ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    H O M E L E S S [YoonTae Feat.Yeon(hee)Sic,WenRene]

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5 : ไปโรงเรียนกันเถอะ [Rewrite - 02.08.2015]

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 58


    Chapter 5
    ไปโรงเรียนกันเถอะ


     

     

    เสียงรายงานข่าวภาคค่ำจากผู้ประกาศข่าวน้ำเสียงคุ้นเคยแว่วมาจากห้องรับแขก พอแทยอนเดินผ่านประตูเข้าไปก็พบกับภาพที่ชินตาของผู้ให้กำเนิด ชายวัยต้นห้าสิบจับจองที่นั่งบนโซฟาราคาแพงแต่เพียงลำพัง สวมแว่นกรอบหนาและนั่งไขว่ห้างในท่าสบาย ช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจากงานที่รัดตัวมาตลอดวัน ทว่าในพักหลังแทยอนเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในด้านสุขภาพของผู้เป็นบิดา นัยน์ตาที่อยู่หลังเลนส์แว่นกรอบหนานั้นดูอ่อนล้า ร่างกายที่ซูบผอมลงเอนพิงพนักโซฟานุ่มราวกับจะทรงตัวไม่อยู่ เส้นผมที่เคยมีสีขาวแซมอยู่บางเบาบัดนี้กลับดูหนาแน่นขึ้น ทดแทนเส้นผมสีดำที่กำลังถูกกลืนหายไปทั้งศีรษะ


    เด็กสาวรู้ดีว่าบิดากำลังล้มป่วย ทว่าท่านกลับห่วงงานเกินกว่าที่จะนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาล หลายครั้งที่เห็นท่านฝืนทำงานเกินกำลังก็ออกปากทัดทาน แต่กลับมีเพียงรอยยิ้มอิดโอยพร้อมกับพูดว่าไม่เป็นไรตอบกลับมา ไม่ปฏิเสธความหวังดีของบุตรสาวทว่าก็ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำที่เต็มไปด้วยความห่วงใยเช่นเดียวกัน


    “กลับมาแล้วเหรอแทยอน” แทยอนสะดุ้งเมื่อถูกปลุกให้หลุดจากภวังค์ น้ำเสียงนั้นทุ้มนุ่มและอ่อนโยนเสมอเมื่อใช้กับเธอ สีหน้ายุ่งยากยามที่ครุ่นคิดเรื่องบิดาถูกปรับเปลี่ยน รอยยิ้มสดใสระบายทั่วใบหน้าเมื่อผู้ให้กำเนิดหันกลับมามอง


    “สวัสดีค่ะคุณพ่อ” ร่างเล็กทักทายทำความเคารพก่อนที่จะถูกชักชวนให้ไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน


    “วันนี้กลับค่ำเลยนะ มีกิจกรรมเหรอ” มือเหี่ยวย่นไม่ได้ยื่นมาลูบศีรษะ สองแขนยังวางอยู่ข้างลำตัว แต่เพียงคำถามเล็กน้อยเหล่านั้นก็แทนความห่วงใยได้ดีเสมอมา


    “เปล่าค่ะพ่อ วันนี้มีซ้อมใหญ่ เตรียมงานโรงเรียน” 


    “กินอะไรมาหรือยังล่ะ หิวไหม?”


    “เรียบร้อยมาแล้วค่ะ พ่อล่ะคะ”


    “พ่อก็กินแล้วตั้งแต่เย็น”


    มือกร้านคลำหาบางสิ่งบางที่วางอยู่บนโซฟา ไม่นานนักกล่องกำมะหยี่สีกรมท่าก็ถูกยื่นมาตรงหน้า ท่ามกลางความประหลาดใจของแทยอน


    “รับไปสิ”


    “อะไรคะ?”


