ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3
Chapter 3
หัวใจกระตุกวูบก่อนร่างที่ฟุบนิ่งจะสะดุ้งเฮือก เปลือกตาเปิดขึ้นตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน
ยุนอาหายใจหอบพลางยกมือทาบอก กระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสภาพการมองเห็นที่พร่าเลือนให้ชัดเจนขึ้น
เป็นเพราะนอนผิดท่าจึงทำให้หลับได้ไม่สนิทนัก เวลาตื่นก็ค่อนข้างพิสดารนิดหน่อย
ลองขยับคอก็พบว่ามีอาการปวดจนเผลอครางโอดโอย
มือยกขึ้นมานวดบริเวณท้ายทอยเบาๆ คลายอาการปวด
“หือ?” คิ้วขมวดมุ่นหรี่ตาลงอย่างเคลือบแคลง ก่อนหันมองรอบๆ ห้อง ไม่คุ้นเลยสักนิด...
ก็เพราะว่ามันไม่ใช่ห้องของยุนอาน่ะสิ นึกขึ้นได้พอดีว่าเมื่อเช้ามาขอข้าวเพื่อนร่วมคอนโดทานแล้วยังไม่ทันได้กลับห้อง
ดันเผลอนั่งหลับอยู่บนโซฟาห้องคนอื่นเค้าซะได้
ว่าแต่... เจ้าของห้องไปไหนล่ะไม่เห็นอยู่แถวนี้เลย หายไปพร้อมกับช็อตตี้
หรือว่าจะลากช็อตตี้ไปเชือดเป็นมื้อค่ำซะแล้ว.. บ้าน่า!. คงไม่หรอกมั้ง
คิ้วขมวดกันยุ่งยิ่งกว่าเดิมเมื่อรู้สึกว่าชักจะคิดฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ สะบัดศีรษะปัดไล่ความคิดไร้สาระนั้นทิ้งไป
มองไปที่จอทีวีจำได้ว่าก่อนที่จะเผลอหลับมันยังเปิดอยู่
แต่ตอนนี้หน้าจอกลับมืดสนิทเห็นแค่เงาสะท้อนภาพเฟอร์นิเจอร์ในห้องรับแขกเลือนราง
ยุนอาดันตัวให้ลุกขึ้นนั่งตีวตรง กลืนน้ำหลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก
รู้สึกกระหายน้ำจนคอแห้งไปหมด เหลียวซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นแม้เงาเจ้าของห้องคนสวย เงี่ยหูฟังเสียงก็ยังเงียบฉี่
ถ้าถือวิสาสะไปหยิบน้ำในตู้เย็นของเจสสิก้ามาดื่มเองจะเป็นไรมั้ยนะ?
นั่งคิดอยู่เป็นนาทีก็ฉีกยิ้มเผล่
ก็ก่อนหน้านี้ตอนมาขอข้าวเค้าทานยังทำมากกว่านี้อีกไม่ใช่เหรอ แล้วจะมานึกเกรงใจอะไรเอาตอนนี้ล่ะยุนอาเอ๊ย ..
หัวเราะเบาๆ ในลำคอแล้วตบหน้าผากตัวเองดังแปะก่อนลุกพรวดพราดตรงไปยังห้องครัวที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบของเจสสิก้า
น้ำเย็นเฉียบในแก้วถูกยกขึ้นดื่มอึกใหญ่อย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพักหายใจ
จนหมดแก้วนั่นล่ะถึงได้ปล่อยลมหายใจออกมาในครั้งเดียว
แก้วเปล่าถูกวางไว้บนหลังตู้เย็นก่อนที่จะมองสำรวจไปรอบๆ ห้องครัว
อุปกรณ์ทุกชิ้นสะอาดเอี่ยมราวกับไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน สงสัยอยู่ว่าผู้หญิงคนนี้คงจะทำกับข้าวไม่เป็น
เครื่องครัวเหล่านี้ก็คงมีไว้เพื่อประดับห้องครัวเท่านั้น
คิดดพลางเดินหยิบนู่นหยิบนี่ขึ้นมาดู เครื่องครัวทันสมัยหลายชิ้น มันน่าเสียดายที่เจ้าของปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ
เดินสำรวจห้องครัวจนพอใจท้องก็เริ่มร้องประท้วงขึ้นมาอีก ลำบากต้องไปเปิดตู้เย็นหาของกินมาประทังความหิว
ในนั้นมีแอปเปิ้ลสีแดงสดอยู่หลายลูก ยุนอาตัดสินใจหยิบมันมาลูกเดียวแล้วกัดกร้วมเข้าไปคำใหญ่
เนื้อแอปเปิ้ลกรุบกรอบหวานฉ่ำ เย็นชื่นใจ... เคี้ยวพลางยิ้มไปพลางอย่างอารมณ์ดี
โซฟาตัวยาวถูกยุนอาจับจองเป็นเจ้าของ
หลังจากเอนร่างลงนอนตะแคงก็หยิบรีโมทมากดเปิดทีวีพลางกัดแอปเปิ้ลในมือสบายใจเฉิบ
ทำเหมือนกำลังนอนอยู่ห้องของตนยังไงอย่างงั้น รีโมทในมือถูกกดเปลี่ยนช่องไปมาอยู่หลายที
เหมือนกดเล่นมากกว่าอยากจะดูจริงๆ
บางทีเจสสิก้าอาจจะพาแมวออกไปเดินเล่นก็ได้ นี่ก็เย็นมากแล้ว
แดดร่มลมตกอากาศกำลังดีเหมาะแก่การไปเดินหรือวิ่งเล่นในสวนแถวคอนโด
ห้องนี้ก็มีแค่เราแล้วล่ะทีนี้ ^_______________________^
... แต่บางทีในฐานะแขก(ไม่ได้รับเชิญ)ก็ทำตัวตามสบายเกินเหตุไปนะยุนอา
“สบายจริงนะเรา”
เสียงที่เริ่มคุ้นเคยดังอยู่ไม่ไกล เจ้าของห้องคนสวยคงกลับมาแล้ว
ยุนอาใช้ศอกดันตัวลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า ไม่มีท่าทีสะดุ้งตกใจ
อืม... มันคงเห็นที่นี่เป็นห้องของมันจริงๆ เยี่ยมเลยค่ะ...
