ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2
Chapter 2
“ช็อตตี้มานี่มา”
เจสสิก้าอุ้มเจ้าเหมียวมาวางไว้ใกล้กับถาดเล็กๆ ที่มีเพิ่งเทนมใส่จนเต็มบนโต๊ะ
มันแลบลิ้นชื้นออกมาเลียนมใจถาดแผล็บๆ อย่างรู้งาน
“ กินเยอะๆ นะ” มือบางขยี้หัวมันเบาๆ อย่างเอ็นดู
ยิ่งอยู่ด้วยกันเจ้าช็อตตี้ก็ยิ่งทำให้เธอหลงรัก ไม่อยากจะส่งมันคืนเจ้าของเลยสักนิด
นี่ก็ครบวันแล้วที่เธอกักตัวเจ้าช็อตติ้เอาไว้ ป่านนี้เจ้านายมารยาทแย่ของมันคงกระวนกระวายน่าดู...
ยกยิ้มพร้อมยักไหล่กวนๆ อย่างสะใจ
“อยู่กับฉันก่อนนะช็อตตี้ อย่าเพิ่งกลับไปหาเจ้านายของแก”
พูดต่อขณะที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังไม่จากไปจากใบหน้า
นมในถาดตื้นๆ พร่องลงจนเกือบหมดหญิงสาวจึงหยิบนมกล่องใหญ่ที่วางไว้ใกล้มือมาเติมให้ช็อตตี้จนเต็มอีกครั้ง
“หมดแล้วนี่ เก่งมากช็อตตี้ ไปข้างนอกกัน”
เจสสิก้าช้อนตัวช็อตตี้มานั่งบนตักหลังจากเติมนมให้มันเป็นครั้งที่สาม
นมในถาดถูกมันจัดการจนเกลี้ยง ช็อตตี้เลียรอบปากตัวเองกำจัดคราบนมที่ติดอยู่บนขอบปาก
ก่อนจะไซร้ขนตัวเอง มือบางประคองมันไว้ในอ้อมแขนแล้วลุกขึ้นเตรียมจะพามันออกไปเดินเล่น
เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นขณะที่ก้าวเกือบถึงประตู
เจสสิก้าปล่อยช็อตตี้ลงแล้วกดอินเตอร์คอมเพื่อดูหน้าแขกผู้มาเยือน
ภาพของผู้หญิงรูปร่างสูงเพรียวผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของช็อตตี้ยืนกอดอกทำหน้าบูดบึ้งอยู่หน้าห้อง
ท่าทางอวดดีไม่ต่างจากเมื่อวาน น่าหมั่นไส้ไม่เปลี่ยน
“พูดถึงก็มาพอดี ตายยากจริงๆ” พึมพำพร้อมเหยียดยิ้มแล้วเปิดประตูต้อนรับแขก
“สวัสดีค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เจสสิก้าลอยหน้าลอยตาถามแกล้งทำหน้าซื่อตาใสไม่รู้เรื่องรู้ราว เรียกเอาสายตาขุ่นเคืองจากคนมอง
“ทำเป็นไม่รู้นะ ฉันมาเอาแมวของฉันคืน ถ้าคุณบอกว่ามันไม่ใช่ช็อตตี้ก็ต้องเอามันมาให้ฉันเช็คดูก่อนสิ”
กอดอกพยักเพยิดเข้าไปในห้องด้วยท่าทางกวนๆ ยืดตัวเต็มที่ใช้ความสูงเข้าข่มเธอเช่นเคย
แต่ใบหน้าใสของคนหยิ่งยโสนั่นดูอิดโรยนิดหน่อย ขอบตามีรอยคล้ำจางๆ อาจจะยังไม่ได้นอนหรือว่านอนไม่พอกระมัง
“ก็ลองขอร้องกันดีๆ ก่อนสิ เผื่อฉันจะใจอ่อน”
เจสสิก้ากวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เล่นเอาคนฟังหัวคิ้วกระตุกเมื่อโดนยั่วโมโหกลับ
“มากไปมั้งคุณ แค่เอาแมวมาดูก็จบแล้ว”
โดยที่ไม่ทันตั้งตัว ยุนอาเบียดตัวแทรกเข้ามาในห้องดันร่างที่เล็กกว่าให้ถอยร่นกลับเข้าไปข้างในด้วยความตกใจ
แล้วปิดประตูตามหลังให้เสร็จสรรพ
“คุณนี่มัน.. ไร้มารยาทที่สุด"
เจสสิก้าต่อว่าอีกคนด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก ตวัดสายตาขุ่นมองคนตัวสูงอย่างไม่พอใจ
แต่ดูเหมือนยุนอาจะไม่สะทกสะท้านกับน้ำเสียงและสายตาตำหนิติเตียนที่ได้รับ
แววตากวนโมโหเหล่มองเจ้าของห้องแล้วยักไหล่ให้หนึ่งทีก่อนเดินไปคว้าเจ้าขนฟูที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาในอ้อมแขน
“แกไม่ใช่แมวฉันจริงๆ น่ะเหรอ ฮื้ม?”
