ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO SNSD] Wanted [Kris x Jessica ft. Siwon YoonA 3Tae]

    ลำดับตอนที่ #58 : {1-SHOT} Hurt Lens (Kris x Jessica)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.35K
      0
      24 ม.ค. 59

    © Tenpoints!




    ขอคั่นรายการด้วย 1-Shot ซักเรื่องเพื่อเรียกน้ำย่อยก่อนตอนต่อไปจะมาถึงนะคะ

    รอกันนานไหมคะ? (ยังมีหน้ามาถามคำนี้อีกนะ)

     

    Hurt Lens

    Kriss X Jessica

    By : Key_word (หนมปังฟาร์มเหา)

     

     

     

    เงาในกระจกสะท้อนภาพหญิงสาวที่กำลังยืนสำรวจตัวเองด้วยอาการประหม่า คริสสบตาคู่สวยผ่านกระจกเงาอย่างชื่นชมระคนเอ็นดู บอกผ่านสายตาว่าเธอสวยที่สุดไม่มีสิ่งใดต้องกังวล ใบหน้าสวยตลอดจนเรือนร่างที่งดงามราวกับรูปสลักมีชีวิต จนแทบไม่ต้องอาศัยอาภรณ์หรือเครื่องประดับล้ำค่าใด ๆ ก็สามารถดึงดูดความสนใจจากทุกสายตาได้โดยง่าย แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับดูไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย ราวกับสาวแรกรุ่นที่เพิ่งหัดแต่งตัวเป็นครั้งแรก

     

    “คริส เป็นยังไงบ้าง”

     

    แม้กระทั่งตอนหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากัน ท่าทีของเธอก็เต็มไปด้วยความเคอะเขิน

     

    “ชุดนี้เหมาะกับเธอที่สุด มันสวยมาก”

     

    “แน่ใจเหรอ แกล้งชมหรือเปล่าเนี่ย”

     

    “เปล่าเลย ฉันพูดจริง ๆ นะ”

     

    “ปากหวานนะเรา” มือนุ่มยื่นมาประคองแก้มคริสแล้วออกแรงบีบเบา ๆ หยอกล้ออย่างที่เคยทำ เบี่ยงตัวหลบตอนนี้ก็ไม่ทัน ท้ายที่สุดจึงต้องดึงมือคนขี้แกล้งออกไป  

     

    “เลิกเล่นได้แล้ว ไปกันเถอะ มีคนเค้าอยากเห็น”  ซึ่งเป็นคนที่สมควรจะได้เห็นเป็นคนแรกด้วยซ้ำ

     

    คริสจูงมือคนที่อยู่ในชุดวิวาห์กรุยกรายออกมาจากห้องแต่งตัวอย่างระมัดระวัง  เหลือบมองเสี้ยวหน้าหวานด้วยรอยยิ้มบางเบา

     

    เธอผู้เปรียบเหมือนอัญมณีล้ำค่า อยู่ใกล้แต่ไม่มีสิทธิ์เอื้อมคว้า แม้จะงดงามเพียงใดก็ทำได้เพียงชื่นชมไม่อาจครอบครองเป็นเจ้าของ

     

     

     

    อู๋ อี้ฝานจึงทำได้เพียงส่งเธอให้ถึงมือผู้ที่คู่ควรครอบครองเท่านั้น

     

     

     

     

     

     

    คริสกระชับกระเป๋าที่บรรจุกล้องตัวเก่งเอาไว้เมื่อมาถึงห้องที่ถูกเนรมิตเป็นห้องแต่งตัวเฉพาะกิจ หลังบานประตูนั้นเหมือนโลกอีกใบที่ต่างไปจากความเงียบงันตรงจุดที่ตนยืนอยู่ สูดลมหายใจเข้าลึกและยาวนาน จนกระทั่งสามารถเรียกรอยยิ้มสดใสอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวให้ปรากฏบนใบหน้าได้อีกครั้ง ขับไล่ความรู้สึกบางอย่างที่พยายามแทรกซึมเข้ามาปะปนกับความยินดี ซึ่งเขาควรจะมีแก่คู่บ่าวสาว

     

