คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [1 SHOT] Miss You Again
ในทุก ๆ วันที่ฉันยังหายใจ - เจมส์ เรืองศักดิ์
ใครรำคาญก็กดปิดได้เลยนะคะ มันเล่นอัตโนมัติ
Miss You Again
February 14, 2012
หนึ่งวันของนิว
เป็นเช้าที่ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนล้า …ไม่ใช่ที่ร่างกาย แต่เป็นหัวใจที่มันอ้างว้างว่างเปล่ามาเนิ่นนาน นับตั้งแต่ใครบางคนหายไปจากชีวิต สิบสี่กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันที่ความคิดถึงจู่โจมความรู้สึกรุนแรงกว่าทุกที ถ้าตัดวันนี้ออกไปจากปฏิทินได้นิวจะดีใจอย่างที่สุด
…วันแห่งความรักแต่คนที่รักกลับไม่อยู่ให้รัก...มันจะมีประโยชน์อะไร
นิวไม่ได้รังเกียจวันวาเลนไทน์ แค่เกลียดตนเองที่ไม่เคยลบใครอีกคนไปจากหัวใจได้สักที
ข้าวของทุกชิ้นที่อีกคนให้มานิวเก็บกวาดมันออกไปจากห้องจนหมดเมื่อนานมาแล้ว ปิดล็อคอย่างแน่นหนาไว้ในกล่องที่ห้องเก็บของในสตูดิโอชั้นใต้ดิน แม้แต่ที่พักก็ย้ายใหม่ แต่สิ่งที่ทำลงไปทั้งหมดกลับไร้ประโยชน์เมื่อทุกอย่างยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำ
โชคร้ายที่ปีนี้นิวอาจจะอาการหนักกว่าเดิมเพราะการพบกันโดยบังเอิญเมื่อเดือนที่แล้ว ความหวังเล็ก ๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในในใจมานานสำแดงอาการจนแทบไม่เป็นอันกินอันนอน
มันน่าขำ ที่ตอนอยู่ด้วยกันไม่เคยเห็นว่าวันนี้มีความสำคัญ แต่พอจากกันกลับโหยหาในสิ่งที่ไม่มีทางได้กลับคืนมา คนเราก็แบบนี้ เมื่อบางอย่างหลุดมือไปถึงจะเห็นค่า แล้วก็มานั่งเสียดายทีหลัง
นิวเปิดม่านผืนหนาออกเพื่อรับแสงแรกแห่งอรุณรุ่ง แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อมองออกไปแล้วเห็นเพียงหมู่เมฆมืดครึ้มบนท้องฟ้า บดบังแสงอาทิตย์ที่ควรจะสาดส่องลงมาอย่างทุกวัน บรรยากาศโดยรอบขมุกขมัว อุณหภูมิก็ลดต่ำลง อะไร ๆ ก็ช่างเป็นใจให้คนรักกันเสียเหลือเกิน นิวนึกค่อนขอดอยู่ในใจก่อนกระชากม่านปิดลงด้วยใบหน้าบึ้งตึง
สตูดิโอในวันนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ เมื่อบรรดาคู่รักจูงมือกันเข้ามาถ่ายภาพเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก นิวและทีมงานต่างทำงานกันมือเป็นระวิง ตั้งแต่เช้าจนเกือบเที่ยงแทบไม่ได้ก้าวออกไปจากสตูดิโอชั้นใต้ดินเลยสักก้าว ลูกน้องของนิวก็ดูเงียบ ๆ ไป ไม่ค่อยพูดคุยหยอกล้อกันเหมือนทุกวัน อาจเป็นเพราะสีหน้านิ่งเฉยของนิว ทำให้ทุกคนไม่กล้าเข้าใกล้ถ้าไม่ใช่เพราะงาน
แสงแฟลชวูบวาบกระพริบเป็นร้อย ๆ ครั้งจนถึงตอนนี้ ทั้งที่มีตากล้องอีกคนแต่นิวกลับรับงานมาทำคนเดียวแทบทั้งหมด ไม่ยอมหยุดพักแม้ตากล้องหนุ่มรุ่นพี่จะอาสาทำแทนก็ตาม อยากลืมเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจด้วยการโหมงานอย่างนัก นิวจึงวางมือจากกล้องไม่ได้ ถ้านิ่งเมื่อไหร่เป็นนึกถึงเรื่องเดิมทุกที
