ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Short Fic] Once Again [Yoona xTaeyeon]

    ลำดับตอนที่ #4 : ONCE AGAIN : 03 WHAT'S DONE IS DONE

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.พ. 56


     


    สีดำ = เหตุการณ์ในปัจจุบัน
    สีเทา = เหตุการณ์ในอดีตนะคะ
    เรื่องนี้จะสลับกันเล่าระหว่างอดีตกับปัจจุบันตัดไปตัดมาอยู่เรื่อยๆ 
    อดีตก็ต่างช่วงเวลากัน เป็นปีบ้าง เดือนบ้าง ก็ว่ากันไป
    ________________________


    03 What’s done is done

     

                ข้างนอกนั่นฝนกำลังกระหน่ำลงมาราวฟ้ารั่ว ตกหนักตั้งแต่หัวค่ำยันสองทุ่มเศษเหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ยุนอานั่งนิ่งมองรูปถ่ายใบหนึ่งในมือมานานกว่าสิบนาที ใบหน้าของผู้หญิงในรูปละม้ายคล้ายคลึงกับยุนอาราวกับพิมพ์เดียว หากไม่นับเสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นอยู่ต่างยุคต่างสมัยกัน

               

    สองชั่วโมงก่อนหน้านี้ บิดาของแทยอนได้เล่ารายละเอียดทุกอย่างเพื่อตอบข้อสงสัยของยุนอาและเพื่อน ๆ

     

    หญิงสาวในรูปถ่ายคือ คิม ยุนฮี ผู้มีศักดิ์เป็นอาของแทยอน เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของแดฮุนผู้เป็นบิดา และเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณย่า ยุนฮีเสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อสามสิบปีก่อน และบังเอิญที่ยุนอาเกิดมาหน้าตาเหมือนยุนฮีทุกกระเบียดนิ้ว คุณย่าเลยปักใจเชื่อว่าเธอคือคนเดียวกันกับ คิม ยุนฮี ผู้ล่วงลับ

     

    เป็นนานกว่าที่ยุนอาจะหลุดจากวงล้อมของคนตระกูลคิม ได้มีเวลาส่วนตัวเพื่อนั่งทบทวนความรู้สึกของตนเอง ส่วนแทยอนนั้นหายตัวไปที่ไหนก็ไม่รู้ตั้งแต่มาถึง

               

    “เหมือนมากเลยดูสิ” ฮโยยอนหยิบรูปใบหนึ่งขึ้นมาเทียบกับใบหน้าของยุนอาแล้วมองอย่างทึ่ง ๆ บนโต๊ะมีอัลบั้มรูปของครอบครัวคิมวางอยู่สองสามเล่ม บางรูปของยุนฮีนั้นใส่กรอบไว้อย่างดี เพื่อน ๆ ของยุนอาทุกคนต่างตื่นเต้นยินดีกับเรื่องราวที่ได้ฟังจากปากของแดฮุนผู้เป็นประมุขของบ้าน เว้นก็แต่ยุนอาที่ยังรู้สึกหน่วง ๆ ในอก

     

    ความสุขเล็ก ๆ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจมลายหายไปต่อหน้าทันทีที่ความสงสัยเริ่มกระจ่าง ผิดหวังอย่างรุนแรงที่อุตส่าห์หลงคิดไปว่าอย่างน้อยแทยอนก็ใส่ใจเธอบ้าง แต่ทุกอย่างก็กลับตาลปัตร

               

    “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะยุนอา” ซอนฮวายื่นมือไปจิ้มแก้มใสเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของยุนอา แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือเสียงถอนหายใจยืดยาวเท่านั้น

               

    “เอ๊า ดูมันทำเข้า ถามแล้วยังมาทำหน้าซังกะตายใส่อีก” แทอุนผลักศรีษะยุนอาไม่แรงนัก แต่ก็ทำให้คนโดนผลักหงายหลังไปเล็กน้อย

     

                “แกไม่ตื่นเต้นหรือว่าประหลาดใจอะไรเลยรึไง?” ซูยองยื่นหน้าไปถามใกล้ ๆ จนยุนอาต้องเอนตัวหลบอย่างนึกรำคาญ

               

    “ไม่เอาน่า พวกแกนั่นแหละเป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย” ยุนอาชักสีหน้าใส่แล้วขยับหนีอย่างหงุดหงิด

     

    “พวกฉันควรจะถามแกมากกว่านะว่าเป็นอะไร” ซูยองขึ้นเสียงใส่อย่างไม่ยอมแพ้ ยุนอายุนอาพ่นลมหายใจออกทางจมูกแรง ๆ แล้วจ้องหน้าเพื่อนสนิทนิ่งด้วยแววตาดุดัน ก่อนวางรูปถ่ายลงบนโต๊ะแล้วลุกหนีไปเฉย ๆ เพื่อตัดรำคาญ ทุกคนจึงเลิกเซ้าซี้ ปล่อยให้ยุนอาหลบไปสงบสติอารมณ์เงียบ ๆ คนเดียวหน้าบ้าน

     

     

     

     