    ประตูถูกเคาะเบา ๆ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะผลักประตูออกต้อนรับ ข้างในกำลังโกลาหลวุ่นวายไม่ต่างจากที่คาดเอาไว้นัก คริสจึงปลีกตัวออกไปนั่งบนเก้าอี้ที่ห่างออกไปอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนช่างแต่งหน้า เพื่อนเจ้าสาว รวมไปถึงเจ้าของงานที่คงไม่ทันรู้ตัวว่าแขกคนสำคัญอีกคนได้เดินทางมาถึงแล้ว จนเมื่อมีเสียงของใครหลายคนกระเซ้าเย้าแหย่เขาซึ่งเป็นชายหนุ่มเพียงคนเดียวในนี้ให้เป็นที่ครื้นเครง

     

    คริสใช้เวลาระหว่างรอกับกล้องที่อยู่ในกระเป๋า เก็บบรรยากาศวุ่นวายนี้ไว้เพื่อย้อนดูหลัง ถือว่าเป็นการทดสอบกล้องของตนไปในตัว งานมงคลสมรสระหว่างหญิงสาวผู้เพียบพร้อมกับทายาทนักธุรกิจใหญ่คงคับคั่งไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย รวมไปถึงสื่อมวลชนจากหลายสำนัก หากเป็นงานของคนอื่นคริสอาจจะเป็นหนึ่งในนักข่าวจำนวนนั้น แต่ครั้งนี้เขาขอแขวนป้ายประจำอาชีพไว้ที่โต๊ะทำงาน แล้วทำหน้าที่ช่างภาพธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งยินดีจะเก็บภาพความทรงจำในงานมงคลสมรสทั้งหมดไว้ ด้วยสองมือและกล้องอีกหนึ่งตัว

     

    จริงอยู่ที่งานในวันนี้อาจกินเวลายาวนาน กล้องประจำตัวของตนก็ไม่ใช่เบา ทว่าคงไม่หนักหนาไปกว่าความรู้สึกที่แบกไว้มานานหลายปี

     

     

     

     

    เจสสิก้า จองในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาด สวยโดดเด่นยิ่งกว่าใคร แม้จะเห็นเพียงแผ่นหลังและเงาที่สะท้อนในกระจก กล้องในมือถูกยกขึ้นมาบันทึกภาพนั้นเอาไว้ ในจังหวะที่รอยยิ้มบางระบายบนใบหน้าหวาน

     

    “นี่กะจะถ่ายเฉพาะเจ้าสาวหรือไง พวกฉันก็แต่งตัวเสร็จแล้วเหมือนกันนะ”

     

    หนึ่งในเพื่อนเจ้าสาวที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีลุกขึ้นยืนกอดอกประท้วง ใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งนั้นทำให้รู้ว่าไม่ได้โกรธเขาจริงจัง คริสจึงสัพยอกกลับไปอย่างสมน้ำสมเนื้อ

     

    “อยากให้ผมถ่ายรูปพี่ ก็รีบหาเจ้าบ่าวให้ได้สิ ผมจะถ่ายพี่คนเดียวทั้งงานเลย”  

     

    “พูดมาก จะถ่ายไหมตกลง” คนพูดเท้าสะเอวเอาเรื่องเมื่อถูกจี้จุด

     

    “ถ่ายครับ”

     

    แล้วความโกลาหลเล็ก ๆ ก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเหล่าเพื่อนเจ้าสาวต่างแข่งขันกันโพสต์ท่า สวยบ้าง ตลกบ้าง ตามประสา จนเมื่อเจ้าสาวถูกใครคนหนึ่งดึงให้เข้ามาแทรกกลาง ทุกคนจึงพร้อมใจกันทำตัวสงบเสงี่ยม หลีกทางให้เจ้าของงานได้เฉิดฉายอย่างเต็มภาคภูมิ

     

    คริสส่งยิ้มหวานผ่านสายตาปลาบปลื้ม แทนคำชื่นชมที่เจ้าสาวคงจะได้ยินมันจนชิน วันนี้ เจสสิก้า จอง สวยยิ่งกว่าวันก่อนเป็นไหน ๆ ด้วยอาภรณ์ที่ครบครันและใบหน้าที่ตกแต่งอย่างประณีต เหนืออื่นใดคือดวงตาที่ฉายแววความสุขชัดเจน

     

    “แกก็เข้ามาถ่ายด้วยกันสิคริส ให้คนอื่นช่วยถ่ายให้ก็ได้”

     