เจสสิก้าที่เพิ่งปล่อยแมวลงจากวงแขนมองเด็กขายาวบนโซฟาแล้วนึกค่อนขอดในใจ
ในมือมีถุงหูหิ้วสองสามถุงใบไม่เล็กนัก คงลำบากไม่เบากับการถือมันมาพร้อมกับอุ้มแมวตัวโตเต็มวัยไว้ในอ้อมกอด
“ก็สบายดี พี่ไปไหนมาเหรอ” ฉีกยิ้มกว้างให้เจสสิก้าแล้วเอ่ยถามกลับอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“พาช็อตตี้ไปเสริมสวยมา เปลี่ยนปลอกคอให้เค้าด้วย”
ถามถึงตรงนี้ทำให้เจสสิก้ายิ้มออก ยืดอกบอกอย่างภูมิใจ ยุนอาพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ
“ถืออะไรพะรุงพะรังมาด้วยน่ะ ลำบากมั้ย”
ยุนอาลุกจากโซฟาเดินตรงไปหาเจสสิก้า ยื่นมือออกไปรับถุงนั้นมาถือไว้เสียเอง “มาฉันช่วย”
“ขอบใจนะ” ปล่อยถุงให้ยุนอาแล้วเดินเข้าไปอุ้มช็อตตี้มาขึ้นมาอวดเจ้าของตัวจริง
“พาไปอาบน้ำเล็มขนมานิดหน่อย สะอาดเชียว ปลอกคอนี่สวยมั้ย”
มือบางลูบไล้ขนนุ่มของมันแล้วรั้งปลอกคอสีชมพูหวานขึ้นอวดยุนอา
“สีหวานเชียว แบบนี้ก็สกปรกง่ายสิ” ยุนอาทำหน้าไม่เห็นด้วยพร้อมเอ่ยติง
“อยู่บนนี้จะไปสกปรกอะไรเล่า ไม่ได้ปล่อยเลี้ยงตามพื้นสักหน่อย
นอกซะจากว่าเจ้าของมันจะปล่อยปละละเลยมันซะเอง ”
เจสสิก้าไม่ยอมแพ้เช่นกันแถมยังเหล่มองยุนอาแว้บหนึ่งแล้วเหน็บเข้าให้อีกหนึ่งที
ยุนอาถอนหายใจแรงๆ แล้วยักไหล่
“เอาเถอะตอนนี้มันเป็นแมวพี่แล้วนี่ ไม่ใช่แมวฉัน”
ประชดประชันทั้งคนทั้งแมวพร้อมยื่นนิ้วไปจิ้มหน้าผากเล็กๆ ของช็อตตี้เจ้าเหมียวทรยศอย่างหมั่นไส้
เจสสิก้าจิ๊ปากแล้วชักสีหน้าใส่เป็นเชิงไม่พอใจแต่ยุนอากลับหัวเราะชอบใจกับท่าทางของอีกฝ่ายเสียอย่างนั้น
“ว่าแต่ของพวกนี้เอาไปไว้ในครัวเลยมั้ย?” ยุนอายกถุงในมือขึ้นถามเจสสิก้า
ในนั้นมีทั้งผลไม้และอาหารหลายอย่างในกล่องรวมไปถึงซองรามยอนหลากรส
เหมือนจะซื้อมาตุนไว้มากกว่าทานให้หมดในวันเดียว
“อื้อ เอาไปในครัวเลย ตามพี่มา” ว่าแล้วก็อุ้มเจ้าช็อตตี้เดินนำหน้ายุนอาไปที่ห้องครัว
“เอาของสดไว้ในตู้เย็นเลยนะ ผลไม้พวกนี้น่ะ ส่วนรามยอนเอาไว้ในตู้กับข้าวชั้นบนนู่น”
อุ้มแมวเดินไปเดินมาทั่วห้องครัวพลางชี้นิ้วสั่งให้ยุนอาทำตามเหมือนเป็นเจ้านาย
ได้ทีล่ะสั่งใหญ่เชียวนะคุณนายจอง
แอบนินทาอีกคนในใจแต่ก็ทำตามคำสั่งอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ปริปากบ่น
“เสร็จแล้ว แล้วพวกนี้ล่ะ” ยุนอาชี้ไปที่อาหารกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะ
“หิวหรือยังล่ะ”
เงยหน้ามองแล้วเลิกคิ้วสูง ย้อนถามกลับคนอ่อนกว่า ยุนอาหัวเราะแหะๆ แล้วอ้อมแอ้มตอบ
“ก็นิดนึง”
“งั้นก็เอาจานชามมาใส่ซะสิจะได้ทานให้เสร็จๆ ไป”
รอยยิ้มของยุนอาฉีกกว้างเมื่อเจสสิก้าพูดจบ กำลังหิวๆ อยู่ๆ ก็มีลาภปากลอยมาหาถึงที่
“ตกลงค่ะ” ยุนอารีบไปหยิบจานชามมาใส่อาหารที่เจสสิก้าซื้อมา
หญิงสาวยืนมองคนที่กำลังทำตามคำสั่งของเธออย่างว่าง่ายพลางคิดในใจ
ถ้าอยากจะให้ยุนอาเลิกปากเสียและทำตัวเชื่องเหมือนลูกแมวล่ะก็
ต้องเอาของกินมาล่อสินะ ...ช่างเป็นคนที่เห็นแก่กินจริงๆ
อาการมื้อค่ำสิ้นสุดลงเรียบร้อย
จานชามรวมไปถึงโต๊ะอาหารยุนอาเป็นคนอาสาเก็บกวาดทำความสะอาดเหมือนเคย
ไม่นานก็เดินไปสมทบกับเจสสิก้าที่นั่งเล่นกับช็อตตี้อยู่บนโซฟา ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก
เหมือนเด็กกำลังเห่อของเล่นใหม่ไม่มีผิด
ยืนกอดอกมองอยู่ครู่หนึ่งจึงส่งเสียงกระแอมเล็กน้อยให้อีกฝ่ายรู้ตัว
“ยุนอา นั่งก่อนสิ” เจสสิก้าหันมองแล้วเชื้อเชิญให้นั่งด้วยกัน
“ขอบคุณสำหรับข้าวทั้งสองมื้อค่ะ อิ่มจริงๆ”
บอกกับอีกฝ่ายหลังจากหย่อนกายลงบนโซฟาตัวเดิมที่อาศัยนอนมาทั้งวัน
...สีหน้าของยุนอาดูดีขึ้นจากเมื่อเช้ามาก
“ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นค่าตัวช็อตตี้อย่างที่เราบอกพี่ไงล่ะ”
เหลือบตามองอีกฝ่ายแล้วเหน็บไปอีกหนึ่งที แต่ยุนอาก็ไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดเหล่านั้นเช่นเคย
“ช็อตตี้มันจะกลับห้องกับฉันมั้ยเนี่ย”
ยุนอาเปลี่ยนเรื่องแล้วยื่นมือไปแหย่เจ้าช็อตตี้เล่น มันยังคงเมินเธอเหมือนเดิม
เจสสิก้าเห็นอย่างนั้นแล้วหลุดหัวเราะคิกอย่างสะใจ
“ดูเหมือนมันยังไม่อยากกลับนะ” ยุนอาเบะปากแล้วดีดหน้าผากมันไปเบาๆ หนึ่งที
ช็อตตี้เหลือบตามองเจ้านายมันอย่างงอนๆ แล้วเมินหน้าหนี
นี่ถ้ามันเป็นคนคงจะสะบัดหน้าส่งค้อนให้ยุนอาจนคอเคล็ด
....โถ.. แมวใครคะ น่ารักเป็นบ้าเลย
“ไอ้แมวบ้านี่ ถ้าจะปล่อยมันไว้ให้อยู่กับพี่สักอาทิตย์จะเป็นไรมั้ยเนี่ย”
ยุนอาลองหยั่งเชิงถาม อีกฝ่ายตาลุกวาวมองเธออย่างไม่อยากเชื่อ
“จริงเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีน่ะสิ” วิญญาณเด็กน้อยเข้าสิงเจสสิก้า
หญิงสาวอุ้มเจ้าแมวเหมียวขึ้นมากอดแล้วซบคางเกยหัวเล็กๆ ของมัน
มือบางลูบไล้ไปตามขนนุ่มอย่างรักใคร่
“พี่นี่เหมือนเด็กจริงๆ” ยุนอาพูดเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะว่าต่อ
“แต่หน้าพี่น่ะไปไกลเกินคำว่าเด็กมากแล้วล่ะ”
พูดดีๆ เหมือนคนอื่นเค้าได้ไม่กี่ประโยคก็เริ่มปากเสียจนเจสสิก้าหน้าตึง ถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างโกรธๆ
“ไม่เอาน่ะ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ ฉันล้อเล่นหรอก” ไม่พูดเปล่ายังเอื้อมมือไปขยี้ผมอีกฝ่ายจนยุ่ง
เจสสิก้าต้องไถลตัวลงในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนเพื่อหลบจากมือนั้นแต่ก็ไม่พ้น
หัวคิ้วบางขมวดมุ่นมองรุ่นน้องหน้าทะเล้นตาขุ่น
“ลามปาม” ต่อว่าแล้วสะบัดหน้าหนีทำคนปากมอมให้หน้าเสียไปเล็กน้อย
“หยอกเล่นนิดหน่อยเอง อย่างอนสิ” บอกอีกคนเสียงอ่อย
แต่คู่สนทนาของยุนอายังคงนั่งนิ่งเงียบไม่ยอมตอบโต้ เหมือนจะโกรธเธอเข้าแล้วจริงๆ
ยุนอาขยับตัวอย่างอึดอัด เริ่มเห็นท่าไม่ดี หันซ้ายหันขวาเหมือนเด็กหลงทาง เริ่มวางตัวไม่ถูก
เล่นสงครามจิตวิทยาใส่กันอย่างนี้มันอึดอัดสุดๆ สู้ให้ต่อปากต่อคำอย่างเดิมดีว่า
หรือว่าเราจะหยอกเธอแรงเกินไป? คงไม่หรอก.......
