ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TIMELESS (NewJiew TS1)

    ลำดับตอนที่ #3 : [1 SHOT] Hurt Again

    • อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 56


    Hurt Again

     

     
     

     

     

    April 13, 2013

     

     

                  วันพระใหญ่เมื่อเดือนตี้แล้ว นิวปาแม่ไปทำบุญตี้วัดแต่เจ้าเลยเสียดายลูกบ่ว่างมาตวยกั๋น (วันพระใหญ่เดือนก่อน นิวพาแม่ไปทำบุญที่วัดแต่เช้าเลย เสียดายลูกไม่ว่างมาด้วยกัน”

     

               “สงกรานต์เมื่อปี๋ตี้แล้วนิวก่อมาไหว้แม่ล่อมากับเปื้อนเขาจ๊าดหลายคน (สงกรานต์ปี๋ที่แล้วนิวก็มาไหว้แม่ด้วยนะ มากับเพื่อนเค้าตั้งหลายคน)”

     

               “นิวน่าฮักขนาดเลย ไปไหนมาไหนบ่เกยลืมคนเฒ่าซื้อของติดไม้ติดมือมาหื้อตลอด (นิวนี่น่ารักนะ ไปไหนมาไหนก็ไม่เคยลืมคนแก่ ซื้อของติดไม้ติดมือมาฝากตลอด)”

     

               “ปี๋ตี้แล้วก่อซื้อเสื้อกั๋นหนาวมาฝากแม่ตวย อุ่นดีขนาด (ปีที่แล้วก็เสื้อกันหนาวมาฝากแม่ อุ่นดีจริง ๆ)”

     

                  และอีกสารพัดที่แม่จะสรรหาเรื่องของนิวมาเล่าให้เธอฟังอย่างชื่นชม จนบางทีก็นึกสงสัยว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกแท้ ๆ ของแม่ …เธอหรือว่านิว พอตื่นมาตอนเช้ามืดเพื่อเตรียมอาหารไปตักบาตรก็ได้ยินแม่พูดถึงแต่เรื่องของนิวไม่หยุดปาก ทั้งชี้ให้ดูอาหารบำรุงสุขภาพและเครื่องใช้ไม้สอยที่นิวซื้อมาฝาก มันวางอยู่แทบทุกมุมของบ้าน

     

                   ผู้จัดการส่วนตัวที่ติดสอยห้อยตามมาถึงเชียงใหม่ก็มองจิ๋วด้วยสายตาแปลก ๆ จนไม่กล้าสบตาด้วย มันร้อน ๆ หนาว ๆ บอกไม่ถูก

     

                  กลับบ้านเกิดคราวนี้นอกจากจะได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวแล้วยังได้อัพเดทข่าวคราวของนิวจากปากคนที่บ้านอีกด้วย แม้ว่าจะไม่ได้พบหน้ากันมาปีกว่า แต่ก็ยังได้ยินเรื่องราวของอีกคนอยู่เรื่อย ๆ เมื่อก่อนนิวไม่มาหาที่บ้านแม่ก็บ่นถึงทุกทีที่เจอหน้าเธอ แล้วพอนิวมาหาบ่อย ๆ ก็บ่นอยากให้เธอและนิวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาสักที… แม่นี่ก็ได้คืบจะเอาศอกตลอด

     

                  จากคำบอกเล่าของแม่แสดงว่านิวแวะมาที่บ้านตามคำชักชวนของเธอเมื่อปีที่แล้ว จิ๋วเองก็เข้าไปเยี่ยมพ่อแม่ของนิวและคนทางนั้นบ้างแล้วแต่โอกาสจะอำนวยเช่นกัน ตอนที่แม่ของนิวเห็นหน้าเธอครั้งแรกท่านถึงกับน้ำตาซึมโผเข้ากอดเธอเสียแน่น ทั้งยังลูบหลังลูบไหล่ด้วยความคิดถึง จนเธอเองก็อดที่จะร้องตามด้วยความตื้นตันใจไม่ได้ เห็นแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ความบาดหมางระหว่างตนเองและนิวเป็นสาเหตุให้ต้องห่างเหินญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรัก

     