    “ของขวัญจากพ่อไง”  


    “เนื่องในโอกาสอะไรคะพ่อ”


    “ไม่มีอะไรหรอก พ่ออยากให้ เห็นว่ามันสวยดีเลยนึกถึงหนู”


    “ขอบคุณค่ะ” กล่องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าถูกวางไว้ลงบนมือเล็กของแทยอน ขณะที่เธอเองก็ยังไม่หายข้องใจ ของขวัญที่ส่งมอบให้ในวันธรรมดาที่ไม่ใช่โอกาสพิเศษใด ๆ


    “ถือซะว่าเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าจากพ่อก็ได้นะ” ท่านคงเห็นคำถามบนใบหน้าของแทยอนจึงพูดให้คลายความสงสัย แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้งุนงง และมีความรู้สึกวูบโหวงในอกเมื่อได้ฟังประโยคที่ชวนให้คิดไปในทางร้าย



     

    แทยอนค่อย ๆ เปิดกล่องกำมะหยี่ใบนั้นขึ้น พบกับสร้อยเงินเส้นเล็กวางนิ่งอยู่ที่เดิมเหมือนวันแรกที่ได้รับมา ก่อนบรรจงหยิบมันขึ้นมาวางบนฝ่ามืออย่างทะนุถนอม สัมผัสเย็นเฉียบที่ถ่ายเทมาจากเครื่องประดับในมือราวกับกำลังย้ำเตือนถึงความไร้ชีวิตของมัน เฉกเช่นเดียวกันกับผู้ให้ ที่ลาจากโลกนี้ไปแล้วตลอดกาล


    ร่างเล็กทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มในห้องเดิมอีกครั้ง ห้องที่เคยคิดว่าจะไม่มีวันได้กลับมาเยือน มือกำสร้อยเส้นเล็กเอาไว้หลวม ๆ ด้วยความคิดถึงบุคคลอันเป็นที่รักสุดหัวใจ ความเจ็บปวดยังคงสดใหม่เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานทว่าในเวลานี้น้ำตากลับไม่มีให้ไหล ไม่เคยคาดคิดว่าคำพูดทีเล่นทีจริงของบิดาจะกลับกลายเป็นความจริง ท่านได้มอบของขวัญวันเกิดชิ้นสุดท้ายให้ล่วงหน้า ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายจะถูกพรากไปในเวลาไม่กี่เดือนต่อมา


    ในวันคล้ายวันเกิดที่จะถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คงเป็นวันเกิดที่เงียบเหงาที่สุดในชีวิต เพราะคนเดียวที่จดจำได้และให้ความสำคัญเสมอ ไม่อยู่อวยพรให้อีกต่อไป



     

    ก๊อก ๆ ๆ


    “ประตูไม่ได้ล็อคค่ะ” แทยอนพยายมปัดความรู้สึกย่ำแย่ออกไปจากความคิดเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู แต่เธอก็ทำได้ไม่ดีนัก จำเป็นต้องเสียมารยาทกับเจ้าของบ้านเพราะเธอนั้นหมดแรงที่จะลุกไปเปิดประตูให้อีกฝ่าย แค่ยันตัวลุกขึ้นนั่งธรรมดาก็ทำได้ยากเหลือเกิน


    ยุนอายืนกอดอกพิงกรอบประตูโดยไม่ก้าวเข้ามาในห้องเช่นครั้งก่อน ๆ


    “วันมะรืนฉันมีงานให้เธอทำ งานที่สองต่อจากการทำความสะอาดห้องฉัน”


    “งานอะไรคะ?”


    “เอาเป็นว่าเดี๋ยวก็รู้เอง และเธอห้ามปฏิเสธ ...คงจะไม่ลืมที่เราตกลงกันไว้นะ”


    ยุนอาพูดอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า สัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะทำตามคำสั่งของยุนอาทุกอย่างทำท่าจะกลับมาผูกมัดตัวเธอเร็วกว่าที่คิด ท่าทางมีลับลมคมนัยของอีกฝ่ายแม้จะชวนให้หวั่นใจ แต่เชื่ออย่างหนึ่งว่ายุนอาคงไม่สั่งให้เธอไปทำเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน


     “ทราบแล้วค่ะ” แทยอนจำเป็นต้องรับคำอย่างไม่มีทางเลือก


    “ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นของเธอ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นไปดูกัน ฉันให้ยืมก่อนค่อยหักจากเงินเดือนเธอทีหลัง แบบนี้ตกลงไหม?” ยุนอายื่นข้อเสนอที่แทยอนปฏิเสธไม่ได้อีกครั้ง ทั้งที่เธอเองก็ไม่ได้เดือดร้อนหากออกหน้าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ของแทยอนฟรี ๆ แต่คนอย่างแทยอนคงไม่รับความหวังดีนั้นไว้ง่าย ๆ


    “ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”


    “เมื่อไหร่เธอจะเลิกทำท่าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบซักทีนะ” ฟังดูเหมือนไม่ใช่ประโยคคำถาม ยุนอาคงแค่เปรย ๆ กับตัวเองเท่านั้น และนั่นทำให้แทยอนได้รู้ว่าเธอเก็บความรู้สึกไม่เก่งเอาเสียเลย


    “.........”


    “อะไรที่พอจะปล่อยวางได้ ก็ปล่อยมันไปเถอะ ฉันว่าเธอยังเด็กเกินไปที่จะจมอยู่กับ.... อะไรแย่ ๆ ที่เธอเคยเจอมา” ยุนอากำลังเห็นภาพของใครอีกคนซ้อนทับอยู่กับภาพของแทยอน ภาพที่ต้องทนมองมากว่าค่อนชีวิตโดยที่แก้ไขอะไรไม่ได้ เธอคิดว่าเพียงพอแล้วหากมันจะเกิดขึ้นกับคนเพียงคนเดียว โดยไม่มีคนที่สอง สาม สี่ หรืออีกหลาย ๆ คนตามมา


    “เธอรู้ไหม ว่าข้างนอกนั่น ฝนมันหยุดตกไปนานแล้วนะ”


    สองมือของคนฟังประสานกันแน่นโดยมีสร้อยเงินเส้นเล็กเชื่อมอยู่ตรงกลาง ใบหน้าก้มต่ำมองพื้นด้วยสายตาที่พร่าเลือนเพราะหยาดน้ำตาปกคลุม ไม่ได้ยินกระทั่งเสียงปิดประตูแผ่วเบาของคนที่เพิ่งเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ


    แทยอนไม่เข้าใจความหมายในประโยคสุดท้าย จะด้วยน้ำเสียงราวกับปลอบประโลมหรืออะไรก็แล้วแต่ ได้กระตุ้นให้น้ำตาที่คิดว่าแห้งเหือดจนไม่มีจะไหลได้หยดลงบนมือของตนอีกครั้ง



     

     

    หนึ่งในข้อตกลงของการอยู่ร่วมกันทำให้แทยอนต้องมานั่งอยู่ต่อหน้าผู้อำนวยการโรงเรียนผู้มีใบหน้าเคร่งเครียดในวันนี้ พร้อมกับเจ้านายหมาด ๆ หรือในอีกตำแหน่งที่เที่ยวแอบอ้างกับใครต่อใครว่าเป็นผู้ปกครองของเธอ หน้าที่ของแทยอนในห้องผู้บริหารคือทำตัวว่านอนสอนง่าย ไม่ว่ายุนอาจะชักจูงไปทางใดก็ทำได้เพียงรับคำอย่างสุภาพ ฟังคู่สนทนาต่างวัยพูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีปากมีเสียง


    สิ่งที่แทยอนตีความได้จากบทสนทนานั้นก็คือ เธอได้กลายเป็นเด็กฝากของคนตระกูลอิมผู้มีเส้นสายในโรงเรียนเอกชนแห่งนี้เป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่การเจรจาอันแสนน่าเบื่อและกินเวลายาวนานจะผ่านพ้นไปในที่สุด