    “ไม่เป็นไร ผมถ่ายเฉพาะพวกพี่ก็พอแล้ว”

     

     

     

    แม้จะไม่มีผมปรากฏบนภาพความทรงจำเหล่านั้น แค่จำไว้ว่าในภาพแห่งความสุขของเธอทุกภาพ ผมเป็นผู้ถ่ายทอดมันออกมา เท่านั้นก็เพียงพอ

     

     


     



    “คริส”

     

    เสียงเล็กเอ่ยเรียกชื่อแผ่วเบา พร้อมปลายนิ้วที่สะกิดตรงหัวไหล่ คริสเตรียมจะออกไปยังสถานที่จัดงานเมื่อใกล้เวลา ทว่ากลับถูกเจ้าสาวรั้งตัวเอาไว้หลังจากพ้นบานประตูออกมาเพียงไม่กี่ก้าว

     

    “มีอะไรหรือเปล่า”

     

    “วันนี้เธอคงจะเหนื่อยน่าดู อดทนหน่อยนะ”

     

    สายตาลดลงมองกล้องในมือของคริสก่อนเลื่อนขึ้นสบตาคมของคนอายุน้อยกว่าด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

     

    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันบอกว่าจะช่วยก็ต้องช่วยเต็มที่อยู่แล้ว”

     

    “แต่น่าเสียดาย ที่เธอไม่ได้มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้”

     

    “ไม่เห็นจะต้องเสียดายเลย ดีซะอีก ไม่มีฉันซักคนงานแต่งเธอจะได้ราบรื่น”

     

    คำพูดติดตลกของคริสทำให้เจ้าสาวมีสีหน้าผ่อนคลาย สามารถหัวเราะได้เต็มเสียงครั้งแรกในรอบวัน คริสมองเห็นความกังวลในแววตาจึงเอื้อมมือไปบีบมือของอีกคนเบา ๆ

     

    “วันนี้เธอสวยที่สุดในงาน ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น และชีวิตแต่งงานเธอจะต้องราบรื่น ฉันมั่นใจ”

     

    เมื่อเจ้าบ่าวคือผู้ชายที่แสนดีและเพียบพร้อม คนที่จะสามารถปกป้องดูแลผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ต่อหน้าเขาได้อย่างดีตลอดชีวิต

     

    “ขอบคุณนะ ขอบคุณจริง ๆ”

     

    เจสสิก้าโผเข้ากอดคริสแน่นขณะที่เอ่ยขอบคุณเสียงเครือ น้ำตารื้นปริ่มจะไหล เธอคงกลั้นเอาไว้ไม่ไหว คนที่ถูกอ้อมกอดเล็ก ๆ นั้นรัดรึงก็รู้สึกถึงความร้อนผ่าวตรงเปลือกตาของตนเช่นกัน จึงต้องเก็บกลืนมันเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ใครว่าผู้ชายร้องไห้ไม่เป็นวันนี้เขาจะขอเถียงขาดใจ

     

    แม้ว่า อู๋ อี้ฝาน คนปัจจุบันจะเข้มแข็งกว่าคนในอดีตหลายเท่า ทว่าก็ดูจะไม่เพียงพอรับมือความรู้สึกอาลัยที่กำลังท่วมท้นหัวใจ

     

     “อย่าร้องไห้สิ  เค้าอุตส่าห์แต่งหน้าให้สวย ๆ เดี๋ยวเครื่องสำอางเลอะนะ ไม่มีเจ้าบ่าวที่ไหนอยากได้แพนด้าเป็นเจ้าสาวหรอกนะ”

     

    คำหยอกล้อของคริสเรียกฝ่ามือนุ่มให้ฟาดลงไปบนต้นแขนของตนเบา ๆ หลังจากผละอ้อมกอด เจ้าสาวคนสวยหลุดหัวเราะทั้งที่ปลายจมูกยังแดงเรื่อ ก่อนรับผ้าเช็ดหน้าจากคริสมาซับน้ำตา

     

    “ฉันไปนะเดี๋ยวสาย เจอกันที่งานนะ”

     

    คริสโบกมือลาก่อนเดินจากมาพร้อมสะพายกล้องอันหนักอึ้งไว้ข้างหลัง เพื่อภารกิจอันสำคัญยิ่ง

     

     

     

