ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    H O M E L E S S [YoonTae Feat.Yeon(hee)Sic,WenRene]

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 : ยินดีที่ได้รู้จัก [rewrite 22.07.2015]

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 58


       Chapter 2

    ยินดีที่ได้รู้จัก (?)

           


                นาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังบอกเวลาเก้าโมงเศษ ๆ นานแล้วที่ไม่ได้ตื่นสายขนาดนี้ ยุนอาออกจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกไม่สบายตัว การพักผ่อนไม่เพียงพอบวกกับสภาพอากาศเมื่อคืนทำให้หวัดเล่นงานตั้งแต่เช้าจนต้องลาหยุดทั้งวัน แต่คนที่อาการหนักกว่าคงหนีไม่พ้นเด็กผู้หญิงแปลกหน้าที่รับขึ้นรถมาด้วยเมื่อคืน ป่านนี้ไม่รู้จะตื่นหรือยัง หรืออาจจะนอนซมเพราะพิษไข้อยู่ก็น่าคิด


    ยุนอาพาดผ้าขนหนูผืนเล็กไว้บนไหล่ก่อนเดินไปยังห้องนอนข้าง ๆ ที่ไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป มือที่เตรียมยกขึ้นเคาะประตูตกลงข้างตัว นึกขึ้นได้ว่าเสียงนั้นอาจจะรบกวนคนป่วย แต่จะให้เปิดประตูเข้าไปเลยก็ดูจะไร้มารยาทเกินไปหากว่าเด็กคนนั้นไม่ได้หลับอยู่อย่างที่คิด จริงอยู่ว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของยุนอา แต่ในเมื่อยกให้อีกคนไปแล้วถึงจะแค่ชั่วคราวแต่ก็ไม่ควรจะล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว       


    ยกมือขึ้นกอดอกอย่างใช้ความคิด พลางเงี่ยหูฟังเสียงจากภายในห้อง แต่ก็ไม่ได้อะไรนอกจากความเงียบ ยืนมองประตูบานใหญ่อยู่นานเป็นนาทีกว่าจะตัดสินใจได้ ลองยื่นมือไปขยับลูกบิดก็พบว่ามันไม่ได้ถูกล็อคจากข้างใน ยุนอาผลักความเกรงใจทิ้งไปพร้อมบานประตูที่ค่อย ๆ เปิดแง้มออก นึกตำหนิอีกฝ่ายอยู่ในใจว่าช่างไม่รู้จักระมัดระวังตัวเสียบ้าง แต่ยุนอาคงลืมอะไรไปอย่างว่าหากประตูถูกล็อคเธอก็คงเข้ามาในนี้ไม่ได้ง่าย ๆ เช่นกัน


    “หลับจริง ๆ ด้วย”


    บนเตียงนอนกว้างมีร่างเล็ก ๆ นอนซุกตัวอยู่ในผืนผ้าห่มที่คลุมจนเกือบถึงศีรษะ หากไม่สังเกตดี ๆ คงเห็นแต่กองผ้าไม่เห็นตัวคน เมื่อร่างทั้งร่างราวกับจะจมหายไปกับเครื่องนอนสะอาดสะอ้าน ใบหน้าซีกหนึ่งแนบไปกับหมอนใบใหญ่ เห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านเดียวที่ดูไม่สู้ดีนัก ริมฝีปากแดงจัดเพราะพิษไข้เผยอขึ้นน้อย ๆ ลมหายใจดูปั่นป่วนรุนแรงไม่เป็นปกติ ไม่ต้องมีความรู้ด้านการแพทย์ก็พอจะมองออกว่าอาการของคนตรงหน้านั้นย่ำแย่เพียงใด


      ฝ่ามืออุ่นวางทาบลงบนหน้าผากเนียนอย่างแผ่วเบา ความร้อนจากผิวที่สัมผัสก่อให้เกิดความวิตกกังวล เด็กคนนี้ต้องได้รับการรักษาโดยด่วน การปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากคนที่ไม่เคยดูแลใครอย่างยุนอาคงใช้ไม่ได้ผลอย่างแน่นอน


    “รอก่อน อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ”


    เมื่อรู้ว่าต้องทำอะไรยุนอาก็ผลุนผลันออกจากห้องไป สมาร์ทโฟนที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งถูกหยิบขึ้นมาใช้งานอย่างร้อนใจ สัญญาณรอสายที่ดังเพียงไม่กี่ครั้งก็ฟังเหมือนยาวนานกว่าทุกที