                  ถึงวันนี้ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายคงพอดูออกแล้วว่าพวกเธอมีปัญหากัน เพียงแต่ไม่ชัดเจนว่าเป็นเรื่องอะไร เพราะไม่เคยเธอเอาแต่ตอบเลี่ยง ๆ ทุกครั้ง นิวเองก็คงไม่ต่างกัน

     

                  แม่ของนิวเคยขอเธอให้อยู่ค้างที่บ้านก็หลายหน แต่เธอปฏิเสธไปเพราะยังตะขิดตะขวงใจในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนิวอยู่  แต่แทบทุกครั้งที่ได้กลับเชียงใหม่จิ๋วก็แวะไปเยี่ยมท่านพร้อมของฝากที่ติดไม้ติดมือไปด้วยเสมอ

     

                  น่าแปลกที่หลายครั้งทั้งคู่ควรจะได้พบกันแต่กลับมีอันต้องคลาดจากกันทุกที เหมือนต่างคนต่างจงใจหลบหน้ายังไงอย่างงั้น  

     

                  เมื่อวานได้ยินแม่บอกว่านิวจะมาเยี่ยมแม่ที่บ้านและถือโอกาสมารดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ไปด้วย เธอเองก็จะไปไหว้พ่อแม่ของนิวเช่นกัน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งคู่จะได้เจอกันเสียที

     

                  แม้ว่าวันนี้ความรู้สึกหนักอึ้งที่เคยถ่วงหัวใจจะเบาบางลงมากแล้ว… แต่ก็ยังเป็นกังวลอยู่ดีว่าจะเป็นยังไงถ้าได้เผชิญหน้ากันตรง ๆ อีกครั้ง   กลัวจะกลับไปอย่างคนหมดสภาพเหมือนปีที่แล้ว… แบบนั้นเธอคงแย่

     

                  “จิ๋ว เจน… เอาของมาขึ้นรถเร็วลูก” เสียงของแม่เรียกสาว ๆ ให้เร่งมือเพราะฟ้าเริ่มสางต้องรีบไปให้ทันตักบาตรตอนเช้า

     

                  “ไปแล้วค่ะแม่” เจนรบตะโกนตอบกลับไป

                  

                 

     

     

     

                  เสร็จจากการทำบุญตักบาตรและเก็บกวาดบ้านในช่วงเช้าก็ถึงเวลาพาเพื่อนร่วมงานในก๊วนออกทัวร์ตามสัญญา วันนี้นอกจากจะมีการสาดน้ำสงกรานต์กันตามปกติแล้วยังมีขบวนแห่ตามท้องถนน ซึ่งหลายคนยังไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศเหล่านั้น

     

                  พอมาได้มาเยือนบ้านเกิดก็เป็นธรรมดาที่จะนึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ  เพื่อนเก่า ๆ สมัยยังเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ และในความทรงจำของเธอก็มักจะมีนิวรวมอยู่ด้วยเสมอ

     

                  ไม่ว่าจะเป็นตอนเล่นน้ำสงกรานต์ด้วยกัน ตอนไปสรงน้ำพระพุทธรูป ตอนรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ หรือแม้กระทั่งตอนไปงานกลางคืนที่เวทีใหญ่ในจังหวัด ทุกที่ล้วนมีแต่เงาของนิวเต็มไปหมด ดูเหมือนชีวิตนี้จะหนีกันไม่พ้นจริง ๆ ตัวไม่อยู่แต่ยังตามหลอกหลอนเธอได้แม้กระทั่งในความคิด …..ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านิวยังมีอิทธิพลกับเธออย่างมาก

     

                  “เจซี นิวนี่ใครเหรอเธอ ฉันได้ยินคุณแม่น้องจิ๋วพูดถึงตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ” ช่างแต่งหน้าจีบปากจีบคอถามเจนรบ จิ๋วชำเลืองมองแล้วแอบกลืนน้ำลายอย่างลุ้น ๆ ไม่รู้ว่าคุณพี่ผู้จัดการจะตอบคำถามนั้นอย่างไร

     

                  “น้องนิวเค้าเป็นเพื่อนที่สนิทมากของน้องจิ๋วน่ะ” เจนรบจงใจเน้นเสียงให้คนในประโยคร้อนตัว ทั้งยังเหลือบมองสีหน้าของจิ๋วผ่านเลนส์แว่นด้วยสายตาแฝงเลศนัย