ก้มลงพูดกับแมวในมือพลางลูบไล้ไปบนเส้นขนอ่อนนุ่มตั้งแต่หัวเล็กๆ ไปจนถึงส่วนปลายของหาง
เสียงเนิบนาบยียวนกวนประสาทคนฟังอย่างเหลือร้าย
เจสสิก้าเหลือบตาขึ้นมองเพดานแวบหนึ่งพร้อมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เพื่อระงับอารมณ์
ยืนมองอย่างสงบปากสงบคำอดใจเอาไว้ไม่ไปต่อล้อต่อเถียงกับคนไร้มารยาท
“โอ๊ะ! แปลกเนอะ ปลอกคอสีเดียวกัน..เอ... แถมชื่อก็เหมือนกันอีก ฮ่ะๆ สงสัยจะเป็นแมวฝาแฝดเนอะ คุณว่ามั้ย”
สะดุ้งตกใจแทบปรับสีหน้าไม่ทันเมื่ออีกคนเงยหน้าขึ้นมาถาม พูดกับแมวอยู่ดีๆ ไหงวกมาหาเธอได้ก็ไม่รู้
“พอเถอะ เลิกประชดได้แล้ว แมวคุณนั่นล่ะ” เจสสิก้าบอกเพื่อตัดรำคาญ
เห็นทีจะรับมือกับความกวนประสาทของผู้หญิงหน้าตาดีแต่นิสัยเสียแบบนี้ไม่ไหวแน่
“บอกกันตั้งแต่แรกก็จบ... นี่คุณกะจะขโมยแมวฉันจริงๆ สินะถึงได้โกหกกันเมื่อวานน่ะ”
ยุนอาปล่อยช็อตตี้ลงพื้นแล้วหันมาเอาเรื่องเจ้าของห้องต่อ
“นี่คุณ ให้มันน้อยๆ หน่อยนะ ฉันไปขโมยแมวคุณมาเมื่อไหร่มิทราบ
มีแต่คุณนั่นล่ะที่ไม่ดูแลมันดีๆ ปล่อยมันออกมาเดินเพ่นพ่านจนฉันไปเจอเข้าน่ะ”
หญิงสาวกอดอกเชิดหน้าใส่อีกฝ่าย น้ำเสียงเข้มขึ้นเพราะอารมณ์ดีๆ ถูกคนตรงหน้ากวนให้ขุ่น
“แล้วทำไมคุณถึงไม่คืนมันให้ฉันดีๆ ตั้งแต่แรกล่ะ”
น้ำเสียงคาดคั้น คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูง ทำราวกับว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเจสสิก้าเพียงคนเดียว
“ถ้าขอกันดีๆ ก็คงได้คืนตั้งแต่แรกแล้วล่ะ แต่ดูคุณทำเข้าสิ”
ตาคมสวยกวาดมองตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าแล้วยกยิ้มหยันตรงมุมปาก
เรียกได้ว่าด่ากันซึ่งๆ หน้าผ่านทางสายตาเลยทีเดียว
เล่นเอาคนถูกมองหน้าใบหน้าเห่อร้อนเพราะความโกรธ กรามบดเข้าหากันแน่นจนดังกรอดๆ
“แต่ยังไงฉันก็เป็นเจ้าของช็อตตี้”
เถียงกลับอย่างไม่ยอมลดราวาศอก ยุนอาก็ขึ้นชื่อเรื่องความดื้อดึงเหมือนกัน
“มีเจ้าของแบบนี้สงสารช็อตตี้ชะมัด” ส่ายหน้าน้อยๆ บ่นกับตัวเองเสียงดังกว่าปกติ
แน่นอนว่าจงใจให้ยุนอาได้ยินด้วย คนฟังหน้าตึงเตรียมจะอ้าปากเถียงแต่เปลี่ยนใจกะทันหันเมื่อท้องเริ่มร้องประท้วง
“ฮ้าว...” ยกมือปิดปากพลางหาวหวอดพร้อมบิดขี้เกียจอย่างไม่เกรงใจคนมอง แล้วพูดต่อ
“หิว คุณมีอะไรกินบ้างมั้ย” เอ่ยถามหน้าตาเฉยราวกับก่อนหน้านี้ไม่มีเรื่องผิดใจกัน
สีหน้าถูกปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วจนเจสสิก้าตามไม่ทัน
“ทำไมไม่กลับไปกินห้องคุณล่ะ”
“ก็ของในตู้เย็นมันหมดแล้วเหลือแค่ขนมปังเปล่าๆ กับแยม กินทุกเช้าเบื่อแล้ว
...เอาน่ะคุณถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่ฉันให้คุณเอาช็อตตี้มาดูเล่นตั้งคืนนึง”
พูดจบก็เดินลิ่วๆ ไปทางห้องครัวไม่สนใจหน้าเหวอๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้อง...
เจสสิก้ามองตามแผ่นหลังบางนั้นอย่างไม่อยากเชื่อ
ไม่คิดว่าเกิดมาจะเจอคนหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้
หญิงสาวพ่นลมหายใจพรืดใหญ่แล้วยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองดังแปะก่อนจะวิ่งตามหลังอีกคนไปติดๆ
เจสสิก้าเห็นแขกไม่ได้รับเชิญหยุดยืนอยู่หน้าตู้เย็นเหมือนลังเล
ใบหน้าอิดโรยหันมามองเธอ ดวงตาใสกระพริบปริบๆ เหมือนกำลังต้องการความช่วยเหลือ
“คุณ... ในตู้เย็นมีอะไรกินบ้างอะ” ชี้นิ้วไปที่ตู้เย็นท่าทางกล้าๆ กลัวๆ
เหมือนเพิ่งนึกออกว่าควรจะเกรงใจเจ้าของสถานที่บ้าง
หญิงสาวเหลือบมองคนตัวสูงกว่าที่กำลังกลายร่างเป็นเด็กเล็กๆ แล้วก็ให้เหนื่อยหน่าย
เจอหน้ากันแค่สองครั้งก็สร้างแต่เรื่องปวดหัวให้จริงๆ
แต่เอาเถอะเรื่องนี้เธอก็มีส่วนผิดที่เอาแมวเค้ามากักไว้ทั้งคืนจะโทษเจ้าของเค้าฝ่ายเดียวก็ไม่ได้
...เห็นแก่ลูกตาใสๆ เหมือนลูกกวางอยากอาหารนั่นหรอกนะถึงยอมใจอ่อน
จะทำลืมๆ เรื่องก่อนหน้านี้ไปชั่วคราวแล้วกัน...
ประตูตู้เย็นถูกเปิดออก มือบางเลือกหยิบนมขวดใหญ่ออกมารินใส่แก้วแล้ววางไว้บนหลังตู้เย็น
ก่อนคว้าเอาแอปเปิลสีแดงสดออกมาด้วย ตู้เย็นปิดลงอย่างนุ่มนวล
เจสสิก้าเดินถือแก้วนมเย็นจัดกับแอปเปิลหนึ่งลูกส่งให้ยุนอา
“รองท้องไปก่อน เดี๋ยวฉันไปดูของในตู้กับข้าว นั่นโต๊ะ หาที่นั่งเองตามสบายเลยค่ะคุณแขกกิตติมศักดิ์”
ยุนอารับมาพร้อมรอยยิ้ม ตาเป็นประกายวาวเมื่อเห็นของกินอยู่ตรงหน้า
ไม่ใส่ใจถ้อยคำประชดประชันของหญิงสาว รีบย้ายตัวเองไปนั่งรออยู่บนโต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่กลางห้องครัว
กัดแอปเปิลแล้วเคี้ยวดังกร้วมๆ ในปาก คงจะหิวอย่างที่บอกไว้จริงๆ
ถึงได้แปลงร่างจากหมาบ้าที่พร้อมจะกัดคนไม่เลือกกลายเป็นลูกกวางเชื่องๆ ได้ในชั่วพริบตา
“เหลือจากมื้อเช้าเมื่อชั่วโมงที่แล้ว หวังว่าคงไม่รังเกียจนะ”
หญิงสาวหยิบจานกับชามอย่างละใบมาตั้งไว้ตรงหน้ายุนอา
กิมชีจิแกที่อยู่ในชามคงจะเย็นจนหายร้อนแล้วเพราะทิ้งไว้นาน
ส่วนพาจอนที่แหว่งไปไม่ถึงครึ่งก็น่ากินไม่น้อย
แค่มองก็น้ำลายจะไหล แอปเปิลที่เพิ่งกัดไปคำล่าสุดถูกกลืนลงคออย่างรวดเร็วเมื่อได้กลิ่นหาอาหาร
มองอยู่ไม่นานก็มีข้าวพูนจานมาตั้งอยู่ตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะ” เอ่ยคำขอบคุณเสียงดังฟังชัดโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย
ฉีกยิ้มกว้างใส่อาหารตรงหน้าแล้ววางแอปเปิลที่ยังกินไม่หมดลงข้างจานข้าว
มันคงหมดความสำคัญเพราะมีอย่างอื่นที่น่าสนใจและยั่วน้ำลายได้มากกว่ามาแทนที่...