    ยืนอยู่หน้าบ้าน แม้จะมีละอองฝนสาดซัดเข้ามาสัมผัสเนื้อตัวบ้าง แต่ความเย็นนั้นก็ช่วยลดระดับอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ในอกมาตลอดช่วงเย็นได้ไม่มากก็น้อย ยอมเปียกฝนยังดีกว่าทนอึดอัดใจอยู่ในบ้านพร้อมกับคนอื่น ๆ ได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่ถูกกักเก็บไว้ได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องแคร์สายตาใคร 

     

                ทำเหมือนใส่ใจแต่สุดท้ายก็ไม่จริงสักอย่าง แทยอนไม่เคยแคร์ยุนอาไปมากกว่ารุ่นน้องร่วมชมรมคนหนึ่งอย่างที่เป็นมาตลอด คงจะเป็นเธอที่หลงคิดเลยเถิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าบอกแต่แรกว่าชวนมาเพราะที่บ้านขอร้องยุนอาคงไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร

               

    เสียงฟ้าร้องลั่นมาแต่ไกล สลับกับแสงสว่างวาบจากฟากฟ้าที่สาดส่องไปทั่วบริเวณบ้านอย่างน่ากลัว สภาพอากาศเลวร้ายพอ ๆ กับสภาวะจิตใจอันย่ำแย่ของยุนอาในขณะนี้ หมู่เมฆทะมึนกลั่นตัวลงมาเป็นหยดน้ำ ยุนอาก็อยากระบายออกมาอย่างเดียวกัน

     

    ขอบตาเริ่มร้อนผะผ่าวแม้จะยกมือขึ้นมากดเปลือกตาเอาไว้เพื่อหักห้ามความรู้สึก แต่ยิ่งห้ามน้ำตาก็ยิ่งไหล ยุนอายกมือขึ้นปาดมันออกไปลวก ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อให้มันไหลย้อนกลับลงไปอย่างเดิม ระบายออกมานิดหน่อยก็พอแล้ว อย่าถึงขั้นฟูมฟายจนเหลือหลักฐานให้ใครต่อใครสงสัยเอาได้

     

                 ครั้งที่สองแล้วที่แทยอนเป็นสาเหตุให้ยุนอาต้องเสียน้ำตา ล่าสุดที่ร้องไห้ก็นานมาจนลืมไปแล้ว แทยอนทำให้ยุนอาจดจำความรู้สึกเจ็บปวดได้อีกครั้ง

     

     เป็นเรื่องที่ควรจะขอบคุณหรือเปล่า?

               

     

     

    .

                .

                .

     

     

     

                อาหารมื้อค่ำที่แสนจะฝืดคอสำหรับยุนอาเสร็จสิ้นลงล่าช้ากว่าทุกวัน ต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มรับการดูแลเอาใจใส่ประคบจากบิดาและคุณย่าของแทยอน แสร้งหัวเราะแต่พองามหากใครสักคนปล่อยมุก ข้าวที่ตักมาให้ก็เหลือยอยู่เกือบครึ่งเพราะทานอะไรไม่ค่อยจะลง ส่วนตัวต้นเหตุอย่างแทยอนก็เอาแต่ก้มหน้างุด ๆ ไม่ยอมต่อสายตากับยุนอา บนโต๊ะอาหารก็พูดแทบจะนับคำได้

     

                พอจะได้มีโอกาสหายใจบ้างก็ตอนที่ช่วยกันเก็บสำรับอาหารหลังทานเสร็จ ช่วยล้างจานชามเสร็จจะได้แยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวของแต่ละคนเสียที ยุนอาก็อยากหาที่อยู่เงียบ ๆ คนเดียวอีกครั้งสำหรับค่ำนี้

     

                “อยู่ทานของว่างกันก่อนนะเด็ก ๆ” มารดาของแทยอนลำเลียงขนมหวานออกมาจากในครัว ยุนอาอยากจะเอาศีรษะกระแทกโต๊ะให้รู้แล้วรู้รอด ซาบซึ้งในความหวังดีอยู่หรอก แต่บางทีก็ผิดเวลาไปสักหน่อย

     

                แทยอนสังเกตเห็นสีหน้ายุ่งยากของยุนอาแล้วก็หนักใจ สถานการณ์ระหว่างทั้งคู่ค่อนข้างย่ำแย่ เธอไม่กล้าสบตายุนอาก็จริง แต่ในขณะเดียวกันยุนอาก็เหมือนไม่อยากจะมองหน้าเธอเช่นกัน หมางเมินกันยิ่งกว่าแต่ก่อน ยุนอาจะโกรธเธอก็ไม่ผิด เจออย่างนี้เข้าไปใครก็หัวเสียทั้งนั้น แต่พอเห็นท่าทีของยุนอาแล้วเธอแทบอยากร้องไห้ จากนี้ไปจะเข้าหน้ากันติดหรือเปล่าก็สุดจะเดา

               

    “ยุนฮี ลองทานนี่หน่อยนะ เมื่อก่อนลูกชอบไม่ใช่เหรอ” คุณย่าเลื่อนจานขนมมาให้ยุนอา แม้จะตื้อจนทานไม่ลงแต่พอเห็นแววตานั้นแล้วก็ปฏิเสธไม่ลง อย่างน้อยก็ถือว่าทำเพื่อให้ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งสบายใจ ยุนอาจึงหยิบขนมชิ้นหนึ่งขึ้นมาทานพอเป็นพิธี

