้าไปมา ก่อนหางตาจะพบสิ่งที่น่าสนใจเข้าให้แล้ว “น่าจะมีวิธีแล้วนะพี่!”
“วิธีอะไร! !” พี่ทำเสียงตื่นเต้นมาก พลางเขย่าแขนฉันไปมา จนแขนฉันจะหลุดออกมาลำตัวอยู่แล้ว -__-
“เห็นนั่นหรือเปล่า...” ฉันชี้ไปยังทางเข้าของผับ ซึ่งตอนนี้มีหนุ่มร่างสูงกำลังเข้าไปในนั้น เป็นร่างแสนคุ้นตาเหลือเชื่อเลยทีเดียว
“นั่นมัน!...”
“ใช่! นั่นมันไทเกอร์! ลูกคนที่สามของตระกูลนธารากูล หรือคนที่พ่อแม่พยายามจับคู่ให้ฉัน =_=”
“รออะไรล่ะ โทรหาเขาสิ”
“บ้าเหรอ –O- เมื่อวานนี้ฉันแทบจะไม่ได้คุยกับเขาเลยนะ จะไปมีเบอร์เขาได้ยังไงกัน”
“อ้าว! แล้วจะทำยังไงล่ะ นายไทเกอร์นั่นก็เดินเข้าไปแล้วด้วย โธ่...นึกว่าจะพึ่งน้องที่ฉลาดที่สุดของบ้านได้ รู้งี้ชวนยัยพิ...”
ตื๊ด~ ตื๊ด~
ฉันแนบโทรศัพท์พลางปรายตามองไปทางพี่ ระหว่างที่โทรศัพท์กำลังโอนสายอยู่ ฉันก็แอบจะกัดพี่ไม่ได้ เมื่อได้ยินเมื่อกี้นี้
“จะให้พี่พิรุณพาพี่บุกเข้าไปพร้อมกับปืนหรือยังไงกัน”
“-3- ก็ประมาณนั้น”
“อ๊ะ...รับแล้ว”
(...)
เย็นชาได้ใจจริง ขนาดรับแล้วยังไม่พูดอะไรสักคำ แต่ฉันไม่อยากเล่นสงครามประสาทว่าใครไม่พูดใส่สายก่อนหรอกนะ
“ขอโทษนะคะที่โทรมารบกวน แต่คุณพอจะมีเบอร์โทรของนายไทเกอร์หรือเปล่าคะ”
เห็นหรือเปล่าสรรพนามความต่างของพี่และน้อง...
(มีครับ ไม่ทราบว่าจะเอาไปทำอะไรครับ)
แหม ใช่เวลามาหวงน้องชายตอนนี้มั้ยเนี่ย เอาเถอะ จะเล่าให้ฟังก็ได้ ไหนๆ ผับมันก็ปิดตั้งตีห้า จะเสียเวลาเล่าสักห้านาที พี่คงไม่ลงแดงตายหรอก
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้นะคะ %&*(*&&&%$%&*((&*^^%%7 (กินเวลาไปเกือบสิบนาที)”
(ผมไม่เห็นด้วยหรอกนะครับที่พวกคุณจะใช้สถานที่นั่นเป็นที่ถ่ายทำละคร)
“เอ่อ...ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจหรอกนะคะ แค่อยากจะขอเข้าไปดูเฉยๆ คุณพอจะมีเบอร์ของไทเกอร์ไหมคะ”
(ไม่จำเป็นครับ ผมอยู่ข้างรถของพวกคุณแล้ว)
“เอ๊ะ! ว่าไงนะคะ”
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะกระจกทำให้ฉันค่อยๆ วางโทรศัพท์ลงแล้วมองคนที่ยืนพิงข้างรถอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งพี่ฉันก็ตกใจนิดๆ ไม่รู้ว่าตกใจที่เห็นนายโลเวลมายืนพิงเหมือนรู้อยู่แล้ว หรือว่าฉันมีเบอร์มากกว่ากัน แต่ว่าก็ผสมกันนั่นแหละ
“บังเอิญจังเลยนะคะ ไม่คิดว่าคุณ...”