ไม่รู้ว่าสิ่งที่นิวตัดสินใจทำวันนี้จะส่งผลดีหรือร้ายกับตนเองกันแน่ เพราะยิ่งทำใบหน้าก็ยิ่งบูดบึ้ง อารมณ์ขุ่นมัวเอาง่าย ๆ เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยที่ขัดหูขัดตา อะไรที่เคยทนได้ก็กลับกลายเป็นไม่อยากทน บางครั้งก็เผลอพูดเสียงแข็งกับลูกค้าไปจนต้องมีคนมาช่วยไกล่เกลี่ย ทุกคนในสตูดิโอต่างมองนิวทำงานอย่างลุ้นระทึก ใจหายใจคว่ำไปก็หลายที เพราะกลัวว่านิวจะเผลอไปมีเรื่องกับลูกค้า
ที่ขวางหูขวางตาที่สุดในวันนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นภาพความหวานเลี่ยนของบรรดาคู่รักที่ตบเท้าเข้ามาใช้บริการสตูดิโอถ่ายภาพของตน ไม่ว่าจะเป็นคู่รักชายหญิง ชายชาย หรือว่าหญิงหญิง ต่างก็สร้างความหมั่นไส้ให้กับนิวได้เท่าเทียมกัน
“เธอไม่ชอบไปไหนคนเดียว… เธอไม่ชอบเจอความวุ่นวาย ถ้าหากเธอโมโหเมื่อไร ให้เงียบไว้เดี๋ยวหายเอง…” มือที่กำลังเช็คภาพในกล้องหยุดชะงักเมื่อเพลงที่เปิดคลอในสตูดิโอเปลี่ยนไป เงยหน้ามองลำโพงที่ติดไว้มุมหนึ่งของเพดานด้วยวสายตาขุ่นขวาง
“เดี๋ยวมานะ” นิวบอกกับขิงลูกน้องคนหนึ่งในร้านแล้ววางกล้องลงก่อนผลุนผลันขึ้นไปชั้นบน
สาเหตุก็แค่เพลงมันจี้ใจดำเลยทนฟังไม่ไหวเท่านั้นเอง…
“ใครเปิดเพลงนี้ เปลี่ยนได้ป่ะ ไม่งั้นก็ปิดไปเลย” นิวขึ้นมาเอาเรื่องกับคนเปิดเพลง ยืนเท้าสะเอวมองเหน่งที่กำลังนั่งตกแต่งภาพอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์เครื่องต้นเหตุ ชายหนุ่มถึงกับอึ้งไปเมื่อเห็นท่าทางของนิว น้ำเสียงราบเรียบที่เปล่งออกมาบอกว่าเธอกำลังเอาจริง คนขี้เล่นอย่างนิวเวลาโกรธก็น่ากลัวเอาเรื่องอยู่ ถ้าอยู่ในภาวะปกติเขาคงแซวกลับไปแล้ว แต่วันนี้ต่างออกไป เขาไม่กล้าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับอารมณ์แปรปรวนของเจ้านายสาว
“ครับ ๆ พี่นิว รอแป๊บ” เหน่งรีบกดลบเพลงนั้นออกจากลิสต์ในทันที
“เลือกเพลงดี ๆ หน่อย นี่สตูดิโอนะไม่ใช่ศาลาคนเศร้า เปิดอะไรไม่รู้เวล่ำเวลาเอาซะเลย” ก่อนกลับลงไปยังบ่นพึมพำให้ได้ยิน เหน่งพ่นลมออกจากปากแรง ๆ อย่างโล่งอกเมื่อร่างนั้นลับสายตาไป ดูเหมือนจุดเดือดของนิวจะต่ำกว่าทุกวันโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่เขาก็เตรียมใจไว้แล้วเพราะวาเลนไทน์ทีไรนิวก็เป็นแบบนี้ตลอด
“พี่นิว ลูกอมมั้ย?” ขิงยื่นลูกอมให้เมื่อได้ยินเสียงแหบแห้งของผู้เป็นเจ้านาย
“ขอบใจนะ” นิวรับมาแล้วแกะเปลือกลูกอมด้วยสีหน้ายุ่งยาก พยายามอยู่หลายทีสุดท้ายก็โมโหที่แกะไม่สำเร็จ เลยโยนมันลงไปบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด
“ไม่กงไม่กินมันแล้ว”
สถานการณ์แบบนี้มันเคยเกิดขึ้นบ่อย ๆ เพราะนิวเป็นคนใจร้อน แล้วภาพที่ใครอีกคนหยิบลูกอมมาแกะให้เธอกินก็ซ้อนทับเข้ามาในหัว นิวเดินปึงปังออกไปจากห้องราวกับจะหนีไปให้พ้นภาพเหล่านั้น
“พี่นิวใจเย็น…” ขิงพูดเบา ๆ ไล่หลังนิวแม้จะรู้ว่าอีกคนไม่ได้ยิน
ตุบ!
นิวสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงวัตถุบางอย่างกระทบพื้น มันดังอยู่ไม่ไกล หัวคิ้วขมวดยุ่งขณะมองหาต้นเสียง
“โทษนะนิว มันหลุดมือ” ตากล้องรุ่นพี่หันมาขอโทษนิวด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ในมือมีถุงกระดาษปึกใหญ่ คงจะเป็นของที่ตกเมื่อครู่
“ไม่เป็นไรพี่ท็อป กี่โมงแล้วเนี่ย “ นิวบิดขี้เกียจ ดวงตาที่ยังไม่ชินกับแสงหรี่มองไปรอบ ๆ …สตูดิโอเงียบเหงาและข้างนอกก็มืดสนิท ลูกค้าซาลงไปมากคงใกล้เวลาปิดร้านแล้ว
ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนแรกกะจะหลบมุมพักสายตาเท่านั้น แต่ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันมันทำให้นิวสิ้นฤทธิ์ และลูกน้องในร้านก็โล่งอกไปตาม ๆ กันที่นิววางมือจากงานได้เสียที
“สามทุ่มครึ่งแล้วล่ะ” เขาตอบแล้วก้มหน้าก้มตาจัดเก็บสัมภาระของตนไปเงียบ ๆ
นิวถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก …วันอันแสนวุ่นวายใกล้สิ้นสุดลงแล้ว
“พี่ท็อปไม่มีนัดกับแฟนเหรอ กลับก่อนเลยก็ได้นะ นิวกับขิงดูต่อเอง” นิวเสนอ เพราะรู้ว่าท็อปเองก็คงอยากใช้เวลากับคนรักของเขาในวันอันแสนพิเศษนี้ นิวก็เกรงใจอยู่เหมือนกันที่งานในสตูดิโอของตนไปเบียดเบียนเวลาของคู่รัก แต่ท็อปเป็นคนอาสาจะอยู่ช่วยทางนี้เองโดยไม่ขอหยุดงานนิวจึงไม่อยากขัด
“จริง ๆ ก็มีนะ เดี๋ยวต้องไปรับเค้าออกไปข้างนอก” ท็อปสารภาพ
“งั้นก็รีบไปเถอะพี่ท็อป เดี๋ยวเค้างอนเอา”
“โอเค ๆ งั้นพี่ไปละ เจอกันพรุ่งนี้” ท็อปบอกแล้วหยิบเป้ขึ้นสะพายหลัง นิวยิ้มตอบแล้วโบกมือให้ ได้ยินเสียงขิงบอกลากับท็อปดังแว่ว ๆ อยู่ทางหน้าร้าน
แล้วสตูดิโอก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้งเมื่อผู้ร่วมชายคาทั้งสองคนต่างจดจ่ออยู่กับงานของตน
นิวหยิบแว่นกรอบหนาขึ้นมาสวมเพื่อเตรียมตัวทำงานอีกครั้ง ย้ายแล็ปท็อปไปนั่งอยู่บนโซฟารับแขกหน้าร้าน ถอดเมมโมรี่การ์ดจากกล้องมาเสียบเข้าเครื่องเพื่อเช็คไฟล์งานของลูกค้าในวันนี้ ปลายนิ้วเลื่อนไปมาบนทัชแพทอย่างคล่องแคล่วเพื่อเปิดดูภาพแล้วจัดเก็บไว้ในเครื่อง ในบรรดาโฟลเดอร์มากมายบนหน้าจอ สายตาพลันเหลือบไปเห็นโฟลเดอร์ที่ชื่อ “Jewelry” ซ่อนตัวอย่างกลมกลืนกับโฟลเดอร์อื่น เธอคลิกเข้าไปดูทันทีโดยไม่หยุดคิด
ภายในนั้นมีภาพถ่ายนับพันของคนเพียงคนเดียว ทั้งภาพใหม่และเก่าจากงานอีเวนท์หรือมินิคอนเสิร์ตตามสถานที่ต่าง ๆ ในปีที่ผ่านมา ตามแต่โอกาสของนิวที่จะอำนวย มันถูกเก็บแยกเป็นงานในแต่ละวันโดยไม่ปะปนกัน หลากหลายอิริยาบถที่ถูกบันทึกไว้โดยที่คนในภาพไม่ทันรู้ตัว พอได้เปิดดูนิวก็ถูกภาพถ่ายเหล่านั้นดึงเข้าไปในภวังค์จนถอนตัวไม่ขึ้น