มั้ง?
“เอ่อ..ง.. งั้นฉันฝากช็อตตี้ด้วยนะ คงต้องกลับไปปั่นรายงานซักหน่อย พรุ่งนี้มีเรียน ลาล่ะค่ะ”
ยุนอาลุกขึ้นแล้วค้อมศีรษะให้คนอายุมากกว่า
น้ำเสียงตะกุกตะกักท่าทางเงอะๆ งะๆ ปรากฏให้เห็นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เจอหน้า
เจสสิก้าตีหน้านิ่งแล้วพยักหน้าให้เป็นเชิงรับรู้ อีกฝ่ายฉีกยิ้มเจื่อนๆ ให้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องเงียบๆ
ประตูห้องปิดลงเบาๆ ด้วยฝีมือของยุนอา คนหน้าบึ้งเมื่อครู่ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นห้อง
ดีใจที่แกล้งเอาคืนยุนอาได้สำเร็จ จริงๆ เธอหายโกรธตั้งแต่ตอนยุนอาทำหน้าเจื่อนๆ แล้วล่ะ
แต่อยากแกล้งต่ออีกนิดหน่อยอยากรู้ว่ายุนอาจะทำยังไงต่อ
ผลก็อย่างที่เห็น เปิดแน่บกลับห้องแทบไม่ทัน
ปากดีๆ แบบนี้ต้องโดนเอาคืนซะบ้างจะได้รู้สึก...
.
.
.
โทรศัพท์ในห้องพักแผดเสียงลั่น
เจสสิก้าที่กำลังบรรจงลูบไล้ครีมทาผิวลงไปบนเรียวขาสวยจำต้องละมือแล้วเดินออกไปรับโทรศัพท์อย่างไม่รีบร้อน
กรอกเสียงหวานไปตามสาย
“สวัสดีค่ะ” ปลายสายตอบกลับแทบจะทันที
“อ้าว ยงฮวา มีอะไรเหรอ ทำไมไม่โทรเข้ามือถือ”
บ่นกระปอดกระแปดใส่ญาติสนิทจนพอใจจึงเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูด
ถือโทรศัพท์แนบหูแล้วเอนหลังลงบนโซฟานุ่ม
ยื่นเท้าไปเขี่ยใบหน้าช็อตตี้ที่เดินตามหลังมาอย่างสบายอารมณ์
เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ชุดคลุมอาบน้ำสีชมพูหวานยังไม่ถูกผลัดเปลี่ยน
มวยผมที่ถูกม้วนไว้ลวกๆ ก็ยังอยู่อย่างนั้นตั้งแต่ตอนที่เธออาบน้ำ
“หืม งานที่ให้ช่วยหาเหรอ อื้อ ได้ข้อมูลพอสมควรแล้วล่ะ ให้ส่งให้เลยมั้ย? โอเคๆ ได้ๆ”
พยักหน้าหงึกหงักอยู่กับโทรศัพท์รัหว่างคุยธุระ เมื่อปลายสายคุยเรื่องที่ต้องการจบ
เจสสิก้าจึงเอ่ยถามกลับในเรื่องที่ติดใจสงสัยมานานเป็นวันบ้าง
“ยงฮวา ฉันมีเรื่องจะถามแก แกรู้จักอิม ยุนอามั้ย”
ปลายสายอุทานลั่นจนเธอต้องยกหูโทรศัพท์ออกห่างก่อนจับมาแนบหูใหม่อีกครั้ง ปฏิกิริยาแบบนี้คงรู้จักแน่ๆ
“แกรู้จักใช่มั้ย เค้าเป็นใครอะ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกคุ้นๆ หรือว่า.............. อ๋อออออ อย่างนี้นี่เอง โอเคเข้าใจแล้ว”
เจสสิก้าพยักหน้าตาม รอยยิ้มฉีกกว้าง ดวงตาคู่สวยแพรวพราวอย่างนึกสนุก
“เรื่องนี้ฉันจัดการเอง ปล่อยเป็นหน้าที่ฉัน ขอบใจนะที่เล่ารายละเอียดให้ฟัง แล้วเจอกัน บาย”
โทรศัพท์ถูกวางลงที่เดิม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายบนใบหน้าสวย
มองเห็นเจ้าช็อตตี้ที่เกลือกกลิ้งอยู่แทบเท้าจึงอุ้มมันขึ้นมาวางบนตัก
ยกขาหน้าทั้งสองข้างขึ้นปล่อยให้ยืนด้วยสองขาหลัง เลื่อนหน้าเข้าไปกระซิบบอกใกล้ๆ
“เจ้านายแกนี่น่าสนใจดีนะช็อตตี้”
.
.
.
“สวัสดีค่ะ” ยุนอายืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้องเมื่อเจสสิก้าเปิดประตูออกไป
คงเพิ่งกลับจากข้างนอกมา กว่าจะคิดถึงแมวที่ทิ้งไว้ห้องคนอื่นก็เล่นเอามืดค่ำ
นิสัยเด็กจริงๆ ยุนอา
เจสสิก้าบังคับสีหน้าไว้ให้นิ่งสนิท ปรายตามองอีกคนอย่างเฉยเมยทำเหมือนยังโกรธเรื่องเมื่อคืนอยู่
รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของยุนอาค่อยๆ หุบลงจนหน้าจืดเจื่อน
ยกถุงกับข้าวในมือขึ้นอวดอีกฝ่ายเมื่อเห็นท่าไม่ดี
“ฉันซื้อกับข้าวมา พี่ทานข้าวหรือยัง?”