    “สวัสดีค่ะพี่หมอ ว่างอยู่หรือเปล่า”


    “ช่วยมาดูคนป่วยหน่อยสิ”


    “ที่คอนโด ฯ ฉันเองค่ะ รบกวนด้วยนะ ขอบคุณค่ะ”



     

    ยุนอากันตัวเองออกมาอยู่ตรงโซฟามุมห้อง ได้แต่ลอบมองคุณหมอหนุ่มกับคนไข้บนเตียงเป็นครั้งคราว หากจะนั่งจ้องตรง ๆ อย่างที่อยากทำก็เหนื่อยที่จะต่อปากต่อคำกับคุณหมอปากจัด หลังจากที่ต้องหาข้อแก้ตัวยกใหญ่เรื่องที่พาคนแปลกหน้าเข้ามาค้างที่คอนโด ฯ ด้วยอีกฝ่ายเข้าใจไปว่ายุนอามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนป่วย ซ้ำยังกระเซ้าเย้าแหย่ไม่ขาดปากหาว่าเธอไปหลอกเด็ก ถึงจะปฏิเสธแทบตายแต่ดูเขาไม่ยอมปักใจเชื่อ แววตากรุ้มกริ่มแกมล้อเลียนที่ส่งมาให้ทุกครั้งที่ยุนอาทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเด็กสาวยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ จึงตัดปัญหาด้วยการออกมานั่งอยู่คนเดียวเงียบ ๆ รอคอยจนกว่าการทำงานของหมอฮีชอลจะเสร็จสิ้น


    “เรียบร้อยแล้วล่ะ แค่ไข้หวัดธรรมดาไม่ต้องห่วง”


    “ก็ไม่ได้ห่วงอะไร” ยุนอาพึมพำเบา ๆ แต่ก็คิดว่าฮีชอลได้ยินแค่ทำเป็นไม่ใส่เท่านั้น ดูจากรอยยิ้มกวนอารมณ์กับดวงตาแพรวระยับคู่นั้นก็รู้


    “ช่วยดูไม่ให้ตัวร้อนมาก ๆ ก็พอ ยาก็จัดไว้ให้แล้วพร้อมของเธอ ...เจลลดไข้เธอก็น่าจะมีทำไมไม่รู้จักเอามาใช้”


    “ก็.. มันลืมนี่”


    “เอาเถอะ ๆ เธอเองก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยล่ะ ป่วยไปอีกคนจะแย่เอา” ฮีชอลว่าพลางเก็บอุปกรณ์ลงในกระเป๋าตามเดิม

    “ค่า ทราบแล้วค่า~” ยุนอารับคำอย่างประชดประชันแต่คนอายุมากกว่าก็ใช่ว่าจะใส่ใจ


    “เออ ถามจริง ๆ เถอะยุนอา”


    “หือ?”


    “พี่รู้ว่าเธอชอบผู้หญิง เคยเห็นคู่ควงเธอมาก็เยอะ” ว่าพลางเหลือบมองคนป่วยที่ยังหลับไม่รู้เรื่องบนเตียง “แต่ท่าทางคราวนี้เธอจะเปลี่ยนรสนิยมสินะ..... ที่จริงพี่ก็เข้าใจนะ อะไรที่ซ้ำซากจำเจมันก็น่าเบื่อ บางทีเด็กวัยกระเตาะก็คงจะน่าตื่นเต้นไปอีกแบบ... แต่เธอจริงจังกับเด็กนี่แค่ไหน? หรือว่าแค่ควงเล่นแก้เบื่อล่ะ?”


    ยุนอากลอกตาไปมากับคำถามที่วนซ้ำอยู่แต่เรื่องเดิมไม่จบไม่สิ้น เห็นท่าทีจริงจังนึกว่าจะพูดเรื่องสำคัญเสียอีก


    “นี่พี่ยังไม่จบอีกเหรอ”


    “ยังไม่พร้อมจะตอบก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าพี่จะไม่บอกใครแล้วกันว่าเธอแอบพาเด็กขึ้นคอนโด ฯ พร้อมก็ค่อยเปิดตัวแล้วกันนะ”


    “พี่จะเลิกพูดเองเออเองได้หรือยัง”


