ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TIMELESS (NewJiew TS1)

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 1 : คืนข้ามปี (1) : ไหวอ๊ะป่าวเบเบ้?

    • อัปเดตล่าสุด 1 ม.ค. 57


    บทที่


    คืข้ามปี (1) : ไหวอ๊ะป่าวเบเบ้?
     

     

     

     

     

    December 31, 2013 (TUE) | 6 : 48 PM 

     

     

                ทันที่ที่ได้ยินเสียงรถยนต์มาจอดหน้าบ้านจิ๋วก็วิ่งออกไปรอรับอย่างว่องไว หยุดยืนมองรถมินิคู่ใจของนิวด้วยสายตาเป็นกังวล นิวขับรถจากกรุงเทพ ฯ มาเชียงใหม่เหมือนทุกเทศกาล เธอรู้สึกเป็นห่วงสวัสดิภาพของอีกคนเหลือเกิน อยากเอ่ยปากตักเตือนอยู่หลายครั้งแต่ก็ต้องหักใจเพราะขนาดแม่ของนิวบ่นเรื่องนี้อยู่บ่อย ๆ นิวยังไม่ฟัง แล้วเธอเป็นใครถึงจะห้ามความดื้อดึงของนิวได้

     

                 “จิ๋ว เหม่ออะไรอยู่ นิวอยู่นี่แล้ว”  พอเปิดประตูออกมานิวก็แซวเธอหน้าทะเล้น

     

                “โอเค รีบไปเถอะ พี่เค้าโทรมาเร่งแล้ว” จิ๋วบอกแล้วถือวิสาสะเปิดประตูรถเข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ

     

                “อ้าว ไม่ให้นิวแวะเข้าไปหาแม่ก่อนเหรอ” นิวเกาหัวอย่างงุนงงกับความรีบร้อนของจิ๋ว เพิ่งก้าวลงจากรถไม่ถึงนาทีจิ๋วก็จะให้ไปเสียแล้ว

     

                “พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ก็ได้  แต่ตอนนี้เราต้องรีบไปกันก่อนมีหลายคนเค้ารออยู่ที่ร้าน” จิ๋วให้เหตุผลสีหน้าเนือย ๆ นิวทำเหมือนไม่ได้เจอหน้าแม่เธอมาเป็นปีทั้งที่เมื่อวานก็เพิ่งพบกัน พอนิวทำหน้าเหมือนเข้าใจแล้วเธอก็รีบปิดประตูรถทันทีเพราะเริ่มทนลมหนาวที่พัดเข้ามาในตัวรถไม่ไหว

     

                “แต่ทำไมต้องรีบขนาดนั้นด้วยล่ะจิ๋ว” ออกรถมาได้สักพักนิวก็เอ่ยถามเหมือนยังไม่หายข้องใจ

     

                “ก็พวกพี่เค้าไปนั่งกินเหล้ากันตั้งแต่กลางวันแล้วไง มีเราสองคนนี่แหละไปถึงช้าสุด”

     

                            “โอ้โห อะไรจะคึกกันปานนั้น มีใครไปบ้างอะ”

     

                “เยอะอยู่นะ รู้สึกจะเหมาร้านเลยล่ะวันนี้น่ะ นอกจากพี่เอ็มแล้วก็ยังมีพี่แบงค์ พี่หมวย พี่ป้อม บอย… เยอะอะ จำไม่หมดหรอก เออ พวกพี่ etc ก็มาด้วยนะ”

     

                “จริงเหรอ มากันได้ไงอะ หนีงานมาเหมือนจิ๋วเหรอ” นิวได้ทีกระเซ้าผู้โดยสารหนึ่งเดียวในรถ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเจนรบเป็นคนเคลียร์คิวให้ และจิ๋วก็แค่งดรับงานช่วงปีใหม่ ไม่ได้หนีงานอย่างที่นิวแกล้งให้ร้าย

     

                “จะบ้าเหรอ เค้ามีงานที่เชียงใหม่เลยถือโอกาสมาร่วมแจมด้วยเฉย ๆ”

     

                “นิวนี่โชคดีจริง ๆ เลย ได้มาฉลองปีใหม่กับนักร้องดังตั้งหลายคน ทั้งพี่เอ็ม พวกพี่ etc แล้วก็ยังมีนักร้องสาวสวยอย่างพี่จิ๋วนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอีก เกิดมาชาตินี้มันคุ้มค่าเหลือเกิน”

     