“ยังหรอก เข้ามาก่อนสิ”
เจสสิก้าสั่นหน้าแล้วเดินนำเข้าไปในห้อง ยุนอาเดินตามหงอยๆ
เห็นหน้ายุนอาจ๋อยลงเมื่อครู่ทำเอาคนเดิมนำหน้าต้องกลั้นขำแทบตาย
พยามกัดริมฝีปากข่มใจไว้ไม่ให้หลุด สูดลมหายใจลึกๆ แล้วหันไปเผชิญหน้ากับเด็กตัวสูงเมื่อเดินไปถึงห้องครัว
“ตามสบายนะ เดี๋ยวพี่มา เอาข้าวให้ช็อตตี้กินก่อน”
เจสสิก้าทำท่าจะเลี่ยงหลบแต่ถูกยุนอารั้งเอาไว้เสียก่อน
“เอ้อ เดี๋ยวค่ะ ฉันเอาอาหารแมวมาให้ช็อตตี้”
ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาหยิบกล่องอาหารเม็ดในถุงที่หิ้วมาส่งให้เจสสิก้า
คำพูดถูกปรับให้ฟังดูสุภาพขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ฟังแล้วรื่นหูกว่าถ้อยคำกวนประสาทก่อนหน้านี้ตั้งเยอะ
ดีแฮะ มันน่าแกล้งให้หงอยไปนานๆ นัก
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ฉันอยู่แล้วนี่”
เจสสิก้ารับกล่องอาหารเม็ดนั่นแล้วรีบหลบฉากออกไป
ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาพรืดใหญ่เมื่ออยู่ลำพังกับช็อตตี้
เปิดกล่องอาหารของช็อตตี้แล้วเทใส่ถาดให้มัน
หยุดมองมันครู่หนึ่งแล้วตีสีหน้าให้นิ่งไว้ก่อนเดิมกลับเข้าไปในห้องครัว
กับข้าวหลายอย่างถูกจัดใส่จานชามเรียบร้อย มีจานข้าววางอยู่บนโต๊ะคนละฝั่ง
เจสสิก้านั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วลงมือจัดการอาหารตรงหน้าเงียบๆ ทำให้อีกฝ่ายต้องเงียบตามไปด้วย
อาหารเย็นมื้อที่จืดชืดที่สุดของยุนอาผ่านไปอย่างอึดอัด
อาหารรสเลิศเจ้าประจำกลับไร้รสชาติเมื่อตกอยู่ในบรรยากาศอึมครึม
จะขยับทีก็ต้องระวังตัว พยายามไม่ให้ช้อนกระทบกับจานชามดังนัก
ไม่อยากทำเสียงรบกวนคนอารมณ์ขุ่นอย่างเจสสิก้า
“อิ่มแล้วเหรอ”
เจสสิก้าเงยหน้าขึ้นมองยุนอาเป็นครั้งแรกในรอบสิบนาทีเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายวางมือจากช้อนและตะเกียบ
อิ่มเร็วผิดวิสัยยุนอาเกินไป ยุนอาพยักหน้ารับคำ
ท่าทางเซื่องซึมเป็นหมาหงอยทำให้เธอชักสงสาร คงจะพอได้แล้วล่ะมั้ง
เจสสิก้าเดินอ้อมไปหายุนอา มือสองข้างประคองหน้าใสเอาไว้แล้วก้มลงมองสบกับดวงตาใส
ยุนอาผงะไปเล็กน้อยกับการกระทำที่เปลี่ยนไปอย่างไม่ทันตั้งตัวของอีกฝ่าย
“ไม่ทานต่อล่ะ” ยุนอาเบิกตากว้างก่อนขมวดคิ้วสีหน้างุนงง
“อิ่มแล้วน่ะ พี่ล่ะ อิ่มแล้วเหรอ”
“อิ่มไวไปนะ พี่ไม่โกรธเราแล้วล่ะ ทานต่อเถอะ”
ว่าพลางยกมือขึ้นยีผมยุนอา จนยุ่งเหมือนต้องการเอาคืนเรื่องเมื่อวานแล้วกลับไปนั่งที่
ดวงตาใสมองตามคนอายุมากกว่าไปอย่างงุนงง บนใบหน้าแปะเครื่องหมายคำถามอันเบ้อเริ่มไว้
เจสสิก้าระบายยิ้มอ่อนแล้วตักกับข้าวเอื้อมไปส่งให้ถึงจานข้าวยุนอา
คอเสื้อยืดที่กว้างอยู่แล้วเมื่อโน้มตัวมาอย่างนั้นก็ยิ่งเปิดกว้างยิ่งขึ้น ไม่ได้ตั้งใจมองก็ยังเห็นไปถึงไหนต่อไหน
“ทานสิ มัวแต่มองอะไรอยู่ล่ะ” พูดกลั้วหัวเราะแล้วคะยั้นคะยอให้ยุนอาทานข้าวต่อ
“ฉัน.....” ยุนอาลากเสียงยาวค้างไว้ เจสสิก้าเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสูงเพื่อรอฟังคำตอบ
“ฉันอะไร?”
“ฉันอยากกินนม”
เจสสิก้าหัวเราะคิกเมื่อได้รับคอบ ดวงตาคู่สวยแพรวพราวอย่างคนขี้เล่น
“นมอะไรล่ะยุนอา”
ยกมือเท้าคางของตนจ้องหน้าอีกฝ่ายพร้อมโคลงศีรษะอย่างมีจริต
“นมในตู้เย็นน่ะ คอแห้ง” ยุนอาชี้ไปที่ตู้เย็น เจสสิก้าหุบยิ้มฉับกับคำตอบที่ได้รับ
พยายามอ่านเจตนาจากแววตาใสคู่นั้น แต่มองไม่เห็นความนัยน์ใดๆ
ที่ยุนอาสื่อออกมาตรงตามคำพูดทุกประการ เล่นเอาคนหน้าสวยสูญเสียความมั่นใจไปไม่น้อย
กระแอมเรียกเสียงเบาๆ ก่อนบอกกับอีกฝ่าย
“ไปหยิบสิ เผื่อพี่ด้วย” ยุนอาฉีกยิ้มกว้างแล้วผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้
“มีนมเปรี้ยวมั้ย”
“มีสิ เลือกเอาเลย”
บอกพลางมองตามร่างของยุนอาที่กำลังเดินไปเปิดตู้เย็นพลางครุ่นคิด
ทำลงไปทั้งหมดก็แค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง แต่ผลมันออกมาแบบนั้น....