     

                  “แล้วทำไมพี่ไม่เคยเห็นเลยล่ะคะน้องจิ๋ว” ช่างแต่งหน้าคนเก่งยังไม่สิ้นสงสัย หันไปคาดคั้นเอาคำตอบกับคนที่ไม่อยากตอบมากที่สุด

     

                  “หลัง ๆ มาไม่ค่อยได้เจอกันแล้วน่ะค่ะพี่ภัทร แยกย้ายกันไปทำงานของใครของมัน”

     

                  “ช่าย แยกย้ายกันไปทำงาน” เจนรบย้ำน้ำเสียงแปลก ๆ เหมือนกำลังล้อเลียนเธอ

     

                  “เป็นไรพี่เจน” จิ๋วเหล่มอง

     

                  “เปล่า…. อุ๊ย!ตายละ.. เจ๊เจอเป้าหมาย ละอ่อนเจียงใหม่ ๆ ขาว ๆ หล่อ ๆ สเป็คเลยค่า” เจนรบเปลี่ยนอารมณ์ทันทีเมื่เห็นกลุ่มเด็กหนุ่มหน้าใสที่กำลังสนุกสนานกับการเล่นสาดน้ำสงกรานต์ใส่สาว ๆ เพื่อนในแก๊งก็กระดี๊กระด๊าตามกันไปหมด ทำให้เรื่องของเธอกับนิวถูกลืมไปชั่วขณะ ทำให้พอมีโอกาสหายใจได้สะดวกขึ้นมาหน่อย

     

     

     

     

     

    April 14, 2013

     

     

                  ทีมงานในก๊วนตั้งใจจะไปปล่อยผีกับการเล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างเต็มที่ในวันนี้ บางคนที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรกก็ทำท่าดีใจจนออกนอกหน้า …แน่ล่ะ ก็เพื่อน ๆ ที่มาด้วยกันส่วนใหญ่เป็นชายแค่กายแต่ใจเป็นสาวกันทั้งนั้น ริมคูเมืองที่เนืองแน่นด้วยมวลชนจากทุกสารทิศ ทั้งชาวไทยและชาวทางชาติเดินกันให้ว่อนเต็มท้องถนน นับว่าเป็นสวรรค์น้อย ๆ ของบรรดาเพื่อนสาวร่วมแก๊งเลยทีเดียว

     

                  ขนาดว่าจิ๋วอยู่บนรถแต่สภาพก็สะบักสบอมไม่แพ้คนเดินเท้า เพราะแถวนี้การจราจรเกือบเป็นอัมพาต นำรถเข้ามาก็ขยับไปได้ทีละนิด เลยเข้าทางพวกเจนรบพอดี แต่ถึงอย่างนั้นไม่มีใครสังเกตและจดจำจิ๋วได้ เพราะผู้จัดการและพรรคพวกอารักขาเธออย่างดีเหมือนไข่ในหิน ในฐานะที่อุตส่าห์มาเป็นไกด์พาทัวร์สงกรานต์โดยไม่ห่วงความปลอดภัยของตน ด้วยความเป็นคนมีชื่อเสียงจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกรุมได้ง่าย ๆ  

     

                  จิ๋วยืนมองสมาชิกในกลุ่มเล่นบ้าง โดนสาดน้ำเองบ้าง สนุกมันก็สนุกอยู่หรอก แต่เจอกับแดดร้อน ๆ บวกกับน้ำเย็น ๆ นานเข้าก็กลัวว่าไข้จะจับ ร่างเล็กจึงค่อย  ๆ ย่อตัวลงนั่งบนกระบะท้ายรถเพื่อพักเอาแรง

     

                  มือเล็กขยับหมวกปีกกว้างที่สวมไว้บนศีรษะเพื่อบังเปลวแดดร้อนแรงกลางเดือนเมษายน มองลอดผ่านช่องเล็ก ๆ ระหว่างกระบะท้ายรถกับปีกหมวกเพื่อสังเกตบรรยากาศโดยรอบ… ไม่ไกลจากจุดนี้นัก จิ๋วเห็นภัทรช่างแต่งหน้าประจำตัวกำลังโดนกลุ่มเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวรุมแกล้งเป็นที่สนุกสนาน เสียงห้าว ๆ ร้องวี๊ดว้ายบ้างหัวเราะบ้าง จิ๋วเห็นแล้วก็อดขำออกมาดัง  ๆ ไม่ได้      