    แทยอนเพิ่งรู้เมื่อมาถึงห้องผู้อำนวยการนี่เอง ว่างานที่ยุนอามอบหมายให้เธอทำก็คือการไปโรงเรียน เป็นงานที่แปลกประหลาดที่สุดในโลกเท่าที่แทยอนเคยรู้จัก




    “น่าอยู่นะเหมือนกันนะ ฉันเองก็เพิ่งได้มีโอกาสเดินดูที่นี่จริง ๆ จัง ๆ เป็นครั้งแรก ทั้งที่อยู่ใกล้กันแท้ ๆ” ยุนอาเปรยขึ้นขณะเดินนำแทยอนไปสำรวจสถานศึกษาแห่งใหม่


    “ค่ะ” แทยอนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อาคารที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของลานสนามกีฬากว้าง


    “มหาลัยที่ฉันเคยเรียนอยู่ข้าง ๆ นี่เอง” ยุนอาชี้ชวนให้แทยอนมองตาม รั้วโรงเรียนฝั่งซ้ายที่ติดกับมหาวิทยาลัยชื่อดัง เท้าย่างเหยียบไปบนผืนหญ้าเขียวชอุ่มในเช้าที่อากาศสดใส ภายในสถานศึกษาที่เงียบสงบปราศจากเสียงจอแจของนักเรียนทุกระดับชั้น แทยอนรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้ออกมาเดินเรื่อยเปื่อยตามหลังยุนอา ลืมเรื่องที่ถ่วงอยู่ในใจไปชั่วขณะ


                เพิ่งมาสังเกตเอาวันนี้ว่าชุดที่ยุนอาสวมใส่อยู่นั้นดูเป็นทางการน้อยกว่าวันแรกอยู่มาก ทำให้อีกฝ่ายดูเด็กลงไปถนัดตา จนแทยอนรู้สึกลังเลกับอายุจริงของยุนอาที่เคยคาดเดาไว้ในใจ


    เท่าที่ผ่านมาเธอสัมผัสได้ว่ายุนอาก็ไม่ใช่คนเลวร้าย ออกจะใจดีเกินไปเสียด้วยซ้ำ  ถ้าไม่นับคำพูดที่คอยค่อนแคะเหน็บแนม หากจะลองเสี่ยงเดิมพันชีวิตอันเคว้งคว้างไร้จุดหมายของเธอกับคนตรงหน้าดูสักครั้ง ก็คงไม่เสียหาย


    ยุนอาชะลอฝีเท้าลงเพื่อเดินไปพร้อมกันกับแทยอน โดยที่เด็กสาวเองก็คงไม่ทันรู้ตัว ดวงตาเรียวเหลือบมองเสี้ยวหน้าที่ผ่อนคลายกว่าทุกครั้งด้วยรอยยิ้มจาง ๆ การพาแทยอนออกมาจากห้องพักในคอนโด ฯ เป็นอีกวิธีเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำของเด็กสาว แม้จะไม่เห็นผลชัดเจนในทันทีก็ตาม ดีกว่าให้อุดอู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยม ยิ่งจะพาให้จมดิ่งอยู่ในความทุกข์หนักกว่าเดิม


    สองวันก่อนห้องที่ไร้ระเบียบของยุนอาก็ถูกจัดการอย่างเรียบร้อยด้วยฝีมือของแทยอน เปลี่ยนแปลงไปทีละห้อง ๆ ราวกับเนรมิต ยุนอากลับจากทำงานเมื่อไหร่ ก็ต้องพบกับความประหลาดใจทุกครั้ง อาหารมื้อเช้าและมื้อเย็นที่นำมาเสิร์ฟบนโต๊ะก็เปลี่ยนจากอาหารสำเร็จรูปมาเป็นอาหารฝีมือของแม่ครัวตัวน้อย แม้จะเป็นเมนูง่าย ๆ แต่รสชาติก็ไม่เลวทีเดียว


    เดิมทีนั้นยุนอาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับแทยอนมากนัก ด้วยคิดดูแคลนว่าเด็กสาวเป็นลูกผู้มีอันจะกินที่คงจะหยิบจับอะไรไม่เป็นสักอย่าง แต่ก็ยุนอาก็คิดผิดที่ตัดสินแทยอนไปแบบนั้น




     

    “โรงเรียนเก่าเธอเป็นโรงเรียนแบบไหน?”