สีหน้าของนิวเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ของภาพที่ผ่านสายตา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวราวกับคนบ้า จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ที่นิวนั่งจ้องแล็ปท็อปโดยไม่ลุกไปไหน กระทั่งถึงรูปจากงานปีใหม่ครั้งล่าสุดที่นิวถ่ายมาได้ ปลายนิ้วเคลื่อนไหวช้าลงจนหยุดนิ่ง สองมือยกขึ้นประสานกันตรงหน้าแล้วมองภาพถ่ายฝีมือตนเองอย่างครุ่นคิด
เกิดคำถามว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ …พยายามทำตัวเป็นแฟนคลับ ทั้งที่อยากกลับไปเป็นแฟนเค้าใจจะขาด แล้วจะทำแบบนี้ต่อไปเพื่ออะไร?
เปลือกตาปิดลงอย่างอ่อนล้า เพราะไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับความรู้สึกของตนอย่างไร การพบกันครั้งล่าสุดผลักดันให้นิวต้องกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง
โปรแกรมทุกอย่างบนหน้าจอถูกปิดลง นิวกดชัทดาวน์เครื่องแล้วพับเก็บ หยุดความคิดวุ่นวายลงชั่วคราว เพราะถึงอย่างไรก็คงไม่ได้ข้อสรุปให้กับตนเองในตอนนี้
บนท้องฟ้ายังมีหมู่เมฆยังปกคลุมแน่นหนา ไม่เปิดโอกาสให้ดวงดาวได้อวดแสงอย่างทุกคืน บรรยากาศมัวหม่นพอ ๆ กับความรู้สึกหม่นหมองของนิวไม่มีผิดเพี้ยน
February 14, 2012
หนึ่งวันของจิ๋ว
“มาถึงคำถามสุดท้ายนะครับ เนื่องจากวันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ ต้องหนีไม่พ้นเรื่องนี้อย่างแน่นอน” พิธีกรหนุ่มเกริ่นนำด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม จิ๋วหัวเราะเบา ๆ ในลำคออย่างรู้กันที
“เป็นยังไงบ้างครับ เสร็จจากรายการเรามีนัดไปไหนกับใครรึเปล่า” เพราะเป็นรายการสดในช่วงเช้าคำถามนี้จึงน่าสนใจสำหรับใครหลายคน
“ไปค่ะ ไปกับพี่ผู้จัดการต่อ มีงานน่ะค่ะไม่ได้นัดใครไว้” จิ๋วตอบยิ้ม ๆ แบบคลุมเครือ
“ไม่ได้นัดไว้แต่เค้ามาหาเองรึเปล่าครับ” พิธีกรชื่อดังยิงมุก คนฟังได้แต่หัวเราะร่วนเพราะใครคนนั้นสำหรับเธอยังไม่มีตัวตน หรืออีกทีก็เคยมีแต่ตอนนี้เค้าไม่ใช่คนของเธอแล้ว
“เปล่าค่ะ ตอนนี้จิ๋วทุ่มเทให้กับงานเท่านั้นล่ะค่ะ ส่วนเรื่องความรักยังไม่มีเข้ามาเลยค่ะ” จิ๋วอธิบายด้วยน้ำเสียงร่าเริง หลังจากพูดคุยหยอกเย้ากันพอหอมปากหอมคอแล้วก็ถึงเวลาปิดรายการ จิ๋วเดินกลับเข้ามาในห้องแต่งตัวด้วยสีหน้าเรียบเฉย รอยยิ้มที่เคยมีเมื่ออยู่ต่อหน้ากล้องเลือนหายไปราวปิดสวิทช์