    “น่า.. ดูแลกันดี ๆ นะ พี่ไปทำงานต่อล่ะ” พูดจบก็เดินจากไปพร้อมปิดประตูกระแทกหน้าเจ้าของห้อง ทิ้งให้ยุนอายืนกัดฟันกรอดมองบานประตูอย่างฉุนเฉียว


    “เออ ถ้าจะไม่เชื่อกันขนาดนั้นน่ะนะ... ไอ้หมอโรคจิตเอ๊ย”


                ถ้าสภาพร่างกายยังปกติดียุนอาคงขับรถพาคนป่วยไปโรงพยาบาลด้วยตนเอง จะได้ไม่เกิดปัญหา ตอนที่โทรไปก็มัวแต่ตกใจจนลืมนึกถึงอุปนิสัยส่วนตัวอันน่าปวดหัวของรุ่นพี่คนสนิท  


                “เธอนี่ก็ขี้เซาเหลือเกินนะ”


                ยุนอาหันกลับมาให้ความสนใจคนบนเตียงอีกครั้ง ใบหน้าขาวซีดเมื่อปราศจากคราบมอมแมมแล้วก็ดูน่ามองขึ้นอีกเท่าตัว ผิวพรรณผุดผ่องประกอบกับรูปร่างที่ดูบอบบางอ้อนแอ้น ราวกับถูกประคบประหงมดูแลมาทั้งชีวิต ไม่น่าจะมาระหกระเหินอยู่ข้างถนนในเวลากลางคืนแบบนี้ด้วยซ้ำ แล้วเหตุผลใดที่ผลักดันให้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต้องระเห็จออกจากบ้านอันแสนอุบอุ่นกลายเป็นคนเคว้งคว้างไร้ที่พึ่ง


                ยุนอาถอนหายใจยาวอย่างคิดไม่ตก ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังแทรกเข้ามาในความเงียบ  เหลือบมองต้นตอของเสียงก็พบกับสมาร์ทโฟนหน้าจอแตกร้าวที่เจ้าตัวดูหวงแหนนักหนา มันกำลังส่งสัญญาณเตือนว่าแบตเตอรี่กำลังอ่อนแรง ยุนอาหรี่ตามองอย่างใช้ความคิด คงเป็นเพราะอุบัติเหตุเมื่อคืนทำให้มันตกอยู่ในสภาพนั้น แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าการที่เด็กตรงหน้ากำมันไว้แน่นแม้ยามหลับ กว่าที่เธอกับฮีชอลจะช่วยแกะมันออกจากมือได้ก็ทุลักทุเลเหลือเกิน สติที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นยังพะวงอยู่แต่กับมือถือเพียงเครื่องเดียว


                ความสงสัยทำให้ยุนอาปัดความรู้สึกผิดออกไปชั่วคราว แล้วถือวิสาสะหยิบสมาร์ทโฟนของอีกคนมาสำรวจโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต แต่พอหน้าจอสว่างวาบยุนอาก็แทบอยากเอาศีรษะไปโขกกับผนังแรง ๆ ให้สาสมกับความโง่เง่าของตน ลืมนึกไปว่าของสำคัญขนาดนั้นก็ต้องมีการตั้งค่าความปลอดภัยเอาไว้เป็นธรรมดา ได้แต่จ้องมองตัวเลขบนหน้าจอที่กำลังเยาะเย้ยถากถาง กับรหัสผ่านที่ยุนอาคาดเดาไม่ถูก


                ทว่าสิ่งหนึ่งที่ได้รับรู้จากมันก็คือ คนที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงนอนนุ่ม ในอดีตเคยเป็นเด็กผู้หญิงที่เปี่ยมล้นด้วยความสุข ภาพรอยยิ้มของผู้เป็นเจ้าของที่ปรากฏอยู่บนพื้นหลังจอสี่เหลี่ยมได้บอกกับเธอเช่นนั้น


     




                สัมผัสเย็นชื้นที่ป่ายปัดไปทั่วทั้งหน้ากำลังสร้างความรำคาญให้แก่แทยอน เสียงแหบครางผะแผ่วพยายามหลบสิ่งรบกวนนั้น แต่จนแล้วจนรอดก็หนีไม่พ้น จำต้องฝืนเปลือกตาอันหนักอึ้งเปิดขึ้นในที่สุด สิ่งแรกที่สายตาพร่ามัวมองเห็นคือใบหน้าของใครบางคนที่จอจ่ออยู่ใกล้ ๆ ความหวาดระแวงสั่งให้ปัดมือของอีกฝ่ายออกไปแรง ๆ ก่อนรวบรวมกำลังพาร่างกายอ่อนล้าลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง รวบผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมตัวด้วยท่าทางไม่ไว้ใจ