หรือว่ายุนอาจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ใม่แน่ว่างานนี้เซ้นส์ของเธออาจจะพลาดเข้าแล้วจริงๆ
********************************************
กว่าจะเสร็จก็เกือบเช้าเลยทีเดียว ขออภัยในความล่าช้าค่ะ
หัวใจกระตุกวูบก่อนร่างที่ฟุบนิ่งจะสะดุ้งเฮือก เปลือกตาเปิดขึ้นตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน
ยุนอาหายใจหอบพลางยกมือทาบอก กระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสภาพการมองเห็นที่พร่าเลือนให้ชัดเจนขึ้น
เป็นเพราะนอนผิดท่าจึงทำให้หลับได้ไม่สนิทนัก เวลาตื่นก็ค่อนข้างพิสดารนิดหน่อย
ลองขยับคอก็พบว่ามีอาการปวดจนเผลอครางโอดโอย
มือยกขึ้นมานวดบริเวณท้ายทอยเบาๆ คลายอาการปวด
“หือ?” คิ้วขมวดมุ่นหรี่ตาลงอย่างเคลือบแคลง ก่อนหันมองรอบๆ ห้อง ไม่คุ้นเลยสักนิด...
ก็เพราะว่ามันไม่ใช่ห้องของยุนอาน่ะสิ นึกขึ้นได้พอดีว่าเมื่อเช้ามาขอข้าวเพื่อนร่วมคอนโดทานแล้วยังไม่ทันได้กลับห้อง
ดันเผลอนั่งหลับอยู่บนโซฟาห้องคนอื่นเค้าซะได้
ว่าแต่... เจ้าของห้องไปไหนล่ะไม่เห็นอยู่แถวนี้เลย หายไปพร้อมกับช็อตตี้
หรือว่าจะลากช็อตตี้ไปเชือดเป็นมื้อค่ำซะแล้ว.. บ้าน่า!. คงไม่หรอกมั้ง
คิ้วขมวดกันยุ่งยิ่งกว่าเดิมเมื่อรู้สึกว่าชักจะคิดฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ สะบัดศีรษะปัดไล่ความคิดไร้สาระนั้นทิ้งไป
มองไปที่จอทีวีจำได้ว่าก่อนที่จะเผลอหลับมันยังเปิดอยู่
แต่ตอนนี้หน้าจอกลับมืดสนิทเห็นแค่เงาสะท้อนภาพเฟอร์นิเจอร์ในห้องรับแขกเลือนราง
ยุนอาดันตัวให้ลุกขึ้นนั่งตีวตรง กลืนน้ำหลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก
รู้สึกกระหายน้ำจนคอแห้งไปหมด เหลียวซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นแม้เงาเจ้าของห้องคนสวย เงี่ยหูฟังเสียงก็ยังเงียบฉี่
ถ้าถือวิสาสะไปหยิบน้ำในตู้เย็นของเจสสิก้ามาดื่มเองจะเป็นไรมั้ยนะ?
นั่งคิดอยู่เป็นนาทีก็ฉีกยิ้มเผล่
ก็ก่อนหน้านี้ตอนมาขอข้าวเค้าทานยังทำมากกว่านี้อีกไม่ใช่เหรอ แล้วจะมานึกเกรงใจอะไรเอาตอนนี้ล่ะยุนอาเอ๊ย ..
หัวเราะเบาๆ ในลำคอแล้วตบหน้าผากตัวเองดังแปะก่อนลุกพรวดพราดตรงไปยังห้องครัวที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบของเจสสิก้า
น้ำเย็นเฉียบในแก้วถูกยกขึ้นดื่มอึกใหญ่อย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพักหายใจ
จนหมดแก้วนั่นล่ะถึงได้ปล่อยลมหายใจออกมาในครั้งเดียว
แก้วเปล่าถูกวางไว้บนหลังตู้เย็นก่อนที่จะมองสำรวจไปรอบๆ ห้องครัว
อุปกรณ์ทุกชิ้นสะอาดเอี่ยมราวกับไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน สงสัยอยู่ว่าผู้หญิงคนนี้คงจะทำกับข้าวไม่เป็น
เครื่องครัวเหล่านี้ก็คงมีไว้เพื่อประดับห้องครัวเท่านั้น
คิดดพลางเดินหยิบนู่นหยิบนี่ขึ้นมาดู เครื่องครัวทันสมัยหลายชิ้น มันน่าเสียดายที่เจ้าของปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ
เดินสำรวจห้องครัวจนพอใจท้องก็เริ่มร้องประท้วงขึ้นมาอีก ลำบากต้องไปเปิดตู้เย็นหาของกินมาประทังความหิว
ในนั้นมีแอปเปิ้ลสีแดงสดอยู่หลายลูก ยุนอาตัดสินใจหยิบมันมาลูกเดียวแล้วกัดกร้วมเข้าไปคำใหญ่
เนื้อแอปเปิ้ลกรุบกรอบหวานฉ่ำ เย็นชื่นใจ... เคี้ยวพลางยิ้มไปพลางอย่างอารมณ์ดี
โซฟาตัวยาวถูกยุนอาจับจองเป็นเจ้าของ
หลังจากเอนร่างลงนอนตะแคงก็หยิบรีโมทมากดเปิดทีวีพลางกัดแอปเปิ้ลในมือสบายใจเฉิบ
ทำเหมือนกำลังนอนอยู่ห้องของตนยังไงอย่างงั้น รีโมทในมือถูกกดเปลี่ยนช่องไปมาอยู่หลายที
เหมือนกดเล่นมากกว่าอยากจะดูจริงๆ
บางทีเจสสิก้าอาจจะพาแมวออกไปเดินเล่นก็ได้ นี่ก็เย็นมากแล้ว
แดดร่มลมตกอากาศกำลังดีเหมาะแก่การไปเดินหรือวิ่งเล่นในสวนแถวคอนโด
ห้องนี้ก็มีแค่เราแล้วล่ะทีนี้ ^_______________________^
... แต่บางทีในฐานะแขก(ไม่ได้รับเชิญ)ก็ทำตัวตามสบายเกินเหตุไปนะยุนอา
“สบายจริงนะเรา”
เสียงที่เริ่มคุ้นเคยดังอยู่ไม่ไกล เจ้าของห้องคนสวยคงกลับมาแล้ว
ยุนอาใช้ศอกดันตัวลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า ไม่มีท่าทีสะดุ้งตกใจ
อืม... มันคงเห็นที่นี่เป็นห้องของมันจริงๆ เยี่ยมเลยค่ะ...