     

                  แต่แล้วกลับมีบางอย่างทำให้เสียงหัวเราะนั้นเงียบลงไปในพริบตา เมื่อเหลือบไปเห็นร่างคุ้นตาของใครคนหนึ่งกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของหนุ่มนิรนามในสภาพแนบชิดตลอดร่าง และเจ้าตัวเองก็ไมได้ปัดป้องเสียด้วย  หัวใจกระตุกวูบอย่างรุนแรงแล้วหล่นไปกองอยู่ที่ปลายเท้า เกิดอาการตัวชาไปชั่วขณะก่อนจะร้อนวาบไปทั่วทั้งใบหน้า แม้จะไม่ชัดเจนนักว่าใช่หรือไม่ในวินาทีแรก แต่ความรู้สึกเหล่านั้นมันก็เป็นไปโดยอัตโนมัติ เธอไม่สามารถควบคุมมันได้

     

                  “นิว” รำพึงออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเมื่อเพ่งมองจนแน่ใจว่าใช่คนในความคิดจริง ๆ  แม้จะไกลแค่ไหนแต่เธอก็ไม่มีวันจำคนผิด ใบหน้าที่เปียกชุ่มกำลังเบิกบานด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ  ต่างจากเธอที่ยิ้มไม่อออกอีกต่อไป ตอนนี้ทั้งคู่ผละจากกันแล้วแต่มือของหนุ่มผิวสีแทนยังวางอยู่บนไหล่ของนิวไม่ยอมปล่อย ภาพเหล่านี้หากใครได้เห็นก็คงเดาความสัมพันธ์ได้ไม่ยาก

     

                  เคยคิดว่าจะต้องได้พบกับนิวเข้าสักวัน แต่ไม่เคยจินตนาการถึงการพบกันในลักษณะนี้มาก่อน

     

                  ทำไมต้องรู้สึกแย่เมื่อได้มาเห็นกับตาว่านิวมีใครคนอื่น ทั้งที่เธอเองก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวนิวอีกแล้ว ห่างกันมาตั้งนานนิวจะมีคนใหม่ก็ไม่แปลกไม่ใช่หรือ

     

                  ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นข่มความรู้สึกภายในที่กำลังตีขึ้นมาจุกอยู่กลางอก ขยับแว่นกันแดดอันใหญ่ให้เข้าที่เพื่อเรียกความเป็นตัวเองกลับคืนมา ดูเหมือนนิวกับผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้สนใจใครอื่น และไม่ได้สังเกตเห็นพวกเจนรบที่เล่นน้ำสงกรานต์อยู่ในระยะที่พอจะมองเห็นได้

     

                  จิ๋วมองภาพบาดใจอยู่นานจนกระทั่งทั้งคู่ถูกกลืนหายไปในฝูงชน ราวกับจะตอกย้ำให้หัวใจจดจำว่านิวไม่ใช่คนของเธออีกต่อไป ความหวังเล็ก ๆ ที่มันแอบซ่อนอยู่ลึก ๆ ในใจจะได้ตายไปกับวันนี้เสียที

     

                  “จิ๋ว… เป็นอะไรลูก เงียบเชียว” เจนรบกลับมาที่รถแล้วก้มลงถามเธอด้วยความเป็นห่วง… และแน่นอนว่าเรื่องนี้เธอไม่ควรจะบอกเจนรบ

     

                  “เหนื่อยค่ะพี่เจน เลยนั่งพัก” ตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้ร่าเริงสุดชีวิต พร้อมรอยยิ้มฝืน ๆ แถมให้ไปอีกหนึ่งที ดีที่แว่นกันแดดปิดบังดวงตาของเธอเอาไว้ ไม่เช่นนั้นแล้วความเจ็บปวดที่พยายามเก็บซ่อนจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป

     

                  “เบื่อมั้ย ไม่ค่อยได้เล่นอะไรกับคนอื่นเค้าเลย”