     

                “อร่อยมั้ยยุนฮี?” คุณย่ามองหน้ายุนอาเพื่อรอคำตอบ นัยน์ตาฝ้าฟางเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง  เมื่อยุนอาพยักหน้ารอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แม้จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจเมื่อถูกเรียกด้วยชื่อคนอื่นที่ไม่ใช่ชื่อตน แต่ก็ไม่อยากขัดได้แต่เออออตามน้ำไปก่อน

     

                “คุณย่าทำเองเหรอคะ?” สรรพนามที่ยุนอาใช้เรียกผู้สูงวัยทำให้สีหน้าชื่นมื่นนั้นสลดลงเล็กน้อย ยุนอาไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเพราะอะไรแต่ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ เหลือบมองคนรอบข้างเพื่อขอความช่วยเหลือก็พบกับแทยอนที่นั่งอยู่ไม่ไกล อีกฝ่ายส่ายศีรษะช้า ๆ ทั้งขมวดคิ้วนิ่วหน้าเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างให้ แต่ยุนอาเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีไปก่อนไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากแทยอน

     

                “เรียกแม่ได้มั้ยยุนฮี” คำขอร้องที่ออกมาจากของผู้สูงวัยทำให้ยุนอาปฏิเสธได้ยากเหลือเกิน ต้องหยุดคิดอย่างลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะมืออุ่น ๆ ของใครคนหนึ่งจะยื่นมาแตะที่ไหล่ ยุนหาหันมองก็พบกับรอยยิ้มอบอุ่นของแดฮุน เขาพยักหน้าให้เพื่อผลักดันให้ยุนอาตัดสินใจง่ายขึ้น

     

                “ค่ะ แม่” เรียกไปแล้วก็รู้สึกขัดเขินแปลก ๆ นานแล้วที่ไม่ได้เรียกใครด้วยคำนี้ ครั้งล่าสุดก็เมื่อหลายปีก่อนที่มารดาอุตส่าห์เดินข้ามทวีปเพื่อมาเยี่ยมเธอกับพี่สาว ยุนอาไม่ได้มาจากครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ พอได้มาสัมผัสกับความอบอุ่นที่ไม่คุ้นเคยก็ชักวางตัวลำบาก

     

                “.....” แววตาเต็มตื้นเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาอีกครั้ง มือสั่นเทายื่นไปลูบศีรษะของยุนอาครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนดึงร่างเธอเข้ามากอดแนบแน่น ยุนอาเริ่มเคยชินกับการแสดงความรักของคุณย่าขึ้นมาบ้างหลังจากถูกกอดมามากกว่าสิบครั้งในวันนี้ จึงไม่ได้ตกใจอย่างครั้งแรก มือเรียวยกขึ้นกอดคุณย่าตอบอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

     

     

     

                .

                .

                .

               

     

     

                “ทำยังไงต่อล่ะทีนี้?”  ซุนกยูเอ่ยถามทำลายความเงียบเมื่ออยู่ด้วยกันในห้องนอนสองคนกับแทยอน หลังจากที่ฮโยยอนเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำได้สักพัก

     

                “ทำอะไรเหรอ?” แทยอนหมุนตัวกลับมาจ้องมองหน้าคู่สนทนาในท่ากอดอกอย่างเดิม สีหน้าไร้พิรุธคล้ายกับไม่รู้ว่าซุนกยูหมายถึงอะไร

     

                “ไม่ต้องทำไก๋ ฉันถามถึงยุนอาไง ใจคอจะให้มันเกลียดขี้หน้าแกจริง ๆ น่ะเหรอ?”  

     

                “แล้วให้ทำไงล่ะ?” แทยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ หัวไหล่ลู่ลงเหมือนคนหมดหนทาง

     

                “ก็เข้าไปอธิบายดี ๆ สิ ว่าทำไมถึงทำแบบนี้”

     

                “อธิบายไปตอนนี้เค้าคงจะฟังหรอกนะ”

     

                “ไม่ลองก็ไม่รู้นะแทยอน” ซุนกยูจ้องหน้าเพื่อนสนิทนิ่งเพื่อจับสังเกต “หรือว่าแกจริง ๆ แล้วแกกลัวจนไม่กล้าสู้หน้ายุนอาเหรอ?”