    “ยังไงคะ?” แทยอนสะดุ้งน้อย ๆ ที่ถูกยิงคำถามกะทันหัน จากนี้ไปเธอคงต้องทำใจให้ชินกับนิสัยของเจ้านายคนสวยเสียแล้ว


    “หมายถึงว่า... เป็นโรงเรียนสห ฯ หรือว่าหญิงล้วน” ยุนอาขยายความ


    “หญิงล้วนค่ะ”


    “แต่ที่นี่เป็นโรงเรียน สห ฯ เธออยู่ได้นะ”


    “ได้ค่ะ”


    “แบบนั้นก็ดีแล้ว ....ไปเถอะ ไปรับชุดนักเรียนกัน” ยุนอาถือวิสาสะคว้าข้อมือเล็กแล้วออกแรงกระตุกให้เดินตามหลังไป เพื่อรับยูนิฟอร์มและอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็นสำหรับวันรุ่งขึ้น แทยอนพยายามเร่งฝีเท้าให้ทันคนที่ขายาวกว่าจนสำเร็จ ทว่าสิ่งที่แทยอนตามไม่เคยทันเลยเห็นจะเป็นความคิดของอีกฝ่ายนั่นเอง




     

     

    ซึงวานกำลังรู้สึกหงุดหงิดกับความร่าเริงจนเกินเหตุของพี่สาวคนสนิท ทั้งที่เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ทั้งที่คนในรถไฟฟ้าใต้ดินขบวนนี้แน่นขนัดจนพวกเธอต้องมายืนโหนราวจับเพราะที่นั่งเต็ม แต่คนหน้าหวานกลับเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตั้งแต่ออกจากบ้านมาด้วยกัน ขัดกับบรรยากาศรอบกายเหมือนอยู่คนละโลก


    ดวงตากลมโตเหลือบมองคนข้าง ๆ พร้อมอาการถอนหายใจเบื่อหน่าย ก่อนจะเบนความสนใจของตนด้วยหูฟังและเสียงเพลงจากโทรศัพท์ที่เปิดกลบความรำคาญ


    “ฟังมั่งสิ”


    เป็นใครไปไม่ได้ที่จะกล้าถือวิสาสะกระชากหูฟังข้างหนึ่งออกไปจากเธอแล้วอุดหูตัวเองหน้าตาเฉย นอกเสียจากเบ จูฮยอน คนที่ใช้คำว่าพี่สาวกดขี่เธอมาทั้งชีวิต


    “ความเกรงใจน่ะมีไหม?” ซึงวานตวัดสายตามองอย่างขุ่นเคือง


    “กับคนอื่นน่ะมี แต่สำหรับแกมันไม่จำเป็น... เงียบเถอะ แล้วอยู่เฉย ๆ” จูฮยอนสามารถส่งยิ้มหวานหยดมาให้ซึงวานได้ในขณะที่ริมฝีปากสีหวานกำลังเอ่ยวาจาเชือดเฉือน ช่างเป็นความสามารถที่น่าทึ่งจนลอกเลียนแบบกันไม่ได้ง่าย ๆ และด้วยรอยยิ้มนั้นเช่นกันที่ทำให้ซึงวานรู้สึกไม่ไว้วางใจคนข้าง ๆ เอาเสียเลย


    มือที่ซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อนักเรียนตัวนอกกำลังถูกก่อกวนด้วยมือเรียวสวยของใครอีกคน จนกระทั่งวงแขนของตนถูกครอบครองไว้อย่างสมบูรณ์ด้วยฝีมือของจูฮยอน ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมนุ่มเอนซบลงมาบนไหล่ข้างหนึ่งโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของ พอคนน้องทำท่าจะสะบัดออกก็มีเสียงห้ามปรามจากคนเป็นพี่คำรามข้างหู


