คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4
Chapter 4
แฟ้มเอกสารถูกรวบไว้ในอ้อมแขนเตรียมจะลุกจากม้าหินอ่อน
แต่ต้องชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างคุ้นตาของใครบางคนเดินออกจากมาตึกคณะบริหาร
ห่างออกไปไม่กี่สิบเมตร
เจสสิก้าวางกองแฟ้มเอกสารที่ใช้สำหรับทำโปรเจ็คไว้บนโต๊ะตามเดิม
แล้วเท้าศอกบนแฟ้มเหล่านั้น เพิ่งมองร่างคุ้นตาอยู่เงียบๆ
....มากับผู้ชายงั้นเหรอ ท่าทางจะสนิทกันซะด้วย...
ดวงตาเรียวหรี่ลงอย่างจับผิด คนคนนั้นคือยุนอาไม่ผิดแน่
แต่ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่เดินข้างกันนั่นคือใครล่ะ แล้วยุนอามาที่นี่ได้ยังไง
หรือว่าเรียนที่มหาลัยเดียวกันกับเธอ? บังเอิญเกินไปหน่อยมั้ง
หากยุนอาเรียนที่นี่แล้วทำไมถึงไม่เคยเห็นหรือรู้สึกคุ้นหน้าเลยล่ะ
แต่ก็อย่างที่ว่าล่ะมหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่แคบๆ นี่นะ...
คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นมือของชายร่างสูงเอื้อมไปโอบไหล่ของยุนอา
ซ้ำร้ายไปกว่านั้นอีกฝ่ายกลับไม่ปัดป้องเลยสักนิดตรงกันข้ามออกจะเต็มอกเต็มใจด้วยซ้ำ
มันยังไงกันแน่? หรือว่าผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนของยุนอา?
เซ้นส์เธอจะพลาดรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอเจสสิก้า
หญิงสาวนิ่วหน้าแล้วส่ายศีรษะช้าๆ อย่างไม่อยากเชื่อ
มองคนสองคนที่กำลังเดินผ่านทางเชื่อมของตัวอาคารไปจนสุดสายตา
ทั้งคู่กอดคอหัวร่อต่อกระซิกกันท่าทางมีความสุข ทำราวกับโลกนี้มีแค่สองเรา
... หวานไปมั้ยคะ...
เจสสิก้าเบ้หน้าแล้วสั่นกำไลให้เลื่อนลงมาจากข้อมือ
ก่อนหอบแฟ้มเอกสารกองโตนั่นขึ้นมากอดไว้แนบอก
เดินไปที่ลานจอดรถด้วยความคิดว้าวุ่น
.
.
.
ยุนอานั่งเคี้ยวองุ่นอยู่บนโซฟาท่าทางสบายใจเฉิบ
บนตักมีช็อตตี้นอนเคยคางหลับสบายไม่ต่างกัน
ผ่านไปหลายวันทั้งคู่ค่อยๆ คืนดีกันอย่างเงียบๆ
รู้อีกทีก็นอนกลิ้งอยู่บนโซฟาด้วยกันทั้งคนทั้งแมวอย่างที่เธอเห็น
ยุนอาเองก็ไปๆ มาๆ ระหว่างห้องเธอกับห้องของเจ้าตัวอยู่ประจำเพราะช็อตตี้ยังไม่ยอมกลับห้อง
ส่วนเจสสิก้าก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนักกลับชอบด้วยซ้ำที่มีแมวไว้เลี้ยงแก้เหงา
เอ่อ... แถมคนมาให้เลี้ยงด้วยอีกตัว เอ้ย อีกคน
ยุนอาเด็ดองุ่นจากขั้วแล้วเงยหน้าขึ้น อ้าปากกว้างๆ หย่อนองุ่นสีเขียวสดลงในปาก
ก่อนจะเคี้ยวองุ่นลูกนั้นด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย...
เจสสิก้าเท้าคางบนหมอนเหลือบตามองคนอ่อนกว่าพลางย่นจมูกใส่ด้วยความหมั่นไส้
อยากจะโยนก้อนกรวดเข้าไปในปากกว้างๆ นั่นแทนองุ่นเสียจริง
พอรู้ว่าเธอหายโกรธ ก็กลับมาซ่าส์ได้เหมือนเดิมราวกับลืมเรื่องนั้นไปแล้ว
...ชีวิตนี้มันเคยทุกข์ร้อนอะไรกับคนอื่นเค้าบ้างมั้ยนะ?...
