ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Short Fic] Once Again [Yoona xTaeyeon]

    ลำดับตอนที่ #2 : ONCE AGAIN : 01 กลับบ้านด้วยกันมั้ย ?

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.พ. 56


    สีดำ = เหตุการณ์ในปัจจุบัน
    สีเทา = เหตุการณ์ในอดีตนะคะ
    เรื่องนี้จะสลับกันเล่าระหว่างอดีตกับปัจจุบันตัดไปตัดมาอยู่เรื่อยๆ 
    อดีตก็ต่างช่วงเวลากัน เป็นปีบ้าง เดือนบ้าง ก็ว่ากันไป
    ________________________

    01 กลับบ้านด้วยกันมั้ย?

                                                                                 

     

     

    2 ปีต่อมา

     

    มองผ่านกระจกใสของคอฟฟี่ช้อปออกไปเห็นไอน้ำเกาะเป็นฝ้าหนาบนผิวเรียบลื่นก่อนรวมตัวกันเป็นหยดน้ำไหลลงลงมาเป็นทาง ข้างนอกฝนกำลังตก ท้องฟ้ามืดครึ้ม บรรยากาศขมุกขมัวชวนให้รู้สึกหม่นหมองอย่างบอกไม่ถูก บทสนทนาของกลุ่มเพื่อนที่ดังอยู่รอบ ๆ ยิ่งทำให้อยากหายตัวไปจากตรงนี้นัก ยุนอาไม่อยากฟังเรื่องราวที่เธอไม่มีส่วนร่วมซ้ำกันหลายหน เพราะรู้สึกว่าตนเองนั้นกลายเป็นส่วนเกิน

     

    “บ้านพี่แทยอนมีสวนแอปเปิ้ลด้วยนะ ใช่ป่ะ” ซูยองพยายามนึกถึงความทรงจำเกือบสองปีก่อนที่เริ่มเลือนราง ครั้งหนึ่งเธอเคยไปเที่ยวบ้านแทยอนกับเพื่อนในกลุ่มและรุ่นพี่ที่สนิทกัน

     

    “ใช่ซูยอง ฉันกับซอฮยอนไปมาเมื่อสองเดือนก่อนเอง พี่เค้าชวนไปเที่ยวบ้าน” ซอนฮวาเอ่ยถึงรุ่นน้องคนสนิทอีกคนในกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ร่วมโต๊ะในขณะนี้

     

    “อยากไปอีกเหมือนกันนะแต่ตอนนั้นพวกฉันไม่ว่างนี่นา เนอะ” ซูยองทำหน้าเสียดายพร้อมทั้งหันมาขอความเห็นจากยุนอา จึงได้แต่พยักหน้าตอบไปส่ง ๆ เพื่อตัดบท พยายามให้ความสนใจกับขนมหวานบนโต๊ะแล้วนั่งภาวนาให้ฝนตกหนักกว่าเดิมเพื่อให้มันกลบเสียงอื่น ๆ ที่ไม่อยากได้ยินเสีย

     

    “ปิดเทอมนี้ได้ยินว่าพี่แทยอนจะชวนเราอีก จะไปป่ะ?” จงฮยอนแจ้งข่าวดี ทำให้ทุกคนบนโต๊ะยิ่งครื้นเครงกันยกใหญ่ยกเว้นยุนอาเพียงคนเดียว

     

    บทสนทนาชวนให้อารมณ์ขุ่นยังดำเนินต่อไป ไม่มีใครสังเกตเห็นสีหน้าของยุนอาสักคน จึงทำได้เพียงนั่งฟังเงียบ ๆ ปล่อยให้ตนเองถูกกันออกมาเป็นคนนอก เหมือนทุกครั้งที่พูดถึงบ้านเกิดของแทยอน เพราะเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ไม่สนิทกับรุ่นพี่ร่างเล็กเลยไม่เคยได้รับคำชวน จึงไม่รู้จะออกความเห็นอย่างไร

     

    “....” ไล่สายตามองหน้าเพื่อนทีละคนพร้อมคิ้วที่ขมวดยุ่งก่อนถอนหายใจยาว ทุกคนกำลังหัวเราะอย่างมีความสุขแต่ยุนอากลับรู้สึกเบื่ออย่างที่สุด นี่ถ้าเป็นตอนเด็ก ๆ คงยกมือขึ้นปิดหูพร้อมชักสีหน้าใส่เพื่อน ๆ แล้วบอกออกไปตรง ๆ ว่าเลิกพูดเรื่องนี้เสียทีเธอไม่อยากจะฟัง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เลยต้องนั่งฟังอย่างไร้อารมณ์ต่อไป