การที่ต้องตื่นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางทั้งที่เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ดึกดื่นค่อนคืน ทำให้ร่างกายที่พักผ่อนไม่เพียงพอเกิดความอ่อนล้า พอออกจากสตูดิโอเพื่อรอรถตู้มารับก็พบกับท้องฟ้าสีหม่นที่ไร้ซึ่งแสงอาทิตย์ อากาศก็เย็นลงกว่าเมื่อวานมาก
อากาศดี ๆ แบบนี้มันอาจจะดีต่อสภาพร่างกายแต่มันอันตรายต่อสภาพจิตใจเป็นอย่างยิ่ง
“เป็นไงคะคุณจิวเวอรี่ หน้าตาบอกบุญไม่รับเชียว นอนไม่พอเหรอ” เสียงห้าวของผู้จัดการเอ่ยทักหลังจากที่สังเกตอาการของจิ๋วมาสักพัก แม้ว่าจะพยายามทำตัวปกติ แต่เจนรบก็มองออกว่าเธอไม่ได้เป็นเหมือนที่แสดงออก
“ทำนองนั้นแหละค่ะ จิ๋วไม่อึดเหมือนพี่เจนนี่” จิ๋วตอบเนือย ๆ ศีรษะพิงกับเบาะรถขณะที่สายตาไม่ละไปจากร้านรวงข้างทาง กลิ่นอายของวันแห่งความรักโชยไปทั่วกรุงเทพ ฯ ดอกกุหลาบถูกเพิ่มมูลค่าจนสูงลิ่วในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน แต่พอผ่านพ้นช่วงนี้ไปดอกไม้ชนิดเดียวกันนี้ก็แทบไร้ราคาเมื่อมันไม่เป็นที่ต้องการของใครต่อใครอีกต่อไป แค่คิดก็รู้สึกหดหู่ตามอย่างบอกไม่ถูก
จิ๋วถอนหายใจเบา ๆ นึกตำหนิตนเองที่เอาแต่คิดอะไรในทางลบให้มันบั่นทอนความรู้สึก …สายตาของผู้จัดการคนเก่งคอยจับสังเกตอาการของน้องสาวสุดรักอยู่เงียบ ๆ
ตลอดทางที่รถตู้เคลื่อนผ่านแหล่งชุมชน จิ๋วเห็นคู่รักเดินจูงมือกันผ่านตาหลายคู่ มันทำให้เธอหวนคิดถึงใครอีกคนที่เคยอยู่เคียงข้างกัน คนที่ในวาเลนไทน์ไม่เคยมีดอกไม้มาให้ ไม่เคยมีช็อคโกแลตมาฝาก แต่ในทุก ๆ วันก็ไม่เคยห่างกันไปไหน เมื่อก่อนจิ๋วเคยหงุดหงิดรำคาญใจกับความวุ่นวายของนิว แต่พอมาถึงวันที่ไม่มีกันและกันกลับรู้สึกว้าเหว่สุดหัวใจ อยากเรียกเอาวันเวลาเก่า ๆ กลับคืนมามันก็สายไปเสียแล้ว
เมื่อเธอเป็นคนเลือกที่จะตัดนิวออกไปจากชีวิต ก็ควรจะเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางสู่ความรุ่งโรจน์หากแต่เดียวดายโดยลำพัง เธอเคยบอกตัวเองไว้แบบนั้น และทำมันได้มาตลอด
แต่หลังจากเจอนิวที่เชียงใหม่ ความมั่นคงเด็ดเดี่ยวก็ถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง เพียงแค่สนทนากันไม่กี่ประโยค นิวเคยเป็นคนเก็บความรู้สึกไม่เก่ง แต่คราวนี้มันต่างออกไป วันนั้นจิ๋วมองไม่ออกจริง ๆ ว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่ ภายใต้ท่าทีเป็นมิตรนั้นซ่อนความรู้สึกอะไรเอาไว้บ้าง ยังโกรธกันอยู่ไหม หรือว่ายอมอภัยให้กันแล้ว