“ช็อต ช็อตตี้”
ยุนอาสะกิดแมวบนตักจนมันลืมตาตื่นแล้วหยิบองุ่นมาชูขึ้นให้ช็อตตี้เห็น
“กินป่ะ”
ช็อตตี้เหลือบมองแล้วเบือนหน้าหนีราวกับกำลังเอือมระอานิสัยเด็กๆ ของเจ้านายหน้าทะเล้น
เมื่อเห็นว่ามันไม่สนใจยุนอาก็จับมันอ้าปากบังคับให้เงยหน้าขึ้นแล้วบีบน้ำองุ่นใส่ปากมันหลายหยด
พร้อมหัวเราะร่วนอย่างพออกพอใจ
พอยุนอาปล่อยมันให้เป็นอิสระ มันก็เกิดอาการสำลักไอแค่กๆ
แล้วยกขาหนาขึ้นมาสีหูสีตาคงอยากลดอาการแสบคอ
“นี่เล่นอะไรน่ะยุนอา มันสำลักแล้วเห็นมั้ยนั่น”
เจสสิก้ามองคนไม่รู้จักโตตาขุ่น หยิบหมอนปาใส่ยุนอาแล้วเอื้อมมือไปอุ้มช็อตตี้มากอดไว้
ลูบศีรษะเล็กๆ ของมันอย่างอ่อนโยน
“เป็นไรมากมั้ยเนี่ย หืม?”
ยุนอายักไหล่แล้วยกขาขึ้นนั่งขัดสมาธิบนโซฟา
โดยไม่เดือดร้อนกับสายตาตำหนิติเตียนที่เจสสิก้าส่งมาให้
ปลิดองุ่นจากขั้วโยนเข้าปากอย่างไม่ใส่ใจ
เบ้ปากล้อเลียนอีกฝ่ายขณะเหลือบมองคนโอ๋แมว รู้สึกอาการหมั่นไส้นิดหน่อย
เพราะอย่างนิ้สินะมันถึงได้ไม่ยอมกลับห้องกับเธอสักที
ไอ้แมวนั่นก็ทรยศเหลือเกิน เห็นคนอื่นดีกว่าเจ้าของ
“พี่ล่ะจะกินองุ่นกับฉันหน่อยมั้ย?”
ยื่นองุ่นสีเขียวสดส่งให้อีกฝ่ายพร้อมยักคิ้วกวนๆ
ดวงตาเรียวเหลือบมององุ่นในมือยุนอาแล้วเลื่อนไปจ้องหน้าคนกวนประสาท
“ถ้าพี่กินจะป้อนพี่มั้ยล่ะ”
เอียงหน้าถามคิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นสูง สีหน้ากวนไม่ต่างไปจากอีกฝ่ายเท่าไหร่
“ป้อนเหรอ?” ยุนอาดึงมือกลับเหล่มองอีกฝ่ายสลับกับองุ่นในมือ
“พี่ล้อเล่นหรือเอาจริงเนี่ย?”
“จะล้อเล่นทำไมล่ะ มือพี่ไม่ว่างเนี่ยเห็นมั้ย?”
“ปล่อยมือจากแมวก็ว่างแล้วไง” ยุนอาว่าพลางเหล่มองอย่างจับผิด
“ไม่อยากป้อนก็ไม่ต้องป้อน”
ย่นจมูกใส่อีกฝ่าย ท่าทางกระเง้ากระงอด
ยุนอาเห็นอย่างนั้นแล้วอดที่จะแซวด้วยความคะนองปากไม่ได้
“แก่แล้ว ทำหน้าแบบนั้นมันก็ไม่น่ารักเหมือนเด็กสิบเจ็ดสิบแปดหรอกค่ะพี่สาว”
ว่าแล้วก็ระเบิดหัวเราะลั่น เปิดปากกว้างๆ จนคนโดนล้อเกิดอาการเคืองยกใหญ่
มือบางเด็ดองุ่นแล้วขว้างออกไปหมายจะให้เข้าปากกว้างๆ นั่นสักที
แต่พลาดเป้าไปโดนแก้มเข้าเต็มแรง
“โอ๊ย” ยุนอาอุทานลั่น หุบปากหยุดขำแล้วลูบแก้มป้อยๆ
“เล่นอะไรของพี่เนี่ย เจ็บนะ” ขมวดคิ้วตวัดหางตามองอีกฝ่ายอย่างเคืองๆ
“สมน้ำหน้า” โยนองุ่นอีกลูกใส่ยุนอาจนต้องกระโดดไปหลบหลังโซฟาเป็นพัลวัน
“โอ๊ย พี่มันเจ็บนะ พอแล้ว”
ร้องห้ามเสียงหลังแต่อีกฝ่ายไม่ยอมหยุดยังทำสงครามปาองุ่นใส่ยุนอา
จนช็อตตี้คงนึกรำคาญเลยกระโดดหนีไปหาที่นอนของมันเงียบๆ
ปล่อยให้คนกับคนทะเลาะกันต่อไป พร้อมองุ่นที่หล่นเกลื่อนพื้น....