     

     “ไปซื้อกาแฟก่อนนะ” แม้แต่เสียงของยุนอายังแทบไม่มีใครสนใจ ดีที่ยังมีบางคนหันมองแล้วพยักหน้าให้เป็นเชิงรับรู้ ยุนอาส่ายศีรษะช้า ๆ อย่างเบื่อหน่ายก่อนเดินออกไปจากโต๊ะอย่างเงียบเชียบ

     

     

     

    “.....สอบเสร็จกันเมื่อไหร่...” สุ้มเสียงอันคุ้นเคยดังแว่วมาจากกลุ่มเพื่อนที่ยุนอาเพิ่งผละออกมา เสียงนั้นเรียกความสนใจให้หันกลับไปมอง แทยอนกับซุนกยูเพิ่งเดินเข้ามารวมกลุ่มกับคนในโต๊ะ บางคำในประโยคจับใจความไม่ค่อยได้นักเนื่องจากยุนอายืนอยู่ไกลพอสมควร แต่รู้สึกได้ว่าผู้มาใหม่ทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมาอีกระดับ

     

    “สอบเสร็จไปเที่ยวบ้านพี่...สนใจมั้ย?” ประโยคของแทยอนเรียกเสียงเฮลั่นด้วยความยินดี แน่นอนว่าไม่มีใครปฏิเสธคำชวนเลยสักคน

     

    “กาแฟได้แล้วค่ะ” พนักงานขายดึงความสนใจของยุนอากลับมา แก้วกาแฟเย็นจัดถูกวางบนเคาน์เตอร์ ยุนอายื่นมือออกไปรับด้วยรอยยิ้มตามมารยาทพร้อมชำระเงินค่ากาแฟจนเรียบร้อย ก่อนถอยห่างออกมาจากเคาน์เตอร์เล็กน้อยเพื่อดูสถานการณ์

     

    เพียงไม่กี่นานก็ตัดสินใจหมุนตัวเดินออกไปจากคอฟฟี่ช้อปพร้อมแก้วกาแฟในมือ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลับไป ในเมื่อเธอเองก็ไม่มีส่วนร่วมกับบทสนทนาเหล่านั้นอยู่แล้ว

     

    ร่างที่เคลื่อนห่างออกไปจากคอฟฟี่ช้อปมีสายตาคู่หนึ่งมองตามไปอย่างเป็นกังวล

     

    .

    .

    .

     

    “ค่ะพ่อ ไม่ต้องห่วง ได้เจอแน่ ๆ ฝากบอกย่าด้วยนะ สวัสดีค่ะ” แทยอนรับปากกับบิดาที่อยู่ปลายสายอย่างแน่นหนัก แต่เธอก็ไม่มั่นใจนักว่าจะทำได้อย่างที่พูดหรือไม่ ซึ่งความรู้สึกเหล่านั้นกำลังแสดงออกมาทางสีหน้าโดยไม่ปิดบัง เพราะตรงนี้มีเพียงคนเดียวที่ได้เห็นนั่นคือซุนกยูเพื่อนสนิทจากถิ่นฐานเดียวกัน

     

    หญิงสาวเงยหน้าขึ้นพ่นลมหายใจแรงเพื่อระงับอารมณ์หลังจากเก็บเครื่องมือสื่อสารไว้ในกระเป๋า วันที่ฝนตกยิ่งทำให้ความอดทนของแทยอนลดต่ำลงกว่าเท่าตัว หากเมื่อครู่ไม่รีบวางสายมีหวังได้ปะทะคารมกับผู้บังเกิดเกล้าให้ขุ่นเคืองใจไปเปล่า ๆ

     

    “โดนกดดันอีกแล้วสิ  ถ้าไม่มั่นใจให้ฉันช่วยก็ได้นะ” ซุนกยูอมยิ้มขณะพูดกระเซ้าแทยอน ก่อนเอื้อมมือไปตบไหล่เชิงให้กำลังใจ

     