     

                สีหน้าของแทยอนเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากฟังคำพูดแทงใจดำของซุนกยู หมุนตัวกลับไปทางหน้าต่างห้องนอนของตนอีกครั้งเพื่อกลบเกลื่อนอาการ เหม่อมองผ่านม่านของหยาดฝนออกไปอย่างไร้จุดหมาย แววตากลัดกลุ้มแสดงออกจากชัดเจนเมื่อไม่มีใครสังเกตเห็น

     

                “ไม่หรอก รอคุยกันอีกทีตอนที่อารมณ์เค้าเย็นลงกว่านี้หน่อยดีกว่า”

     

                “เออ ตามใจแกแล้วกัน” ซุนกยูถอนหายใจยาวก่อนล้มตัวลงนอนอย่างระอา

     

                ประตูห้องน้ำเปิดออก ฮโยยอนก้าวออกมาพร้อมชุดนอนที่นำเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำด้วย กลิ่นแชมพูและครีมอาบน้ำโชยมาแตะจมูกจนซุนกยูต้องหันไปมอง

     

                “อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ เร็วดีนี่”

     

                “เรียบร้อย เหลือแต่แทยอนสินะที่ยังเน่าอยู่คนเดียว” ฮโยยอนกระเซ้า

     

                “เออ เดี๋ยวฉันอาบ” แทยอนตอบทันที

     

                “ยืนมองฟ้ามองฝนแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา” ฮโยยอนพูดต่อขณะก้าวไปยืนชิดขอบหน้าต่างอีกด้าน ชะโงกหน้ามองตามสายตาของแทยอนออกไปข้างนอก

     

                “หมายความว่าไง? ” แทยอนละสายตาจากภาพเบื้องหน้ามาจ้องฮโยยอน

     

                “ยุนอาไง ทำไมแกไม่บอกมันไปตรง ๆ ตั้งแต่แรกล่ะ” จะได้ไม่ต้องมายืนทำหน้าเหมือนคนอกหักให้เห็นอย่างวันนี้ ฮโยยอนต่อให้ในใจแล้วจ้องตอบ

     

                “ฉันกลัวเค้าจะไม่ยอมมาน่ะสิ ดีไม่ดีหาว่าฉันบ้างมงาย แบบนั้นฉันโดนพ่อกับย่าเล่นงานหนักแน่”

     

                “ยอมโดนโกรธมากกว่าว่างั้น?”

     

                ฮโยยอนไม่ปล่อยให้แทยอนได้คิดนาน ยิงคำถามออกไปทันที แทยอนเงียบไปพักหนึ่งเพื่อไตร่ตรองความรู้สึกของตน คำถามง่าย ๆ แต่ยากที่จะหาคำตอบ ริมฝีปากแดงอิ่มเม้มแน่นด้วยท่าทีอึดอัดใจ

     

                “ไม่รู้สิ” ศีรษะได้รูปส่ายไปมาช้า ๆ

               

    “มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะ” ซุนกยูเสนอตัวอย่างมีน้ำใจหลังจากนอนฟังทั้งคู่คุยกันมาพักหนึ่ง

               

    “แทยอนมันเก่ง มันคงไม่ต้องการให้เราช่วยหร๊อก ” ฮโยยอนหรี่ตามองแทยอนขณะเหน็บแนมเจ้าตัวอย่างหมั่นไส้ แต่ครั้งนี้แทยอนไม่โต้ตอบอะไร นิ่งเงียบไปเฉย ๆ ผิดจากที่เคย

               

     

               

                .

                .

                .

     

     

     

                ฟ้าแลบแปลบปลาบสว่างวาบมาคราใดก็ส่องให้เห็นกองรูปถ่ายวางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะรับแขกทุกครั้ง ยุนอาเอนหลังพิงพนักโซฟาหวายตัวเดิมที่เคยนั่งตลอดช่วงหัวค่ำ มือข้างหนึ่งแตะขมับนิ่งอย่างคนคิดไม่ตก ไฟในโถงรับแขกไม่ได้เปิดไว้เพราะอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียวในความมืด ทั้งยังเกรงใจเจ้าของบ้านที่อาจจะเป็นการรบกวนในยามวิกาลด้วยประการหนึ่ง

     

                ทริปกวางจูที่วาดฝันเอาไว้ไม่ได้สนุกอย่างที่คิดซ้ำยังมีเรื่องให้กลุ้มใจและปวดใจเข้ามาพร้อม ๆ กัน วุ่นวายจนอยากจะกลับบ้านเสียเดี๋ยวนี้หากไม่กลัวว่าเพื่อน ๆ จะหมดสนุกตามไปด้วย ยุนอาไม่รู้ว่านั่งทอดอารมณ์อยู่ในห้องรับแขกนานเท่าไหร่ เหลือบมองนาฬิกาก่อนลงมาข้างล่างจำได้ว่าห้าทุ่มกว่าแล้ว แต่ช่างเถอะเรื่องนั้นไม่สำคัญนัก อย่างไรเสียคืนนี้ก็คงนอนไม่หลับอยู่ดี

     

                “เฮ่อ..” ถอนหายใจเพียงแผ่วเบาก็เหมือนจะดังเหลือเกินในความมืด เพียงขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถมานั่งกอดเข่าบนโซฟาก็ได้ยินเสียงเสื้อผ้าเสียดสีกันชัดเจน อากาศเย็นชื้นทำให้รู้สึกหนาว ยิ่งดึกอุณหภูมิก็ยิ่งลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าข้างนอกฝนจะหยุดตกไปนานแล้วแต่เสียงฟ้าร้องก็ยังดังครืนมาจากที่ไกล ๆ และเริ่มห่างออกไปทีละน้อย

     

    บรรยากาศชวนให้รู้สึกหดหู่เหลือเกิน... อย่าเชียวนะยุนอา

     