โทรศัพท์ในห้องแผดเสียงดังลั่น
ขัดจังหวะสองคนที่กำลังกลายร่างเป็นเด็กน้อย
หยุดสงครามองุ่นลงชั่วคราว
“พี่ โทรศัพท์มา รับสิ”
ยุนอาที่หยิบหมอนมาป้องกันตนเองไว้ชี้ไม้ชี้มือไปที่โทรศัพท์บนโต๊ะ
“เจออีกแน่ อย่าหนีไปไหนแล้วกัน”
เจสสิก้าชี้หน้าคาดโทษก่อนขยับไปยกหูโทรศัพท์ขึ้นมารับ
ยุนอาเหลือกตาขึ้นกรอกไปมาล้อเลียนอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว
“สวัสดีค่ะ อ้อพี่ซีวอนเหรอคะ”
ยุนอายืนกอดหมอนเงี่ยหูฟังบทสนทนาอยู่ใกล้ๆ
“คืนนี้เหรอคะ? เอ่อ... ดึกมั้ยล่ะ”
สีหน้าคนพูดดูลังเลไม่แน่ใจพลางเหลือบมองยุนอาเหมือนอยากจะขอความช่วยเหลือ
“ไปกันกี่คนคะ” กรอกเสียงลงไปในสายอีกครั้ง
“งั้นฉันพาน้องไปด้วยได้มั้ยคะ จะได้มีเพื่อน”
เจสสิก้าเหลือบตาขึ้นมองยุนอาพลางผุดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
ทำเอาคนถูกมองเกิดอาการหนาวๆ ร้อนๆ
อย่าบอกนะว่าน้องที่ว่าน่ะ หมายถึงเรา... เหอะๆ แบบนั้นก็สนุกไปล่ะ
“ค่ะ แล้วคืนนี้เจอกันค่ะ สวัสดีค่ะ” วางสายด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
ก่อนจะหันมองยุนอาแล้วปรับสีหน้าให้ดีขึ้นเหมือนมีความหวัง
รอยยิ้มหวานหยดถูกส่งมาให้อย่างมีเลศนัย
ลืมศึกขว้างองุ่นเมื่อครู่ไปเสียสนิท
ยุนอาหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจแล้วขยับออกห่าง
“อะไรของพี่ล่ะนั่น”
“ยุนอา...”
ยื่นมือไปคว้าแขนเรียวของคนอ่อนกว่ามาเกาะไว้พร้อมเงยหน้ามองตาปริบๆ
“คืนนี้ออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ” เอ่ยขอร้องเสียงหวานอย่างออดอ้อน
....น่าขนลุกไปนะคะพี่สิก้า...
“ทำไมพี่ไม่ไปคนเดียวล่ะ แฟนโทรมาชวนไม่ใช่เหรอ”
ยุนอาห่อไหล่แล้วเบ้หน้าทำท่าจะขยับออกห่าง มองอีกฝ่ายหน้าแหย
“ใครบอกว่าแฟนล่ะ ตานั่นเคยเรียนที่คณะ เป็นรุ่นพี่ของพี่อีกที”
ตีไหล่อีกคนไปหนึ่งที ใบหน้าหงิกงอไม่สบอารมณ์
ก็เพราะไอ้คำว่า ‘แฟน’ ที่ยุนอาพูดถึงนั่นล่ะ
ซีวอนไม่ใช่แฟนของเธอและไม่มีวันใช่ด้วย
ต่อให้ตื๊อจนตายก็ไม่มีทางยอมคบกับหมอนั่นหรอก
ผู้ชายหลงตัวเองน่ารำคาญที่สุด
“ไม่ใช่แฟนแล้วใครล่ะ พูดเสียงอ่อนเสียงหวานขนาดนั้น”
หลิ่วตาล้อเลียนอีกฝ่ายไม่เลิกจนเจสสิก้าชักเริ่มมีน้ำโห
กรอกตาขึ้นมองหน้าอย่างเอาเรื่อง เป็นเชิงว่าให้หยุดฟังเธอพูดบ้าง
“โอเคๆ ไม่ใช่แฟนก็ไม่ใช่ค่ะ” ยิ้มแหยๆ ส่งไปให้
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงเราก็ไปเป็นเพื่อนพี่คืนนี้”
ยุนอาอ้าปากทำท่าจะตอบปฏิเสธ แต่เจสสิก้าถลึงตาใส่พร้อมยกนิ้วขึ้นชี้หน้า
“นี่คือคำสั่ง ไม่เห็นแก่ที่หลับที่นอนของช็อตตี้กับอาหารอีกหลายๆ มื้อของเราก็แล้วแต่นะ”
เริ่มทวงบุญคุณจนยุนอาเถียงไม่ออก หาเรื่องมาบ่ายเบี่ยงไม่ได้ เหมือนคนน้ำท่วมปาก
....บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ... แต่ตอนนี้เค้ามีแต่บุญคุณน่ะสิเลยต้องทดแทนกันไปก่อน