    “ไม่เป็นไร ขอบใจนะ แต่มันเป็นปัญหาของฉัน ฉันต้องแก้มันเอง”

     

    พอแทยอนพูดจบซุนกยูกลับหลุดขำออกมาเบา ๆ ซึ่งทำให้คนฟังรู้สึกหงุดหงิดจนต้องตวัดสายตามองดุ ๆ ซุนกยูจึงยอมหยุดส่งเสียงกวนโมโห

     

    “ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างแกจะมาตกม้าตายตอนจบ อุตส่าห์เก็บเงียบไว้ตั้งกี่ปีดันมาพลาดเอาตอนนี้” เสียงเล็กเปรยออกมาลอย ๆ หลังจากรอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้า

     

    “มันเผลอตัวไง เลยพลั้งปากไป” ว่าพลางกางร่มคันใหญ่ออกเพื่อกันฝน ก่อนที่ทั้งคู่จะก้าวออกไปจนพ้นจากร่มเงาของอาคารเรียนหลังใหญ่

     

    “สรุปว่าฟายเองว่างั้น?”

     

    “ทำนองนั้น” แทยอนแค่นหัวเราะสมน้ำหน้าตนเอง สองเท้าค่อย ๆ ก้าวไปบนทางเดินโรยกรวดที่เชื่อมระหว่างตัวอาคารอย่างระมัดระวัง ดวงตามองตรงสลับกับก้มต่ำมองเท้าของตน หัวคิ้วขมวดมุ่นอย่างไม่ชอบใจเมื่อเห็นหยดน้ำขุ่นคลั่กที่ผสมมากับดินกระเซ็นมาเกาะรองเท้าของตน นี่เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้แทยอนเกลียดนักเวลาฝนตก

     

    “แล้วแกแน่ใจเหรอว่าจะทำได้” ซุนกยูรั้งแขนข้างที่กำลังถือร่มของแทยอนไว้ให้หยุดฟังเมื่อใกล้ถึงอาคารอีกหลัง เขม้นมองใบหน้าใสอย่างต้องการคำตอบ

     

    เสียงถอนหายใจแรงดังมาจากคนถูกถาม ริมฝีปากแดงเม้มแน่นด้วยสีหน้ายุ่งยาก ก่อนตอบคำถามพร้อมอาการส่ายศีรษะช้า ๆ “ไม่เลยซักนิด แต่ฉันจะพยายาม”

     

    จากนั้นทั้งคู่จึงเริ่มออกเดินอีกครั้ง

     

    “เมื่อก่อนแกก็ดูจะสนิทกับมันนะ แต่ทำไมทุกวันนี้แกสองคนดูไม่ชอบขี้หน้ากันเท่าไหร่... มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”

     

    “ไม่นี่ ไม่เคยมีปัญหาอะไร แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน” ดวงตาคู่ใสเหลือบมองซุนกยูระหว่างที่ตอบคำถาม

     

    “นั่นแหละ มันจะทำให้งานของแกยากขึ้นรู้มั้ย?” ซุนกยูยื่นมือไปตบต้นแขนแทยอนสองสามทีแล้ววิ่งผละจากร่มเข้าไปในตัวอาคารที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว

     

    “มันไม่ได้สำคัญพอที่จะเรียกว่า งาน ได้หรอกนะซุนกยู” ร่มในมือถูกสะบัดให้หยดน้ำที่เกาะอยู่หลุดออกไปก่อนหุบร่มเก็บ

     

    “แต่บางทีมันอาจจะสำคัญกว่าที่แกคิดก็ได้นะ.. นั่นถึงแล้ว อยู่กันในนั้นไง” ว่าพลางพยักพเยิดปลายคางไปทางคอฟฟี่ช้อปที่มีกลุ่มรุ่นน้องคนสนิทนั่งอยู่กันพร้อมหน้า จะขาดก็แต่ซอฮยอนเท่านั้นที่ติดเรียนอยู่ แทยอนกวาดสายตามองไปทั่วทั้งร้านจนพบกับร่างคุ้นตาที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์ ก่อนเปรยขึ้นมาเบา ๆ

     

    “เค้าก็อยู่ด้วยพอดี”

     

    “ใช่ รีบไปกันเถอะ”

     