ไม่มีบทสนทนาใดๆ ระหว่างทั้งคู่ขณะที่อีกคนตั้งหน้าตั้งตาจ้วงข้าวเข้าปาก
ส่วนอีกคนกำลังใช้โอกาสนี้สำรวจอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน
ถึงรูปร่างจะดูผอมบางไปสักหน่อยแต่กลับไม่ได้ดูเก้งก้างน่าเกลียดอะไร
ท่านั่งสบายๆ มือที่ขยับเคลื่อนไปมาระหว่างจานอาหารแต่ละจาน
ทุกการเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติไร้การปรุงแต่ง มันดูมีเสน่ห์น่ามองอย่างประหลาด
มุมปากเผลอยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อสังเกตเห็นกระพุ้งแก้มใสพองออก
พร้อมขยับเล็กน้อยเวลาเจ้าตัวเคี้ยวอาหารที่อยู่ในปาก
เหมือนเธอกำลังมองเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งกำลังทานข้าวไม่มีผิด
เวลาที่คนตรงหน้าไม่พูดจาประสาทนี่ดูน่ารักขึ้นเป็นกอง... รู้อย่างนี้หาอะไรมาอุดปากซะตั้งแต่แรกก็ดี
อาหารสองอย่างพร้อมกับข้าวหนึ่งจานพร่องลงไปอย่างรวดเร็วจนหมดลงในที่สุด
เจสสิก้าที่นั่งเท้าคางมองอยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะยังอดทึ่งไม่ได้
กวาดตามองจานชามทั้งสามใบที่สะอาดเอี่ยมแทบไม่ต้องล้าง....
ไม่รู้ว่าเอาไปเก็บไว้ที่ไหนตัวก็ใช่ว่าจะโตแค่สูงกว่าเธอหน่อยเท่านั้น
ยุนอายกแก้วนมขึ้นมากระดกดื่มอึกๆ พริบตาเดียวเท่านั้นนมในแก้วก็หมดลงเหลือเพียงคราบเล็กน้อยติดค้างอยู่ก้นแก้ว
ก่อนที่เจ้าตัวจะผุดลุกจากเก้าอี้หยิบจานชามมาวางซ้อนกันแล้วยกขึ้นมาถือไว้พร้อมแก้วเปล่า
“เดี๋ยวฉันล้างให้ ขอบคุณนะคะ อิ่มมากเลย”
ว่าแล้วก็เดินตรงไปที่อ่างล้างจานด้วยสีหน้าเบิกบานผิดกับตอนมากดกริ่งเรียกเธอลิบลับ
หรือว่านิสัยบ้าๆ แบบนั้นเกิดขึ้นเฉพาะตอนโมโหหิว...
มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงน้ำจากก๊อกเปิดดังซู่
เจสสิก้ามองตาก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังจะลงมือล้างจาน หญิงสาวรีบออกปากห้ามละล่ำละลัก
“เอ้อ นี่คุณเอาไว้ตรงนั้นแหละเดี๋ยวฉันล้างเอง”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันกินทีหลังฉันก็ต้องล้าง”
ยุนอาตอบกลับโดนไม่เงยหน้าขึ้นจากภาชนะที่กำลังทำความสะอาด
เมื่อเห็นว่าห้ามไม่ทันแล้วเจสสิก้าจึงปล่อยเลยตามเลย
...อยากล้างก็ล้าง ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องทำเองให้เหนื่อย...
“ตามใจแล้วกัน......ว่าแต่เราก็คุยกันมาตั้งนานนะ แต่ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
“นั่นสินะ ฉัน อิม ยุนอา คุณล่ะ”
เสียงจานชามกระทบกันในอ่างล้างจานดังปนกับเสียงพูดคุยของคนทั้งคู่
เจสสิก้าชะงักไปนิดหน่อยเมื่อได้ยินชื่อและนามสกุลของอีกฝ่าย
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด... นามสกุลอิม.. ฟังดูคุ้นๆ แฮะ
“ว่ายังไงล่ะคุณ หรือหวงชื่อไม่อยากจะบอกฉันก็ไม่เป็นไรนะ ไม่ว่ากัน”
เห็นว่าอีกฝ่ายเงียบอยู่นานจึงกระตุ้นเตือน ชะงักมือเพื่อเงี่ยหูรอฟังคำตอบ
... นั่นไงล่ะพอเริ่มเปิดปากพูดก็กวนโมโหกันอีกแล้ว
“ไม่ได้หวง... ฉันชื่อเจสสิก้า จอง”
“ทำไมชื่อฝรั่งจ๋าอย่างนั้นล่ะ หน้าตาก็ออกจะเกาหลี มีเชื้อฝรั่งเหรอ”
คิ้วขมวดเป็นปมเพราะสะดุดใจกับนามสกุลของอีกฝ่ายแต่เลือกที่จะเก็บเอาไว้ในใจ
เอ่ยถามข้อสงสัยเพียงข้อเดียวออกไป...
แต่จะถามดีๆ อย่างคนอื่นเค้าคงทำไม่เป็นหรอกมั้งคนๆ นี้
“ไม่ต้องมายุ่งกับชื่อฉันหรอก จะมาสืบประวัติกันหรือไงถึงได้อยากรู้มากขนาดนั้น”
เจสสิก้าสวนกลับอย่างเหลืออด ให้รู้บ้างว่าไม่ใช่แค่เค้าที่กวนประสาทคนอื่นได้
แต่คนปากดีที่โดนตอกกลับก็ไม่เห็นสะทกสะท้าน ยักไหล่หนึ่งทีอย่างไม่ใส่ใจแล้วล้างจานต่อไปจนเสร็จ
เจสสิก้าพ่นลมหายใจแรงๆ แล้วเดินหนีออกไปจากห้องครัว
หย่อนกายลงนั่งข้างช็อตตี้ที่สบายอยู่บนโซฟาตัวยาว
ช็อตตี้ผงกหัวเล็กๆ ของมันขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวใกล้ตัวดวงตาสีฟ้าใสเปิดขึ้นอย่างเกียจคร้าน
จนเมื่อเห็นว่าผู้รบกวนเวลานอนของมันคือใครจึงปิดเปลือกตาลงอีกครั้งแล้วนอนหมอบลงในท่าเดิม
เหลือบมองเจ้าขนฟูแว้บหนึ่งก่อนหยิบรีโมทที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าขึ้นมากดเปิดทีวี
ภาพบนจอปรากฏขึ้นทันใจพร้อมเสียงรายการทีวีประจำวัน
หญิงสาวเอนหลังพิงพนักโซฟานุ่มอย่างผ่อนคลาย
ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปลูบไล้ขนยาวๆ ของช็อตตี้เล่น เพลินกันทั้งคนทั้งแมว...