“ก็ได้ค่ะ ไปกี่โมงล่ะ” ตอบรับเสียงอ่อยๆ หน้าหมองลงทันตา
“สี่ทุ่ม อย่าลืมล่ะ ห้ามเบี้ยวด้วย” เจสสิก้ากำชับหนักแน่น
“ฉันชวนเพื่อนไปอีกคนได้มั้ย? ไปคนเดียวมันยังไงๆ อยู่นะ
เพราะฉันก็ไม่รู้จักใครเลยนอกจากพี่” ยุนอาส่งสายตาวิงวอนต่อรองกับอีกฝ่าย
“ก็ได้ๆ กี่คนล่ะ”
“คนเดียวค่ะ” ตอบรับเสียงดังฟังชัดพร้อมฉีกยิ้มกว้าง
“งั้นก็คงไม่มีปัญหา” กอดอกยกมือแตะคางทำท่าครุ่นคิดแล้วพยักหน้า “ว่าแต่พรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง”
ยุนอายกมือลูบหน้าผาก กรอกตามองขึ้นไปบนเพดาน
ครุ่นคิดทบทวนถึงตารางเรียนที่ไม่ค่อยได้จดจำใส่สมองเท่าไหร่
“อืม....น่าจะประมาณสิบโมงนะ ถ้าจำไม่ผิดอะ”
ว่าพลางเลื่อนมือลงมาถูปลายจมูกตนเองเหมือนไม่แน่ใจ
“งั้นก็ดึกได้สิไม่ต้องตื่นเช้ามาก”
“ก็ทำนองนั้น”
ยุนอาพึมพำพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่ทันไตร่ตรอง ก่อนจะเบิกตาโตเมื่อคิดตามทัน
“ฮะ? ดึก.. จะไปนานขนาดนั้นเลยเหรอ” ยุนอามีสีหน้าลำบากใจ เอ่ยถามเสียงอ่อน
“ก็คงอย่างนั้นน่ะ พี่ไม่ได้อยากไปหรอก แต่ขัดไม่ได้น่ะสิ” หญิงสาวถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“พี่จะไปผับ บาร์ อะไรทำนองนี้ป่ะ”
“อื้อ ไปคลับเจ้าประจำอะไรของเค้าก็ไม่รู้”
“แต่.... ฉันดื่มด้วยไม่ได้นะ” ยุนอาสารภาพไปตามตรง
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ก็ ฉันแพ้แอลกอฮอล์น่ะ” เจสสิก้ามองหน้าคนตัวสูงกว่าอย่างไม่อยากเชื่อ
...แพ้แอลกอฮอล์แปลว่าทั้งชีวิตนี้คงแทบไม่ได้แตะมันเลยสินะ...
“แล้วกัน แบบนี้ก็ไปหง่าวเฉยๆ น่ะสิ”
คิ้วเรียวขมวดเป็นปมหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตน
เริ่มไม่แน่ใจว่าจะชวนยุนอาไปเป็นเพื่อนดีหรือเปล่า
หรือเธอจะโทรไปชวนยงฮวาไปแทน.... เอายังไงดีนะ
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันมีตัวแทนอยู่แล้ว คนที่ฉันจะชวนไปด้วยน่ะ เค้าดื่มเก่ง”
เจสสิก้าได้ยินอย่างนั้นแล้วก็ค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยๆ ยุนอาก็ยังมีเพื่อนนี่นะ
“งั้นไปอาบน้ำเถอะอีกไม่นานจะได้เวลาแล้ว”
เจสสิก้ารุนหลังอีกฝ่ายออกไปจากห้องเป็นการบังคับกลายๆ
ยุนอาอิดออดเล็กน้อยพอให้ได้ขัดก่อนจะยอมกลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัวแต่โดยดี
ประตูห้องปิดลงแล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมถามยุนอาเรื่องที่มหาวิทยาลัยวันนี้
เลยไม่รู้กันว่าอีกฝ่ายเรียนที่นั่นหรือเปล่า
และที่สำคัญไปกว่านั้นคือไม่รู้ว่าผู้ชายร่างสูงที่เดินกระหนุงกระหนิงกับยุนอาวันนี้เป็นใคร
“เฮ่อ... ขี้ลืมจริงๆ” เท้าสะเอว พ่นลมหายใจแรงๆ อย่างสุดเซ็ง
แต่เอาเถอะก็ยังต้องเจอกันอีกอยู่แล้ว ค่อยถามตอนยุนอาอาบน้ำเสร็จก็แล้วกัน
.
.
.