    “ไงพวกเรา สอบเสร็จกันเมื่อไหร่เนี่ย?” ซุนกยูส่งเสียงทักทายอย่างร่าเริงตั้งแต่ยังไม่ทันถึงโต๊ะ ทุกคนหันมองแล้วทักตอบ

     

    “สิ้นเดือนนี่แหละครับพี่” แทอุนตอบบแทนเพื่อนในกลุ่ม

     

    “ดีเลย พี่มีโปรแกรมพิเศษจะพาทัวร์กวางจู”

     

    “จริงเหรอพี่ซุนกยู” จงฮยอนโพล่งขึ้นมาอย่างตื่นเต้น คนอื่นในกลุ่มก็มีท่าทีไม่ต่างกัน แทยอนพอใจกับการตอบรับของทุกคนเป็นอย่างมาก จะเหลือก็แต่คนที่ยืนซื้อกาแฟห่างออกไปไม่ไกลนั่นเองที่ยังเป็นปัญหา เธอลอบมองร่างนั้นเป็นครั้งคราวอย่างคิดไม่ตก แต่ซุนกยูได้ปูทางไว้แล้วจึงตัดสินใจเอ่ยออกมาในที่สุด และหวังว่ายุนอาคงได้ยินมันไปพร้อม ๆ กัน

     

    “จริงที่สุด ...สอบเสร็จไปเที่ยวบ้านพวกพี่กัน งานนี้ฟรีตลอดทริป...สนใจมั้ย?”

     

    “ไปแน่นอนครับ / ของฟรีไม่กล้าปฏิเสธค่ะ” ทุกคนแย่งกันตอบเป็นเสียงเดียวกัน ต่างรีบตะครุบโอกาสที่หาไม่ได้ง่าย ๆ เอาไว้อย่างรวดเร็ว

     

    “คิดดีแล้วเหรอพี่แทยอน ระวังจะหมดตัวเอานะ” ซูยองกระเซ้ากลั้วเสียงหัวเราะ แทยอนขำตามแล้วส่ายหน้า

     

    “ไม่กลัวหรอก ซุนกยูมันออกให้น่ะ บ้านมันรวย” ว่าพลางหันมองเพื่อนสนิทแล้ววางมือบนไหล่เล็ก ซุนกยูแสร้งทำหน้าเหวอแล้วโวยวายจนเกินจริง เรียกเสียงหัวเราะลั่นจากสมาชิกในโต๊ะกาแฟ ยามบ่ายที่บรรยากาศขมุกขมัวอย่างน้อยก็มีสิ่งที่ทำให้คอฟฟี่ช้อปแห่งนี้ดูครึกครื้นขึ้นมาบ้าง ถึงแม้จะเอะอะไปสักหน่อยก็เถอะ

     

    “ดูนั่น”  ซุนกยูสะกิดให้แทยอนมองไปทางเคาน์เตอร์แคชเชียร์ที่ปราศจากร่างของยุนอา แทยอนเบิกตาค้างอยู่ครู่หนึ่งด้วยความตกใจ เหลียวมองไปรอบ ๆ ก็เห็นร่างของรุ่นน้องผู้ห่างเหินเดินออกไปทางประตูร้านอีกด้าน แทยอนไม่ได้เรียกไว้เพียงแค่ถอนหายใจยาวด้วยความกลัดกลุ้ม โอกาสครั้งหนึ่งกำลังหลุดลอยไปต่อหน้าโดยที่เธอไม่พยายามไขว่คว้ามันเอาไว้

     

    “ให้ฉันช่วยยังทันนะแทยยอน” ซุนกยูแทบไม่ขยับปากและไม่เปลี่ยนสีหน้าขณะกระซิบบอกเพื่อไม่ให้คนอื่นผิดสังเกต

     

    “ไม่ล่ะขอบใจ” และก็ถูกปฏิเสธกลับมาอย่างไร้เยื่อใย

     

    มันก็เป็นซะอย่างเงี้ย

     

    .

    .

    .