    “อยู่นิ่ง ๆ สิ ค่อย ๆ เหลือบมองข้างขวาของแก... อย่าหันไปตรง ๆ ล่ะ”


    “อะไรอีกวะเนี่ย” ซึงวานสบถอย่างรำคาญก่อนทำตามที่อีกฝ่ายแนะนำ จนได้รู้ถึงสาเหตุที่จูฮยอนเกาะเธอเป็นตุ๊กแกอยู่แบบนี้


    จงฮยอน รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของจูฮยอนยืนอยู่บนรถไฟฟ้าใต้ดินขบวนเดียวกัน ห่างออกไปไม่กี่เมตรและดูเหมือนกำลังมองมาทางนี้พอดี คนที่จูฮยอนเคยบ่นให้ฟังอยู่บ่อยครั้งว่าคอยตามขายขนมจีบเธอตั้งแต่ปลายเทอมที่แล้ว เลยตัดรำคาญด้วยการบอกว่าตนมีแฟนอยู่แล้ว และคนที่ตกเป็นเหยื่อก็หนีไม่พ้นคนใกล้ตัวที่สุดอย่างซึงวาน เช่นเดียวกับหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา


    เพื่อตอกย้ำความน่าเชื่อถือจูฮยอนจึงลงทุนเล่นละครตบตาชายหนุ่มด้วยการเข้ามาคลอเคลียกับแฟนปลอม ๆ อย่างซึงวานแบบไม่เกรงสายตาคนรอบข้าง


    “ลำบากเนอะ แม่สาวเสน่ห์แรง แฟนคลับเยอะ” เสียงที่เล็ดลอดออกมาคือการประชดประชันล้วน ๆ  


    “อื้อ น่าเบื่อที่สุดอะ” จูฮยอนพยักหน้ากับไหล่บางของคนเป็นน้อง ราวจับไม่จำเป็นสำหรับเธออีกต่อไปเพราะซึงวานสามารถทำหน้าที่นั้นได้ดีเท่าเทียมกัน


    “ฉันหมายถึงตัวเองเนี่ยที่ลำบาก ไม่ใช่พี่” พูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกติดฉุน ก่อนจะเปิดฉากบ่นกระปอดกระแปด  “จะเอาฉันเป็นไม้กันหมาก็ช่วยเตือนกันก่อนล่วงหน้าได้ป่ะ”


    “ถ้าบอกก่อนแกจะยอมงั้นสิ”


    แน่นอนว่าคำตอบก็คือ “ไม่” คำเดียว


    บางทีซึงวานอาจจะต้องกลับมาทบทวนความรู้สึกของตนเสียใหม่ ว่าการที่เลือกเรียนโรงเรียนติดกับมหาวิทยาลัยของจูฮยอนมันดีจริงหรือ



         

     


    ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้ามาในห้องเรียนใหม่ที่อยู่คนละอาคารกับห้องเดิมก็ได้ยินเสียงทักทายด้วยความคิดถึงของเพื่อน ๆ หน้าเดิม ที่ยังปากเสียไม่เปลี่ยน


    “ซึงวานอปป้า ตัดผมใหม่มาเหรอ น่ารักนะเนี่ย” ฮาราผู้เปิดฉากกระเซ้าเย้าแหย่กับผมหน้าม้าที่ซึงวานเพิ่งตัดสินใจไปตัดมาช่วงปิดเทอม


    “ขอบคุณที่ชม แต่ถ้าแกเลิกล้อชื่อฉัน ฉันจะขอบคุณมากกว่า”  ว่าพลางชี้หน้าคนพูดที่กำลังจะปรี่เข้ามาเล่นหัว


    “คร้าบบบ ซึงวานฮยอง ผมจะไม่เรียกฮยองแบบนั้นแล้วครับ สัญญา”  เสียงเพื่อนชายดังมาจากข้างหลังเพิ่มความสนุกครึกครื้นให้คนล้อเลียน แต่ผู้ตกเป็นเหยื่อชักไม่สนุกด้วย