เจสสิก้าที่เพิ่งปล่อยแมวลงจากวงแขนมองเด็กขายาวบนโซฟาแล้วนึกค่อนขอดในใจ
ในมือมีถุงหูหิ้วสองสามถุงใบไม่เล็กนัก คงลำบากไม่เบากับการถือมันมาพร้อมกับอุ้มแมวตัวโตเต็มวัยไว้ในอ้อมกอด
“ก็สบายดี พี่ไปไหนมาเหรอ” ฉีกยิ้มกว้างให้เจสสิก้าแล้วเอ่ยถามกลับอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“พาช็อตตี้ไปเสริมสวยมา เปลี่ยนปลอกคอให้เค้าด้วย”
ถามถึงตรงนี้ทำให้เจสสิก้ายิ้มออก ยืดอกบอกอย่างภูมิใจ ยุนอาพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ
“ถืออะไรพะรุงพะรังมาด้วยน่ะ ลำบากมั้ย”
ยุนอาลุกจากโซฟาเดินตรงไปหาเจสสิก้า ยื่นมือออกไปรับถุงนั้นมาถือไว้เสียเอง “มาฉันช่วย”
“ขอบใจนะ” ปล่อยถุงให้ยุนอาแล้วเดินเข้าไปอุ้มช็อตตี้มาขึ้นมาอวดเจ้าของตัวจริง
“พาไปอาบน้ำเล็มขนมานิดหน่อย สะอาดเชียว ปลอกคอนี่สวยมั้ย”
มือบางลูบไล้ขนนุ่มของมันแล้วรั้งปลอกคอสีชมพูหวานขึ้นอวดยุนอา
“สีหวานเชียว แบบนี้ก็สกปรกง่ายสิ” ยุนอาทำหน้าไม่เห็นด้วยพร้อมเอ่ยติง
“อยู่บนนี้จะไปสกปรกอะไรเล่า ไม่ได้ปล่อยเลี้ยงตามพื้นสักหน่อย
นอกซะจากว่าเจ้าของมันจะปล่อยปละละเลยมันซะเอง ”
เจสสิก้าไม่ยอมแพ้เช่นกันแถมยังเหล่มองยุนอาแว้บหนึ่งแล้วเหน็บเข้าให้อีกหนึ่งที
ยุนอาถอนหายใจแรงๆ แล้วยักไหล่
“เอาเถอะตอนนี้มันเป็นแมวพี่แล้วนี่ ไม่ใช่แมวฉัน”
ประชดประชันทั้งคนทั้งแมวพร้อมยื่นนิ้วไปจิ้มหน้าผากเล็กๆ ของช็อตตี้เจ้าเหมียวทรยศอย่างหมั่นไส้
เจสสิก้าจิ๊ปากแล้วชักสีหน้าใส่เป็นเชิงไม่พอใจแต่ยุนอากลับหัวเราะชอบใจกับท่าทางของอีกฝ่ายเสียอย่างนั้น
“ว่าแต่ของพวกนี้เอาไปไว้ในครัวเลยมั้ย?” ยุนอายกถุงในมือขึ้นถามเจสสิก้า
ในนั้นมีทั้งผลไม้และอาหารหลายอย่างในกล่องรวมไปถึงซองรามยอนหลากรส
เหมือนจะซื้อมาตุนไว้มากกว่าทานให้หมดในวันเดียว
“อื้อ เอาไปในครัวเลย ตามพี่มา” ว่าแล้วก็อุ้มเจ้าช็อตตี้เดินนำหน้ายุนอาไปที่ห้องครัว
“เอาของสดไว้ในตู้เย็นเลยนะ ผลไม้พวกนี้น่ะ ส่วนรามยอนเอาไว้ในตู้กับข้าวชั้นบนนู่น”
อุ้มแมวเดินไปเดินมาทั่วห้องครัวพลางชี้นิ้วสั่งให้ยุนอาทำตามเหมือนเป็นเจ้านาย
ได้ทีล่ะสั่งใหญ่เชียวนะคุณนายจอง
แอบนินทาอีกคนในใจแต่ก็ทำตามคำสั่งอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ปริปากบ่น
“เสร็จแล้ว แล้วพวกนี้ล่ะ” ยุนอาชี้ไปที่อาหารกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะ
“หิวหรือยังล่ะ”
เงยหน้ามองแล้วเลิกคิ้วสูง ย้อนถามกลับคนอ่อนกว่า ยุนอาหัวเราะแหะๆ แล้วอ้อมแอ้มตอบ
“ก็นิดนึง”
“งั้นก็เอาจานชามมาใส่ซะสิจะได้ทานให้เสร็จๆ ไป”
รอยยิ้มของยุนอาฉีกกว้างเมื่อเจสสิก้าพูดจบ กำลังหิวๆ อยู่ๆ ก็มีลาภปากลอยมาหาถึงที่
“ตกลงค่ะ” ยุนอารีบไปหยิบจานชามมาใส่อาหารที่เจสสิก้าซื้อมา
หญิงสาวยืนมองคนที่กำลังทำตามคำสั่งของเธออย่างว่าง่ายพลางคิดในใจ
ถ้าอยากจะให้ยุนอาเลิกปากเสียและทำตัวเชื่องเหมือนลูกแมวล่ะก็
ต้องเอาของกินมาล่อสินะ ...ช่างเป็นคนที่เห็นแก่กินจริงๆ
อาการมื้อค่ำสิ้นสุดลงเรียบร้อย
จานชามรวมไปถึงโต๊ะอาหารยุนอาเป็นคนอาสาเก็บกวาดทำความสะอาดเหมือนเคย
ไม่นานก็เดินไปสมทบกับเจสสิก้าที่นั่งเล่นกับช็อตตี้อยู่บนโซฟา ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก
เหมือนเด็กกำลังเห่อของเล่นใหม่ไม่มีผิด
ยืนกอดอกมองอยู่ครู่หนึ่งจึงส่งเสียงกระแอมเล็กน้อยให้อีกฝ่ายรู้ตัว
“ยุนอา นั่งก่อนสิ” เจสสิก้าหันมองแล้วเชื้อเชิญให้นั่งด้วยกัน
“ขอบคุณสำหรับข้าวทั้งสองมื้อค่ะ อิ่มจริงๆ”
บอกกับอีกฝ่ายหลังจากหย่อนกายลงบนโซฟาตัวเดิมที่อาศัยนอนมาทั้งวัน
...สีหน้าของยุนอาดูดีขึ้นจากเมื่อเช้ามาก
“ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นค่าตัวช็อตตี้อย่างที่เราบอกพี่ไงล่ะ”
เหลือบตามองอีกฝ่ายแล้วเหน็บไปอีกหนึ่งที แต่ยุนอาก็ไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดเหล่านั้นเช่นเคย
“ช็อตตี้มันจะกลับห้องกับฉันมั้ยเนี่ย”
ยุนอาเปลี่ยนเรื่องแล้วยื่นมือไปแหย่เจ้าช็อตตี้เล่น มันยังคงเมินเธอเหมือนเดิม
เจสสิก้าเห็นอย่างนั้นแล้วหลุดหัวเราะคิกอย่างสะใจ
“ดูเหมือนมันยังไม่อยากกลับนะ” ยุนอาเบะปากแล้วดีดหน้าผากมันไปเบาๆ หนึ่งที
ช็อตตี้เหลือบตามองเจ้านายมันอย่างงอนๆ แล้วเมินหน้าหนี
นี่ถ้ามันเป็นคนคงจะสะบัดหน้าส่งค้อนให้ยุนอาจนคอเคล็ด
....โถ.. แมวใครคะ น่ารักเป็นบ้าเลย
“ไอ้แมวบ้านี่ ถ้าจะปล่อยมันไว้ให้อยู่กับพี่สักอาทิตย์จะเป็นไรมั้ยเนี่ย”
ยุนอาลองหยั่งเชิงถาม อีกฝ่ายตาลุกวาวมองเธออย่างไม่อยากเชื่อ
“จริงเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีน่ะสิ” วิญญาณเด็กน้อยเข้าสิงเจสสิก้า
หญิงสาวอุ้มเจ้าแมวเหมียวขึ้นมากอดแล้วซบคางเกยหัวเล็กๆ ของมัน
มือบางลูบไล้ไปตามขนนุ่มอย่างรักใคร่
“พี่นี่เหมือนเด็กจริงๆ” ยุนอาพูดเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะว่าต่อ
“แต่หน้าพี่น่ะไปไกลเกินคำว่าเด็กมากแล้วล่ะ”
พูดดีๆ เหมือนคนอื่นเค้าได้ไม่กี่ประโยคก็เริ่มปากเสียจนเจสสิก้าหน้าตึง ถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างโกรธๆ
“ไม่เอาน่ะ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ ฉันล้อเล่นหรอก” ไม่พูดเปล่ายังเอื้อมมือไปขยี้ผมอีกฝ่ายจนยุ่ง
เจสสิก้าต้องไถลตัวลงในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนเพื่อหลบจากมือนั้นแต่ก็ไม่พ้น
หัวคิ้วบางขมวดมุ่นมองรุ่นน้องหน้าทะเล้นตาขุ่น
“ลามปาม” ต่อว่าแล้วสะบัดหน้าหนีทำคนปากมอมให้หน้าเสียไปเล็กน้อย
“หยอกเล่นนิดหน่อยเอง อย่างอนสิ” บอกอีกคนเสียงอ่อย
แต่คู่สนทนาของยุนอายังคงนั่งนิ่งเงียบไม่ยอมตอบโต้ เหมือนจะโกรธเธอเข้าแล้วจริงๆ
ยุนอาขยับตัวอย่างอึดอัด เริ่มเห็นท่าไม่ดี หันซ้ายหันขวาเหมือนเด็กหลงทาง เริ่มวางตัวไม่ถูก
เล่นสงครามจิตวิทยาใส่กันอย่างนี้มันอึดอัดสุดๆ สู้ให้ต่อปากต่อคำอย่างเดิมดีว่า
หรือว่าเราจะหยอกเธอแรงเกินไป? คงไม่หรอก.......