                “เพ้อเจ้อใหญ่แล้วนิว ขับรถไปเลยไป”   จิ๋วต่อว่าอีกคนไม่จริงจังนัก สังเกตจากอมยิ้มเล็ก ๆ บนมุมปาก ตั้งแต่วันที่ไปทานข้าวเย็นด้วยกันในกรุงเทพ ฯ นิวและจิ๋วก็มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกันมากขึ้นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ บรรยากาศระหว่างทั้งคู่ก็เริ่มผ่อนคลายและเป็นกันเองมารกขึ้น ความรู้สึกส่วนลึกที่ซ่อนอยู่ก็ยังถูกเก็บไว้อย่างมิดชิดเช่นเดิม

     

     

                .

                .

                .

     

     

                ก้าวแรกที่เหยียบเข้ามาในร้านก็เจอกับเสียงเพลงดังกระหึ่มกระแทกหน้าจนแทบผงะ บนเวทีเตี้ย ๆ กลางร้านมีนักดนตรีและนักร้องหน้าคุ้นกำลังวาดลวดลายกันอย่างสุดเหวี่ยงแบบลืมวัย โต๊ะในร้านถูกยกมาต่อกันยาวสามสี่แถวเท่าที่พื้นที่จะอำนวย

     

     

                “เฮ่ย! ไอ้รักยมมาแล้วเว้ย” แต่พอมีใครคนหนึ่งเหลือบมาเห็นพวกเธอเข้าเครื่องดนตรีบางชิ้นก็หยุดเล่น แม้แต่นักร้องยังประกาศแซวทั้งคู่ออกไมค์

     

                “คุณนายสายเสมอ ถ้าเมื่อก่อนมาสายขนาดนี้นะ ถูกหักเงินเดือนไปแล้ว” เสียงเฮเป็นลูกคู่ของคนในร้านดังลั่น

     

                “เป็นนักร้องดังแล้วเล่นตัวเหรอจิ๋ว”

     

                “กว่าจะเสด็จกันมาได้น้อ เอาชุดใหญ่มารับน้องมันหน่อยดิ๊”

     

                เป็นรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นชนิดที่คาดไม่ถึง  จนนิวและจิ๋วถึงกับออกอาการร้อนหูกับคำหยอกล้อแกมเหน็บแนมด้วยความเอ็นดูจากรุ่นพี่ที่อยู่เต็มร้าน มองไปทางไหนก็มีแต่คนคุ้นเคยแทบทั้งนั้น บางคนไม่เคยทำงานในผับคอทเทจแต่ก็เป็นลูกค้าที่สนิทไม่ก็เพื่อนในกลุ่มเดียวกัน

     

                “ไม่เจอกันตั้งนาน สวยขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย”

     

                “โอ้โห.. นี่น้องสาวฉันเหรอเนี่ย มาเจ้กอดทีมา” เสียงของใครสักคนดังขึ้นข้างหู ยังไม่ทันหันไปมองเจ้าของเสียงนิวกับจิ๋วก็ถูกดึงเข้าไปกอดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

     

                “เจ้หมวยใช่มั้ยเนี่ย” พอผละออกจิ๋วถึงได้มีโอกาสมองสำรวจใบหน้าเจ้าของอ้อมกอดอย่างชัดเจนเต็มตา

     

                “เออสิ มา มานั่งกับพวกเจ้ เอ็มก็รออยู่นั่นน่ะ” สาวรุ่นพี่ร่างท้วมจูงมือจิ๋วกับนิวเข้าไปนั่งโต๊ะเดียวกันกับเอ็ม หนุ่มรุ่นพี่โบกมือให้มาแต่ไกล

     

                “นี่มันงานรวมญาติชัด ๆ เลย” จิ๋วบ่นพึมพำกับนิว และอีกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย

     

                “เข้ามาในนี้แล้วรู้สึกว่าเราเด็กลงซักสิบปีเลยว่ามั้ย” นิวว่าพลางกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้าน จิ๋วมองตามแล้วหัวเราะกับสิ่งที่ได้เห็น เพราะเกือบทุกคนที่อยู่ในนี้แก่กว่าพวกเธอทั้งนั้น

     

                “เชิญครับคนสวย”

     

                “อะไรเนี่ยพี่ป้อม” จิ๋วมองแก้วช็อตสองใบที่ตั้งข้างกันสลับกับใบหน้าคนให้อย่างหวาด ๆ ของเหลวดีกรีแรงถูกรินจนเต็มแก้ว

     