    เธอไม่จำเป็นต้องขอบคุณอะไรทั้งนั้น เพราะนี่คือสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำให้เธอได้ ก่อนที่เธอจะหลุดลอยจากผมไปจริง ๆ

     

     

     

     

     

     



     

    ลานกลางแจ้งถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งสีหวาน ประดับประดาด้วยดอกไม้โทนสีเดียวกัน กระทั่งเก้าอี้ที่เรียงรายก็ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวสะอาดตา แขกเหรื่อที่ถูกเชื้อเชิญมาร่วมงานนั่งกันอยู่ประปราย รวมไปถึงสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งที่กำลังเก็บภาพสถานที่จัดงานของมงคลสมรสนั้นไว้เพื่อประกอบการรายงานข่าวในค่ำนี้

     

    คริสมาถึงบริเวณงานก่อนเจ้าสาว จึงมีเวลาสำรวจความเรียบร้อยในงานที่ตนมีส่วนร่วมในการเนรมิตมันขึ้นมา นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาในนี้กล้องแทบไม่ได้ห่างจากระดับสายตา เมื่อแขกเหรื่อล้วนต้องการใช้บริการจากช่างภาพสุดหล่อกันแทบทั้งสิ้น ใบหน้าของทุกคนเปื้อนรอยยิ้ม แม้กระทั่งคนที่น่าจะเหนื่อยกว่าใครอย่างคริส

     

    สัมผัสแผ่วเบาตรงไหล่ดึงความสนใจของคริสไปจากภารกิจตรงหน้าชั่วคราว ฉีกยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าใครคือเจ้าของสัมผัสนั้น

     

    “ซูโฮ”

     

    “เป็นไงมึง”

     

    “ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

     

    “มึงก็รู้ว่ากูหมายถึงอะไร”

     

    “นั่นแหละ ไม่มีอะไรน่าห่วง”

     

    “กูไม่คิดว่าแกจะเข้มแข็งขนาดนี้”

     

    คริสหัวเราะร่วนกับคำพูดของซูโฮ เพื่อนเพียงคนเดียวทีล่วงรู้ความในใจของเขา หากเป็นคริสเมื่อหลายปีก่อนคงไม่มายืนยิ้มแป้นในงานแต่งเพื่อนคนสำคัญอย่างวันนี้ ความอ่อนแอ งี่เง่า ไร้เหตุผลต่อทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเจสสิก้า ซูโฮมีโอกาสได้รับรู้มันทั้งหมด ทั้งยังมีส่วนช่วยพยุงคนที่เสียหลักซวนเซจนกลับมายืนหยัดได้อย่างมั่นคง

     

    “ยังไงก็ต้องขอบใจมึงมากเหมือนกันเพื่อน ...ถ่ายรูปไหมล่ะ”

     

     

     

    อันที่จริงแล้วผมอาจไม่ได้เข้มแข็งอะไร เพียงแต่ใจมันยอมจำนนต่อความจริง ความผิดพลาดมันเริ่มต้นที่ผม ก็ควรจะจบลงที่ผมเพียงคนเดียว ผมไม่อยากเป็นคนทำลายมิตรภาพที่เธอมีให้อย่างบริสุทธิ์ใจด้วยความเห็นแก่ตัวโง่ ๆ ของตัวเอง

     

     

     

     

     

    บทเพลงจากเปียโนเริ่มบรรเลงเมื่อขบวนเจ้าสาวเดินเข้ามาในงาน พรมสีขาวทอดยาวไปจนสุดทาง เสมือนเต็มใจให้เท้าบอบบางนั้นเหยียบย่างผ่านไป เพื่อเข้าสู่พิธีการอันศักดิ์สิทธิ์ ท่วงทำนองอ่อนหวานนำพาบรรยากาศเข้าสู่ความสงบ ทุกความสนใจรวมอยู่ที่ร่างในชุดวิวาห์สีขาวสะอาดเพียงจุดเดียว กลีบดอกไม้โปรยจากมือคู่เล็กของเด็กหญิงตัวน้อย แล้วร่วงหล่นศิโรราบอยู่แทบเท้า

     