    แต่ห้ามไปก็เท่านั้นเมื่อน้ำอุ่น ๆ มันซึมออกมาจากดวงตาแล้วและกำลังจะไหลลงมาตามพวงแก้ม

     

    เอาอีกแล้วสินะ

     

     

     

     

    ค่ำคืนเดียวกันในบ้านใหญ่ใช่จะมีแค่ยุนอาที่นอนไม่หลับ แทยอนเองก็ว้าวุ่นจนหลับไม่ลงเช่นเดียวกัน ซุนกยูและฮโยยอนเพิ่งหลับไปไม่นานหลังจากนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย แทยอนตัดสินใจเดินออกมาจากห้องนอนเงียบ ๆ หลังจากนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงอยู่หลายตลบ แสงจากฟ้าสาดผ่านหน้าต่างกระจกใสเข้ามาในตัวบ้าน คล้ายบรรยากาศในภาพยนตร์สยองขวัญที่เคยดู หากเป็นคนขวัญอ่อนคงไม่กล้าก้าวขาลงจากบันได แต่แทยอนไม่ใช่คนขี้กลัว

     

    “นั่นใครน่ะ?”

     

    ร่างหนึ่งที่นั่งขดอยู่บนโซฟาทำให้แทยอนสะดุ้งตกใจ ตะโกนถามออกไปโดยไม่ทันคิด พอแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้งก็พบว่าร่างนั้นกำลังขยับลุกลี้ลุกลนเหมือนกำลังตกใจเช่นเดียวกัน

     

    “ฉ..ฉันเอง” เสียงนั้นอู้อี้ราวกับคนเป็นหวัด แต่แทยอนก็จำได้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร

     

    “ยุนอาเหรอ?” แทยอนก้าวต่อไปยังโซฟารับแขกอย่างระมัดระวัง

     

    “ใช่ค่ะ” น้ำเสียงที่ตอบมาครั้งนี้ดูมั่นคงกว่าครั้งก่อนเล็กน้อย 

     

    “ตกใจหมด” แทยอนบ่นอุบพลางยกมือขึ้นทาบอกอย่างโล่งใจ “มานั่งทำอะไรเงียบ ๆ คนเดียวล่ะ”

     

    “นอนไม่หลับค่ะ เลยมานั่งเล่นข้างล่าง” ยุนอาขยับขาลงจากโซฟา เปลี่ยนมานั่งหลังตรงเมื่อรู้ว่าไม่ได้อยู่ลำพัง อาศัยความมืดยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกไปเร็ว ๆ ก่อนที่ฟ้าจะแลบอีกครั้ง แทยอนก้าวมานั่งฝั่งตรงข้ามแล้วนิ่งมองฝ่าความมืดไปยังอัลบั้มรูปที่ระเกะระกะอยู่บนโต๊ะด้วยฝีมือของยุนอา

     

    “ไม่สบายเหรอ?”  เป็นอีกครั้งที่แทยอนเอ่ยถามขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

     

    “นิดหน่อยค่ะ อากาศมันเปลี่ยนแปลงบ่อย” ยุนอารับสมอ้าง น้ำเสียงแสดงความห่างเหินผิดไปจากเมื่อหลายวันก่อน และแทยอนก็พอเข้าใจและไม่ได้ถือโทษ

     

    “ยังดูรูปพวกนี้อยู่เหรอ” ดวงตาจดจ้องอัลบั้มรูปครอบครัวของตนบนโต๊ะขณะเอ่ยถาม

     

    “ค่ะ ฉันยังประหลาดใจไม่หาย” ไม่บอกก็รู้ว่ายุนอากำลังประชดประชันเธออยู่

     

    “เรื่องนั้น.. พี่ขอโทษนะ”

     

    “เรื่องไหนเหรอคะรุ่นพี่?” จากน้ำเสียงยุนอากำลังรวน แทยอนยิ่งหนักใจ

     

    “เรื่องอา เรื่องครอบครัวพี่ไง” แทยอนอธิบายอย่างใจเย็น เห็นคนตรงหน้าเคลื่อนไหวเลือนรางในความมืด ได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนยุนอาจะตอบ

     

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ” จากนั้นร่างสูงโปร่งจึงดันตัวลุกขึ้นจากโซฟาเหมือนไม่อยากคุยกับเธอต่อ เป็นการตัดบทโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ย

     

    “ยุนอา.. มันจำเป็น พี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน พี่กลัวว่า..” พูดยังไม่ทันจบยุนอาก็แทรกขึ้นอย่างไม่เกรงใจ แล้วกล่าวสำทับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

     

    “ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ รุ่นพี่ทำเพื่อครอบครัว เรื่องของฉันช่างมันเถอะค่ะ ผ่านมาแล้วนี่ ขอตัวนะคะ” ยังไงความรู้สึกที่เสียไปก็เรียกกลับคืนมาไม่ได้อยู่ดี

     

    ยุนอาแค่นยิ้มก่อนเดินหนี ทิ้งแทยอนไว้กับกองรูปถ่ายเจ้าปัญหาที่เป็นสาเหตุให้เธอหลุดปากบอกเรื่องยุนอากับที่บ้าน แทยอนคงต้องจับจองโถงรับแขกต่อจากยุนอาเพื่อขบคิดอะไรอีกนาน ไม่แน่ว่าคืนนี้อาจข่มตานอนไม่ลงเลยก็ได้

