คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #58 : {1-SHOT} Hurt Lens (Kris x Jessica)
ขอคั่นรายการด้วย 1-Shot ซักเรื่องเพื่อเรียกน้ำย่อยก่อนตอนต่อไปจะมาถึงนะคะ
รอกันนานไหมคะ? (ยังมีหน้ามาถามคำนี้อีกนะ)
Hurt Lens
Kriss
X Jessica
By : Key_word (หนมปังฟาร์มเหา)
เงาในกระจกสะท้อนภาพหญิงสาวที่กำลังยืนสำรวจตัวเองด้วยอาการประหม่า
คริสสบตาคู่สวยผ่านกระจกเงาอย่างชื่นชมระคนเอ็นดู บอกผ่านสายตาว่าเธอสวยที่สุดไม่มีสิ่งใดต้องกังวล
ใบหน้าสวยตลอดจนเรือนร่างที่งดงามราวกับรูปสลักมีชีวิต จนแทบไม่ต้องอาศัยอาภรณ์หรือเครื่องประดับล้ำค่าใด
ๆ ก็สามารถดึงดูดความสนใจจากทุกสายตาได้โดยง่าย แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับดูไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย
ราวกับสาวแรกรุ่นที่เพิ่งหัดแต่งตัวเป็นครั้งแรก
“คริส เป็นยังไงบ้าง”
แม้กระทั่งตอนหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากัน
ท่าทีของเธอก็เต็มไปด้วยความเคอะเขิน
“ชุดนี้เหมาะกับเธอที่สุด มันสวยมาก”
“แน่ใจเหรอ แกล้งชมหรือเปล่าเนี่ย”
“เปล่าเลย ฉันพูดจริง ๆ นะ”
“ปากหวานนะเรา” มือนุ่มยื่นมาประคองแก้มคริสแล้วออกแรงบีบเบา ๆ
หยอกล้ออย่างที่เคยทำ เบี่ยงตัวหลบตอนนี้ก็ไม่ทัน ท้ายที่สุดจึงต้องดึงมือคนขี้แกล้งออกไป
“เลิกเล่นได้แล้ว ไปกันเถอะ มีคนเค้าอยากเห็น” ซึ่งเป็นคนที่สมควรจะได้เห็นเป็นคนแรกด้วยซ้ำ
คริสจูงมือคนที่อยู่ในชุดวิวาห์กรุยกรายออกมาจากห้องแต่งตัวอย่างระมัดระวัง
เหลือบมองเสี้ยวหน้าหวานด้วยรอยยิ้มบางเบา
เธอผู้เปรียบเหมือนอัญมณีล้ำค่า อยู่ใกล้แต่ไม่มีสิทธิ์เอื้อมคว้า
แม้จะงดงามเพียงใดก็ทำได้เพียงชื่นชมไม่อาจครอบครองเป็นเจ้าของ
อู๋ อี้ฝานจึงทำได้เพียงส่งเธอให้ถึงมือผู้ที่คู่ควรครอบครองเท่านั้น
คริสกระชับกระเป๋าที่บรรจุกล้องตัวเก่งเอาไว้เมื่อมาถึงห้องที่ถูกเนรมิตเป็นห้องแต่งตัวเฉพาะกิจ
หลังบานประตูนั้นเหมือนโลกอีกใบที่ต่างไปจากความเงียบงันตรงจุดที่ตนยืนอยู่ สูดลมหายใจเข้าลึกและยาวนาน
จนกระทั่งสามารถเรียกรอยยิ้มสดใสอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวให้ปรากฏบนใบหน้าได้อีกครั้ง
ขับไล่ความรู้สึกบางอย่างที่พยายามแทรกซึมเข้ามาปะปนกับความยินดี ซึ่งเขาควรจะมีแก่คู่บ่าวสาว
ประตูถูกเคาะเบา ๆ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะผลักประตูออกต้อนรับ
ข้างในกำลังโกลาหลวุ่นวายไม่ต่างจากที่คาดเอาไว้นัก คริสจึงปลีกตัวออกไปนั่งบนเก้าอี้ที่ห่างออกไปอย่างเงียบ
ๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนช่างแต่งหน้า เพื่อนเจ้าสาว รวมไปถึงเจ้าของงานที่คงไม่ทันรู้ตัวว่าแขกคนสำคัญอีกคนได้เดินทางมาถึงแล้ว
จนเมื่อมีเสียงของใครหลายคนกระเซ้าเย้าแหย่เขาซึ่งเป็นชายหนุ่มเพียงคนเดียวในนี้ให้เป็นที่ครื้นเครง
คริสใช้เวลาระหว่างรอกับกล้องที่อยู่ในกระเป๋า
เก็บบรรยากาศวุ่นวายนี้ไว้เพื่อย้อนดูหลัง ถือว่าเป็นการทดสอบกล้องของตนไปในตัว งานมงคลสมรสระหว่างหญิงสาวผู้เพียบพร้อมกับทายาทนักธุรกิจใหญ่คงคับคั่งไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย
รวมไปถึงสื่อมวลชนจากหลายสำนัก หากเป็นงานของคนอื่นคริสอาจจะเป็นหนึ่งในนักข่าวจำนวนนั้น
แต่ครั้งนี้เขาขอแขวนป้ายประจำอาชีพไว้ที่โต๊ะทำงาน แล้วทำหน้าที่ช่างภาพธรรมดาคนหนึ่ง
ซึ่งยินดีจะเก็บภาพความทรงจำในงานมงคลสมรสทั้งหมดไว้ ด้วยสองมือและกล้องอีกหนึ่งตัว
จริงอยู่ที่งานในวันนี้อาจกินเวลายาวนาน กล้องประจำตัวของตนก็ไม่ใช่เบา
ทว่าคงไม่หนักหนาไปกว่าความรู้สึกที่แบกไว้มานานหลายปี
เจสสิก้า จองในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาด สวยโดดเด่นยิ่งกว่าใคร
แม้จะเห็นเพียงแผ่นหลังและเงาที่สะท้อนในกระจก กล้องในมือถูกยกขึ้นมาบันทึกภาพนั้นเอาไว้
ในจังหวะที่รอยยิ้มบางระบายบนใบหน้าหวาน
“นี่กะจะถ่ายเฉพาะเจ้าสาวหรือไง
พวกฉันก็แต่งตัวเสร็จแล้วเหมือนกันนะ”
หนึ่งในเพื่อนเจ้าสาวที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีลุกขึ้นยืนกอดอกประท้วง
ใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งนั้นทำให้รู้ว่าไม่ได้โกรธเขาจริงจัง คริสจึงสัพยอกกลับไปอย่างสมน้ำสมเนื้อ
“อยากให้ผมถ่ายรูปพี่ ก็รีบหาเจ้าบ่าวให้ได้สิ ผมจะถ่ายพี่คนเดียวทั้งงานเลย”
“พูดมาก จะถ่ายไหมตกลง” คนพูดเท้าสะเอวเอาเรื่องเมื่อถูกจี้จุด
“ถ่ายครับ”
แล้วความโกลาหลเล็ก ๆ
ก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเหล่าเพื่อนเจ้าสาวต่างแข่งขันกันโพสต์ท่า สวยบ้าง ตลกบ้าง
ตามประสา จนเมื่อเจ้าสาวถูกใครคนหนึ่งดึงให้เข้ามาแทรกกลาง ทุกคนจึงพร้อมใจกันทำตัวสงบเสงี่ยม
หลีกทางให้เจ้าของงานได้เฉิดฉายอย่างเต็มภาคภูมิ
คริสส่งยิ้มหวานผ่านสายตาปลาบปลื้ม แทนคำชื่นชมที่เจ้าสาวคงจะได้ยินมันจนชิน
วันนี้ เจสสิก้า จอง สวยยิ่งกว่าวันก่อนเป็นไหน ๆ ด้วยอาภรณ์ที่ครบครันและใบหน้าที่ตกแต่งอย่างประณีต
เหนืออื่นใดคือดวงตาที่ฉายแววความสุขชัดเจน
“แกก็เข้ามาถ่ายด้วยกันสิคริส ให้คนอื่นช่วยถ่ายให้ก็ได้”
“ไม่เป็นไร ผมถ่ายเฉพาะพวกพี่ก็พอแล้ว”
แม้จะไม่มีผมปรากฏบนภาพความทรงจำเหล่านั้น