     

                  “ไม่หรอก จิ๋วเล่นทุกปีเมื่อก่อนน่ะ พี่เจนก็เอาให้เต็มที่ไปเลยนะ วันนี้เราไม่มีงานแล้วนี่”

     

                  “สุดชีวิตอยู่แล้วค่ะลูกสาว” เจนรบทำท่ากระดี้กระด๊า

     

                  “เย็น ๆ ค่อยไปสรงน้ำพระธาตุกัน” จิ๋วแข็งใจคุยกับเจนรบจนจบ ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของผู้จัดการคนเก่งจะกลับเช้าสู่สมรภูมิรบอันชุ่มฉ่ำกลางแสงแดดอีกครั้ง

     

     

                 

                  .

                  .

                  .

     

     

     

    April 15, 2013

     

     

                  เวลาของความหวาดหวั่นใกล้เข้ามาทุกขณะเมื่อรถมาจอดอยู่หน้าบ้านของนิว ญาติพี่น้องที่รู้จักคุ้นเคยออกมาต้อนรับเธอและเพื่อน ๆ ด้วยความยินดี ขาดก็แต่เจ้าตัวที่ยังไม่เห็นตั้งแต่มาถึง จะถามออกไปเลยก็คงไม่น่าเกลียด ยังไงเสียทุกคนก็เข้าใจว่านิวและจิ๋วเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องใช้ความกล้าไม่น้อยทีเดียว

     

                  “เสียดายแต๊ ๆ ปอจิ๋วมานิวก่อไป คลาดกั๋นตลอดเลย (เสียดายจริง ๆ พอจิ๋วมานิวก็ไป คลาดกันตลอด)” โชคดีที่ยังไม่ทันได้ถามแม่ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

     

                  “แม่เจ๊าละนิวไปไหนเฮี๋ยล่ะ (แล้วนิวไปไหนเหรอคะแม่)”

     

                  “ปาเปื้อนไปแอ่วบ้านจิ๋วน่ะก่า ปาหลานๆ ไปไหว้คนเฒ่าคนแก่ตวย (พาเพื่อน ๆ ไปบ้านจิ๋วน่ะสิ พาหลาน ๆ ไปกราบผู้หลักผู้ใหญ่ด้วย)” ได้ยินแล้วจิ๋วก็แอบถอนหายใจเบา ๆ โล่งอกที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับนิวและใครอีกคน

     

                  “แล้วจะเจอน้องนิวมั้ยคะคุณแม่” เจนรบถามอย่างเสียดาย

     

                  “ก่อแล้วยี้หยังบ่ติดต่อหากั๋นก่อนล่ะลูกจะได้ป๊ะกั๋นสักเตื้อ (ก็แล้วทำไมไม่ติดต่อกันก่อนมาล่ะลูก จะได้เจอกันซักที)” แม่บ่น จิ๋วก็ได้แต่ยิ้มรับแห้ง ๆ ไปเหมือนเคย ไม่รู้จะตอบยังไง ท่านเองก็คงอยากให้ทั้งสองกลับมาปรองดองกันเหมือนเดิม

     

                  “นิวปาเปื้อนมาตวยน่า? เปื้อนตี้ไหนก๋า (นิวพาเพื่อนมาด้วย? เพื่อนที่ไหนเหรอคะ)” จิ๋วพยายามเลียบ ๆ เคียง ๆ ถาม ต้องการความแน่ชัดเรื่องนิวกับผู้ชายคนนั้น แต่ก็ไม่เห็นว่าแม่จะพูดถึงสักคำ

     

                  “แม่นละลูก เปื้อนตี้ทำงานเขามากั๋นหลาย ปิ๊กบ้านมากำก่อเสียงดังกั๋นขนาด (ใช่ลูก เพื่อนที่ทำงานเค้ามากันหลายคน กลับมาบ้านทีก็อึกทึกเชียวล่ะ)” แม่พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พ่อนั่งฟังแล้วหัวเราะตามอยู่ข้าง ๆ ตามประสาผู้เฒ่าผู้แก่ที่ลูกหลานไปทำงานไกลบ้าน พอได้เห็นหน้าสักทีก็ย่อมดีอกดีใจเป็นธรรมดา

     

                  “แล้วเขาจะปิ๊กกั๋นเมื่อใดเจ๊า (แล้วเค้าจะกลับกันวันไหนคะ)”

     

                  17 18 ปู้นล่ะก้าลูก ท่าจะอยู่กั๋นเมิน (17 18 นู่นล่ะมั้งลูก สงสัยจะอยู่เที่ยวกันยาว)” พ่อที่นั่งเงียบมาตลอดเป็นคนตอบ “แล้วหมู่ลูกล้อ? (แล้วพวกลูก ๆ ล่ะ?)”