     

    2 ปีที่แล้ว

     

    “ยุนอาใช่มั้ย? ขอนั่งด้วยคนสิ”

     

    ยุนอาเงยหน้าจากถาดอาหารเพราะเสียงนุ่มที่เอ่ยทักพร้อมทั้งขอแบ่งปันที่ว่างบนโต๊ะกับเธอ รุ่นพี่ร่างเล็กที่เคยเจอในร้านเนื้อย่างเมื่อหลายวันก่อนกำลังยืนอยู่ตรงหน้า คนที่ทำให้ยุนอาตกประหม่าไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะดวงตากลมใสคู่นั้น ในมือมีถาดอาหารอย่างเดียวกับยุนอา ใบหน้าอ่อนเยาว์เจือรอยยิ้มบาง ๆ ขณะรอคอยคำตอบ เธอจึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตพร้อมส่งยิ้มให้ตามมารยาท ไม่อยากให้อีกฝ่ายรอนาน

     

    “เชิญค่ะรุ่นพี่”

     

    “ขอบคุณนะ” แทยอนพูดหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับยุนอา ก่อนที่ทั้งคู่จะก้มหน้าก้มตาทานอาหารของตนไปอย่างเงียบ ๆ โดยลอบมองอีกฝ่ายเป็นครั้งคราวเพื่อสังเกตท่าที มีบ้างที่ดึงสายตาหลบไม่ทันก็ส่งยิ้มฝืด ๆ ให้กันและกันแก้เก้อ เป็นมื้ออาหารอีกมื้อที่สร้างความอึดอัดให้ยุนอาไม่แพ้คราวก่อน ด้วยไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคนอายุมากกว่าเท่าไหร่นัก ที่มานั่งร่วมโต๊ะกันเป็นเพราะความบังเอิญหรือเพราะเหตุผลอื่นกันแน่

     

    “เรียนคณะนะอะไรเหรอ?”

     

    ยุนอาแทบสำลักข้าวที่กำลังกลืนลงคอเมื่อคนที่นั่งเงียบมานานเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

     

    “เศรษฐศาสตร์ค่ะ”  ยุนอาตอบทันทีก่อนหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบกลั้วคอ

     

    “บ้านอยู่โซลใช่มั้ย?” ซ้ำยังยิงคำถามรัวเป็นปืนกลแทบไม่เปิดโอกาสให้ยุนอาได้หายใจ

     

    “ค่ะ แต่รุ่นพี่คงไม่ใช่คนที่นี่?” ยุนอาไม่ปล่อยให้โดนซักอยู่ฝ่ายเดียว

     

    “อื้อ พี่มาจากกวางจู แล้วรู้ได้ไงว่าพี่ไม่ใช่คนที่นี่?”

     

    “เอ่อ.. ฟังจากสำเนียงน่ะค่ะ” อ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียงเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจเจตนาของเธอผิดไป

     

    “สำเนียงบ้านนอกสินะ” แทยอนพูดกลั้วหัวเราะทีเล่นทีจริงทำให้ยุนอารีบละล่ำละลักปฏิเสธหน้าตาตื่น

     

    “อ่า ฉ..ฉันไม่ได้ถึงอย่างนั้นนะ”

     

    “เอาล่ะ ๆ พี่รู้ ๆ” แทยอนยกมือขึ้นห้ามอย่างขบขันแล้วปล่อยบทสนทนาให้ค้างไว้แค่นั้น ก่อนก้มหน้าก้มตาทานอาหารของตนไปเงียบ ๆ ราวกับทั้งโต๊ะมีเธอเพียงคนเดียว

     

    ความไม่พอใจเล็ก ๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ ยุนอาวางช้อนและตะเกียบในมือลงบนถาดอาหารแล้วดื่มน้ำในแก้วจนหมด ตัดสินใจเอ่ยถามในสิ่งที่รบกวนความรู้สึกมาตลอด

     

    “รุ่นพี่” แทยอนเงยหน้าขึ้นมอง เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามก่อนที่ยุนอาจะพูดประโยคถัดไป  “เราสองเคยเจอมาก่อนรึเปล่าคะ?”

     

    “ไม่นี่ ไม่เคย” แทยอนส่ายศีรษะปฏิเสธหน้าตาเฉย ทำให้ยุนอาเหวอไปเล็กน้อยด้วยไม่คาดคิดกับคำตอบง่าย ๆ ที่จะได้รับ พยายามจับพิรุธในดวงตาคู่ใสของคนตรงหน้า แต่ก็หาไม่เจอ

     

    จริงหรือที่แทยอนไม่เคยรู้จักยุนอามาก่อน แล้วทำไมครั้งแรกที่เจอถึงมองกันอย่างนั้น...??????