    กล้องในมือของคริสบันทึกภาพทุกก้าวย่างของหญิงสาวผู้งดงามที่สุดในงานและในสายตาของตน ตั้งแต่ก้าวแรกจนกระทั่งร่างนั้นเคลื่อนผ่านหน้าไปพร้อมกับผู้เป็นบิดา ภาพแผ่นหลังของเจ้าสาวห่างออกไปช้า ๆ กระทั่งหยุดลงต่อหน้าพระแท่น เวลาที่จะต้องส่งตัวเจ้าสาวให้แก่ผู้เป็นเจ้าบ่าวมาถึงแล้ว

     

    มือของทั้งคู่สัมผัสกัน เจ้าบ่าวประคองมือบางไว้อย่างทะนุถนอมดุจเดียวกับสิ่งล้ำค่า ความริษยาที่เคยแผดเผาใจ คริสกดเอาไว้ในเบื้องลึกอย่างสุดกำลังเพื่อไม่ให้มันสำแดงฤทธิ์เดชผิดเวลา ให้เจสสิก้าได้เห็นและจดจำเพียงด้านดี ๆ ของเขาเท่านั้น แม้เศษซากของความริษยานั้นจะหลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด ทว่าไม่เคยสูญสลายไป หลายต่อหลายครั้งที่ต้องคอยกลบเกลื่อนมันด้วยรอยยิ้มหลอกลวง

     

    คำสัตย์สาบานที่คู่บ่าวสาวกล่าวต่อหน้าศาสนาจารย์อย่างหนักแน่นมั่นคงดังก้องอยู่ในหัวแม้ในสถานที่โล่งแจ้ง ตอกย้ำให้ความดื้อดึงที่แอบซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณยอมรับสถานภาพของตนแต่โดยดี อย่างไรเสียก็ไม่อาจแปรเปลี่ยนเป็นอื่นได้ นอกจากตำแหน่งน้องชายและเพื่อนคนสำคัญของเจสสิก้า จุดยืนแสนพิเศษที่คริสต้องแลกมาด้วยเจ็บปวดแสนสาหัส สินค้าราคาแพงที่ได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า และตระหนักอยู่เสมอว่าควรรักษาไว้ให้ดีเท่าชีวิต

     

    ในความรู้สึกปั่นป่วนที่กำลังกดทับ คริสยังคงทำหน้าที่ช่างภาพประจำงานได้อย่างดีเยี่ยม หัวใจกับหน้าที่แยกกันเด็ดขาดอย่างชัดเจน แบบฝึกหัดที่ถูกความรู้สึกเกินเลยต่อเจสสิก้ายัดเยียดให้ เคี่ยวเข็ญคริสให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการอดทนต่อความเจ็บปวด

     

    เวลากว่าค่อนชีวิตที่เสียไปเพื่อทำให้หัวใจยอมจำนนต่อสถานภาพของตนนั้นไม่เคยสูญเปล่า

     

     

     

     

    “..คุณเจสสิก้า จอง... ขอให้รับแหวนวงนี้เป็นเครื่องหมายแสดงความรักและความซื่อสัตย์ของผม เดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร และพระจิต”

     

    คำกล่าวนั้นสิ้นสุดพร้อมกับแหวนเงินเกลี้ยงเกลาสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของผู้เป็นเจ้าสาว ก่อนที่เธอจะทำแบบเดียวกันต่อเจ้าบ่าวของตน

     

    คำประกาศก้องว่าหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ต่อหน้าพระแท่นได้เป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์ ราวกับเสียงฟ้าคำรามลั่นเหนือศีรษะ เจ้าบ่าวมอบจุมพิตแผ่วบนริมฝีปากของเจ้าสาวที่อมยิ้มเอียงอาย ท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงร้องยินดีของแขกผู้มาร่วมงาน ภาพเดียวในงานพิธีมงคลสมรสที่คริสมีความรู้สึกว่าทั้งอยากเห็นและไม่อยากเห็นเท่า ๆ กัน  เมื่อปั้นสีหน้าไม่ถูกคริสจึงใช้อุปกรณ์คู่ชีพบดบังเอาไว้ ซึ่งเป็นวิธีที่ที่แนบเนียนที่สุด พร้อมกับปลายนิ้วที่กดบันทึกภาพนั้นไว้รัวเร็วราวกับเครื่องจักร

     

    ไม่ว่าจะมองผ่านเลนส์หรือตาเปล่าก็คงให้ความรู้สึกไม่แตกต่างกัน

     