                “ในฐานะที่พี่เป็นเจ้าของร้าน พี่เลยเปิดเหล้าต้อนรับน้องไง ให้นิวกับจิ๋วเป็นคนเปิดงานเลยด้วย อะจัดไป”

     

                “เอางี้เลยเหรอ มันแรงนะเนี่ย ท้องว่างยังไม่ได้กินข้าวเลยพี่ เดี๋ยวเมา” นิวมองแก้วเดียวกันด้วยสีหน้าขยาด

     

                            “แค่แก้วเดียวเอง กรึ๊บก่อนค่อยกินก็ได้ข้าวน่ะ กับข้าวมีเยอะแยะไป” ป้อมคะยั้นคะยออย่างไม่ยอมแพ้ ยัดแก้วใบเล็กใส่มือของนิวและจิ๋วคนละใบ

     

                “ถ้าจะทำขนาดนี้อะนะ” นิวบ่นแต่ก็ต้องยอมจำนน เพราะยังมีสายตาอีกหลายคู่ที่บังคับพวกเธอทางอ้อม            

     

                จิ๋วหันหน้ามาส่งสัญญาณให้นิว ก่อนที่ทั้งคู่จะพร้อมใจกันกระดกเหล้าในแก้วเข้าปากจนหมดเกลี้ยงในพริบตา แอลกอฮอล์รสร้องแรงไหลผ่านลำคอจนรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งอก คนทั้งโต๊ะปรบมือให้ดัง ๆ เมื่อแก้วใบเล็กไม่เหลือเหล้าสักหยด  

     

                “พวกพี่นี่โหดกับน้องกับนุ่งจริง ๆ เลย” นิวยังคงบ่นกระปอดกระแปด ระหว่างที่เด็กเสิร์ฟกำลังลำเลียงอาหารชุดใหม่ขึ้นมาบนโต๊ะ ช่วงหัวค่ำเริ่มต้นด้วยการจิบเครื่องดื่มเบา ๆ และพูดคุยหยอกล้อกันตามประสา ดนตรีบนเวทีหยุดเล่นชั่วคราวเพื่อให้นักดนตรีพักเหนื่อย

     

                “สวัสดีครับเพื่อนพี่น้องทุกคน” เสียงทุ้มกังวานจากเครื่องเสียงบนเวทีเรียกความสนใจจากทุกคนในร้าน รวมไปถึงนิวกับจิ๋วที่กำลังจัดการกับอาหารมื้อค่ำอย่างเอร็ดอร่อย สายตาทุกคู่มองไปยังร่างของนักร้องนำวง etc เป็นจุดเดียว

     

                “วันนี้พวกเรา etc และเพื่อนนักร้องคนอื่นก็ได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมาให้ความบันเทิงกับทุกท่านมานานพอสมควรแล้วนะครับ หลายคนอาจจะเบื่อเสียงห้าว ๆ ของพวกผมกันแล้ว อยากจะฟังเสียงหวาน ๆ จากนักร้องสาว ๆ สวย ๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้างกันบ้างมั้ยครับ”

     

                หลายเสียงพร้อมใจกันเฮลั่นร้าน บ้างเป่าปากหวีดหวิวอย่างชอบใจ คนที่เข้าข่ายเริ่มมองซ้ายมองขวาเมื่อรู้ตัวว่างานกำลังจะเข้า จิ๋วยกแก้วน้ำขึ้นจิบเพื่อเตรียมพร้อมหากคนที่กำลังถูกกล่าวถึงคือเธอ

     

                “จำได้มั้ยครับ เมื่อสิบปีก่อน ในคอทเทจเคยมีนักร้องสาวตัวเล็ก ๆ สองคนที่เค้าเป็นเพื่อนซี้กัน ตัวติดกันตลอดเวลาจนพวกเราพร้อมใจกันให้ฉายาว่า คู่รักยม…ในวันนี้ผมมีโอกาสได้พบพวกเธอทั้งคู่อีกครั้งในรอบหลายปี  หวังว่าน้องสาวที่น่ารักจะให้เกียรติขึ้นมาร้องเพลงให้พวกพี่ฟังเพื่อรำลึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ ซักครั้ง…. ไม่ทราบว่าน้องนิวกับน้องจิ๋วจะยินดีรึเปล่าครับ”

     

                “เอาเลย ๆ  นิวจิ๋วพี่อยากฟัง”

     

                ท่ามกลางเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม นิวคงเป็นคนเดียวที่ไม่ยินดีกับการมัดมือชกของนักร้องหนุ่มรุ่นพี่ เธอผุดลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนบอกออกไปดัง ๆ