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

     

     2 ปีก่อน

     

    “นี่แก ไม่ต้องจ้องขนาดนั้นก็ได้ เพื่อนฉันไม่ใช่ขนมนะ” น้ำเสียงยียวนของฮโยยอนปลุกให้ยุนอาหลุดจากภวังค์ จำใจละสายตาจากแทยอนที่กำลังซ้อมร้องเพลงกับวงดนตรีอย่างเสียไม่ได้

     

    “ฉันมาดูพวกพี่ซ้อมดนตรี ไม่ได้มาจ้องจะงาบใคร” ยุนอาปฏิเสธเสียงแข็ง หลบหน้าหลบตาคนอายุมากกว่าเป็นพัลวัน แต่นั่นก็ไม่สามารถตบตาคนอย่างฮโยยอนได้ รู้จักกับยุนอาก็หลายปีตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแค่จับพิรุธมันไม่ยากเลย

     

    “ถ้าหิวนักก็กินนี่”  ถุงขนมขบเคี้ยวถูกโยนลงบนโต๊ะต่อหน้ายุนอาแล้วตามมาด้วยถุงเครื่องดื่มหลากชนิด

     

    “ซื้อมาอะไรตั้งมากมายน่ะ” ยุนอาบ่นรุ่นพี่คนสนิทควานหาน้ำผลไม้ที่แทยอนชื่นชอบไว้ให้เจ้าตัว อยากทำอะไรให้บ้างเพราะที่ผ่านมาดูเหมือนจะมีแค่แทยอนที่เอาใจใส่เธออยู่ฝ่ายเดียว

     

    “ซื้อมาให้นักดนตรีพวกนั้นไง” ว่าพลางพยักพเยิดใบหน้าไปยังห้องซ้อม

     

    “ว่าแต่เถอะ มาที่นี่ทำไมคนเดียว เพื่อนไม่คบเหรอ?”

     

    “ปากคอเราะร้าย... ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย” ยุนอาตัดพ้อ “คนอื่นเค้ามีเรียน แต่เทอมนี้ฉันไม่ได้ลง”

     

    “ดีเนอะ อินดี้ อยากไปนั่งเรียนคนเดียวเทอมหน้าว่างั้น” ฮโยยอนจีบปากจีบคอเหน็บแนมยุนอาอย่างหมั่นไส้ พร้อมกันนั้นเสียงเพลงก็เงียบลงก่อนที่นักดนตรีจะทยอยออกมาจากห้องซ้อม เป็นการจบบทสนทนาของทั้งคู่ไปโดยปริยาย แทยอนเดินตรงมาหายุนอากับฮโยยอนพร้อมรอยยิ้มแม้จะมีความเหนื่อยล้าปรากฏบนสีหน้าอยู่บ้างก็ตาม

     

    “ร้องเพลงเพราะมากค่ะรุ่นพี่” ยุนอาฉีกยิ้มกว้างพร้อมยกนิ้วให้กำลังใจนักร้องเสียงสวรรค์ประจำวง แทยอนยิ้มบาง ๆ ก้มหน้าก้มตาควานหาของกินในถุงขนมที่ฮโยยอนซื้อมาเพื่อกลบเกลื่อนอาการขัดเขิน

     

    “นี่ค่ะ” ยุนอายื่นกล่องน้ำผลไม้ให้พร้อมหลอด แทยอนฉวยจากมือยุนอามาถือไว้ พึมพำคำขอบคุณเบา ๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน

     

    “เอาน้ำเปล่าให้พี่ซักขวดหน่อยสิยุนอา หิวเหมือนกันนะ” คยูฮยอนประท้วงอยู่อีกมุมของห้อง ยุนอาจำต้องหยิบขวดน้ำเปล่าไปให้ตามที่เจ้าตัวร้องขอ ก่อนเดินกลับมาหาแทยอนเหมือนเดิม

     

    “เหนื่อยมั้ยคะ?” ยุนอาเอ่ยถามด้วยเสียงที่ดังกว่ากระซิบเพียงเล็กน้อย

     

    “นิดหน่อยน่ะ สบายอยู่แล้ว” แทยอนพยักหน้าเร็ว ๆ รับคำ และตอบกลับมาด้วยเสียงที่ดังในระดับเดียวกัน

     

    “เอ่อ.. เย็นนี้ว่างมั้ยคะ?” เอ่ยถามโดยไม่หันไปมองหน้าคู่สนทนา มือหยิบถุงขนมออกมาแกะ สายตาจดจ้องอยู่กับห่อขนม

     

    “ว่างสิ ทำไมเหรอ?”

     

    “ไปทานข้าวด้วยกันมั้ยคะ?”

     

    “หืม? ทานข้าวเหรอ” หลังจากเล่นเกมสิบคำถามกันมาได้สักพัก แทยอนก็สะดุดหูกับคำถามสุดท้าย หันขวับไปมองเสี้ยวหน้าของยุนอาอย่างไม่อยากเชื่อ ส่วนเจ้าตัวก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสาละวนอยู่กับบรรดาถุงขนมตรงหน้าอย่างเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    “ค่ะ ทานข้าว” กระแอมไอเรียกเสียงก่อนตอบไม่ดังไปกว่ากระซิบ “ซูยองชวนน่ะ จะไปด้วยกันมั้ยคะ?”