มั้ง?
“เอ่อ..ง.. งั้นฉันฝากช็อตตี้ด้วยนะ คงต้องกลับไปปั่นรายงานซักหน่อย พรุ่งนี้มีเรียน ลาล่ะค่ะ”
ยุนอาลุกขึ้นแล้วค้อมศีรษะให้คนอายุมากกว่า
น้ำเสียงตะกุกตะกักท่าทางเงอะๆ งะๆ ปรากฏให้เห็นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เจอหน้า
เจสสิก้าตีหน้านิ่งแล้วพยักหน้าให้เป็นเชิงรับรู้ อีกฝ่ายฉีกยิ้มเจื่อนๆ ให้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องเงียบๆ
ประตูห้องปิดลงเบาๆ ด้วยฝีมือของยุนอา คนหน้าบึ้งเมื่อครู่ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นห้อง
ดีใจที่แกล้งเอาคืนยุนอาได้สำเร็จ จริงๆ เธอหายโกรธตั้งแต่ตอนยุนอาทำหน้าเจื่อนๆ แล้วล่ะ
แต่อยากแกล้งต่ออีกนิดหน่อยอยากรู้ว่ายุนอาจะทำยังไงต่อ
ผลก็อย่างที่เห็น เปิดแน่บกลับห้องแทบไม่ทัน
ปากดีๆ แบบนี้ต้องโดนเอาคืนซะบ้างจะได้รู้สึก...
.
.
.
โทรศัพท์ในห้องพักแผดเสียงลั่น
เจสสิก้าที่กำลังบรรจงลูบไล้ครีมทาผิวลงไปบนเรียวขาสวยจำต้องละมือแล้วเดินออกไปรับโทรศัพท์อย่างไม่รีบร้อน
กรอกเสียงหวานไปตามสาย
“สวัสดีค่ะ” ปลายสายตอบกลับแทบจะทันที
“อ้าว ยงฮวา มีอะไรเหรอ ทำไมไม่โทรเข้ามือถือ”
บ่นกระปอดกระแปดใส่ญาติสนิทจนพอใจจึงเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูด
ถือโทรศัพท์แนบหูแล้วเอนหลังลงบนโซฟานุ่ม
ยื่นเท้าไปเขี่ยใบหน้าช็อตตี้ที่เดินตามหลังมาอย่างสบายอารมณ์
เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ชุดคลุมอาบน้ำสีชมพูหวานยังไม่ถูกผลัดเปลี่ยน
มวยผมที่ถูกม้วนไว้ลวกๆ ก็ยังอยู่อย่างนั้นตั้งแต่ตอนที่เธออาบน้ำ
“หืม งานที่ให้ช่วยหาเหรอ อื้อ ได้ข้อมูลพอสมควรแล้วล่ะ ให้ส่งให้เลยมั้ย? โอเคๆ ได้ๆ”
พยักหน้าหงึกหงักอยู่กับโทรศัพท์รัหว่างคุยธุระ เมื่อปลายสายคุยเรื่องที่ต้องการจบ
เจสสิก้าจึงเอ่ยถามกลับในเรื่องที่ติดใจสงสัยมานานเป็นวันบ้าง
“ยงฮวา ฉันมีเรื่องจะถามแก แกรู้จักอิม ยุนอามั้ย”
ปลายสายอุทานลั่นจนเธอต้องยกหูโทรศัพท์ออกห่างก่อนจับมาแนบหูใหม่อีกครั้ง ปฏิกิริยาแบบนี้คงรู้จักแน่ๆ
“แกรู้จักใช่มั้ย เค้าเป็นใครอะ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกคุ้นๆ หรือว่า.............. อ๋อออออ อย่างนี้นี่เอง โอเคเข้าใจแล้ว”
เจสสิก้าพยักหน้าตาม รอยยิ้มฉีกกว้าง ดวงตาคู่สวยแพรวพราวอย่างนึกสนุก
“เรื่องนี้ฉันจัดการเอง ปล่อยเป็นหน้าที่ฉัน ขอบใจนะที่เล่ารายละเอียดให้ฟัง แล้วเจอกัน บาย”
โทรศัพท์ถูกวางลงที่เดิม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายบนใบหน้าสวย
มองเห็นเจ้าช็อตตี้ที่เกลือกกลิ้งอยู่แทบเท้าจึงอุ้มมันขึ้นมาวางบนตัก
ยกขาหน้าทั้งสองข้างขึ้นปล่อยให้ยืนด้วยสองขาหลัง เลื่อนหน้าเข้าไปกระซิบบอกใกล้ๆ
“เจ้านายแกนี่น่าสนใจดีนะช็อตตี้”
.
.
.
“สวัสดีค่ะ” ยุนอายืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้องเมื่อเจสสิก้าเปิดประตูออกไป
คงเพิ่งกลับจากข้างนอกมา กว่าจะคิดถึงแมวที่ทิ้งไว้ห้องคนอื่นก็เล่นเอามืดค่ำ
นิสัยเด็กจริงๆ ยุนอา
เจสสิก้าบังคับสีหน้าไว้ให้นิ่งสนิท ปรายตามองอีกคนอย่างเฉยเมยทำเหมือนยังโกรธเรื่องเมื่อคืนอยู่
รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของยุนอาค่อยๆ หุบลงจนหน้าจืดเจื่อน
ยกถุงกับข้าวในมือขึ้นอวดอีกฝ่ายเมื่อเห็นท่าไม่ดี
“ฉันซื้อกับข้าวมา พี่ทานข้าวหรือยัง?”