     

    .

    .

    .

     

    ประธานชมรมดนตรีสากลกำลังแจงรายละเอียดเรื่องงานประจำปีของมหาวิทยาลัยให้สมาชิกในชมรมฟังจนใกล้เสร็จสิ้น ซุนกยูและแทยอนไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่นักเพราะกำลังจับตามองยุนอาอยู่ พยายามหาโอกาสให้แทยอนได้พูดคุยกับยุนอาตามลำพังสักครั้ง กว่าจะหาตัวเจอนั้นยากยิ่งกว่างมเข็ม ทำตัวใกล้เคียงกับนินจาเข้าไปทุกที แวบไปแวบมาจนตามไม่ทัน

     

    “จับตาดูไว้เดี๋ยวคลาดกันกับมันอีก” ซุนกยูสั่งการ พอดีกับที่ประธานกล่าวปิดประชุม แทยอนรีบผุดลุกจากเก้าอี้โดยไม่รอเพื่อนสนิท พร้อมกันนั้นสมาชิกชมรมคนอื่น ๆ ก็กรูกันไปที่ประตูทางออกบดบังทัศนียภาพของแทยอนจนมองไม่เห็นเป้าหมาย ส่วนสูงอันน้อยนิดกลายเป็นข้อเสียอันใหญ่หลวงก็ตอนนี้ พยายามชะเง้อคอมองพร้อมทั้งก้าวตามไปเร็ว ๆ ก่อนที่ยุนอาจะถูกกลืนหายไปในฝูงชน แต่พอคนบางตาก็เธอไม่พบยุนอาเสียแล้ว มองหาจนทั่วก็ไม่เห็นแม้เงา ท้ายที่สุดก็ต้องเดินหน้ามุ่ยกลับไปหาซุนกยูในห้องประชุมเล็กที่เพิ่งจากมา

     

    “ไม่ทันสินะ”

     

    “อือ” แทยอนพยักหน้ารับเนือย ๆ

     

    “ฉันมีเบอร์โทรจะเอาไหมล่ะ?” ซุนกยูหยิบยื่นทางเลือกใหม่ให้แทยอน แต่เจ้าตัวกลับส่ายหน้าปฏิเสธทันที

     

    “ฉันไปคุยกับเค้าด้วยตัวเองดีกว่า”

     

    “ตามใจละกัน มัวด้อม ๆ มอง ๆ กันอยู่อย่างนี้ชาติไหนจะได้คุยล่ะ ทำไมไม่พูดต่อหน้าเพื่อนไปเลยจะได้ช่วยกันกล่อม” \

     

    “ไม่เอาอะ” แทยอนเบ้หน้าเหมือนถูกบังคับให้กินยาขม ซุนกยูส่ายศีรษะเหนื่อยหน่ายอย่างรู้เท่าทัน

     

    “กลัวเสียฟอร์มสินะ”

     

    แทยอนตวัดสายตามองคนพูดแทงใจดำอย่างนึกฉุนแต่ไม่ได้โต้ตอบอะไร

     

    ความเงียบของแกแปลว่าช็อตใช่มั้ยแทยอน?..

     

    ซุนกยูขยับเข้าไปโอบไหล่พาเพื่อนเดินออกมาจากห้องประชุม “จะรอเจอยุนอาที่มหาลัยแบบตัวต่อตัวเนี่ยมันยากนะรู้มั้ย พรุ่งนี้ฉันจะขอที่อยู่ของมันให้ แล้วแกก็ไปหามันซะนะ แต่มันอยู่ห้องคนเดียวนะ ระวังด้วยล่ะ”

     

    “ระวังอะไร?”

     

    ซุนกยูยักไหล่แล้วอมยิ้มกรุ้มกริ่มแทนคำตอบ

     

    .

    .

    .