    กลีบดอกไม้โปรยจากมือแขกเหรื่อในงานไปบนผืนพรมที่บ่าวสาวเดินผ่าน ราวกับจะอวยพรให้เส้นทางชีวิตของคู่รักโรยด้วยกลีบกุหลาบเฉกเช่นเดียวกัน สาวน้อยสาวใหญ่ต่างตื่นเต้นเมื่อถึงเวลาที่เจ้าสาวต้องสุ่มโยนช่อดอกไม้ เสียงหญิงสาวหัวเราะคิกคักทั้งพูดคุยกันเซ็งแซ่ บรรยากาศชื่นมื่นที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปีติสุข คริสไม่พลาดที่จะเก็บภาพอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญนี้ไว้

     

    “เฮ้! คริส แกไม่อยากลงจากคานเหรอ มานี่เร็ว”

     

    ใครคนหนึ่งตะโกนเรียกแกมสัพยอกช่างภาพหนุ่มโสดให้เข้าไปร่วมวง เมื่อใครต่อใครต่างก็แอบนินทาทั้งต่อหน้าและลับหลังว่าเขานิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกันจึงไม่มีข่าวคราวกับผู้หญิงคนไหน บ้างก็มองว่าเขาเป็นเหมือนเพื่อนสาวมากกว่าเพื่อนชาย หากเธอคนนั้นล่วงรู้ความรู้สึกของคริสที่มีต่อเจ้าสาวแสนสวยคงไม่กล้าล้อเล่นอย่างนี้แน่ แต่คนถูกชักชวนจะทำอย่างไรได้นอกจากยกกล้องที่แบกไว้ให้ดูเป็นข้ออ้าง ก่อนที่ช่อดอกไม้จากมือบางจะลอยละล่องไปสู่ดงสาวโสดให้ยื้อแย่งกันเป็นที่สนุกสนาน

     

     

     

     

    ต่อให้คนทั้งโลกล่วงรู้ความในใจของผม ผมก็ไม่กังวลอะไรหากใครคนนั้นไม่ใช่เธอ

     

     

     

     

    เสี้ยววินาทีหนึ่งท่ามกลางความชุลมุน เจสสิก้าหันมาสบตากับคนตัวโต ส่งยิ้มกว้างที่สุดในรอบวันมาให้เหมือนโล่งใจที่พิธีการผ่านพ้นไปได้ด้วยดี คริสลดกล้องลงแล้วยิ้มตอบในแบบเดียวกันพร้อมทั้งยกนิ้วให้ ก่อนที่จะมีมือหนึ่งมาลากคริสให้ไปทำหน้าที่ของตนต่อ ในวันที่ช่างภาพดูจะเป็นที่ต้องการของใครต่อใครเหลือเกิน

     

     

     

    เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ว่าภายใต้รอยยิ้มนั้น หัวใจผมเคยแหลกสลายไปแล้วกี่ครั้ง ไม่ได้สำคัญอะไรเลย

     

     

     

     

                ท้องฟ้าปลอดโปร่งกลางฤดูใบไม้ร่วงไม่มีสายฝนมาร่วมแสดงความยินดีอย่างที่เคยนึกกังวล พิธีมงคลสมรสจึงผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น ใบไม้สีสันสดใสแข่งกันทิ้งลำต้นร่วงลงสู่พื้น เมื่อถึงฤดูกาลที่ต้องผลัดเปลี่ยน หวังเช่นกันว่าความเจ็บปวดจะมีวันโรยราแล้วผละจากต้นกำเนิดความรู้สึกที่หยั่งรากลึกมาแสนนานในสักวัน

     

     

    ....ทว่าในวันนี้ คำว่ารักยังคงกึกก้องอยู่ในใจ แล้วสะท้อนไปมาอย่างเงียบงัน....





     



     

     

    24.01.2016

     

    Ps. เป็นฟิคแปลงนะฮะ


     

    เกิดเรื่องบังเอิญขึ้นมาเมื่อตอนที่ไปค้นข้อมูลเกี่ยวกับงานแต่งในกูเกิ้ล แล้วไปเจอฟิคของวง EXO ที่เนื้อเรื่องและหน้าที่ของตัวเอกของเราไปคล้ายกับของเค้า แต่ว่าทิศทางของเรื่องมันไปคนละทางอยู่ หวังว่าจะมีความสุขกับการอ่าน (และทวงฟิค) นะคะ 





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×