     

    แทยอนทั้งโล่งใจและแอบเสียดายนิดหน่อยที่ยุนอาไม่ได้ชวนไปทานข้าวกันตามลำพัง ความรู้สึกหลากหลายรบกวนหัวใจจนปั้นหน้าไม่ถูก จึงแสร้งทำเป็นเหม่อมองไปทางอื่นแล้วยกกล่องน้ำผลไม้ขึ้นดื่มก่อนตอบ

     

    “อื้อ ไปสิ ตอนไหนล่ะ”

     

    “ซ้อมเสร็จนี่แหละค่ะ” ว่าพลางเหลือบมองฮโยยอนที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อยอย่างระแวง

     

    “ชวนฮโยยอนไปด้วยกันสิ”

     

    “พี่ฮโยยอนเค้ามีนัดแล้วล่ะค่ะ”เสียงกระซิบนั้นเบาลงกว่าเดิมจนแทยอนต้องเงี่ยหูฟัง

     

    “โอเค งั้นตกลงตามนั้น.... เดี๋ยวพี่ต้องไปซ้อมต่อแล้วล่ะ” แทยอนผละออกไปจากยุนอาเมื่อรุ่นพี่ในวงดนตรีส่งสัญญาณให้ซ้อมต่อ

     

    “ค่ะ รุ่นพี่”     

     

    “แหลเก่งนะแก ชั่วโมงก่อนฉันเจอซูยองมันไม่เห็นพูดเรื่องไปกินข้าว แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้มีนัด อยากชวนเค้าไปแล้วจะอ้างคนอื่นทำไม” ฮโยยอนเหน็บแนมรุ่นน้องคนสนิทอย่างเจ็บแสบ

     

    “ซูยองมันคงลืม ฉันก็ลืมเหมือนกันว่าพี่มีนัดพรุ่งนี้เย็น” แต่ยุนอาก็ยังแก้ตัวได้น้ำขุ่นๆ เช่นเดียวกัน

     

    “หน้าด้าน” ฮโยยอนเบะปากแล้วโยนขวดน้ำเปล่าใส่ยุนอาอย่างหมั่นไส้ 

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

    “วันนี้อากาศดีเนอะ ฝนไม่ตก ฟ้าโปร่ง อากาศเย็นสบาย”  ซอนฮวายืดตัวขึ้นพลางหลับตาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าในสวนแอปเปิ้ลจนเต็มปอด

     

    “ฟ้าหลังฝนมันก็สดใสแบบนี้ล่ะ” แทอุนยิ้มกว้างเสริมคำพูดของซอนฮวา เงยหน้ามองท้องฟ้าโปร่งที่ไร้หมู่เมฆดำทะมึนเป็นวันแรกของสัปดาห์ ทุกคนที่ยืนอยู่กลางสวนแอปเปิ้ลเหลือบมองขึ้นไปบนฟ้าตามอย่างคนพูดบ้าง  เว้นก็แต่ยุนอาและแทยอนที่ดูจะไม่สดใสเหมือนคนอื่น ขอบตาคล้ำท่าทางอิดโรยเหมือนคนอดนอนทั้งคู่ แต่ยุนอานั้นแย่กว่าหน่อยที่มีอาการคัดจมูกน้ำมูกไหลเป็นของแถม

     

    สมาชิกในทริปกวางจูแต่งกายด้วยชุดทะมัดทะแมงเพื่อเตรียมลุยเก็บแอปเปิ้ลในสวนอย่างเต็มที่ หลายวันที่ผ่านมาฝนตกหนักจนแอปเปิ้ลบางส่วนหลุดจากขั้วร่วงหล่นลงเกลื่อนกลาดเต็มพื้น ที่ยังเหลือแดงเต็มต้นแซมกับใบสีเขียวสดก็มาก คนงานในสวนกระจายกันเก็บแอปเปิ้ลกันอย่างขันแข็ง

     

    “เอาล่ะ พร้อมกันรึยัง งานหนักนะวันนี้” แดฮุนผู้เป็นเจ้าของสวนเอ่ยถามเสียงดังก้องไปทั่วทั้งสวน

     

    “พร้อมครับ/พร้อมค่ะ” เสียงตอบรับอย่างฉะฉานและพร้อมเพรียงทำให้ชายวัยกลางคนยิ้มออก ก่อนพูดต่อ

     

    “เราจะแบ่งเป็นสองทีมนะ ทีมแรกไปกับแทยอน ส่วนอีกทีมมากับลุง เลือกดี ๆ ล่ะ” หลายคนเริ่มเคลื่อนย้ายโดยไม่ลังเล ยุนอาก้าวมายืนฝั่งเจ้าของสวนเป็นคนแรก ก่อนที่แทอุนและฮโยยอนจะตามมาด้วย ส่วนที่เหลือก็เลือกอยู่ฝั่งลูกสาวเจ้าของสวนตามระเบียบ

     