                “ตื่นแล้วก็แผลงฤทธิ์เลยนะ”


                แทยอนไม่ได้ใส่ใจคำตำหนินั้น ซ้ำยังโยนคำถามกลับไป เพราะสมองอันเฉื่อยชาคิดหาคำตอบเองไม่ได้


    “คุณเป็นใคร?”


    “ไข้หวัดนี่ทำให้เธอความจำเสื่อมได้ด้วยเหรอ?”


    แทยอนยกมือนวดขมับบรรเทาความปวดร้าวที่ศีรษะ เริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับวิธีการเหน็บแนมนั่นแล้ว แต่ยังนึกไม่ออกในทันที


    “ตื่นแล้วก็กินอะไรซักหน่อย จะได้กินยา นี่ก็ได้เวลาพอดี” รับรู้ได้ว่าเจ้าของร่างนั้นถอยออกห่างเล็กน้อย มือเล็กขยี้ตาเพื่อลดอาการพร่ามัว รู้สึกคลับคลายคลับคลากับใบหน้าเรียวสวยที่มองเห็นก่อนที่ความทรงจำจากเมื่อคืนจะหลั่งไหลเข้ามาเหมือนสายน้ำหลาก ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างขึ้นในทันที


    “นี่คุณ... คุณเองเหรอ”


    “ท่าทางจะจำได้แล้วสินะ” ท่ายืนกอดอกในท่าสบาย ทว่าสร้างความกดดันเล็ก ๆ ให้คนมองได้อย่างน่าประหลาด เค้าหน้าที่เห็นเลือนรางเมื่อคืนเพิ่งชัดเจนก็ตอนนี้ เสียงที่เปลี่ยนไปจากเดิมนั่นคงเป็นสิ่งที่ทำให้แทยอนจดจำอีกฝ่ายได้ยากขึ้น ทำให้รู้ว่าอีกคนก็ถูกฝนเล่นงานด้วยเช่นกัน


     ผู้หญิงตรงหน้าเป็นคนสวยชนิดหาตัวจับยาก แต่เสียที่ชอบเหน็บแนมและปากร้ายไปสักนิด


    แทยอนละสายตาจากร่างสูงโปร่งแล้วหันมาให้ความสนใจกับสภาพแวดล้อมรอบกายแทน ห้องนอนกว้างที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครับครัน ทำให้คาดเดาฐานะของผู้เป็นเจ้าของได้ไม่ยาก แต่ที่สะดุดสายตาที่สุดเห็นจะเป็นกะละมังใบเล็กที่ตั้งบนหัวเตียงกับผ้าขนหนูสีขาวสะอาดที่ยังเปียกชุ่ม แล้วเลื่อนสายตากลับมามองเจ้าของอาณาเขตแห่งนี้ด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ


    “คุณเป็นคนเช็ดตัวให้ฉันหรอคะ?”


    “แล้วเธอเห็นใครในห้องนี้นอกจากฉันหรือเปล่าล่ะ?” พูดพร้อมกับเบือนหน้าหนีด้วยท่าทีราวกับไม่ใส่ใจ หากแทยอนมีเวลาสังเกตสักนิดจะเห็นความขัดเขินในสีหน้าที่พยายามบังคับให้นิ่งเฉย เพราะเพิ่งเคยทำในสิ่งที่ไม่คิดจะทำให้ใคร แต่เด็กหลงทางที่เพิ่งพบหน้ากลับได้รับเกียรตินั้นเป็นคนแรก 


    “ขอบคุณค่ะที่กรุณา”แทยอนค้อมศีรษะให้พร้อมคำขอบคุณจริงใจ ทำเป็นไม่ได้ยินคำถามยอกย้อนของคนตรงหน้า


    “รีบกินข้าวต้มซะเถอะ ยาเธอวางอยู่บนโต๊ะโคมไฟนั่น”


    มองตามสายตาคู่สวยก็พบกับชามข้าวต้มที่ยังมีควันลอยกรุ่น พร้อมกับแก้วน้ำและถุงยาวางอยู่ข้างกัน แทยอนมองเลยผ่านชามข้าวต้มที่ไม่นึกอยากแตะนั่นนอกหน้าต่างมืดมิด เม็ดฝนเกาะพราวบนกระจกบานใส ข้างนอกนั่นฝนคงกำลังตกหนัก และคงจะตกต่อเนื่องไปอีกนาน แทยอนเพิ่งรู้ว่าตนใช้เวลานอนทั้งวันจนกระทั่งเย็นย่ำ


    “กี่โมงแล้วคะ?”