“ฉันล้างจานเสร็จแล้วนะ”
สงบได้ไม่ทันไรเสียงของคนกวนประสาทก็ดังอยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนกำลังจะเคี้ยวอะไรบางอย่างอยู่ในปาก
ไม่ทันได้ให้สงสัยนานเจ้าของเสียงก็เดินอ้อมหลังเธอมานั่งบนโซฟาตัวเล็กอีกตัวฝั่งเดียวกับที่ช็อตตี้นอนอยู่
พร้อมแอปเปิลที่เหลือเพียงนิดเดียวในมือ
“แอปเปิลที่คุณเอามาให้ฉันกินก่อนหน้านี้ไง มันเหลือเลยเอามากินต่อ เสียดาย”
อธิบายเสร็จสรรพเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองตามก่อนจัดการกับแอปเปิลชิ้นสุดท้ายที่เหลือในมือเข้าปากไป
เจสสิก้าเหลือบมองอีกฝ่ายเพียงหางตาด้วยสีหน้าเอือมระอาก่อนดึงสายตากลับมายังหน้าจอทีวี
“คุณเจสสิก้า จอง เมื่อคืนช็อตตี้กวนคุณหรือเปล่า”
เรียกอีกฝ่ายเต็มยศแล้วยื่นมือออกไปขยี้หัวของช็อตตี้แรงๆ จนมันต้องลืมตาขึ้นมองเจ้านายของตนด้วยความรำคาญ
เมื่อยุนอาปล่อยมือช็อตตี้จึงลุกขึ้นเปลี่ยนไปนอนเอาคางเกยหน้าตักของเจสสิก้า
เมินเจ้านายจอมกวนอย่างไร้เยื่อใย ยุนอาเบะปากใส่มันอย่างหมั่นไส้
“นี่คุณ ไม่ต้องเรียกฉันเต็มยศขนาดนั้นก็ได้นะ คุณเกิดปีอะไร ฉันปี 89”
นึกรำคาญกับชื่อที่อีกฝ่ายเรียกเหมือนจงใจประชดประชันจึงเอ่ยถามขึ้น เอาให้รู้กันไปเลยว่าใครเป็นพี่เป็นน้อง
“ฉันเกิด 90 ถามทำไมเหรอ”
“คุณเป็นน้องฉัน เพราะฉะนั้นคุณต้องเรียกฉันว่าพี่สาวถึงจะถูก ตกลงมั้ย?”
เจสสิก้ายื่นข้อเสนอ ยุนอารับฟังแล้วเลิกคิ้วขึ้นสูง
“ทำไมต้องเรียกคุณว่าพี่ล่ะ คุณไม่ใช่พี่สาวฉันจริงๆ ซักหน่อย ที่บ้านฉันมีแต่พี่ชาย”
ไถลตัวลงเอนหลังพิงพนักโซฟานุ่มในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนกลายๆ
ง่วงก็ง่วงเพราะยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่ตื่นมาเมื่อเย็นวาน แต่ยังมีอารมณ์พูดจากระเซ้าเย้าแหย่อีกฝ่ายให้เคืองเล่น
“งั้นก็ไม่ต้องเรียก!”
พ่นลมออกจมูกพรืดใหญ่ ตวัดสายตาขุ่นขวางมองอีกคนอย่างหงุดหงิด
พูดจาดีๆ ได้ไม่เกินสองประโยคสิน่าไอ้เด็กนี่
“แหม น้องยุนล้อเล่นค่ะพี่สิก้า อย่าเพิ่งโกรธสิคะ” พูดเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างน่าหมั่นไส้
หญิงสาวต้องใช้อดทนอย่างมากที่จะไม่เตะคนกวนโอ๊ยออกไปนอกห้อง
“ดูสิช็อตตี้พี่สิก้าโกรธน้องยุน มองตาเขียวปั๊ดเลย”
ยื่นมือเรียวไปคว้าตัวช็อตตี้จากตักของเจสสิก้ามานอนบนตักของตน
แต่พอวางไว้บนตักครู่เดียวเท่านั้นเจ้าแมวสุดที่รักก็กระโดดลงไปยืนพื้นทำเหมือนมันกำลังรังเกียจเธอนักหนา
มันเอี้ยวคอมามองยุนอาด้วยหางตาแล้วเชิดหน้าเดินหนีไปหมอบแทบเท้าของเจสสิก้า
....หนอย....ดูมัน แค่ลืมให้ข้าววันเดียวแค่นี้ทำเป็นงอน ถ้ามันจะอวดเก่งใส่เธอเพราะเรื่องกะโหลกกะลาแค่นี้ก็ให้มันรู้ไป...
“ฮ่าๆ ช็อตตี้มานอนบนนี้ดีกว่ามา” เจสสิก้าก้มลงอุ้มมันขึ้นมานอนบนตักเหมือนเดิม
หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจที่เห็นช็อตตี้ฉีกหน้ายุนอาเมื่อครู่
“ช็อตตี้” ลองเรียกมันอีกครั้ง
แต่มันกลับเหลือบตาขึ้นมองแว้บเดียวเหมือนกำลังเบื่อหน่ายแล้วหลับตาลงตัดรำคาญ
ยุนอาแยกเขี้ยวใส่แมวสุดรักกับเจ้าของห้องคนสวย
หมั่นไส้ที่ดูจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเหลือเกินทั้งที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงวันแท้ๆ...
เบือนหน้าหนีจากทั้งคู่ ทำเสียงหึในลำคอแล้วทิ้งตัวลงพิงพนักตามเดิม ..
ความง่วงเข้าครอบงำจนฝืนเปลือกตาไม่ไหว เสียงทีวีที่เปิดทิ้งไว้เป็นเหมือนเพลงขับกล่อมให้นอนหลับฝันดี...
“เธอจะเอาช็อตตี้กลับไปตอนนี้เลยมั้ย?” สรรพนามที่ใช้เรียกอีกฝ่ายถูกเปลี่ยน
หญิงสาวละสายตาจากจอทีวีหันไปถามอีกคนเมื่อเห็นว่าเงียบผิดปกติ
แต่กลับพบว่าคู่สนทนาฟุบหลับคอพับลงบนที่วางแขน ลมหายใจผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอ
“อ้าว หลับเข้าไปได้ยังไง ยุนอา นี่ ยุนอา”
ลองสะกิดเรียกเบาๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น หญิงสาวเลยปล่อยเลยตามเลย
มองคนสลับกับแมวอยู่เงียบๆ
ยุนอานี่คงจะน่ารักเฉพาะตอนไม่เปิดปากพูดสินะ
เธอเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่ายุนอาไม่ได้ปากมอมเฉพาะตอนโมโหหิวแต่มันเป็นนิสัยถาวรที่ติดตัวเค้าอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
...เฮ่อ.!! สรุปว่าเธอต้องรับเลี้ยงทั้งคนทั้งแมวเลยสินะ..