“ยังหรอก เข้ามาก่อนสิ”
เจสสิก้าสั่นหน้าแล้วเดินนำเข้าไปในห้อง ยุนอาเดินตามหงอยๆ
เห็นหน้ายุนอาจ๋อยลงเมื่อครู่ทำเอาคนเดิมนำหน้าต้องกลั้นขำแทบตาย
พยามกัดริมฝีปากข่มใจไว้ไม่ให้หลุด สูดลมหายใจลึกๆ แล้วหันไปเผชิญหน้ากับเด็กตัวสูงเมื่อเดินไปถึงห้องครัว
“ตามสบายนะ เดี๋ยวพี่มา เอาข้าวให้ช็อตตี้กินก่อน”
เจสสิก้าทำท่าจะเลี่ยงหลบแต่ถูกยุนอารั้งเอาไว้เสียก่อน
“เอ้อ เดี๋ยวค่ะ ฉันเอาอาหารแมวมาให้ช็อตตี้”
ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาหยิบกล่องอาหารเม็ดในถุงที่หิ้วมาส่งให้เจสสิก้า
คำพูดถูกปรับให้ฟังดูสุภาพขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ฟังแล้วรื่นหูกว่าถ้อยคำกวนประสาทก่อนหน้านี้ตั้งเยอะ
ดีแฮะ มันน่าแกล้งให้หงอยไปนานๆ นัก
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ฉันอยู่แล้วนี่”
เจสสิก้ารับกล่องอาหารเม็ดนั่นแล้วรีบหลบฉากออกไป
ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาพรืดใหญ่เมื่ออยู่ลำพังกับช็อตตี้
เปิดกล่องอาหารของช็อตตี้แล้วเทใส่ถาดให้มัน
หยุดมองมันครู่หนึ่งแล้วตีสีหน้าให้นิ่งไว้ก่อนเดิมกลับเข้าไปในห้องครัว
กับข้าวหลายอย่างถูกจัดใส่จานชามเรียบร้อย มีจานข้าววางอยู่บนโต๊ะคนละฝั่ง
เจสสิก้านั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วลงมือจัดการอาหารตรงหน้าเงียบๆ ทำให้อีกฝ่ายต้องเงียบตามไปด้วย
อาหารเย็นมื้อที่จืดชืดที่สุดของยุนอาผ่านไปอย่างอึดอัด
อาหารรสเลิศเจ้าประจำกลับไร้รสชาติเมื่อตกอยู่ในบรรยากาศอึมครึม
จะขยับทีก็ต้องระวังตัว พยายามไม่ให้ช้อนกระทบกับจานชามดังนัก
ไม่อยากทำเสียงรบกวนคนอารมณ์ขุ่นอย่างเจสสิก้า
“อิ่มแล้วเหรอ”
เจสสิก้าเงยหน้าขึ้นมองยุนอาเป็นครั้งแรกในรอบสิบนาทีเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายวางมือจากช้อนและตะเกียบ
อิ่มเร็วผิดวิสัยยุนอาเกินไป ยุนอาพยักหน้ารับคำ
ท่าทางเซื่องซึมเป็นหมาหงอยทำให้เธอชักสงสาร คงจะพอได้แล้วล่ะมั้ง
เจสสิก้าเดินอ้อมไปหายุนอา มือสองข้างประคองหน้าใสเอาไว้แล้วก้มลงมองสบกับดวงตาใส
ยุนอาผงะไปเล็กน้อยกับการกระทำที่เปลี่ยนไปอย่างไม่ทันตั้งตัวของอีกฝ่าย
“ไม่ทานต่อล่ะ” ยุนอาเบิกตากว้างก่อนขมวดคิ้วสีหน้างุนงง
“อิ่มแล้วน่ะ พี่ล่ะ อิ่มแล้วเหรอ”
“อิ่มไวไปนะ พี่ไม่โกรธเราแล้วล่ะ ทานต่อเถอะ”
ว่าพลางยกมือขึ้นยีผมยุนอา จนยุ่งเหมือนต้องการเอาคืนเรื่องเมื่อวานแล้วกลับไปนั่งที่
ดวงตาใสมองตามคนอายุมากกว่าไปอย่างงุนงง บนใบหน้าแปะเครื่องหมายคำถามอันเบ้อเริ่มไว้
เจสสิก้าระบายยิ้มอ่อนแล้วตักกับข้าวเอื้อมไปส่งให้ถึงจานข้าวยุนอา
คอเสื้อยืดที่กว้างอยู่แล้วเมื่อโน้มตัวมาอย่างนั้นก็ยิ่งเปิดกว้างยิ่งขึ้น ไม่ได้ตั้งใจมองก็ยังเห็นไปถึงไหนต่อไหน
“ทานสิ มัวแต่มองอะไรอยู่ล่ะ” พูดกลั้วหัวเราะแล้วคะยั้นคะยอให้ยุนอาทานข้าวต่อ
“ฉัน.....” ยุนอาลากเสียงยาวค้างไว้ เจสสิก้าเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสูงเพื่อรอฟังคำตอบ
“ฉันอะไร?”
“ฉันอยากกินนม”
เจสสิก้าหัวเราะคิกเมื่อได้รับคอบ ดวงตาคู่สวยแพรวพราวอย่างคนขี้เล่น
“นมอะไรล่ะยุนอา”
ยกมือเท้าคางของตนจ้องหน้าอีกฝ่ายพร้อมโคลงศีรษะอย่างมีจริต
“นมในตู้เย็นน่ะ คอแห้ง” ยุนอาชี้ไปที่ตู้เย็น เจสสิก้าหุบยิ้มฉับกับคำตอบที่ได้รับ
พยายามอ่านเจตนาจากแววตาใสคู่นั้น แต่มองไม่เห็นความนัยน์ใดๆ
ที่ยุนอาสื่อออกมาตรงตามคำพูดทุกประการ เล่นเอาคนหน้าสวยสูญเสียความมั่นใจไปไม่น้อย
กระแอมเรียกเสียงเบาๆ ก่อนบอกกับอีกฝ่าย
“ไปหยิบสิ เผื่อพี่ด้วย” ยุนอาฉีกยิ้มกว้างแล้วผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้
“มีนมเปรี้ยวมั้ย”
“มีสิ เลือกเอาเลย”
บอกพลางมองตามร่างของยุนอาที่กำลังเดินไปเปิดตู้เย็นพลางครุ่นคิด
ทำลงไปทั้งหมดก็แค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง แต่ผลมันออกมาแบบนั้น....
หรือว่ายุนอาจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ใม่แน่ว่างานนี้เซ้นส์ของเธออาจจะพลาดเข้าแล้วจริงๆ
********************************************
กว่าจะเสร็จก็เกือบเช้าเลยทีเดียว ขออภัยในความล่าช้าค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น