    “ทุ่มกว่าแล้ว”


    “ฉันหลับไปทั้งวันเลยสินะ”


    แต่อยู่ ๆ แทยอนก็มีสีหน้าตื่นกระหนก ผ้าห่มที่กองอยู่บนตัวถูกตวัดออกไปจนแทบหล่นจากเตียง พร้อมกับควานหาของสำคัญที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่อยู่ข้างกายอีกต่อไป


    “เป็นอะไรไป”


    “โทรศัพท์ค่ะ โทรศัพท์ฉันหาย คุณเห็นบ้างไหมคะ”


    “ก็นึกว่าเรื่องอะไร... มันก็อยู่ข้างถาดข้าวต้มเธอนั่นแหละ” ยุนอาส่ายหน้าให้กับอาการตื่นตูมจนเกินเหตุของเด็กสาว พอได้โทรศัพท์มาก็ตั้งท่าจะเปิดมันแต่พบว่าไม่สำเร็จ หน้าจอยังคงมืดสนิทเพราะแบตเตอรี่ได้หมดไปนานแล้ว


    แทยอนเตรียมจะก้าวลงจากเตียงหากไม่ถูกเสียงหนึ่งทัดทานเอาไว้เสียก่อน


    “เธอจะทำอะไรน่ะ?”


    “ไปหยิบกระเป๋าค่ะ ในนั้นมีที่ชาร์ตแบต ฯ”


    “อยู่ตรงไหนเดี๋ยวฉันไปหยิบมาให้” เห็นร่างซวนเซที่แทบจะทรงตัวไม่อยู่ก็นึกสงสารจึงยื่นมือเข้าไปช่วย ทว่าเด็กคนนี้ก็อวดดีเกินไปไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากยุนอาง่าย ๆ


    “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันหยิบเองได้”


    “อย่าอวดเก่งไปหน่อยเลยน่า จะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว ไหน กระเป๋าเธออยู่ไหน?”


    แทยอนถอนหายใจยาวอย่างยอมแพ้ ยอมบอกที่เก็บกระเป๋ากับอีกฝ่ายแต่โดยดี


    “ขอบคุณค่ะ”


    ในขณะที่กล่าวคำขอบคุณอยู่ในลำคอก็ก้มหน้าก้มตาสำรวจสิ่งของในกระเป๋าอย่างร้อนรน เกรงว่าจะมีสิ่งใดหล่นหาย


    อิม ยุนอา


    “.....?” แทยอนหยุดมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกคนตาปริบ ๆ กับคำพูดลอย ๆ ที่ไม่แน่ใจว่าต้องการบอกกับเธอหรือเปล่า


     “ชื่อฉันเอง”


    “เอ่อ.. ฉัน คิม แทยอนค่ะ” จำต้องบอกชื่อตนเองออกไปเพราะทนสายตารบเร้าของอีกฝ่ายไม่ไหว เป็นการแนะนำตัวที่แปลกอยู่สักหน่อยในความรู้สึกของแทยอน  ได้คำตอบที่พอใจแล้วก็ลดตัวลงนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่ลากมาไว้ข้างเตียงตั้งแต่ตอนกลางวัน เรียวขาสวยในกางเกงขาสั้นตวัดขึ้นไขว่ห้าง กอดอกมองแทยอนเขม็งคล้ายกำลังเตรียมสอบสวน


    “เธออายุเท่าไหร่?”


    17 ค่ะ”


    “ยังเรียนม.ปลายอยู่สินะ”


    “ค่ะ แต่ไม่เรียนแล้ว จะหางานทำ” พอถูกจ้องด้วยสายตาคมดุแทยอนก็ต้องเบือนหน้าหนีหลบสายตา


    “ทำไม?”