******************************************************
ตอนที่สองมาล่าช้านิดหน่อย ไปๆ มาๆ มันกลายเป็นฟิคเรื่องใหม่ไปเลย
เหมือนไม่ได้แปลง หาเรื่องให้ตัวเองแท้ๆ orz
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
“ช็อตตี้มานี่มา”
เจสสิก้าอุ้มเจ้าเหมียวมาวางไว้ใกล้กับถาดเล็กๆ ที่มีเพิ่งเทนมใส่จนเต็มบนโต๊ะ
มันแลบลิ้นชื้นออกมาเลียนมใจถาดแผล็บๆ อย่างรู้งาน
“ กินเยอะๆ นะ” มือบางขยี้หัวมันเบาๆ อย่างเอ็นดู
ยิ่งอยู่ด้วยกันเจ้าช็อตตี้ก็ยิ่งทำให้เธอหลงรัก ไม่อยากจะส่งมันคืนเจ้าของเลยสักนิด
นี่ก็ครบวันแล้วที่เธอกักตัวเจ้าช็อตติ้เอาไว้ ป่านนี้เจ้านายมารยาทแย่ของมันคงกระวนกระวายน่าดู...
ยกยิ้มพร้อมยักไหล่กวนๆ อย่างสะใจ
“อยู่กับฉันก่อนนะช็อตตี้ อย่าเพิ่งกลับไปหาเจ้านายของแก”
พูดต่อขณะที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังไม่จากไปจากใบหน้า
นมในถาดตื้นๆ พร่องลงจนเกือบหมดหญิงสาวจึงหยิบนมกล่องใหญ่ที่วางไว้ใกล้มือมาเติมให้ช็อตตี้จนเต็มอีกครั้ง
“หมดแล้วนี่ เก่งมากช็อตตี้ ไปข้างนอกกัน”
เจสสิก้าช้อนตัวช็อตตี้มานั่งบนตักหลังจากเติมนมให้มันเป็นครั้งที่สาม
นมในถาดถูกมันจัดการจนเกลี้ยง ช็อตตี้เลียรอบปากตัวเองกำจัดคราบนมที่ติดอยู่บนขอบปาก
ก่อนจะไซร้ขนตัวเอง มือบางประคองมันไว้ในอ้อมแขนแล้วลุกขึ้นเตรียมจะพามันออกไปเดินเล่น
เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นขณะที่ก้าวเกือบถึงประตู
เจสสิก้าปล่อยช็อตตี้ลงแล้วกดอินเตอร์คอมเพื่อดูหน้าแขกผู้มาเยือน
ภาพของผู้หญิงรูปร่างสูงเพรียวผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของช็อตตี้ยืนกอดอกทำหน้าบูดบึ้งอยู่หน้าห้อง
ท่าทางอวดดีไม่ต่างจากเมื่อวาน น่าหมั่นไส้ไม่เปลี่ยน
“พูดถึงก็มาพอดี ตายยากจริงๆ” พึมพำพร้อมเหยียดยิ้มแล้วเปิดประตูต้อนรับแขก
“สวัสดีค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เจสสิก้าลอยหน้าลอยตาถามแกล้งทำหน้าซื่อตาใสไม่รู้เรื่องรู้ราว เรียกเอาสายตาขุ่นเคืองจากคนมอง
“ทำเป็นไม่รู้นะ ฉันมาเอาแมวของฉันคืน ถ้าคุณบอกว่ามันไม่ใช่ช็อตตี้ก็ต้องเอามันมาให้ฉันเช็คดูก่อนสิ”
กอดอกพยักเพยิดเข้าไปในห้องด้วยท่าทางกวนๆ ยืดตัวเต็มที่ใช้ความสูงเข้าข่มเธอเช่นเคย
แต่ใบหน้าใสของคนหยิ่งยโสนั่นดูอิดโรยนิดหน่อย ขอบตามีรอยคล้ำจางๆ อาจจะยังไม่ได้นอนหรือว่านอนไม่พอกระมัง
“ก็ลองขอร้องกันดีๆ ก่อนสิ เผื่อฉันจะใจอ่อน”
เจสสิก้ากวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เล่นเอาคนฟังหัวคิ้วกระตุกเมื่อโดนยั่วโมโหกลับ
“มากไปมั้งคุณ แค่เอาแมวมาดูก็จบแล้ว”
โดยที่ไม่ทันตั้งตัว ยุนอาเบียดตัวแทรกเข้ามาในห้องดันร่างที่เล็กกว่าให้ถอยร่นกลับเข้าไปข้างในด้วยความตกใจ
แล้วปิดประตูตามหลังให้เสร็จสรรพ
“คุณนี่มัน.. ไร้มารยาทที่สุด"
เจสสิก้าต่อว่าอีกคนด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก ตวัดสายตาขุ่นมองคนตัวสูงอย่างไม่พอใจ
แต่ดูเหมือนยุนอาจะไม่สะทกสะท้านกับน้ำเสียงและสายตาตำหนิติเตียนที่ได้รับ
แววตากวนโมโหเหล่มองเจ้าของห้องแล้วยักไหล่ให้หนึ่งทีก่อนเดินไปคว้าเจ้าขนฟูที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาในอ้อมแขน
“แกไม่ใช่แมวฉันจริงๆ น่ะเหรอ ฮื้ม?”