“เปล่าครับ ผมตั้งใจมาที่นี่อยู่แล้ว เพราะมันเป็นธุรกิจที่ผมเป็นหุ้นส่วนอยู่”
นายโลเวลนั่นไม่ปล่อยให้ฉันพูดจนจบประโยคก็พูดขึ้นแทรกมาก่อน ตอนแรกนั่นฉันจะเปิดโอกาสให้เขาทำความทักทายกับพี่มายา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจ แถมยังเหมือนจงใจคุยกับฉันคนเดียวอีกต่างหาก ส่วนพี่มายาน่ะเหรอ ก็เมินเหมือนกัน ฉันรู้สึกเหมือนเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่อยู่กลางสองคนนี้ยังไงก็ไม่รู้ >_<;;
“แล้วสรุปว่าจะเข้าไปข้างในใช่ไหม”
“อะ..เอ่อค่ะ" ฉันพยักหน้าตอบแทนพี่สาวที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เฮ้อ~ เมื่อกี้ยังดีใจที่ฉันหาวิธีเข้าไปได้อยู่เลย
นายโลเวลฉายาหมาป่าซ่อนเขี้ยวนั่นพาเราสองพี่น้องตรงดิ่งเข้าไปยังผับที่แสนจะเข้ายากแห่งนี้ แค่เดินผ่านมาโดยผู้ชายที่เป็นการ์ดสองคนไม่แม้แต่จะปรายตามามองพวกเราสองคนเลยสักนิด ซึ่งตอนเดินฉันเดินไปพร้อมกับพี่ ให้โลเวลนำหน้าพาไปข้างในที่เริ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ
“ทำไมพี่ไม่พูดอะไรเลยล่ะ” ฉันถามพี่มายาจอมหยิ่ง ที่ทำตัวเป็นคุณหนูสมบูรณ์แบบตอนเจอกับโลเวล
“พี่ไม่ชอบหมา”
“หา O[]O;; หมาอะไรของพี่”
“เปล่าหรอก! แต่พี่บอกเราแล้วนี่น่าว่าเธอเข้าไปในอาณาเขตของหมาป่าแล้ว รู้ไหมว่ามันไม่ง่ายที่จะออกมาหรอกนะ เดี๋ยวก็โดนขย้ำหรอก”
“บ้า! พูดอย่างกับฟ้าเป็นกวางอย่างนั้นแหละ อีกอย่างถ้าฟ้าเจอหมาป่าละก็ จะจับย่างไฟให้หมดเลย คอยดูสิ!” ฉันยักคิ้วไปมาสองสามครั้ง ก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าผนังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเลือดหมู
อืม...ผับแห่งนี้ก็น่าสนใจดีหรอกนะ ถ้าเกิดว่าไม่เกิดอะไรขึ้นอย่างเช่นฉันเข้ามาในอาณาเขตของหมาไฮยีน่า ฉันจับมันย่างไม่ไหวหรอกนะ เยอะเกิ๊นนนนน
แต่จะกลัวอะไรยังไงฉันก็มีหมาป่าผู้ทรงอิทธิพลที่นี่อยู่อยู่แล้ว อีกอย่างมันเป็นผับพิเศษไม่เหมือนที่อื่นๆ (มันเป็นผับอาณาเขตของสัตว์น่ะสิไม่ว่า! >O<) ฉันคงจะรอดถึงพรุ่งนี้หรอกนะ...เพิ่งนึกได้ พรุ่งนี้มีตารางเรียนเช้า แถมมีสอบที่สำคัญอีกต่างหาก TT_TT ขอให้รอด! ขอให้โดน! เอ๊ะ! ข้างหลังไม่ต้องก็ได้
ความคิดเห็น