     

                  “ปิ๊กวันพู้กเจ๊า จิ๋วมีงานตี้อื่นต่อ (กลับพรุ่งนี้ค่ะ จิ๋วมีงานที่อื่นต่อ)”

     

                  “บ่อยู่ป๊ะกั๋นก่อนก๋า หันนิวบอกบ่ป๊ะหน้ากั๋นเมินละบ่ะใจ้ (ไม่อยู่เจอกันก่อนเหรอ เห็นนิวบอกไม่เจอหน้ากันนานแล้วนี่)” นาน ๆ พ่อจะพูดทีก็ทำเอาจิ๋วถึงกับสะอึก ดวงตาคมที่คล้ายคลึงกับนิวกำลังทอดมองมาอย่างปราณี แต่กลับกดดันเธอได้อย่างดีเยี่ยม

     

                  “ไว้เตื้อหน้าละกั๋นป้อ (ไว้โอกาสหน้าแล้วกันค่ะพ่อ)” เธอตอบแบ่งรับแบ่งสู้

     

                  “งานยี่เป็งจะมาก่อลูก ถ้าว่างแม่ก่อไข้หื้อมาหนาจะได้อยู่กั๋นพร้อมหน้าพร้อมต๋ากั๋นสักเตื้อ (งานยี่เป็งมามั้ยล่ะลูก ถ้าว่างแม่ก็อยากให้มานะ จะได้อยู่กันพร้อมหน้าสักที)” แม่พูดเชิงขอร้อง เสียงเนิบนาบบาดใจคนฟังให้ยิ่งรู้สึกผิด เธอจะทำอย่างไรได้นอกจากรับปากไปก่อนเพื่อรักษาน้ำใจผู้ใหญ่

     

                  “เจ๊า ถ้าว่างจิ๋วจะมาหื้อได้เลย (ค่ะแม่ ถ้าว่างจิ๋วจะมาให้ได้)”

     

                  “เดี๋ยวเจนเคลียร์คิวไว้ให้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่ ไม่ต้องห่วง” เจนรบกล่าวสำทับ ทำให้ผู้สูงวัยยิ้มกว้างที่ความหวังกำลังจะถูกเติมเต็ม  และความลำบากก็ตกมาอยู่ที่จิ๋วโดยไม่ต้องสงสัย เธอแอบชำเลืองมองเจนรบอย่างตำหนิที่พูดอะไรไม่ปรึกษา

     

                  หลังจากคุยกันพอหอมปากหอมคอ จิ๋วกับเพื่อน ๆ ก็นำน้ำอบน้ำปรุงที่เตรียมไว้มารดน้ำขอพรพ่อกับแม่ผู้เปรียบเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรของบ้านหลังนี้ บรรยากาศที่เรียบง่ายเป็นกันเองเจือด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ความอบอุ่นอบอวลไปทั่วทั้งบ้านท่ามกลางความชุ่มฉ่ำของเทศกาลสงกรานต์เมืองเหนือ

     

                  แม้รอยยิ้มจะสดใสดุจแสงแดดจัดจ้ากลางฤดูร้อน แต่ใครจะรู้ว่าภายในใจกำลังมัวหม่นราวกับมีเมฆหมอกปกคลุมอยู่ทั่วผืนฟ้า

     

     



    หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
    พบกันช็อตหน้าเทศกาลหน้าค่ะ 
    ไฟล์ pdf เช่นเคยค่ะ ถ้าต้องการโหลดก็คลิก 
    V
    V

    [1 SHOT] Hurt Agian (Full shot).pdf
     

                                                                                             

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×