    “ไอ้ชานยอล หุบปาก!” คนตัวเล็กแต่เสียงทรงพลังหันไปแหวใส่เพื่อนกึ่งคู่อริตัวสูงที่ยืนล้อหน้าทะเล้นอยู่กลางห้อง ก่อนจะเดินปึงปังไปที่โต๊ะเรียนด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะเริ่มโมโห น้ำเสียงกวนประสาทเป็นตัวกระตุ้นโทสะชั้นดี


    ตวัดกระเป๋าสะพายหลังมาวางบนโต๊ะอย่างกระแทกกระทั้น เพื่อส่งสัญญาณบอกกับเพื่อน ๆ ว่าห้ามเข้ามาเย้าแหย่ตนอีก ยกมือขึ้นเท้าคางแล้วเมียงมองออกไปนอกหน้าต่างหาที่วางสายตาพลางถอนหายใจยาวเหยียด


    ซึงวาน ชื่อที่ใครต่อใครทึกทักเอาว่าคล้ายชื่อผู้ชาย กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวที่ไม่น่าจดจำนักสำหรับเธอ และเพื่อนร่วมห้องตัวแสบก็มีส่วนอย่างมากที่ทำให้เธอสูญเสียความมั่นใจ หากจะแนะนำตัวกับใครสักคน

     



    “เอาล่ะ ทุกคนฟังทางนี้” เสียงกังวานของอาจารย์ที่ปรึกษาทำให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบแทบจะทันที ซึงวานละความสนใจจากสนามกีฬาว่างเปล่านอกห้องเรียนหันมามองตามเสียงของอาจารย์หนุ่ม


    “วันนี้ครูมีเพื่อนใหม่จะมาแนะนำให้พวกเธอรู้จัก” ดวงตากลมเลื่อนมองเพื่อนใหม่ที่ยืนเยื้องไปข้างหลังของอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างสนใจ เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผิวขาวจัดผู้มีใบหน้าน่ารักอย่างหาตัวจับยากกำลังยืนก้มหน้ามองพื้นหลบสายตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนใหม่ จนกระทั่งถึงประโยคที่บอกให้แนะนำตัวเด็กคนนั้นจึงยอมเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนร่วมห้อง


    “สวัสดีค่ะ ฉัน คิม แทยอน ฝากตัวด้วยค่ะ” ประโยคแนะนำตัวสั้น ๆ ที่เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบปราศจากความรู้สึก ทำให้หัวคิ้วของซึงวานขมวดเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจ แม้กระทั่งอาจารย์หนุ่มก็ยังทำตัวไม่ถูกเมื่อนักเรียนใหม่เงียบไปโดยไม่พูดอะไรต่อ เป็นเขาเองที่ต้องแก้สถานการณ์แทน


    “แทยอนเพิ่งย้ายมาจากปูซานไม่ใช่คนที่โซล ยังไงครูก็ขอฝากดูแลเพื่อนด้วยนะ”


    “คร้าบ~ ครู” จะมีก็แต่เหล่านักเรียนชายเท่านั้นที่ตอบรับอย่างแข็งขัน เพราะหลงใหลได้ปลื้มไปกับความน่ารักของเพื่อนใหม่ จากเสียงซุบซิบที่ซึงวานพอจะจับใจความได้


    โต๊ะข้างหน้าซึงวานที่ว่างอยู่กลายเป็นเป้าหมายของสมาชิกใหม่เมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาผายมือแนะนำให้ ร่างที่เดินใกล้เข้ามาทำให้ซึงวานมีโอกาสได้มองสำรวจอีกฝ่ายชัดเจนขึ้น เสี้ยววินาทีหนึ่งทันได้มองสบกับดวงตาเฉยชาคู่นั้นก่อนจะหันหลังให้เมื่อได้ที่นั่งเรียบร้อย