นิวได้พิสูจน์ให้เธอเห็นแล้วว่า… เวลามันเปลี่ยนคนได้จริง ๆ หลังจากสามปีผ่านไปนิวดูเข้มแข็งขึ้นมากราวกับเป็นคนละคน
จนถึงวันนี้ภาพของนิวยังรบกวนจิตใจอยู่ตลอดเวลา วูบหนึ่งของความคิดอยากจะถามนิวออกไปตรง ๆ ว่ารู้สึกยังไงกับเธอ แต่สำนึกอีกด้านมันหักห้ามความต้องการเอาไว้ เธอไม่มีสิทธิ์ไปทวงถามอะไรจากนิวทั้งนั้น บอกตนเองว่าควรดีใจที่กลับมาคุยกันได้อย่างเพื่อนทั่วไป แม้ในใจจะคิดเป็นอื่นก็ตาม
เพราะเธอเป็นคนเดินจากมา ความรู้สึกผิดมากมายจึงติดค้างอยู่ในใจจนลบไม่ออก
ยังจำแววตาของนิวเมื่อสามปีก่อนได้ขึ้นใจ แววตาที่เต็มไปด้วยความปวดร้าวและโกรธเกรี้ยว มองเธอเหมือนคนแปลกหน้า แค่นึกถึงหัวใจก็บีบรัดจนเจ็บหนึบ… ได้แต่ภาวนาให้นิวไม่แปรเปลี่ยนความรู้สึกเหล่านั้นให้เป็นความเกลียดชัง
“จิ๋ว จิ๋ว ใจลอยไปถึงไหนเนี่ย” เสียงห้าว ๆ ของช่างแต่งหน้าดึงความคิดของจิ๋วให้หลุดจากภวังค์
“เสร็จแล้วเหรอคะ” ถามออกไปเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก ภาพของตนที่เห็นในกระจกชัดเจนขึ้นเมื่อสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว เครื่องสำอางที่ตกแต่งอย่างประณีตเปรียบเสมือนหน้ากากอีกชั้นที่คอยปิดบังร่องรอยของความอ่อนล้า แต่น่าเสียดายที่มันไม่อาจซ่อนความหม่นหมองในดวงตาของผู้หญิงบนกระจกได้
“ใกล้จะถึงคิวเราขึ้นเวทีแล้วนะ ไหวมั้ยเนี่ยวันนี้” ผู้จัดการคู่ใจมองเธออย่างเป็นห่วง
“ไหวสิคะพี่เจน จิ๋วไม่ได้ป่วยซักหน่อย” จิ๋วยันยืน เธอแค่เพลียนิดหน่อยไม่ได้ป่วยอะไร ส่วนสภาพจิตใจนั้นเธอเองก็ไม่กล้ารับประกัน
เมื่อถึงเวลาขึ้นเวทีจิ๋วก็ทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม สปิริตของเธอมีมากพอที่จะไม่แสดงอาการผิดปกติต่อหน้าสาธารณชน มินิคอนเสิร์ตเล็ก ๆ ในวาเลนไทน์นี้จบลงอย่างสวยงามในเวลาบ่ายสามโมง เธอได้รับของขวัญมากมายจากแฟนคลับจนเต็มไม้เต็มมือ ถึงเวลาต้องกลับไปพักเอาแรงที่บ้าน ก่อนต้องออกไปร้องเพลงในผับอีกแห่งหนึ่งตอนสามทุ่ม
การที่ต้องปั้นหน้าประดิษฐ์รอยยิ้มต่อหน้าคนหมู่มากกินพลังงานของเธอมากกว่าทุกวัน เป็นเพราะข้างในกำลังผิดปกติ มีสิ่งกระตุ้นเตือนให้นึกถึงความหลังมากมายจนเหนื่อยกับความคิดตนเอง ระหว่างเดินทางกลับจิ๋วจึงแกล้งหลับไปตลอดทางเพราะยังไม่อยากคุยกับใครในตอนนี้
หลังจากอาบน้ำเสร็จจิ๋วกะจะนอนพักเอาแรงสักหน่อยแต่เสียงกริ่งที่ดังมาจากหน้าบ้านก็รบกวนความสงบเหลือเกิน