ก้มลงพูดกับแมวในมือพลางลูบไล้ไปบนเส้นขนอ่อนนุ่มตั้งแต่หัวเล็กๆ ไปจนถึงส่วนปลายของหาง
เสียงเนิบนาบยียวนกวนประสาทคนฟังอย่างเหลือร้าย
เจสสิก้าเหลือบตาขึ้นมองเพดานแวบหนึ่งพร้อมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เพื่อระงับอารมณ์
ยืนมองอย่างสงบปากสงบคำอดใจเอาไว้ไม่ไปต่อล้อต่อเถียงกับคนไร้มารยาท
“โอ๊ะ! แปลกเนอะ ปลอกคอสีเดียวกัน..เอ... แถมชื่อก็เหมือนกันอีก ฮ่ะๆ สงสัยจะเป็นแมวฝาแฝดเนอะ คุณว่ามั้ย”
สะดุ้งตกใจแทบปรับสีหน้าไม่ทันเมื่ออีกคนเงยหน้าขึ้นมาถาม พูดกับแมวอยู่ดีๆ ไหงวกมาหาเธอได้ก็ไม่รู้
“พอเถอะ เลิกประชดได้แล้ว แมวคุณนั่นล่ะ” เจสสิก้าบอกเพื่อตัดรำคาญ
เห็นทีจะรับมือกับความกวนประสาทของผู้หญิงหน้าตาดีแต่นิสัยเสียแบบนี้ไม่ไหวแน่
“บอกกันตั้งแต่แรกก็จบ... นี่คุณกะจะขโมยแมวฉันจริงๆ สินะถึงได้โกหกกันเมื่อวานน่ะ”
ยุนอาปล่อยช็อตตี้ลงพื้นแล้วหันมาเอาเรื่องเจ้าของห้องต่อ
“นี่คุณ ให้มันน้อยๆ หน่อยนะ ฉันไปขโมยแมวคุณมาเมื่อไหร่มิทราบ
มีแต่คุณนั่นล่ะที่ไม่ดูแลมันดีๆ ปล่อยมันออกมาเดินเพ่นพ่านจนฉันไปเจอเข้าน่ะ”
หญิงสาวกอดอกเชิดหน้าใส่อีกฝ่าย น้ำเสียงเข้มขึ้นเพราะอารมณ์ดีๆ ถูกคนตรงหน้ากวนให้ขุ่น
“แล้วทำไมคุณถึงไม่คืนมันให้ฉันดีๆ ตั้งแต่แรกล่ะ”
น้ำเสียงคาดคั้น คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูง ทำราวกับว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเจสสิก้าเพียงคนเดียว
“ถ้าขอกันดีๆ ก็คงได้คืนตั้งแต่แรกแล้วล่ะ แต่ดูคุณทำเข้าสิ”
ตาคมสวยกวาดมองตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าแล้วยกยิ้มหยันตรงมุมปาก
เรียกได้ว่าด่ากันซึ่งๆ หน้าผ่านทางสายตาเลยทีเดียว
เล่นเอาคนถูกมองหน้าใบหน้าเห่อร้อนเพราะความโกรธ กรามบดเข้าหากันแน่นจนดังกรอดๆ
“แต่ยังไงฉันก็เป็นเจ้าของช็อตตี้”
เถียงกลับอย่างไม่ยอมลดราวาศอก ยุนอาก็ขึ้นชื่อเรื่องความดื้อดึงเหมือนกัน
“มีเจ้าของแบบนี้สงสารช็อตตี้ชะมัด” ส่ายหน้าน้อยๆ บ่นกับตัวเองเสียงดังกว่าปกติ
แน่นอนว่าจงใจให้ยุนอาได้ยินด้วย คนฟังหน้าตึงเตรียมจะอ้าปากเถียงแต่เปลี่ยนใจกะทันหันเมื่อท้องเริ่มร้องประท้วง
“ฮ้าว...” ยกมือปิดปากพลางหาวหวอดพร้อมบิดขี้เกียจอย่างไม่เกรงใจคนมอง แล้วพูดต่อ
“หิว คุณมีอะไรกินบ้างมั้ย” เอ่ยถามหน้าตาเฉยราวกับก่อนหน้านี้ไม่มีเรื่องผิดใจกัน
สีหน้าถูกปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วจนเจสสิก้าตามไม่ทัน
“ทำไมไม่กลับไปกินห้องคุณล่ะ”
“ก็ของในตู้เย็นมันหมดแล้วเหลือแค่ขนมปังเปล่าๆ กับแยม กินทุกเช้าเบื่อแล้ว
...เอาน่ะคุณถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่ฉันให้คุณเอาช็อตตี้มาดูเล่นตั้งคืนนึง”
พูดจบก็เดินลิ่วๆ ไปทางห้องครัวไม่สนใจหน้าเหวอๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้อง...
เจสสิก้ามองตามแผ่นหลังบางนั้นอย่างไม่อยากเชื่อ
ไม่คิดว่าเกิดมาจะเจอคนหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้
หญิงสาวพ่นลมหายใจพรืดใหญ่แล้วยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองดังแปะก่อนจะวิ่งตามหลังอีกคนไปติดๆ
เจสสิก้าเห็นแขกไม่ได้รับเชิญหยุดยืนอยู่หน้าตู้เย็นเหมือนลังเล
ใบหน้าอิดโรยหันมามองเธอ ดวงตาใสกระพริบปริบๆ เหมือนกำลังต้องการความช่วยเหลือ
“คุณ... ในตู้เย็นมีอะไรกินบ้างอะ” ชี้นิ้วไปที่ตู้เย็นท่าทางกล้าๆ กลัวๆ
เหมือนเพิ่งนึกออกว่าควรจะเกรงใจเจ้าของสถานที่บ้าง
หญิงสาวเหลือบมองคนตัวสูงกว่าที่กำลังกลายร่างเป็นเด็กเล็กๆ แล้วก็ให้เหนื่อยหน่าย
เจอหน้ากันแค่สองครั้งก็สร้างแต่เรื่องปวดหัวให้จริงๆ
แต่เอาเถอะเรื่องนี้เธอก็มีส่วนผิดที่เอาแมวเค้ามากักไว้ทั้งคืนจะโทษเจ้าของเค้าฝ่ายเดียวก็ไม่ได้
...เห็นแก่ลูกตาใสๆ เหมือนลูกกวางอยากอาหารนั่นหรอกนะถึงยอมใจอ่อน
จะทำลืมๆ เรื่องก่อนหน้านี้ไปชั่วคราวแล้วกัน...
ประตูตู้เย็นถูกเปิดออก มือบางเลือกหยิบนมขวดใหญ่ออกมารินใส่แก้วแล้ววางไว้บนหลังตู้เย็น
ก่อนคว้าเอาแอปเปิลสีแดงสดออกมาด้วย ตู้เย็นปิดลงอย่างนุ่มนวล
เจสสิก้าเดินถือแก้วนมเย็นจัดกับแอปเปิลหนึ่งลูกส่งให้ยุนอา
“รองท้องไปก่อน เดี๋ยวฉันไปดูของในตู้กับข้าว นั่นโต๊ะ หาที่นั่งเองตามสบายเลยค่ะคุณแขกกิตติมศักดิ์”
ยุนอารับมาพร้อมรอยยิ้ม ตาเป็นประกายวาวเมื่อเห็นของกินอยู่ตรงหน้า
ไม่ใส่ใจถ้อยคำประชดประชันของหญิงสาว รีบย้ายตัวเองไปนั่งรออยู่บนโต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่กลางห้องครัว
กัดแอปเปิลแล้วเคี้ยวดังกร้วมๆ ในปาก คงจะหิวอย่างที่บอกไว้จริงๆ
ถึงได้แปลงร่างจากหมาบ้าที่พร้อมจะกัดคนไม่เลือกกลายเป็นลูกกวางเชื่องๆ ได้ในชั่วพริบตา
“เหลือจากมื้อเช้าเมื่อชั่วโมงที่แล้ว หวังว่าคงไม่รังเกียจนะ”
หญิงสาวหยิบจานกับชามอย่างละใบมาตั้งไว้ตรงหน้ายุนอา
กิมชีจิแกที่อยู่ในชามคงจะเย็นจนหายร้อนแล้วเพราะทิ้งไว้นาน
ส่วนพาจอนที่แหว่งไปไม่ถึงครึ่งก็น่ากินไม่น้อย
แค่มองก็น้ำลายจะไหล แอปเปิลที่เพิ่งกัดไปคำล่าสุดถูกกลืนลงคออย่างรวดเร็วเมื่อได้กลิ่นหาอาหาร
มองอยู่ไม่นานก็มีข้าวพูนจานมาตั้งอยู่ตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะ” เอ่ยคำขอบคุณเสียงดังฟังชัดโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย
ฉีกยิ้มกว้างใส่อาหารตรงหน้าแล้ววางแอปเปิลที่ยังกินไม่หมดลงข้างจานข้าว
มันคงหมดความสำคัญเพราะมีอย่างอื่นที่น่าสนใจและยั่วน้ำลายได้มากกว่ามาแทนที่...