     

                “เดี๋ยวก่อนสิพี่หนึ่ง คนนี้อะนักร้องแต่นิวเป็นช่างภาพนะ ไม่ได้ร้องมานานแล้วด้วย” นิวชี้ไปที่จิ๋วสลับกับตนเองระหว่างตะเบ็งเสียงแข่งกับคนในร้าน

     

                “โห่… เมื่อยังร้องได้เลย ทำไมเดี๋ยวนี้จะร้องไม่ได้เล่า” เสียงหนึ่งแย้งขึ้นและคนอื่น ๆ ก็ดูจะเห็นดีเห็นงามไปกับเจ้าของเสียงนั้นเสียด้วย 

     

                “ช่างภาพก็ร้องเพลงได้น่านิว ของอย่างนี้มันอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว จะทำเพื่อพวกพี่หน่อยไม่ได้เหรอ” หนึ่งตัดพ้อออกไมค์ เจอไม้นี้เข้าไปนิวก็ไม่กล้าบ่ายเบี่ยงอีกแล้ว

     

                “ไปเถอะนิว ไม่ต้องกลัวหรอก เดี๋ยวจิ๋วช่วย” จิ๋วคว้ามือนิวไปกุมไว้ กึ่งจูงกึ่งลากขึ้นไปบนเวทีโดยไม่รอฟังคำตอบ เสียงปรบมือดังสนั่นเมื่อนักร้องหนุ่มส่งเวทีต่อให้นิวและจิ๋ว คนตัวเล็กรับไมค์มาพูดทั้งที่ยังจับมือนิวเอาไว้แน่น อาการประหม่าหายไปเพราะมือเล็ก ๆ ส่งความอบอุ่นมาปลอบโยน

     

                “คิดซะว่ากำลังร้องเพลงในคอทเทจเหมือนเมื่อก่อน… โอคเนะ” จิ๋วกระซิบบอกเมื่ออินโทรเพลงแรกเริ่มขึ้น นิวบีบมือเล็กตอบเบา ๆ พร้อมส่งยิ้มให้ ความรู้สึกตื้นตันถาโถมเข้ามาเมื่อมีโอกาสได้จับไมค์ร้องเพลงด้วยกันอีกครั้ง เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อสิบปีก่อน วางอดีตที่ไม่น่าจดจำทิ้งไว้ชั่วคราว ปล่อยหัวใจไปกับความสุขที่อยู่ตรงหน้า

     

                เสียงเพลง รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ดึงคนสองคนบนเวทีให้ขยับเข้าใกล้กันทีละนิด จากจับมือก็เปลี่ยนเป็นโอบไหล่ โอบเอว ตามลำดับ เรียกเอาภาพความสนิทสนมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาหลายปีให้ปรากฏอีกครั้ง สัมผัสที่ไร้อาการเคอะเขินทำให้ไม่มีใครมองออกว่าทั้งคู่เคยมีปัญหากันมาก่อน

     

                 แม้ภายนอกอากาศจะหนาวเพียงใด แต่ภายในงานฉลองเล็ก ๆ กลับอบอวลไปด้วยความอบอุ่น เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมขึ้นบนหน้าผากของอดีตนักร้องคู่หู ทว่าใบหน้าของทั้งคู่ยังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแม้จะเหนื่อยจนได้ยินเสียงหอบน้อย ๆ

     

                “เชิญพี่เอ็มขึ้นมารับช่วงต่อจากพวกเราเลยค่ะ นิวไม่ไหวแล้ว เสียงหมด” นิวประกาศออกไมค์หลังจากเพลงจังหวะร็อคจบลง เป็นเพราะร้างเวทีมานานและไม่มีการเตรียมตัวมาก่อนเธอจึงอาการหนักกว่าอีกคนที่ใช้เสียงมาโดยตลอด นิวส่งไมค์ให้นักร้องหนุ่มแล้วเดินจูงมือจิ๋วลงจากเวที

     

                “ไหวมั้ยนิว เสียงแหบเลย” จิ๋วมองอีกคนอย่างขำ ๆ มือหนึ่งดึงกระดาษทิชชู่ออกมาเพื่อหมายจะซับเหงื่อให้อีกคนตามความเคยชิน…. ลืมตัวไปชั่วขณะว่าไม่ได้อยู่ในสถานะเดิมอีกแล้ว

     