ลานจอดรถเงียบสงบไร้ผู้คน มีเพียงยานพาหนะยี่ห้อหรูหลายคันจอดเรียงรายกันอยู่
ยุนอากับเจสสิก้าเดินเคียงกันออกมาจากตัวตึก
คนตัวสูงกว่าเดินพลางชะเง้อคอมองหาคนที่ได้นัดเอาไว้แล้วเมื่อชั่วโมงก่อน
ชายหนุ่มร่างสูงยืนโบกไม้โบกมือให้อยู่ไม่ไกล เจสสิก้าเหลือบไปเห็นเข้าเลยชี้ชวนให้อีกฝ่ายดู
“ใช่คนนั้นมั้ยยุนอา”
ยุนอามองตามแล้วเบิกตากว้าง
รอยยิ้มแทบจะฉีกถึงใบหูตะโกนเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นเสียงดังก้องลานจอดรถ
“แทอุน มานานยังอะ” เรียกพลางวิ่งเข้าไปหาเป้าหมาย
เจสสิก้านิ่วหน้า สะดุดใจกับท่าทางของผู้ชายคนนั้นอยู่มาก
... นี่ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นคนที่อยู่กับยุนอาวันนี้นี่ หรือว่าเค้าทั้งสองคนจะเป็นแฟนกันจริงๆ
“พี่สิก้าไปกันเถอะ”
ยุนอากระตุกมือคนที่ยืนทำสีหน้ายุ่งยากอยู่ที่เดิม เจสสิก้าคืนสติเดินตามอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย
“แทอุนนี่พี่สิก้า” ยุนอาแนะนำ ผู้ชายที่ชื่อแทอุนค้อมศีรษะให้เจสสิก้าอย่างนอบน้อย
ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มดูน่าผูกมิตรไม่ต่างจากยุนอา หญิงสาวจำค้อมศีรษะตอบทั้งที่ยังข้องใจอยู่มาก
“ส่วนนี่ อู แทอุน เพื่อนฉันเองค่ะ”
เจสสิก้าแอบผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก
เมื่อได้ยินประโยคแนะนำผู้ชายตัวสูงจากปากยุนอา
แต่ก็ยังเบาใจไม่ได้หรอกเพราะบางคู่อาจจะบอกคนอื่นว่า
เพื่อนกันแต่แท้ที่จริงแล้วอาจจะคบกันลึกซึ้งกว่านั้น
...เออ แล้วนี่เรากลายเป็นคนคิดมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย....
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“เช่นกันค่ะ” เจสสิก้าตอบรับตามมารยาท
“ไปยินดีที่ได้รู้จักกันในรถเหอะ เดี๋ยวเพื่อนพี่สิก้ารอนาน”
ยุนอากระตุ้นด้วยคำพูดกวนอารมณ์ที่ติดเป็นนิสัย เดินไปเปิดประตูรถของแทอุนอย่างคุ้นเคย
“บอกทางผมนะครับ ” แทอุนเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งหมดอยู่บนรถเป็นที่เรียบร้อย
โดยมียุนอานั่งเบาะหลังเพียงคนเดียว ส่วนเจสสิก้านั่งข้างคนขับเพราะต้องคอยบอกเส้นทาง
“ค่ะ” เจสสิก้ารับคำ พร้อมกับรถยุโรปคันหรูเคลื่อนตัวออกไปจากลานจอดรถอย่างนุ่มนวล
เสียงเครื่องยนต์เงียบเชียบเหมือนตอนยังไม่ติดเครื่อง...
พิจารณาจากการแต่งกายแล้ว แม้ว่าแทอุนจะไม่ได้แต่งตัวหรูหราอะไรมากมาย
มีเพียงกางเกงยีนส์สีเข้มกับเสื้อยืดสีขาวทับด้วยแจ็คเก็ตสีเข้ม
แต่เสื้อผ้าสบายๆ ที่สวมใส่อยู่นั้นมองใกล้ๆ ก็พอจะรู้ว่ามีราคาไม่น้อย
จากภาพรวมคงเป็นลูกหลานผู้มีอันจะกิน
“จำทางได้แน่นะพี่สิก้า ยิ่งเอ๋อๆ อยู่ด้วยพี่น่ะ อย่าพาหลงล่ะ”
ยุนอาเปรยขึ้นขณะที่เธอกำลังใช้ความคิด หญิงสาวหันกลับไปส่งค้อนตาคว่ำให้คนปากดี
จริงๆ ถ้าอยู่ใกล้กว่านี้มันน่าจะตบให้คว่ำมากกว่า
เงียบได้ไม่นานคงคันปากสินะถึงได้หาเรื่องกัดคนอื่นไปทั่ว...
.
.
.
เจสสิก้านั่งเบียดอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันกับยุนอา ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงเรื่อจากฤทธิ์แอลกอฮอล์
เพราะถูกผู้ชายหน้าคมที่ชื่อซีวอนและเพื่อนผู้ชายในกลุ่มคะยั้นคะยอให้ดื่ม
ในคลับบรรยากาศดีก็จริง แต่คนร่วมโต๊ะทำให้เธอเกิดอาการหงุดหงิด
เสียงเพลงจากเปียโนดังคลอเคล้ากับแสงสลัว
ถ้าไม่มีผู้ชายพวกนี้ร่วมโต๊ะคงน่าเคลิ้มตามกว่านี้อยู่หรอก
ไม่อยากจะคิดหากปล่อยเจสสิก้ามาคนเดียวจะตกอยู่ในสภาพไหน
แค่มาได้ไม่ถึงสองชั่วโมงก็คอพับคออ่อนแล้ว
เจสสิก้าพยายามปฏิเสธแล้วแต่ก็ยังขอร้องแกมบังคับให้ดื่มเครื่องดื่มพวกนั้น สุภาพบุรุษเกิ๊น!!!!