แค่จำไว้ว่าในภาพแห่งความสุขของเธอทุกภาพ ผมเป็นผู้ถ่ายทอดมันออกมา
เท่านั้นก็เพียงพอ
“คริส”
เสียงเล็กเอ่ยเรียกชื่อแผ่วเบา พร้อมปลายนิ้วที่สะกิดตรงหัวไหล่
คริสเตรียมจะออกไปยังสถานที่จัดงานเมื่อใกล้เวลา ทว่ากลับถูกเจ้าสาวรั้งตัวเอาไว้หลังจากพ้นบานประตูออกมาเพียงไม่กี่ก้าว
“มีอะไรหรือเปล่า”
“วันนี้เธอคงจะเหนื่อยน่าดู อดทนหน่อยนะ”
สายตาลดลงมองกล้องในมือของคริสก่อนเลื่อนขึ้นสบตาคมของคนอายุน้อยกว่าด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันบอกว่าจะช่วยก็ต้องช่วยเต็มที่อยู่แล้ว”
“แต่น่าเสียดาย ที่เธอไม่ได้มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้”
“ไม่เห็นจะต้องเสียดายเลย ดีซะอีก ไม่มีฉันซักคนงานแต่งเธอจะได้ราบรื่น”
คำพูดติดตลกของคริสทำให้เจ้าสาวมีสีหน้าผ่อนคลาย
สามารถหัวเราะได้เต็มเสียงครั้งแรกในรอบวัน คริสมองเห็นความกังวลในแววตาจึงเอื้อมมือไปบีบมือของอีกคนเบา ๆ
“วันนี้เธอสวยที่สุดในงาน ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น และชีวิตแต่งงานเธอจะต้องราบรื่น
ฉันมั่นใจ”
เมื่อเจ้าบ่าวคือผู้ชายที่แสนดีและเพียบพร้อม คนที่จะสามารถปกป้องดูแลผู้หญิงตัวเล็ก
ๆ ที่อยู่ต่อหน้าเขาได้อย่างดีตลอดชีวิต
“ขอบคุณนะ ขอบคุณจริง ๆ”
เจสสิก้าโผเข้ากอดคริสแน่นขณะที่เอ่ยขอบคุณเสียงเครือ
น้ำตารื้นปริ่มจะไหล เธอคงกลั้นเอาไว้ไม่ไหว คนที่ถูกอ้อมกอดเล็ก ๆ นั้นรัดรึงก็รู้สึกถึงความร้อนผ่าวตรงเปลือกตาของตนเช่นกัน
จึงต้องเก็บกลืนมันเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ใครว่าผู้ชายร้องไห้ไม่เป็นวันนี้เขาจะขอเถียงขาดใจ
แม้ว่า อู๋ อี้ฝาน คนปัจจุบันจะเข้มแข็งกว่าคนในอดีตหลายเท่า
ทว่าก็ดูจะไม่เพียงพอรับมือความรู้สึกอาลัยที่กำลังท่วมท้นหัวใจ
“อย่าร้องไห้สิ เค้าอุตส่าห์แต่งหน้าให้สวย ๆ
เดี๋ยวเครื่องสำอางเลอะนะ ไม่มีเจ้าบ่าวที่ไหนอยากได้แพนด้าเป็นเจ้าสาวหรอกนะ”
คำหยอกล้อของคริสเรียกฝ่ามือนุ่มให้ฟาดลงไปบนต้นแขนของตนเบา ๆ หลังจากผละอ้อมกอด
เจ้าสาวคนสวยหลุดหัวเราะทั้งที่ปลายจมูกยังแดงเรื่อ ก่อนรับผ้าเช็ดหน้าจากคริสมาซับน้ำตา
“ฉันไปนะเดี๋ยวสาย เจอกันที่งานนะ”
คริสโบกมือลาก่อนเดินจากมาพร้อมสะพายกล้องอันหนักอึ้งไว้ข้างหลัง
เพื่อภารกิจอันสำคัญยิ่ง
เธอไม่จำเป็นต้องขอบคุณอะไรทั้งนั้น
เพราะนี่คือสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำให้เธอได้ ก่อนที่เธอจะหลุดลอยจากผมไปจริง ๆ
ลานกลางแจ้งถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งสีหวาน ประดับประดาด้วยดอกไม้โทนสีเดียวกัน