                “….” แต่พอได้เห็นแววตาของนิวที่มองมามือเล็กก็ชะงักค้างกลางอากาศ มือที่จับกันไว้ก็คลายออกโดยอัตโนมัติ เปลี่ยนมายื่นกระดาษทิชชู่ให้อีกคนแทน

     

                “ขอบใจนะ” นิวรับมันมาจากจิ๋วด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ไม่ได้ใช้ซับเหงื่อแต่ถือไว้ในมือเฉย ๆ รู้สึกหายใจไม่สะดวกขึ้นมาเสียดื้อ ๆ

     

                “นิว ช่วยถ่ายรูปงานวันนี้ให้พี่หน่อยได้มั้ย เรามีคนถ่ายวิดีโอแล้ว แต่ขาดตากล้อง” เสียงของป้อมแทรกเข้ามาช่วยกู้สถานการณ์ นิวหันไปพยักหน้ากับหนุ่มรุ่นพี่พร้อมตอบรับด้วยสีหน้ายินดี หยิบเอากล้องที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาถือไว้

     

                “ได้เลยค่ะพี่ป้อม นิวเตรียมตัวมาเพื่อการนี้อยู่แล้ว”

     

                หลังจากพูดคุยกับผู้เป็นเจ้าของสถานที่อีกสองสามประโยคนิวก็แยกตัวออกไป เหลือเพียงจิ๋วที่นั่งประจำอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม เหลือบไปเห็นแก้วเหล้าที่วางอยู่ใกล้มือก็ฉวยมันขึ้นมาดื่มโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นของใคร

               

     

     

     

     

             “นิวเอ้ย นิว! มานี่ ๆ เร็วเข้า” สาวรุ่นพี่ตะโกนเสียงดังข้ามฟากเพื่อเรียกนิว ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงเริ่มเมาได้ที่ นิวเดินกลับไปยังโต๊ะเดิมที่เคยนั่งหลังจากทิ้งมันมากว่าชั่วโมง

     

                “คะ? เรียกนิวมีอะไรเหรอเจ้”

     

                “ได้ข่าวว่ามีแฟนแล้วเหรอ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลยน้า~ หมวยถามยานคาง ชี้หน้านิวพลางยิ้มอย่างล้อเลียน

     

                “ฮะ!? นิวเนี่ยนะมีแฟน ข่าวมั่วแล้วเจ้” นิวอุทานเสียงดัง งงเป็นไก่ตาแตกกับเรื่องที่ได้ยิน เหลือบมองคนตัวเล็กที่ย้ายไปนั่งในอีกมุมเพื่อขอคำอธิบาย แต่ก็ไร้ประโยชน์เมื่ออีกคนไม่ได้สนใจเธอเลย เอาแต่กระดกเหล้าในแก้วเข้าปากท่าเดียว แก้มขาวที่มองเห็นใต้แสงไฟกำลังขึ้นสีจัดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

     

                “เฮ่ย.. มั่วที่ไหน ก็คู่หูหล่อนเป็นคนบอกเจ้เองอะ” นิวยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่เมื่อรู้ว่าใครเป็นต้นตอของข่าวลือ หันไปจ้องคนที่นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนเหมือนไม่เคยเห็น

     

                “จิ๋วอะเหรอเจ้”

     

                “ก็ใช่น่ะสิ น้องจิ๋วบอกว่าตอนสงกรานต์เห็นนิวกอดกันกลมดิ๊กกับหนุ่มที่ไหนไม่รู้ ตกลงมันยังไง ไหนลองเล่ามาซิ” รุ่นพี่อีกคนที่ดูจะมีสติกว่าเพื่อนในกลุ่มช่วยอธิบาย

     

                 นิวรู้สึกหนักใจขึ้นมาทันที ไม่คิดว่าจิ๋วจะพบเธอเข้าโดยบังเอิญในวันนั้น ทั้งนึกกลัวว่าจะเข้าใจผิดไปใหญ่โต จิ๋วเองก็เหลือเกินอุตส่าห์เก็บเรื่องนี้เอาไว้กับตัวตั้งนานโดยไม่ปริปาก จะถามกันสักคำก็ไม่มี ไม่รู้ว่าคิดเองเออเองไปถึงไหนแล้ว

     

                “คบกันไปถึงขั้นไหนแล้วยะ เล่ามาเร็ว ๆ อย่ามัวแต่งุบงิบ” หมวยคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้เดี๋ยวนั้น นิวกวาดมองสายตากระหายใคร่รู้ของรุ่นพี่ร่วมโต๊ะก่อนถอนหายใจแรง ๆ ตัดสินใจเดินอ้อมไปนั่งข้างตัวต้นเหตุที่ยังเงียบอยู่อย่างเดิม