    “เอาล่ะ แบ่งกลุ่มแล้วก็แยกย้าย แทยอนพาเพื่อนไปเก็บแอปเปิ้ลฝั่งตะวันตกนะ เดี๋ยวพ่อไปอีกฝั่ง” แดฮุนสั่งความกับลูกสาวแล้วเดินนำหน้าไป

     

    “ค่ะพ่อ” แทยอนรับคำก่อนหยิบเสบียงในกระเป๋าสะพายออกมายื่นให้อีกกลุ่ม

     

    “ยุนอา” แทยอนเรียกคนที่อยู่ใกล้ที่สุดไว้ “เอาไปด้วยสิ เผื่อหิว”

     

    ยุนอามองอาหารในกล่องที่แทยอนยื่นให้สลับกับใบหน้าใสก่อนเบือนหน้าหนีมองเมินไร้เยื่อใย จากนั้นจึงเดินเลี่ยงไปอีกทาง

     

    แทยอนยืนเก้อเมื่ออีกฝ่ายไม่รับของจากมือเธอ ทุกการกระทำของทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของเพื่อนเพียงไม่กี่คน ต่างพากันเหนื่อยใจกับความสัมพันธ์ของยุนอาและแทยอนที่ดูจะย่ำแย่ลงกว่าเดิม เห็นรุ่นพี่ผู้หวังดีหน้าเจื่อนไปแทอุนจึงเดินไปรับกล่องอาหารจากแทยอนแทนเพื่อนเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ

     

    “ขอบคุณครับพี่แทยอน”

     

    เห็นใบหน้าซีดเซียวของแทยอนแล้วเขาก็นึกสงสาร แต่ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เมื่อทุกอย่างขึ้นอยู่กับยุนอาเพียงคนเดียว ยุนอายินดีให้ความสัมพันธ์ระหว่างแทยอนแย่ลงก็คงจะแย่ลงเรื่อย ๆ ตามนั้น

     

    “แทยอน ไปเถอะ นำหน้าไป” ซุนกยูเดินเข้ามากอดคอเพื่อนกึ่งปลอบโยน แต่ความรู้สึกแย่ ๆ ที่ได้รับจากยุนอานั้นก็ไม่ได้หายไปในทันที

     

    เอาเถอะ ยังไงแทยอนก็เป็นคนผิด จะโทษยุนอาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้

     

     

     

     

    “รู้มั้ยยุนอา?” แดฮุนเกริ่นขณะขยับเข้ามาเก็บแอปเปิ้ลที่ร่วงหล่นจากต้นใกล้ ๆ กับยุนอา เธอให้ความสนใจคนอายุมากว่าโดยการเหลือบมองแวบหนึ่งก่อนที่เขาจะพูดต่อ “ย่าของแทยอนไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไหร่หรอกก่อนที่หนูจะมาน่ะ”

     

    “จริงเหรอคะ?” ยุนอาหยุดมือแล้วหันไปมองหน้าคู่สนทนา เห็นเสี้ยวหน้าของแดฮุนกำลังอมยิ้ม

     

    “ใช่ เมื่อวานกับเมื่อเช้าทานไปเยอะทีเดียว สามสิบปีแล้วที่แม่ไม่เคยกระตือรือร้นขนาดนี้ ขอบคุณที่มานะยุนอา” ประโยคสุดท้ายแดฮุนหันมาสบตายุนอาตรง ๆ ส่งคำขอบคุณผ่านดวงตาเรียวเล็กอย่างจริงใจ ยุนอาปั้นสีหน้าไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่งก่อนยิ้มรับอย่างขัดเขิน

     

    “ไม่เป็นไรค่ะ จริง ๆ ก็ไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำ”

     

    “แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณอยู่ดี” แดฮุนยื่นมือมาแตะศีรษะยุนอาเบา ๆ อย่างเอ็นดูก่อนทั้งคู่จะจบบทสนทนาสั้น ๆ นั้นลงแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตนต่อไป

     

    “คุณลุงคะ ...คุณยุนฮีเค้าเสียเพราะอะไรเหรอคะ?” ยุนอาตัดสินใจเอ่ยถามหลังจากเงียบมาครู่ใหญ่ แดฮุนถึงกับชะงักจนแอปเปิ้ลหล่นจากมือ ทำให้ยุนอารู้ว่าไม่ควรถามคำถามนั้นออกไปเลย คงเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจคนฟังอยู่มากทีเดียว

     

    “ถูกยิงน่ะ” แดฮุนหันหลังให้ยุนอาขณะตอบคำถาม คล้ายกำลังพยายามซ่อนสีหน้าไม่ให้เธอเห็น ตกใจไม่น้อยที่ได้รู้ความจริง ไม่เคยนึกว่าสาเหตุการเสียชีวิตของยุนฮีคือการฆาตกรรม ยุนอาจึงเงียบไป

     

    “เค้าเสียตอนพฤษภา ปี 1980” แดฮุนเสริม ยุนอาเขม้นตามองผู้เป็นเจ้าของประโยคด้วยความตกใจปนเคลือบแคลง....

     

    เป็นเรื่องจริงเหรอ?

     

    ____________________________________________

     

     

     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×