    “เฮ้ แทยอน ผม พัค ชานยอล นะ ยินดีที่ได้รู้จัก มีอะไรก็บอกได้ผมยินดีช่วยเหลือเต็มที่” คนแรกที่ปรี่เข้ามาแนะนำตัวก่อนใครคือเพื่อนคู่อริ ซึงวานถอนหายใจแรงตามด้วยคำพูดเหน็บแนมเจ็บแสบที่จงใจให้เจ้าตัวได้ยิน


    “ไอ้นี่ก็เสือกได้อีก แส่ได้ทุกเรื่อง”


    “ยุ่งไรด้วย... ฮยอง” นอกจากชานยอลจะไม่สลดแล้วยังลอยหน้าลอยตาโต้ตอบด้วยรอยยิ้มทะเล้น


    “แทยอน ฉัน กู ฮารานะ”


    “ฉัน คัง จียอง”


    เสียงเพื่อนรอบโต๊ะเอ่ยทักทายเพื่อนใหม่แทรกเข้ามา ก่อนที่สงครามระหว่างซึงวานและชานยอลจะเกิด ซึ่งสมาชิกใหม่ของห้องก็ตอบรับไมตรีด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่มองยังไงก็ดูฝืดเฝื่อนชอบกล


    “เฮ้ย นี่แกจะไม่แนะนำตัวกับแทยอนบ้างเหรอ ยังไงก็นั่งโต๊ะใกล้กันนะ” ฮาราเอื้อมมือมาตบไหล่เป็นการบังคับกลาย ๆ ซึงวานแยกเขี้ยวใส่เพื่อนตัวแสบ ที่รู้ดีกว่าใครว่าเธอกังวลเรื่องชื่อของตนเพียงใด ซึงวานถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนแนะนำตัวกับแทยอนอย่างจำใจ


    “ฉัน ซน ซึงวาน ยินดีที่ได้รู้จักนะ”


    “อื้อ ฝากตัวด้วยนะซึงวาน”


    ตากลมโตเบิกกว้างอย่างแปลกใจเมื่อแทยอนไม่มีท่าทีใด ๆ เมื่อได้ยินชื่อเธอ เพียงตอบรับคำทักทายพอเป็นพิธีแล้วหันกลับไปสนใจกับอุปกรณ์การเรียนของตน แทยอนน่าจะเป็นคนแรกในรอบห้าปีที่ได้ฟังแล้วไม่สะดุดหู ซ้ำยังเรียกชื่อเธอถูกในครั้งแรกที่ได้ยินอีกด้วย

     


     


    ที่หยิบเรื่องชื่อเจ้าวานมาเล่นในฟิคก็เพราะเจ้าตัวบอกว่าชื่อเหมือนผู้ชาย ตอนแนะนำตัวบางทีก็โดนล้ออยู่บ่อย ๆ เห็นบอกว่าบางคนเรียกเพี้ยนเป็นซึงฮวานบ้างอะไรบ้าง เพื่อน ๆ ในวงบางทีก็เห็นล้อชื่อซึงวาน แต่ไม่มากเท่าในฟิคเค้าหรอกค่ะ (เอ๊ะหรือจะยิ่งกว่านั้นหว่า 555) เขียนเวอร์ให้เด็กมันหาเรื่องตีกันไปงั้น 5555 

    ถึงคุณ Citrus :)) เรื่องของยอนฮีกับสิก้า สรุปก็คือคนที่สิก้าเจอตั้งแต่คืนแรกก็คือยอนฮีนั่นแหละค่ะ ไม่ใช่ยุนอาหรอก 5555 ขออภัยที่ทำให้สับสนนะคะ อิอิ

    Ps. เพลงที่อยู่หน้าบทความชื่อเพลง  Return -  ร้องโดย Wendy (Red Velvet) with Yuk Ji Dam  [Ost. Who Are you: School 2015]

    ©
    t
    b
    u
    t
    t
    e
    r
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×