     

                “คืออย่างนี้ คนที่จิ๋วเห็นวันนั้นน่ะ ไม่ใช่แฟนนิวหรอกนะ เค้าเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกันน่ะ”  นิวค่อย ๆ อธิบายอย่างใจเย็น เพื่อให้คนเมาเข้าใจได้ทุกถ้อยคำ ระหว่างนั้นก็พยายามสังเกตสีหน้าคนข้าง ๆ ไปด้วย แต่จนแล้วจนรอดก็มองไม่เห็นเพราะอีกฝ่ายเอาแต่หน้ามองแก้วเหล้าในมือ

     

                “เพื่อนอะไรจะกอดกันแนบแน่นขนาดนั้นล่ะ” จิ๋วหันมาถามเสียงเข้ม ดวงตาที่มองสบในแสงสลัวมีแววของความปวดร้าวและตัดพ้ออยู่ในที หากนิวมองไม่ผิด เหมือนว่านัยน์ตาคู่สวยจะมีประกายของหยาดน้ำบาง ๆ ฉาบอยู่ ทำให้เกิดคำถามมากมายขึ้นในใจ

     

                …จิ๋วกำลังร้องไห้อย่างนั้นเหรอ? ไม่น่าเป็นไปได้ แล้วทำไมถึงมองกันแบบนั้น

     

                แต่ถึงอย่างไรนิวก็ใจแกว่งไปแล้วหลังจากสบตา รู้สึกแย่ตามไปด้วยจนต้องยกมือขึ้นโอบคนตัวเล็กเอาไว้แทนคำปลอบโยน  เพื่อนกอดคอเพื่อนคงไม่มีใครผิดสังเกต ส่วนอีกคนก็กำลังเมา คงไม่เป็นไรถ้าจะทำตามใจตัวเองบ้าง ตื่นเช้ามาจิ๋วก็คงจะลืมเรื่องนี้ไปเอง

     

                “ตอนนั้นมันมีพวกวัยรุ่นทำตัวรุ่มร่ามใกล้ ๆ นิว จิ๋วก็รู้ใช่มั้ยล่ะว่าคนมันเยอะ พี่ปัณณ์เค้ากลัวนิวโดนลวนลามเลยมาช่วยกันเอาไว้ เข้าใจรึยัง ฮื้อ?” นิวอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเป็นพิเศษ เหมือนตั้งใจจะพูดให้จิ๋วฟังคนเดียวมากกว่า ตาสบตาเพื่อย้ำว่าคำที่พูดออกไปเป็นจริงทุกคำ หน่วยตาคู่หวานสั่นไหวเหมือนกำลังชั่งใจ

     

                แต่ระว่างที่จิ๋วกำลังตัดสินใจก็มีมารมาผจญจนได้

     

                “เพื่อนบ้าอะไรวะ หวงกันอย่างกับผัวเมีย” มือของใครคนหนึ่งกดลงมาบนศีรษะของนิวและจิ๋วแล้วออกแรงขยี้จนผมยุ่ง ท่าทางคงจะหมั่นไส้ทั้งคู่น่าดู

     

                “พี่โซ่ นิวกับจิ๋วไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ มาเล่นอะไรแบบนี้เนี่ย” นิวละมือจากไหล่เล็กก่อนหันไปมองค้อนเจ้าของเสียงห้าวนั้น  มือจัดทรงผมของตนให้เรียบร้อยเหมือนเดิม ชายหนุ่มหัวเราะร่วนอย่างชอบใจที่ได้แกล้งคนอ่อนกว่า เหลือบไปเห็นจิ๋วที่กำลังกรอกเหล้าเข้าปากก็พยักพเยิดให้นิวดู

     

                “ทำไมรายนั้นถึงได้กินเหมือนไม่เคยเจอเหล้างั้นอะ”

     

                “เฮ่ย จิ๋ว เบา ๆ หน่อย กินเยอะแล้วนะ เดี๋ยวตื่นมาก็ปวดหัวหรอก” นิวถลาเข้าไปฉวยแก้วเหล้าจากมือของจิ๋วก่อนที่มันจะถูกยกขึ้นดื่มอีกครั้ง

     