“น้องยุนอา เบื่อเหรอครับ สักแก้วมั้ยจะได้หายเบื่อ”
ทงเฮชูแก้วในมือขึ้นพร้อมกดยิ้มมุมปากในแบบที่คงคิดว่าตนเองเท่ห์ที่สุดมาให้
เกือบเผลอชักสีหน้าใส่แต่แทอุนที่นั่งข้างๆ สะกิดเตือนให้ใจเย็นเอาไว้
“ยุนอาเค้าแพ้แอลกอฮอล์น่ะครับพี่ทงเฮ ดื่มแล้วผื่นขึ้น
หายใจไม่ค่อยออกด้วย เป็นแล้วน่ากลัวครับ”
ยังดีที่แทอุนเข้ามาช่วยกู้สถานการณ์ แล้วชนแก้วกับทงเฮแทน
ยุนอานึกขอบใจเพื่อนสนิทอยู่ไม่น้อย หากปล่อยให้จัดการเองคงได้หน้าชากันไปข้างล่ะ
“จริงเหรอครับ น่าเสียดายจัง” ทงเฮพึมพำแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ
ของเหลวสีอำพันไหลผ่านริมฝีปากนั้นลงไป ยุนอามองแล้วเบ้หน้าตามพลางกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอ
จิบเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ในแก้วของตนแทน
แค่ได้กลิ่นก็ขนลุก ไม่รู้ดื่มกันเข้าไปได้ยังไง
“มึนหัวจัง” เสียงหวานๆ กระซิบข้างหู เอนศีรษะพิงซบไหล่ของยุนอาเหมือนคนอ่อนแรง
จากที่เบียดกันอยู่แล้วตอนนี้แทบจะขึ้นมานั่งเกยอยู่บนตัก
ซ้ำยังสอดมือเข้ามาเกาะแขนเธอเอาไว้แน่น
“อีกแก้วนะครับ”
ซีวอนที่นั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามเลื่อนแก้วที่บรรจุของเหลวสีสวยมาให้เจสสิก้าอีกครั้ง
ใบหน้าคมเข้มมีรอยยิ้มผุดพรายตรงมุมปาก วางมาดเหมือนกับผู้หญิงทั้งโลกต้องยอมสยบแทบเท้า
บวกกับคำพูดอวดตัวที่ได้ยินมาตลอดตั้งแต่มาถึง ทำให้ยุนอานึกหมั่นไส้อีกฝ่ายไม่น้อย...
หล่อตายล่ะค่ะพี่ซีวอน
“น่าจะพอได้แล้วนะคะ พี่สิก้าเค้าไม่ไหวแล้วล่ะ”
เอ่ยปรามอีกฝ่ายแบบถนอมน้ำใจมากที่สุด นี่คิดอะไรอยู่ จะมอมเหล้ากันเลยหรือไง บ้าจริง
...ฝ่ายนั้นชักสีหน้าเล็กน้อย คงคิดว่ายุนอาไม่เห็น คิดผิดแล้วล่ะ
“สิก้าทำไมเมาเร็วนักล่ะ สมัยที่พี่ยังเรียนอยู่ที่นั่นไม่เป็นแบบนี้นี่ออกจะดื่มเก่ง”
ซีวอนเมินยุนอาแล้วหันไปกระเซ้าเจสสิก้าด้วยความคะนองปาก
“ก็ไม่ได้ดื่มนานแล้วนี่” เมื่อสติเริ่มไม่อยู่กับร่องกับรอย
น้ำเสียงที่เปล่งออกไปจึงฟังดูห้วนจัด มารยาทที่ควรรักษาก็ถูกลืมไปจนหมด
มือบางละจากแขนของยุนอาแล้วสอดเข้าไปโอบเอวอีกฝ่ายเต็มรัก
เลื่อนใบหน้าไปซบซอกคอคนข้างๆ
ลมหายใจกรุ่นกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ เป่ารินรดจนยุนอารู้สึกร้อนตาม
เมาแล้วเลื้อยอย่างนี้นี่เองถึงไม่น่าปล่อยให้มาเที่ยวกับพวกเสือสิงห์กระทิงแรดแถวนี้เพียงลำพัง
คิดถูกแล้วจริงๆ ที่ตามมาด้วย
“ยุน ฉันว่าเราชิ่งก่อนดีป่ะ พี่สิก้าจะไม่ไหวเอานะ ฉันก็ด้วย พวกนี้แม่มคอแข็งชะมัด”
แทอุนเอียงหน้ามากระซิบข้างหู
พลางเหลือบตามองกลุ่มเพื่อนของซีวอนที่ยังนั่งกระดกเหล้าเข้าปากไม่หยุด
ชายหนุ่มหน้าแดงไม่ต่างไปจากเจสสิก้า
แต่ดีกว่าหน่อยเพราะแค่รู้สึกมึนแต่ยังไม่เมาเหมือนคนที่กำลังลวนลามยุนอาอยู่(?)