    “ฉันไม่มีเงินเรียนต่อค่ะ” เสียงตอบนั้นเบาลงทุกทีเมื่อต้องบิดเบือนความจริง ผิวกายด้านที่ถูกจดจ้องรู้สึกร้อนวูบวาบราวกับกำลังถูกแผดเผา ดวงตาคู่นั้นมองเหมือนจะให้ทะลุถึงตัวตนข้างใน


    “พูดเป็นเล่นไป ท่าทางเธอไม่ใช่เด็กยากจนเลยสักนิด ข้าวของกับเสื้อผ้าที่เธอใช้ มันห่างไกลคำนั้นมากรู้ไหม?”


    นึกอยู่แล้วว่าเธอคงไม่สามารถตบตาคนคนนี้ได้ จำต้องคายความจริงที่ไม่อยากเอ่ยถึงออกมา


    “พ่อฉันเพิ่งเสียค่ะ”


    “จริงเหรอ?”


    “ฉันไม่เอาเรื่องความเป็นความตายมาล้อเล่นหรอก” ดวงตาร้าวรานตวัดมองเมื่อเห็นว่าอีกคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อถือ พอได้มองสบยุนอาก็ถอนใจแล้วพยักหน้า


    “เข้าใจแล้วล่ะ... แล้วแม่เธอล่ะ?”


    “ไม่อยู่แล้วเหมือนกันค่ะ” ริมฝีปากแดงจัดเม้มแน่นแสดงอาการไม่พอใจที่ถูกซักถามเรื่องส่วนตัวจนรู้สึกเหมือนกำลังถูกละลาบละล้วง


    “ญาติเธอล่ะ?”


    “ไม่มีค่ะ”


    “แต่บ้านก็น่าจะมีไม่ใช่เหรอ?”


    คนสอบสวนยังคงยิงคำถามด้วยท่าทางผ่อนคลาย ต่างจากคนที่ตกอยู่ในที่นั่งเดียวกับผู้ต้องหาลิบลับ กับการต้องเอื้อนเอ่ยความจริงที่เสียดแทงความรู้สึก


    “ไม่มีแล้วค่ะ”


    “ฉันขอถามเธอคำถามเดียวกับเมื่อคืน.... เธอจะไปที่ไหนต่อ”


    “ฉันเอง... ก็ยังไม่รู้เลย” น้ำเสียงแผ่วเบาพร้อมอาการก้มหน้างุดมองแค่มือบนตักทำให้ยุนอาถอนใจเบา ๆ นึกกลัดกลุ้มแทนอีกคนไม่น้อย


    “โอเค งั้นเธอพักผ่อนเถอะ หายแล้วค่อยคิดก็ได้ว่าจะเอายังไงกับชีวิต”ยุนอายุติการสนทนาที่เริ่มตึงเครียดขึ้นทุกขณะโดยไม่มีสัญญาณใด ๆ พอจะมองออกว่าแทยอนไม่พร้อมตอบคำถามใคร


    “ขอบคุณค่ะ”


    “แต่เธอลองทบทวนดูดี ๆ... ฉันว่าข้างนอกนั่นมันไม่น่าอยู่สำหรับเด็กผู้หญิงอย่างเธอหรอกนะ”  


    ยุนอาเอ่ยเตือนด้วยความหวังดีก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง น้ำเสียงแม้ไม่อ่อนหวานนุ่มนวลแต่เจือความห่วงใยอยู่เต็มเปี่ยม


    “กินข้าวกินยาแล้วก็นอนพักซะจะได้หายไว ๆ ....ฉันไปล่ะ”


    กล่าวประโยคสุดท้ายก่อนที่ประตูจะปิดลง ปล่อยแทยอนไว้กับเสียงฝนที่ตกโปรยปรายและความเงียบเหงาดังเดิม ส่วนคนที่ยืนพิงประตูหน้าห้องอยู่นั้นคงมีเรื่องให้ต้องขบคิดอีกทั้งคืน





    ต้องขอบคุณและขอโทษคุณ Citrus :)) จากใจจริง ๆ ค่ะ ;-; คราวนี้เค้าจะพยายามให้จบค่ะ 

    กลับมาคราวนี้กะจะเคลียร์เรื่องนี้จริง ๆ จะลบตราบาปของตัวเองที่ไม่เคยเขียนฟิคยาวจบสักที 

    ขอบคุณที่ติดตามและยังไม่ทิ้งกันไปไหนนะคะ 

     

    © Tenpoints!




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×