                เมื่อแก้วในมือถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตาจิ๋วก็หันมาเอาเรื่องตัวต้นเหตุทันที มือเล็กกระชากคอเสื้อนิวเข้าหาตัวแรง ๆ จนใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันแค่คืบ นิวตกใจจนทำอะไรไม่ถูก คาดไม่ถึงกับปฏิกิริยาตอบโต้ของอีกคน กลืนน้ำลายฝืด ๆ ลงคอขณะที่มองใบหน้าหวานตาปริบ ๆ

     

                “ตั๋วเป็นไผถึงมาห้ามเปิ้น” เสียงอ้อแอ้กระซิบถามเชิงข่มขู่ ก่อนจะดึงแก้วของตนคืนจากนิว แล้วผลักอีกคนออกไปจนสุดแรง แต่เรี่ยวแรงน้อยนิดของคนเมาก็แค่ทำให้นิวเสียหลักไปนิดหน่อยเท่านั้น

     

                “โหดว่ะเฮ่ย” หมวยแซวกลั้วหัวเราะ นิวเองก็อยากจะพูดคำนั้นเหมือนกัน เธอไม่กล้าเข้าไปห้ามจิ๋วอีกแล้ว เลยได้แต่นั่งเท้าคางมองแล้วถอนใจอย่างปลง ๆ ถึงยังไงจิ๋วก็ไม่ได้ขับรถเอง ปล่อยให้ดื่มจนหนำใจไปเลยแล้วกัน

     

                           

     

     

     

                “นิวววว~ พาเค้าเข้าห้องน้ำหน่อย~” ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง คนที่เคยผลักไสนิวกลับขยับเข้ามาคลอเคลียเหมือนลูกแมว ศีรษะเอนซบไหล่บางแล้วเงยหน้ามองด้วยสายตาออดอ้อน คนที่ยังมีสติครบถ้วนก็ต้องคอยหักห้ามใจไม่ให้หวั่นไหวไปกับการกระทำที่อันตรายต่อหัวใจ…

     

                นิวไม่เคยเดาอารมณ์จิ๋วได้ถูกเลย ไม่ว่าจะเมาหรือไม่ก็ตาม

     

                “โอเค ๆ ป่ะ เดี๋ยวนิวพาไป” นิวประคองร่างอ่อนปวกเปียกของจิ๋วไปเข้าห้องน้ำอย่างทุลักทุเล ด้วยรูปร่างที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่ทำให้นิวประสบปัญหา เกือบจะล้มไปด้วยกันก็หลายที รุ่นพี่หลายคนจะยื่นมือเข้ามาช่วยแต่แม่คุณก็ไม่ยอมให้ใครแตะตัวทั้งนั้นนอกจากนิวคนเดียว  

     

                “จิ๋ว เสร็จรึยัง” นิวคอยเคาะประตูเรียกอยู่เรื่อย ๆ เพราะเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าอีกคนเงียบไป

     

                “เสร็จแล้ว~ เรียกบ่อยจริ๊ง” คนเมาเปิดประตูโซซัดโซเซออกมาจากห้องน้ำ นิวปราดเข้าไปประคองแทบไม่ทัน

     

                “ก็กลัวจิ๋วล้มไง” นิวกระซิบบอกพลางเกี่ยวเอวบางเอาไว้กันล้ม

     

                “นิว.. จะปีใหม่รึยัง?” วงแขนเล็กยกขึ้นโอบรอบคอของนิว เอ่ยถามเสียงหวาน ดวงตาหรี่ปรือหวานหยด

     

                “อีกไม่ถึงชั่วโมงหรอก” กว่าจะตอบได้นิวก็แทบหาเสียงตนเองไม่เจอ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเมามากเลยเผลอตัวแต่ก็อดใจสั่นตามไม่ได้

     

                “เคาท์ดาวน์ด้วยกันนะ”

     

                “ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว ไม่เคาท์ดาวน์กับจิ๋วจะไปเคาท์ดาวน์กับใครล่ะ”

     

                ใบหน้าที่ใกล้กันเพียงลมหายใจเป่ารดทำให้นิวหายใจไม่สะดวก กลิ่นกายหอมจาง ๆ รวยรินอยู่เพียงปลายจมูก สายตาเลื่อนลงไปสู่ริมฝีปากอิ่มอย่างเผลอไผล ไม่รู้ว่าคนที่กำลังส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้จะรู้สึกประหม่าเหมือนกันบ้างไหม

     