“เอ่อ พี่คะ พวกเราขอตัวกลับก่อนนะคะ พอดีกว่าพรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าน่ะค่ะ”
ยุนอาโพล่งขึ้นทำเอาคนทั้งกลุ่มเงียบกริบ
แน่นอนว่าต้องไม่พอใจกันอยู่แล้วที่มีมารอย่างยุนอากับแทอุนมาขวาง
“ยังไม่ตีหนึ่งเลยนะครับ จะรีบไปไหน” ทงเฮท้วง
อยากประวิงเวลาไว้ให้อยู่กับสองสาวนานอีกหน่อย เผื่อจะเกี้ยวยุนอาติด
“ก็มีเรียนเช้าน่ะค่ะ ทั้งฉันทั้งพี่สิก้า แทอุนก็ด้วย จริงมั้ย?”
หันไปขอความเห็นจากแทอุน ชายหนุ่มรู้เท่าทันความคิดของยุนอาจึงพยักหน้ารับสมอ้าง
“ใช่ครับ พวกผมต้องไปพรีเซนต์งานด้วย ขาดไม่ได้” แทอุนเสริม
แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความจริง เพราะยุนอากับเขาไม่ได้เรียนที่เดียวกัน
ส่วนเจสสิก้าพรุ่งนี้ก็ไม่มีเรียนด้วยซ้ำ
“ใช่ ต้องพรีเซ้นต์” เจสสิก้าพยักหน้าตามแล้วทวนคำเหมือนคนไร้สติ
ทิ้งน้ำหนักลงมาพิงร่างยุนอาทั้งตัว เดือดร้อนยุนอาต้องทรงตัวไว้ให้มั่นคง
พร้อมโอบเอวบางกันไม่ให้ไถลลงไปฟุบกับโต๊ะตรงหน้า
“เฮ่อ.. เอาเถอะครับ โอกาสหน้ายังมี แล้วเจอกันใหม่ครับ”
ซีวอนตอบแบบขอไปที สีหน้าไม่พอใจแสดงออกมาอย่างชัดเจนโดยไม่ปิดบัง
ยุนอาแอบค่อนขอดในใจ มันคงไม่มีโอกาสหน้าอีกแล้วล่ะ
ไม่มีทางที่จะออกมาเจอกับคนพวกนี้แน่
ถ้าเจสสิก้าจำเป็นต้องมาคนเดียวเธอก็จะขวางไว้ให้ถึงที่สุด
อย่าหวังไอ้พวกหน้าหม้อ!
.
.
.
ยานพาหนะคู่ใจของแทอุนจอดนิ่งสนิท ยุนอาถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
“เฮ่อ... กว่าจะถึง ขอบใจมากนะแทอุน ถ้าไมได้แกฉันแย่เลย”
ยุนอาบอกกับเพื่อนสนิทสบตากันผ่านกระจกมองหลัง
ด้วยเธอต้องนั่งประคองคนเมาเอาไว้ที่เบาะนั่งด้านหลัง จะปล่อยให้นั่งคนเดียวก็ไม่ได้อีก
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าฉันไม่ไปด้วยนี่แกกับพี่สิก้าจะรับมือกันยังไง พวกนั้นมันเสือชัดๆ”
แทอุนบ่นอุบ ดูเหมือนเขาก็ไม่พอใจพวกของซีวอนเช่นเดียวกัน
“นั่นสิ ไม่อยากจะคิดถ้าปล่อยพี่แกไปคนเดียวคงโดนพวกมันขย้ำ”
ยุนอาส่ายหน้าพลางถอนหายใจยาว เหลือบมองกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มของคนที่อาศัยพิงร่างเธอจนหลับ
ก่อนออกแรงเขย่าร่างนั้นเพื่อปลุกให้ตื่นแล้วลงไปจากรถ
“พี่สิก้า ถึงแล้ว ตื่นได้เถอะ” เจสสิก้าขยับตัว
ปรือตาขึ้นแล้วเงยหน้ามองเจ้าของร่างที่ให้ยืมพิงมานานหลายสิบนาที
หรี่ตามองให้ชัดๆ ก่อนดันตัวไปพิงกับประตูรถอีกด้าน
มือบางยกขึ้นนวดคลึงขมับเพื่อคลายอาการวิงเวียนศีรษะที่เกิดจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
สูดจมูกแรงๆ หวังจะให้อาการมึนเมาบรรเทาลง
“โทษที พี่หลับมาตลอดเลยเหรอ” เสียงไม่อ้อแอ้เหมือนเมื่อครั้งที่อยู่ในคลับ
“ก็เกือบชั่วโมงเลยล่ะ” ยุนอาตอบขณะที่แทอุนเปิดประตูลงไปยืนรอนอกตัวรถ
เจสสิก้าเหลือบมองตามเสียงเปิดปิดประตูนั่นเล็กน้อย
“ขอบคุณนะที่ลำบากไปนั่งเป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าปล่อยพี่ไปคนเดียวสิยิ่งน่าห่วง”
ยุนอาหันไปคลี่ยิ้มอ่อนๆ ให้เจสสิก้า เป็นอีกครั้งที่ยุนอาไม่กวนประสาทเธอ
ควรจะบันทึกไว้ในเมมโมรี่เลยสินะ
“พี่ปวดหัวมั้ย” ยุนอาขยับเข้าใกล้ ใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ
คนที่ไม่ทันตั้งตัวตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เล่นเอาตาสว่างจนแทบสร่างเมา
เจสสิก้าไม่มีทางขยับไปไหนได้อีกเพราะแผ่นหลังก็แนบชิดติดอยู่กับประตูรถ
เกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาอย่างฉับพลัน
เผลอกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ ....ดูเอาเถอะบทจะรุกก็ล่นซะใจหายใจคว่ำ
ดวงตาสีอ่อนปิดลงอีกครั้งเหมือนรอคอยสัมผัสจากอีกฝ่าย......