ไม่มีบทสนทนาใดๆ ระหว่างทั้งคู่ขณะที่อีกคนตั้งหน้าตั้งตาจ้วงข้าวเข้าปาก
ส่วนอีกคนกำลังใช้โอกาสนี้สำรวจอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน
ถึงรูปร่างจะดูผอมบางไปสักหน่อยแต่กลับไม่ได้ดูเก้งก้างน่าเกลียดอะไร
ท่านั่งสบายๆ มือที่ขยับเคลื่อนไปมาระหว่างจานอาหารแต่ละจาน
ทุกการเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติไร้การปรุงแต่ง มันดูมีเสน่ห์น่ามองอย่างประหลาด
มุมปากเผลอยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อสังเกตเห็นกระพุ้งแก้มใสพองออก
พร้อมขยับเล็กน้อยเวลาเจ้าตัวเคี้ยวอาหารที่อยู่ในปาก
เหมือนเธอกำลังมองเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งกำลังทานข้าวไม่มีผิด
เวลาที่คนตรงหน้าไม่พูดจาประสาทนี่ดูน่ารักขึ้นเป็นกอง... รู้อย่างนี้หาอะไรมาอุดปากซะตั้งแต่แรกก็ดี
อาหารสองอย่างพร้อมกับข้าวหนึ่งจานพร่องลงไปอย่างรวดเร็วจนหมดลงในที่สุด
เจสสิก้าที่นั่งเท้าคางมองอยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะยังอดทึ่งไม่ได้
กวาดตามองจานชามทั้งสามใบที่สะอาดเอี่ยมแทบไม่ต้องล้าง....
ไม่รู้ว่าเอาไปเก็บไว้ที่ไหนตัวก็ใช่ว่าจะโตแค่สูงกว่าเธอหน่อยเท่านั้น
ยุนอายกแก้วนมขึ้นมากระดกดื่มอึกๆ พริบตาเดียวเท่านั้นนมในแก้วก็หมดลงเหลือเพียงคราบเล็กน้อยติดค้างอยู่ก้นแก้ว
ก่อนที่เจ้าตัวจะผุดลุกจากเก้าอี้หยิบจานชามมาวางซ้อนกันแล้วยกขึ้นมาถือไว้พร้อมแก้วเปล่า
“เดี๋ยวฉันล้างให้ ขอบคุณนะคะ อิ่มมากเลย”
ว่าแล้วก็เดินตรงไปที่อ่างล้างจานด้วยสีหน้าเบิกบานผิดกับตอนมากดกริ่งเรียกเธอลิบลับ
หรือว่านิสัยบ้าๆ แบบนั้นเกิดขึ้นเฉพาะตอนโมโหหิว...
มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงน้ำจากก๊อกเปิดดังซู่
เจสสิก้ามองตาก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังจะลงมือล้างจาน หญิงสาวรีบออกปากห้ามละล่ำละลัก
“เอ้อ นี่คุณเอาไว้ตรงนั้นแหละเดี๋ยวฉันล้างเอง”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันกินทีหลังฉันก็ต้องล้าง”
ยุนอาตอบกลับโดนไม่เงยหน้าขึ้นจากภาชนะที่กำลังทำความสะอาด
เมื่อเห็นว่าห้ามไม่ทันแล้วเจสสิก้าจึงปล่อยเลยตามเลย
...อยากล้างก็ล้าง ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องทำเองให้เหนื่อย...
“ตามใจแล้วกัน......ว่าแต่เราก็คุยกันมาตั้งนานนะ แต่ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
“นั่นสินะ ฉัน อิม ยุนอา คุณล่ะ”
เสียงจานชามกระทบกันในอ่างล้างจานดังปนกับเสียงพูดคุยของคนทั้งคู่
เจสสิก้าชะงักไปนิดหน่อยเมื่อได้ยินชื่อและนามสกุลของอีกฝ่าย
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด... นามสกุลอิม.. ฟังดูคุ้นๆ แฮะ
“ว่ายังไงล่ะคุณ หรือหวงชื่อไม่อยากจะบอกฉันก็ไม่เป็นไรนะ ไม่ว่ากัน”
เห็นว่าอีกฝ่ายเงียบอยู่นานจึงกระตุ้นเตือน ชะงักมือเพื่อเงี่ยหูรอฟังคำตอบ
... นั่นไงล่ะพอเริ่มเปิดปากพูดก็กวนโมโหกันอีกแล้ว
“ไม่ได้หวง... ฉันชื่อเจสสิก้า จอง”
“ทำไมชื่อฝรั่งจ๋าอย่างนั้นล่ะ หน้าตาก็ออกจะเกาหลี มีเชื้อฝรั่งเหรอ”
คิ้วขมวดเป็นปมเพราะสะดุดใจกับนามสกุลของอีกฝ่ายแต่เลือกที่จะเก็บเอาไว้ในใจ
เอ่ยถามข้อสงสัยเพียงข้อเดียวออกไป...
แต่จะถามดีๆ อย่างคนอื่นเค้าคงทำไม่เป็นหรอกมั้งคนๆ นี้
“ไม่ต้องมายุ่งกับชื่อฉันหรอก จะมาสืบประวัติกันหรือไงถึงได้อยากรู้มากขนาดนั้น”
เจสสิก้าสวนกลับอย่างเหลืออด ให้รู้บ้างว่าไม่ใช่แค่เค้าที่กวนประสาทคนอื่นได้
แต่คนปากดีที่โดนตอกกลับก็ไม่เห็นสะทกสะท้าน ยักไหล่หนึ่งทีอย่างไม่ใส่ใจแล้วล้างจานต่อไปจนเสร็จ
เจสสิก้าพ่นลมหายใจแรงๆ แล้วเดินหนีออกไปจากห้องครัว
หย่อนกายลงนั่งข้างช็อตตี้ที่สบายอยู่บนโซฟาตัวยาว
ช็อตตี้ผงกหัวเล็กๆ ของมันขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวใกล้ตัวดวงตาสีฟ้าใสเปิดขึ้นอย่างเกียจคร้าน
จนเมื่อเห็นว่าผู้รบกวนเวลานอนของมันคือใครจึงปิดเปลือกตาลงอีกครั้งแล้วนอนหมอบลงในท่าเดิม
เหลือบมองเจ้าขนฟูแว้บหนึ่งก่อนหยิบรีโมทที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าขึ้นมากดเปิดทีวี
ภาพบนจอปรากฏขึ้นทันใจพร้อมเสียงรายการทีวีประจำวัน
หญิงสาวเอนหลังพิงพนักโซฟานุ่มอย่างผ่อนคลาย
ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปลูบไล้ขนยาวๆ ของช็อตตี้เล่น เพลินกันทั้งคนทั้งแมว...