                “ดีมากไอ้น้อง” จิ๋วยกมือขึ้นดึงจมูกโด่งเบา ๆ แล้วผละออก ตัดอารมณ์อ่อนหวานของนิวเอาดื้อ ๆ

     

                นิวเป่าลมออกจากปากแรง ๆ ทั้งเสียดายและโล่งอกไปพร้อม ๆ กัน ช้ากว่านี้อีกนิดนิวก็ไม่รับประกันว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลยกับอีกคน หากเป็นเช่นนั้นสถานะเพื่อนที่ตั้งใจรักษาไว้คงสั่นคลอนอีกครั้ง

     

     

     

     

     

                “อีกไม่ถึงนาทีจะพ้นปีนี้แล้วนะครับ คืนนี้เรามานับถอยหลังเพื่อก้าวสู่ไปศักราชใหม่พร้อมกันนะครับทุกคน...” เอ็มที่รับหน้าที่พิธีกรชั่วคราวประกาศออกไมค์เสียงดัง ไม่กี่วินาทีต่อมาคนทั้งร้านก็พร้อมใจกันนับเวลาถอยหลังดังลั่น

     

                10

     

                 จิ๋วขยับเข้ามากอดคอนิวเพื่อพยุงร่างซวนเซของตนให้ทรงตัวยืนอยู่ได้

     

                9

     

                นิวยกมือขึ้นโอบเอวบางไว้เพื่อช่วยประคองอีกคน

     

                8

     

             “7

     

             “6

     

                จิ๋วตะโกนนับเวลาถอยหลังจนสุดเสียงไปพร้อม ๆ กับคนอื่นในร้าน

     

             “5

     

             “4

     

             “3

     

                คนตัวเล็กพยายามกระโดดให้สูงขึ้นจนเสียหลักมากระแทกนิว

     

                2

     

                นิวล้มลงไปบนโซฟาตัวเดิมพร้อมกับร่างของใครอีกคนหล่นลงมานั่งซ้อนตักอย่างพอดิบพอดี

     

                1”  

     

     

     

     

     

                January 1, 2014 (WED) | 0 : 00 AM 

     

                “สวัสดีปีใหม่นะ”
    เสียงหวานกระซิบบอกนิวข้างหูให้ได้ยินกันแค่สองคน ก่อนผละออกหัวเราะคิกคักชอบใจ นิวพูดอะไรไม่ออกสักคำ เพราะตอนนี้หัวใจของเธอกำลังทำงานอย่างหนัก
    นับว่าเป็นการฉลองปีใหม่ที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของนิวตั้งแต่เกิดมา

     

     

     

               

     ไฟล์ pdf ของตอนที่แล้วกับตอนนี้ค่ะ อยากโหลดเก็บไว้คลิกโลด 
    V
    V

    special part - Again and Again (Full shot)

    บทที่ ๑ คืนข้ามปี (1) - ไหวอ๊ะป่าวเบเบ้ (Full shot)






     

    สำหรับตอนนี้จะเป็นตอนแรกของการเขียนฟิคแบบเรียงตอนปกติ ไม่ใช่วันช็อตเทศกาลเหมือนก่อนหน้านี้

    จะเห็นว่าบนสุดมีคำว่าบทที่ ๑ กำกับไว้ ตอนหน้าก็จะเป็นบทที่ ๒ ๓ ๔… ไปเรื่อย ๆ

    หวังว่าคงจะไม่งงกันนะคะ แต่ถ้าสงสัยก็ถามได้ค่ะ เพราะเค้าทำเรื่องให้ยุ่งยากเอง 555

    ส่วนเรื่องที่พี่จิ๋วไม่ชอบกินผักเค้าก็เติมเข้าไปเองแหละค่ะ

    (เอานิสัยคนรอบข้างมาใส่ในฟิคนั่นเอง 5555) ความจริงพี่จิ๋วไม่น่าจะเกลียดผักมั้งนะ อิอิ

     

    ปล. เค้าไม่ได้กะจะหลอกใครนะคะ 5555555

    จริง ๆ แล้วกะจะอัพตั้งแต่เมื่อคืนแต่เผลอหลับคาคอมไปซะก่อน

    อัพตอนเที่ยงวันคงไม่สายไปหรอกเนอะ #ไม่สายน้อยน่ะสิ

     

     

     

                                        

    สุดท้าย…ขอแสดงความยินดีกับยุนอาและอีซึงกิด้วย #ยิ้มทั้งน้ำตา #ไม่เกี่ยวกับฟิคหรอกแต่เป็นความในใจที่อยากระบาย

     









     
    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×