     

    สี่ทุ่มเศษ เวลาที่ประตูห้องถูกเคาะเบา ๆ ซ้ำกันอยู่หลายที ยุนอาละสายตาจากรายการทีวีที่กำลังดูอยู่ กระโดดผลุงลงจากเตียง ก้าวยาว ๆ ไปที่ประตูอย่างเร่งรีบ ไม่ว่าใครก็ตามที่มาเยี่ยมเยียนในเวลาที่ฝนฟ้าไม่เป็นใจอย่างนี้คงจะมีธุระเร่งด่วนกับเธอจริง ๆ

     

    “มาแล้ว ๆ” บอกกับอาคันตุกะยามวิกาลทั้งที่ยังไม่ทันได้เห็นหน้าก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก

     

    “รุ่นพี่” ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อพบกับคนที่ไม่คาดคิด หลุดพึมพำสรรพนามที่ใช้เรียกอีกฝ่ายแผ่วเบา ในลำคอ แทยอนส่งยิ้มแห้ง ๆ มาให้ทั้งที่เนื้อตัวเปียกชุ่มด้วยหยาดฝน ในมือมีร่มอยู่หนึ่งคันแต่ดูจากสภาพแล้วมันคงไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ข้างนอกฝนตกหนักร่มแค่นี้คงเอาไม่อยู่

     

    แปลกเสียงยิ่งกว่าแปลก แทยอนที่ไม่ถูกกับฝน แต่กลับยอมเปียกฝนเพื่อมาเจอเธอ

     

    “พี่มีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ” ประโยคแรกที่หลุดออกมาจากปากของแทยอนทำให้ยุนอาคืนสติจึงรีบเชื้อเชิญอีกฝ่ายให้เข้ามาในห้องแล้วดึงประตูปิด

     

    “ทำไมมาดึกนักล่ะคะ” ใจจริงแล้วยุนอาอยากจะถามว่าใครกันที่เป็นคนให้ที่อยู่ของเธอกับแทยอนต่างหาก

     

    “อ่า พี่ขอโทษนะที่มารบกวนดึก ๆ ดื่น ๆ น่ะ” เดินไปหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ที่ยุนอาจัดหามาให้ แล้วขอโทษขอโพยอย่างรู้สึกผิด ห้องพักสำหรับนักศึกษาที่ยุนอาพักอยู่ไม่มีพื้นที่พอให้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ๆ จับจอง เปิดประตูมาก็เจอกับเตียงนอนที่ใช้เป็นที่รับแขกไปในตัวเสร็จสรรพ

     

    “ไม่เป็นไรค่ะฉันไม่นอนเร็วนักหรอก แต่ข้างนอกฝนตกหนักทำไมไม่รอพรุ่งนี้ล่ะคะ” ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมสายตาที่มองสำรวจคนตรงหน้า มีไม่กี่ครั้งที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับแทยอนขนาดนี้ ขณะที่นั่งคุยกันอยู่เห็นได้ชัดว่าไหล่เล็ก ๆ กำลังสั่น สองแขนยกขึ้นกอดอกคลายความหนาวเหน็บ พยายามเม้มริมฝีปากของตนไว้แน่นไม่ให้สั่นตาม ทั้งที่ตนเองกำลังแย่แต่แทยอนก็ไม่พูดมันออกมาอย่างเคย

     

    “เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีมั้ย เดี๋ยวรุ่นพี่จะไม่สบายเอานะ” ยุนอาเสนอแต่แทยอนส่ายหน้าปฏิเสธโดยไม่หยุดคิด

     

    “ไม่ ไม่เป็นไร พี่อยู่ไม่นานหรอก เดี๋ยวไปแล้ว”

     

    ยุนอาขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติในน้ำเสียงของแทยอน และนัยน์ตาแดงก่ำที่ดูเลื่อนลอย

     

    “ดื่มมาเหรอคะ?” ลองถามออกไปเพื่อความแน่ใจก็ได้รับคำตอบเป็นเสียงหัวเราะแห้ง ๆ แก้เก้อกลับมา

     

    “นิดหน่อยน่ะ” มันไม่ง่ายเลยสำหรับการรวบรวมความกล้าเพื่อมาพบกับยุนอาจึงต้องยึดแอลกอฮอล์เป็นที่พึ่ง ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ใช่ปัญหา

     

    “ฉันว่ารุ่นพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะค่ะ ค่อยคุยกัน เสื้อผ้าฉันพี่คงใส่ได้ ถ้าไม่รังเกียจนะคะ” ยุนอากำลังรู้สึกหงุดหงิดแต่พยายามข่มความรู้สึกเอาไว้ บทจะเหลวไหลแทยอนก็ไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน

     

    “ไม่ ๆ มันดึกแล้ว พี่อยู่ไม่นาน รบกวนเราเปล่า ๆ”

     

    ยุนอาเหนื่อยจะงัดข้อกับแทยอนจึงพยักหน้ารับไปส่ง ๆ

    “งั้นก็พูดธุระของรุ่นพี่มาเถอะค่ะ”

     

    แทยอนซุกมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อนอกของตน ยืดตัวตรงแน่วพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมกำลังใจก่อนเอ่ยถามออกไป

     

    “ปิดเทอมนี้ว่างรึเปล่า?”