“จิ๋ว มีคนมาหาแหนะ” ยังไม่ได้ทันลงจากบันไดเสียงผู้จัดการคนเก่งก็เอ่ยเรียก รอยยิ้มกรุ้มกริ่มเกลื่อนใบหน้า เป็นสัญญาณของความลำบากใจของจิ๋ว
“สวัสดีครับจิ๋ว” พอเดินมาถึงห้องรับแขกชายหนุ่มรูปงามก็เอ่ยทักทันที ในมือมีช่อดอกกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่ จุดประสงค์ของเขาจิ๋วพอจะเดาออก แต่เธอไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นยินดีกับมันเลยสักนิด
“คุณก้อง สวัสดีค่ะ” จิ๋วเก็บซ่อนความเบื่อหน่ายไว้ภายใต้รอยยิ้มละมุน ชายหนุ่มเคยบอกให้เธอเรียกเขาด้วยชื่อเฉย ๆ โดยไม่ต้องมีคำนำหน้า แต่จิ๋วยินดีที่จะเรียกแบบเดิมเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างกัน
“พี่ขอตัวนะ” เจนรบยักคิ้วให้แล้วหลบฉากออกไป เปิดทางให้ไฮโซหนุ่มเต็มที่ รู้สึกว่าผู้จัดการของเธอจะเชียร์ผู้ชายคนนี้ออกนอกหน้าเหลือเกิน
“ดอกไม้สำหรับจิ๋วครับ” พออยู่กันเพียงลำพังเขาก็ยื่นช่อกุหลาบราคาแพงลิ่วให้เธอพร้อมรอยยิ้มสดใส
จิ๋วรับมันมาด้วยความลำบากใจและตอบกลับไปเหมือนทุกครั้งคือไม่อยากให้เขาสิ้นเปลืองกับเธอโดยไม่จำเป็น ที่ผ่านมาจิ๋ววางตัวเสมอต้นเสมอปลายกับเขามาตลอด ไมตรีที่หยิบยื่นให้ไม่เคยเกินกว่าความเป็นเพื่อน แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ไม่ย่อท้อ พยายามทุกวิถีทางที่จะพิชิตใจผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่ใจแข็งเป็นหินอย่างเธอ
เพียงไม่นานก้องก็กลับไปเพราะมีธุระต้องสะสางต่อ ยอมรับว่าเธอโล่งใจที่เขายอมกลับไปง่าย ๆ อดเคืองเจนรบไม่ได้ที่ปล่อยให้เธอรับมือกับไฮโซหนุ่มรูปงามอยู่คนเดียว
จิ๋วมองช่อกุหลาบสีแดงสดในมือพลางถอนใจ ก่อนวางมันลงบนโต๊ะหน้าโซฟา
ชีวิตที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่งานการ แต่ความรักกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า จนเธอไม่กล้าคิดที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครทั้งนั้น แม้จะมีคนดีเพียบพร้อมอย่างก้องเข้ามาในชีวิตก็ตาม
ยังไม่พร้อมกับรักครั้งใหม่เพราะตอนนี้หัวใจไม่อาจเปิดรับใครเข้ามาได้อีก
หลังจากเสร็จงานสุดท้ายของวันนี้เจนรบก็รับหน้าที่ขับรถพาจิ๋วกลับไปส่งบ้าน ภายในห้องโดยสารมีเพียงเสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ โดยปราศจากบทสนทนา
“จิ๋ว ยังไม่หลับใช่มั้ย” เจนรบเอ่ยถามทำลายความเงียบ
“ยังค่ะ” จิ๋วตอบรับในลำคอโดยไม่ลืมตาขึ้นมอง ผู้จัดการคนเก่งดูจะรู้ทันเธอไปเสียทุกอย่าง