กระทั่งเก้าอี้ที่เรียงรายก็ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวสะอาดตา แขกเหรื่อที่ถูกเชื้อเชิญมาร่วมงานนั่งกันอยู่ประปราย
รวมไปถึงสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งที่กำลังเก็บภาพสถานที่จัดงานของมงคลสมรสนั้นไว้เพื่อประกอบการรายงานข่าวในค่ำนี้
คริสมาถึงบริเวณงานก่อนเจ้าสาว จึงมีเวลาสำรวจความเรียบร้อยในงานที่ตนมีส่วนร่วมในการเนรมิตมันขึ้นมา
นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาในนี้กล้องแทบไม่ได้ห่างจากระดับสายตา เมื่อแขกเหรื่อล้วนต้องการใช้บริการจากช่างภาพสุดหล่อกันแทบทั้งสิ้น
ใบหน้าของทุกคนเปื้อนรอยยิ้ม แม้กระทั่งคนที่น่าจะเหนื่อยกว่าใครอย่างคริส
สัมผัสแผ่วเบาตรงไหล่ดึงความสนใจของคริสไปจากภารกิจตรงหน้าชั่วคราว
ฉีกยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าใครคือเจ้าของสัมผัสนั้น
“ซูโฮ”
“เป็นไงมึง”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
“มึงก็รู้ว่ากูหมายถึงอะไร”
“นั่นแหละ ไม่มีอะไรน่าห่วง”
“กูไม่คิดว่าแกจะเข้มแข็งขนาดนี้”
คริสหัวเราะร่วนกับคำพูดของซูโฮ เพื่อนเพียงคนเดียวทีล่วงรู้ความในใจของเขา
หากเป็นคริสเมื่อหลายปีก่อนคงไม่มายืนยิ้มแป้นในงานแต่งเพื่อนคนสำคัญอย่างวันนี้ ความอ่อนแอ
งี่เง่า ไร้เหตุผลต่อทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเจสสิก้า ซูโฮมีโอกาสได้รับรู้มันทั้งหมด
ทั้งยังมีส่วนช่วยพยุงคนที่เสียหลักซวนเซจนกลับมายืนหยัดได้อย่างมั่นคง
“ยังไงก็ต้องขอบใจมึงมากเหมือนกันเพื่อน ...ถ่ายรูปไหมล่ะ”
อันที่จริงแล้วผมอาจไม่ได้เข้มแข็งอะไร
เพียงแต่ใจมันยอมจำนนต่อความจริง ความผิดพลาดมันเริ่มต้นที่ผม ก็ควรจะจบลงที่ผมเพียงคนเดียว
ผมไม่อยากเป็นคนทำลายมิตรภาพที่เธอมีให้อย่างบริสุทธิ์ใจด้วยความเห็นแก่ตัวโง่ ๆ
ของตัวเอง
บทเพลงจากเปียโนเริ่มบรรเลงเมื่อขบวนเจ้าสาวเดินเข้ามาในงาน
พรมสีขาวทอดยาวไปจนสุดทาง เสมือนเต็มใจให้เท้าบอบบางนั้นเหยียบย่างผ่านไป เพื่อเข้าสู่พิธีการอันศักดิ์สิทธิ์
ท่วงทำนองอ่อนหวานนำพาบรรยากาศเข้าสู่ความสงบ ทุกความสนใจรวมอยู่ที่ร่างในชุดวิวาห์สีขาวสะอาดเพียงจุดเดียว
กลีบดอกไม้โปรยจากมือคู่เล็กของเด็กหญิงตัวน้อย แล้วร่วงหล่นศิโรราบอยู่แทบเท้า
กล้องในมือของคริสบันทึกภาพทุกก้าวย่างของหญิงสาวผู้งดงามที่สุดในงานและในสายตาของตน
ตั้งแต่ก้าวแรกจนกระทั่งร่างนั้นเคลื่อนผ่านหน้าไปพร้อมกับผู้เป็นบิดา ภาพแผ่นหลังของเจ้าสาวห่างออกไปช้า
ๆ กระทั่งหยุดลงต่อหน้าพระแท่น
เวลาที่จะต้องส่งตัวเจ้าสาวให้แก่ผู้เป็นเจ้าบ่าวมาถึงแล้ว