     

    “ว่างค่ะ ทำไมเหรอ?”

     

    “กลับบ้านด้วยกันมั้ย?”

     

    “ฮะ? กลับบ้าน บ้านใครคะ” ยุนอาจ้องหน้าแทยอนเหมือนไม่เคยเห็น ในหัวมีแต่คำถามมากมายเต็มไปหมด

     

    “บ้านพี่ ที่กวางจู”

     

    สงสัยแทยอนจะเมาจนเพี้ยน ร้อยวันพันปีไม่เคยชวนจะมาชวนเอาปีสุดท้ายเนี่ยนะ ตลกไปเกินไปแล้ว

     

    “รู้ตัวรึเปล่าคะว่ากำลังพูดอะไรออกมา” ดวงตาเรียวหรี่ลงมองรุ่นพี่ร่างเล็กอย่างพินิจ ซึ่งคนถูกมองด้วยสายตาชนิดนั้นก็พอเข้าใจเจตนาถึงได้หลุดขำออกมาเบา ๆ

     

    “ยุนอา พี่ไปดื่มมาก็จริงนะ แต่พี่ยังมีสติครบถ้วน ไม่ได้เมา” แทยอนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น นัยน์ตากลมจ้องมองดวงตาสีเข้มกว่าด้วยแววตานิ่งแน่วย้ำคำพูด

     

    “แล้วทำไมรุ่นพี่ถึงมาชวนฉันล่ะคะ?”

     

    “ปีนี้เป็นปีสุดท้าย อยากชวนคนสนิททุกคนไปด้วยกันก่อนพี่เรียนจบไง แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ” แทยอนค่อย ๆ อธิบายอย่างใจเย็นเพื่อให้ฟังดูน่าเชื่อถือ

     

    “คนสนิทเหรอ”

     

    ยุนอาพึมพำออกมาเบา ๆ จนแทบไม่ได้ยิน จนแทยอนต้องถามซ้ำ

     

    “ว่าไงนะ?”

     

    “เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันขอคิดดูก่อนแล้วกันนะคะ พรุ่งนี้จะให้คำตอบอีกที ขอบคุณที่มาชวนค่ะ” ยุนอาค้อมศีรษะให้อย่างนอบน้อมหลังจากพูดจบ ไม่อาจตอบรับหรือปฏิเสธได้ในทันที ความห่างเหินในช่วงเวลาปีเศษ กลายเป็นช่องว่างที่กว้างเกินไปสำหรับยุนอา จนไม่รู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรต่อหน้าแทยอน มันกะทันหันเกินไปจนต้องขอเวลาปรับตัว

     

    “เจอกันที่ไหนดีล่ะ?”

     

    “หกโมงเย็นที่ห้องซ้อมดนตรีแล้วกันค่ะ จะสะดวกมั้ย?”

     

    “โอเค ตกลงตามนั้น งั้นพี่กลับล่ะนะ” แทยอนลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบร่มที่ชันไว้ข้างบานประตู ยุนอาเดินตามไปส่ง เปิดประตูให้แล้วบอกลา

     

    “เจอกันพรุ่งนี้ค่ะรุ่นพี่”

     

    แม้ฝนข้างนอกจะยังซัดกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่ยุนอาก็ไม่อยากรั้งแทยอนเอาไว้ เพราะยังสับสนกับการปรากฏตัวของแทยอนในวันนี้อยู่มาก แม้การกระทำเหล่านั้นจะดูไร้น้ำใจเกินไปสักหน่อยก็ตาม

     

     ที่ทำได้ตอนนี้ก็แค่ยืนมองแผ่นหลังเล็กที่เคลื่อนห่างออกไปช้า ๆ แล้วถอนหายใจยืดยาว

     

     

    _______________________________________

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×