“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมวันนี้ดูแปลก ๆ” อาจเป็นเพราะเธอพูดน้อยกว่าทุกวัน ปกติก็เงียบอยู่แล้ววันนี้ยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่
“จิ๋วคิดอะไรนิดหน่อยน่ะ”
“พี่ว่าไม่หน่อยล่ะมั้ง คิดถึงใครอยู่รึเปล่า” ก้อนหินที่เจนรบโยนถามทางมันหล่นลงกลางใจเธอพอดิบพอดี จิ๋วออกอาการชัดเจนเมื่อโดนจี้ถูกจุด แต่ความมืดช่วยอำพรางสีหน้าของเธอได้เป็นอย่างดี
“จะให้คิดถึงใครล่ะคะพี่เจน”
“คนที่เจอเมื่อปีใหม่นั่นไง”
“….” จิ๋วถอนหายใจใส่คนถามและเลือกที่จะไม่ตอบ แต่เจนรบไม่ยอมปล่อยให้บทสนทนานั้นตกไป
“ยังลืมเค้าไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ” เป็นอีกประโยคที่จี้ใจคนฟังอย่างจัง จิ๋วทนหลับตานิ่งต่อไปไม่ไหว ดวงตากลมเหลือบมองเสี้ยวหน้าของเจนรบ เพื่อค้นหาจุดประสงค์ของการยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ช่างมันเถอะพี่เจน” จิ๋วตัดบท เพราะไม่อยากพูดถึงมันอีก
“ทำไมไม่ลองติดต่อไปล่ะ น้องนิวยังไม่เปลี่ยนเบอร์โทรไม่ใช่เหรอ?”
“ให้โทรไปในฐานะอะไรล่ะ” หญิงสาวพึมพำเบา ๆ เหมือนรำพึงกับตนเอง ยกมือขึ้นกอดอก ทอดสายมองออกไปบนท้องถนนยามค่ำคืนอย่างไร้จุดหมาย
“อย่างน้อยก็ในฐานะเพื่อนไง ตอนปีใหม่ยังคุยกันดีอยู่เลยนี่”
“ไม่เอาหรอก เป็นแบบนี้ล่ะดีอยู่แล้ว”
“ทำไมเล่า กลัวอะไรเหรอ”
“ไม่ได้กลัวค่ะ แต่เราทั้งคู่เดินมาไกลแล้ว” ต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตนเอง ไม่ควรหวนกลับไปในเส้นทางเดิมที่เคยเจ็บช้ำ และนิวน่าจะได้เจอคนที่ดีกว่าคนเห็นแก่ตัวอย่างเธอ
“ถ้าคิดว่ามันดีแล้วจริง ๆ ก็เอาเถอะ” เจนรบพูดอย่างปลง ๆ แล้วเงียบไป ปล่อยให้จิ๋วจมอยู่กับความคิดของตนอย่างเดิมโดยไม่รบกวน
.
.
.
ในค่ำคืนนี้มีคนสองคนที่อยู่คนละฟากฝั่งของกรุงเทพ ฯ แต่กำลังข่มตาหลับไม่ลงเหมือนกัน นอนกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมาอยู่หลายตลบ ทั้งที่วันนี้ก็เหนื่อยแสนเหนื่อย แต่สมองกลับไม่ยอมปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อน
ดูเหมือนเส้นขนานสองเส้นยังคงโหยหากันและกันอยู่เสมอ
และถ้าความคิดถึงมันฆ่าคนได้จริง ๆ อย่างที่ใครเขาบอก… ในตอนนี้ทั้งคู่ก็กำลังถูกทรมานให้ตายอย่างช้า ๆ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าใครจะหมดลมหายใจก่อนกัน
เช่นเคยสำหรับใครที่ต้องการโหลดไฟล์ pdf ไปเก็บไว้ก็คลิกลิงก์ด้านล่างได้เลยค่ะ
V
V
[1 SHOT] Miss You Agian (Full shot).pdf
ความคิดเห็น