มือของทั้งคู่สัมผัสกัน เจ้าบ่าวประคองมือบางไว้อย่างทะนุถนอมดุจเดียวกับสิ่งล้ำค่า
ความริษยาที่เคยแผดเผาใจ คริสกดเอาไว้ในเบื้องลึกอย่างสุดกำลังเพื่อไม่ให้มันสำแดงฤทธิ์เดชผิดเวลา
ให้เจสสิก้าได้เห็นและจดจำเพียงด้านดี ๆ ของเขาเท่านั้น แม้เศษซากของความริษยานั้นจะหลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด
ทว่าไม่เคยสูญสลายไป หลายต่อหลายครั้งที่ต้องคอยกลบเกลื่อนมันด้วยรอยยิ้มหลอกลวง
คำสัตย์สาบานที่คู่บ่าวสาวกล่าวต่อหน้าศาสนาจารย์อย่างหนักแน่นมั่นคงดังก้องอยู่ในหัวแม้ในสถานที่โล่งแจ้ง
ตอกย้ำให้ความดื้อดึงที่แอบซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณยอมรับสถานภาพของตนแต่โดยดี
อย่างไรเสียก็ไม่อาจแปรเปลี่ยนเป็นอื่นได้ นอกจากตำแหน่งน้องชายและเพื่อนคนสำคัญของเจสสิก้า
จุดยืนแสนพิเศษที่คริสต้องแลกมาด้วยเจ็บปวดแสนสาหัส สินค้าราคาแพงที่ได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า
และตระหนักอยู่เสมอว่าควรรักษาไว้ให้ดีเท่าชีวิต
ในความรู้สึกปั่นป่วนที่กำลังกดทับ คริสยังคงทำหน้าที่ช่างภาพประจำงานได้อย่างดีเยี่ยม
หัวใจกับหน้าที่แยกกันเด็ดขาดอย่างชัดเจน แบบฝึกหัดที่ถูกความรู้สึกเกินเลยต่อเจสสิก้ายัดเยียดให้
เคี่ยวเข็ญคริสให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการอดทนต่อความเจ็บปวด
เวลากว่าค่อนชีวิตที่เสียไปเพื่อทำให้หัวใจยอมจำนนต่อสถานภาพของตนนั้นไม่เคยสูญเปล่า
“..คุณเจสสิก้า จอง...
ขอให้รับแหวนวงนี้เป็นเครื่องหมายแสดงความรักและความซื่อสัตย์ของผม เดชะพระนาม
พระบิดา พระบุตร และพระจิต”
คำกล่าวนั้นสิ้นสุดพร้อมกับแหวนเงินเกลี้ยงเกลาสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของผู้เป็นเจ้าสาว
ก่อนที่เธอจะทำแบบเดียวกันต่อเจ้าบ่าวของตน
คำประกาศก้องว่าหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ต่อหน้าพระแท่นได้เป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์
ราวกับเสียงฟ้าคำรามลั่นเหนือศีรษะ เจ้าบ่าวมอบจุมพิตแผ่วบนริมฝีปากของเจ้าสาวที่อมยิ้มเอียงอาย
ท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงร้องยินดีของแขกผู้มาร่วมงาน ภาพเดียวในงานพิธีมงคลสมรสที่คริสมีความรู้สึกว่าทั้งอยากเห็นและไม่อยากเห็นเท่า
ๆ กัน เมื่อปั้นสีหน้าไม่ถูกคริสจึงใช้อุปกรณ์คู่ชีพบดบังเอาไว้
ซึ่งเป็นวิธีที่ที่แนบเนียนที่สุด
พร้อมกับปลายนิ้วที่กดบันทึกภาพนั้นไว้รัวเร็วราวกับเครื่องจักร
ไม่ว่าจะมองผ่านเลนส์หรือตาเปล่าก็คงให้ความรู้สึกไม่แตกต่างกัน