ลมหายใจอุ่นของยุนอาเป่ารดข้างแก้ม ก่อนจะผ่านเลยไป
แกรก...
“พี่สิก้า ลงไปสิ ง่วงไม่ใช่เหรอ จะได้รีบไปนอน”
เสียงยุนอาดังอยู่อีกฟากของเบาะนั่ง ห่างจากเธอเป็นเมตร... หมายความว่ายังไงกัน.. ?
เจสสิก้าเปิดเปลือกตาขึ้นมองหน้ายุนอาอย่างงุนงงก่อนเอี้ยวคอมองไปข้างหลังตามสายตาของยุนอา
....ประตูรถถูกเปิดอ้าไว้ ถ้างั้นเสียงเมื่อกี๊นี้ก็คงเป็นเสียงเปิดประตูรถสินะ
ยุนอาแค่โน้มตัวมาเปิดประตูให้ ไม่ได้คิดจะทำอะไรมากกว่านั้น...เธอเองที่คิดเกินเลย
งามไส้มั้ยล่ะเจสสิก้า
“อ..อื้อ ก็ง่วงแล้วล่ะ มึนหัวด้วย” เจสสิก้าแกล้งยกมือนวดขมับแก้เก้อ
ทั้งยังช่วยปิดบังใบหน้าแดงเรื่อด้วยความอับอายให้พ้นจากสายตาของยุนอา
หวังว่าเด็กนี่คงไม่รู้หรอกนะว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ก่อนหน้านี้
เจสสิก้าก้าวลงไปจากรถอย่างทุลักทุเลเล็กน้อย
โดยมีสายตาเป็นห่วงเป็นใยของยุนอามองตามไปไม่ห่าง
ก่อนที่เจ้าตัวจะขยับลงมาจากประตูรถอีกด้านแล้วปิดมันไว้ดังเดิม
“ดึกแล้ว แทอุนแกกลับไปเหอะ ฉันกับพี่สิก้าเดินกลับห้องได้ ใกล้แค่นี้เอง”
ยุนอาพยักพเยิดไปทางประตูทางเข้าตัวอาคาร
แทอุนยกมือขึ้นเกาหัวแล้วหันมองหน้าเพื่อนสนิทสลับกับบานประตูอย่างลังเล
“เอางั้นเหรอ?”
“ไม่ต้องห่วงหรอกแทอุน นะ เชื่อพี่”
เจสสิก้าที่ยืนหันหลังพิงตัวรถอยู่เสริมกับแทอุนอีกแรงจนชายหนุ่มยอมรับเหตุกลับเข้าไปในรถอีกครั้ง
“งั้นผมกลับล่ะครับ แล้วเจอกันใหม่ครับ” แทอุนเลื่อนกระจกรถลงแล้วโบกมือลาสองสาว
รถเคลื่อนตัวออกไปจากลานจอดรถจนลับหายไปจากสายตา
ยุนอาขยับเข้าไปประคองร่างคนที่ยังไม่สร่างเมาเอาไว้ มือหนึ่งแตะเอวบางอีกมือเลื่อนขึ้นไปโอบไหล่
“ไปนอนกันเถอะเรา”
กระซิบบอกใกล้ๆ หู ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมทำตามแต่โดยดี ในสมองครุ่นคิดเรื่องที่ผ่านมาให้วุ่น
...กี่ครั้งแล้วที่เสียเซล์ฟเพราะยุนอา เราคิดมากไป หรือว่าไอ้เด็กนี่มันคิดน้อยไปกันแน่นะ...
****************************************
แขกรับเชิญ Woo Taewoon วง coed ค่ะ
บางคนอาจไม่รู้จักหน้าค่าตา อยากรู้เชิญจิ้มค่ะ >>click<<
อิอิ คลอดแล้วค่ะ ตอนที่สี่ รอนานกันไหม?
ความคิดเห็น