“ฉันล้างจานเสร็จแล้วนะ”
สงบได้ไม่ทันไรเสียงของคนกวนประสาทก็ดังอยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนกำลังจะเคี้ยวอะไรบางอย่างอยู่ในปาก
ไม่ทันได้ให้สงสัยนานเจ้าของเสียงก็เดินอ้อมหลังเธอมานั่งบนโซฟาตัวเล็กอีกตัวฝั่งเดียวกับที่ช็อตตี้นอนอยู่
พร้อมแอปเปิลที่เหลือเพียงนิดเดียวในมือ
“แอปเปิลที่คุณเอามาให้ฉันกินก่อนหน้านี้ไง มันเหลือเลยเอามากินต่อ เสียดาย”
อธิบายเสร็จสรรพเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองตามก่อนจัดการกับแอปเปิลชิ้นสุดท้ายที่เหลือในมือเข้าปากไป
เจสสิก้าเหลือบมองอีกฝ่ายเพียงหางตาด้วยสีหน้าเอือมระอาก่อนดึงสายตากลับมายังหน้าจอทีวี
“คุณเจสสิก้า จอง เมื่อคืนช็อตตี้กวนคุณหรือเปล่า”
เรียกอีกฝ่ายเต็มยศแล้วยื่นมือออกไปขยี้หัวของช็อตตี้แรงๆ จนมันต้องลืมตาขึ้นมองเจ้านายของตนด้วยความรำคาญ
เมื่อยุนอาปล่อยมือช็อตตี้จึงลุกขึ้นเปลี่ยนไปนอนเอาคางเกยหน้าตักของเจสสิก้า
เมินเจ้านายจอมกวนอย่างไร้เยื่อใย ยุนอาเบะปากใส่มันอย่างหมั่นไส้
“นี่คุณ ไม่ต้องเรียกฉันเต็มยศขนาดนั้นก็ได้นะ คุณเกิดปีอะไร ฉันปี 89”
นึกรำคาญกับชื่อที่อีกฝ่ายเรียกเหมือนจงใจประชดประชันจึงเอ่ยถามขึ้น เอาให้รู้กันไปเลยว่าใครเป็นพี่เป็นน้อง
“ฉันเกิด 90 ถามทำไมเหรอ”
“คุณเป็นน้องฉัน เพราะฉะนั้นคุณต้องเรียกฉันว่าพี่สาวถึงจะถูก ตกลงมั้ย?”
เจสสิก้ายื่นข้อเสนอ ยุนอารับฟังแล้วเลิกคิ้วขึ้นสูง
“ทำไมต้องเรียกคุณว่าพี่ล่ะ คุณไม่ใช่พี่สาวฉันจริงๆ ซักหน่อย ที่บ้านฉันมีแต่พี่ชาย”
ไถลตัวลงเอนหลังพิงพนักโซฟานุ่มในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนกลายๆ
ง่วงก็ง่วงเพราะยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่ตื่นมาเมื่อเย็นวาน แต่ยังมีอารมณ์พูดจากระเซ้าเย้าแหย่อีกฝ่ายให้เคืองเล่น
“งั้นก็ไม่ต้องเรียก!”
พ่นลมออกจมูกพรืดใหญ่ ตวัดสายตาขุ่นขวางมองอีกคนอย่างหงุดหงิด
พูดจาดีๆ ได้ไม่เกินสองประโยคสิน่าไอ้เด็กนี่
“แหม น้องยุนล้อเล่นค่ะพี่สิก้า อย่าเพิ่งโกรธสิคะ” พูดเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างน่าหมั่นไส้
หญิงสาวต้องใช้อดทนอย่างมากที่จะไม่เตะคนกวนโอ๊ยออกไปนอกห้อง
“ดูสิช็อตตี้พี่สิก้าโกรธน้องยุน มองตาเขียวปั๊ดเลย”
ยื่นมือเรียวไปคว้าตัวช็อตตี้จากตักของเจสสิก้ามานอนบนตักของตน
แต่พอวางไว้บนตักครู่เดียวเท่านั้นเจ้าแมวสุดที่รักก็กระโดดลงไปยืนพื้นทำเหมือนมันกำลังรังเกียจเธอนักหนา
มันเอี้ยวคอมามองยุนอาด้วยหางตาแล้วเชิดหน้าเดินหนีไปหมอบแทบเท้าของเจสสิก้า
....หนอย....ดูมัน แค่ลืมให้ข้าววันเดียวแค่นี้ทำเป็นงอน ถ้ามันจะอวดเก่งใส่เธอเพราะเรื่องกะโหลกกะลาแค่นี้ก็ให้มันรู้ไป...
“ฮ่าๆ ช็อตตี้มานอนบนนี้ดีกว่ามา” เจสสิก้าก้มลงอุ้มมันขึ้นมานอนบนตักเหมือนเดิม
หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจที่เห็นช็อตตี้ฉีกหน้ายุนอาเมื่อครู่
“ช็อตตี้” ลองเรียกมันอีกครั้ง
แต่มันกลับเหลือบตาขึ้นมองแว้บเดียวเหมือนกำลังเบื่อหน่ายแล้วหลับตาลงตัดรำคาญ
ยุนอาแยกเขี้ยวใส่แมวสุดรักกับเจ้าของห้องคนสวย
หมั่นไส้ที่ดูจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเหลือเกินทั้งที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงวันแท้ๆ...
เบือนหน้าหนีจากทั้งคู่ ทำเสียงหึในลำคอแล้วทิ้งตัวลงพิงพนักตามเดิม ..
ความง่วงเข้าครอบงำจนฝืนเปลือกตาไม่ไหว เสียงทีวีที่เปิดทิ้งไว้เป็นเหมือนเพลงขับกล่อมให้นอนหลับฝันดี...
“เธอจะเอาช็อตตี้กลับไปตอนนี้เลยมั้ย?” สรรพนามที่ใช้เรียกอีกฝ่ายถูกเปลี่ยน
หญิงสาวละสายตาจากจอทีวีหันไปถามอีกคนเมื่อเห็นว่าเงียบผิดปกติ
แต่กลับพบว่าคู่สนทนาฟุบหลับคอพับลงบนที่วางแขน ลมหายใจผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอ
“อ้าว หลับเข้าไปได้ยังไง ยุนอา นี่ ยุนอา”
ลองสะกิดเรียกเบาๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น หญิงสาวเลยปล่อยเลยตามเลย
มองคนสลับกับแมวอยู่เงียบๆ
ยุนอานี่คงจะน่ารักเฉพาะตอนไม่เปิดปากพูดสินะ
เธอเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่ายุนอาไม่ได้ปากมอมเฉพาะตอนโมโหหิวแต่มันเป็นนิสัยถาวรที่ติดตัวเค้าอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
...เฮ่อ.!! สรุปว่าเธอต้องรับเลี้ยงทั้งคนทั้งแมวเลยสินะ..
******************************************************
ตอนที่สองมาล่าช้านิดหน่อย ไปๆ มาๆ มันกลายเป็นฟิคเรื่องใหม่ไปเลย
เหมือนไม่ได้แปลง หาเรื่องให้ตัวเองแท้ๆ orz
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น