กลีบดอกไม้โปรยจากมือแขกเหรื่อในงานไปบนผืนพรมที่บ่าวสาวเดินผ่าน
ราวกับจะอวยพรให้เส้นทางชีวิตของคู่รักโรยด้วยกลีบกุหลาบเฉกเช่นเดียวกัน
สาวน้อยสาวใหญ่ต่างตื่นเต้นเมื่อถึงเวลาที่เจ้าสาวต้องสุ่มโยนช่อดอกไม้ เสียงหญิงสาวหัวเราะคิกคักทั้งพูดคุยกันเซ็งแซ่
บรรยากาศชื่นมื่นที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปีติสุข คริสไม่พลาดที่จะเก็บภาพอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญนี้ไว้
“เฮ้! คริส
แกไม่อยากลงจากคานเหรอ มานี่เร็ว”
ใครคนหนึ่งตะโกนเรียกแกมสัพยอกช่างภาพหนุ่มโสดให้เข้าไปร่วมวง
เมื่อใครต่อใครต่างก็แอบนินทาทั้งต่อหน้าและลับหลังว่าเขานิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกันจึงไม่มีข่าวคราวกับผู้หญิงคนไหน
บ้างก็มองว่าเขาเป็นเหมือนเพื่อนสาวมากกว่าเพื่อนชาย หากเธอคนนั้นล่วงรู้ความรู้สึกของคริสที่มีต่อเจ้าสาวแสนสวยคงไม่กล้าล้อเล่นอย่างนี้แน่
แต่คนถูกชักชวนจะทำอย่างไรได้นอกจากยกกล้องที่แบกไว้ให้ดูเป็นข้ออ้าง
ก่อนที่ช่อดอกไม้จากมือบางจะลอยละล่องไปสู่ดงสาวโสดให้ยื้อแย่งกันเป็นที่สนุกสนาน
ต่อให้คนทั้งโลกล่วงรู้ความในใจของผม
ผมก็ไม่กังวลอะไรหากใครคนนั้นไม่ใช่เธอ
เสี้ยววินาทีหนึ่งท่ามกลางความชุลมุน เจสสิก้าหันมาสบตากับคนตัวโต
ส่งยิ้มกว้างที่สุดในรอบวันมาให้เหมือนโล่งใจที่พิธีการผ่านพ้นไปได้ด้วยดี คริสลดกล้องลงแล้วยิ้มตอบในแบบเดียวกันพร้อมทั้งยกนิ้วให้
ก่อนที่จะมีมือหนึ่งมาลากคริสให้ไปทำหน้าที่ของตนต่อ ในวันที่ช่างภาพดูจะเป็นที่ต้องการของใครต่อใครเหลือเกิน
เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ว่าภายใต้รอยยิ้มนั้น
หัวใจผมเคยแหลกสลายไปแล้วกี่ครั้ง ไม่ได้สำคัญอะไรเลย
ท้องฟ้าปลอดโปร่งกลางฤดูใบไม้ร่วงไม่มีสายฝนมาร่วมแสดงความยินดีอย่างที่เคยนึกกังวล
พิธีมงคลสมรสจึงผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น ใบไม้สีสันสดใสแข่งกันทิ้งลำต้นร่วงลงสู่พื้น
เมื่อถึงฤดูกาลที่ต้องผลัดเปลี่ยน หวังเช่นกันว่าความเจ็บปวดจะมีวันโรยราแล้วผละจากต้นกำเนิดความรู้สึกที่หยั่งรากลึกมาแสนนานในสักวัน
....ทว่าในวันนี้ คำว่ารักยังคงกึกก้องอยู่ในใจ
แล้วสะท้อนไปมาอย่างเงียบงัน....
24.01.2016
Ps. เป็นฟิคแปลงนะฮะ
เกิดเรื่องบังเอิญขึ้นมาเมื่อตอนที่ไปค้นข้อมูลเกี่ยวกับงานแต่งในกูเกิ้ล
แล้วไปเจอฟิคของวง EXO ที่เนื้อเรื่องและหน้าที่ของตัวเอกของเราไปคล้ายกับของเค้า
แต่ว่าทิศทางของเรื่องมันไปคนละทางอยู่ หวังว่าจะมีความสุขกับการอ่าน (และทวงฟิค) นะคะ
ความคิดเห็น