ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TIMELESS (NewJiew TS1)

    ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 11 : ห่างเหิน

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ค. 57


    บทที่ ๑๑


     

    ขอบคุณภาพจาก :

    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ratree-sa-mo-sorn&month=12-2008&group=3

     

    ห่างเหิน

     

     

                    เสียงถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าดังมาจากเจ้าของเรือนผมสีหม่น มีกระป๋องเบียร์ที่นอนนิ่งอยู่ข้างกายเป็นเพื่อนคู่ใจ นานหลายสิบนาทีที่นิวนั่งทอดอารมณ์อยู่บนกระดานไม้สุดปลายสะพาน มองท้องทะเลสีครามอย่างเหม่อลอย ยามบ่ายแก่ ๆ แต่ฟ้ากลับหม่นไม่มีแสงแดดจ้าสาดส่องลงมาบนผืนน้ำอย่างทุกวัน สอง เท้าจุ่มลงไปในน้ำทะเลเย็นเฉียบแล้วแกว่งเล่นฆ่าเวลา อากาศหลังฝนแม้จะเป็นเวลากลางวันก็ยังเย็นยะเยือก แต่นิวกลับสวมเพียงเสื้อยืดสีครีมตัวเดียวทั้งยังเปียกชื้นฝนปรอย ๆ ที่เพิ่งหยุดลง

                เสียงไม้กระดานลั่นเอี๊ยดเมื่อมีใครอีกคนก้าวขึ้นมาบนสะพาน  นิวรู้ตัวแต่ไม่ยอมหันไปมอง จนกระทั่งเจ้าของเสียงฝีเท้านั้นเอ่ยถาม

    “พี่นิว มาทำอะไรที่นี่ ทำไมไม่ไปกินข้าว” เจ้าของฝีเท้าพูดขึ้นเพื่อแสดงตัว

    “ไม่ล่ะ ไม่หิว” นิวตอบลูกน้องโดยไม่หันไปมอง จนกระทั่งขิงเดินมาหย่อนกายนั่งลงข้าง ๆ

    “ทำไมล่ะ นี่มันบ่ายสามแล้วนะ พี่นิวยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยไม่ใช่เหรอ”

    “ไม่รู้ ไม่มีอารมณ์กิน” นิวตอบอย่างเสียไม่ได้ หยิบเอากระป๋องเบียร์มาบีบเล่นแก้เซ็ง

    “โกรธอะไรใครป่ะเนี่ย?” ขิงตั้งข้อสังเกต เพราะเห็นนิวหน้ามุ่ยมาตั้งแต่เที่ยง หลังจากทำเซอร์ไพรส์ด้วยการพานักร้องคนสวยมาเฉลยว่าเป็นเพื่อนสนิทของตนนิวก็ไม่ค่อยร่าเริงเอาเสียเลย จะว่าเมาค้างก็ไม่น่าจะใช่ หากเป็นนิวในอารมณ์ปกติคงจะหัวเราะเยาะพวกเธอและพี่ ๆ ที่ถูกหลอกต้มจนเปื่อย แต่วันนี้ต่างออกไป

    “ไม่ใช่หรอก แค่มึน ๆ”

    “มึนแล้วยังมานั่งกินเบียร์เนี่ยนะ คงจะหายหรอก”

    “เถอะน่า หิวเดี๋ยวก็ไปกินเองแหละ” นิวตอบตัดรำคาญ ซึ่งคนเป็นน้องก็ไม่อยากอยู่กวนอารมณ์ ถึงจะไม่รู้สาเหตุ แต่ก็พอรู้ว่านิวอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากเซ้าซี้ให้คนเป็นพี่รำคาญใจ

    “งั้นฉันไปล่ะนะ” ขิงบอกแล้วเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ

    นิวเท้าแขนทั้งสองข้างลงบนไม้กระดานแล้วถอนหายใจยาว

    อยู่กับเพื่อน ๆ ก็ถูกจิ๋วเมินอยู่คนเดียว ซ้ำยังขนข้าวขนของไปนอนกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนในกลุ่ม อุตส่าห์เตรียมห้องไว้นอนด้วยกันเสียดิบดี แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างเลือดเย็นจากคนรัก เป็นใครก็คงหงุดหงิดไม่ต่างกัน ประกอบกับความน้อยใจและยังคิดหาทางง้ออีกคนไม่ออกเลยมานั่งหง่าวอยู่คนเดียวพร้อมเพื่อน ที่ (คิดว่า) รู้ใจคือเบียร์หนึ่งกระป๋อง ดีกว่าไปนั่งปั้นหน้าฉีกยิ้มแห้ง ๆ อยู่ต่อหน้าจิ๋วเป็นไหน ๆ

     

     

     

     

     

    “อ้าว ทำไมน้องนิวไม่มากินข้าวด้วยกัน หายไปไหนซะล่ะ” ภัทรเอ่ยถามสมาชิกร่วมโต๊ะหลังจากกวาดสายตามองจนทั่วแล้วไม่พบกับหัวเรือใหญ่ของทริปนี้ และคำถามนั้นทำให้จิ๋วและเจนรบเหลือบมองหน้ากันเองอย่างรู้กัน พอภัทรหันมาขอคำตอบบ้างทั้งคู่กลับเบือนหน้าหนีทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร

     “เห็นบออกไม่หิวค่ะพี่ นั่งกินเบียร์อยู่บนสะพานนู่น” ขิงตอบพาซื่อ แต่ทำให้ใครคนหนึ่งถึงกับหัวคิ้วกระตุก แต่สีหน้ายังคงเดิม แน่นอนว่าจิ๋วเก็บอารมณ์ได้ดีกว่านิวมาก ปากยิ้ม มือตักกับข้าว ตาไม่ได้มองไปที่ขิงแต่หูกำลังตั้งใจฟังทุกคำที่จะออกมาจากปากลูกน้องคนสนิทของนิว

    “ข้าวปลาไม่ยอมกิน กินแต่อะไรก็ไม่รู้ทำลายสุขภาพ” เจนรบจีบปากจีบคอบ่นแทนน้องสาวตัวเล็กที่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ

    “นึกว่าโกรธอะไรเราซะอีก เห็นนิวเงียบ ๆ ตั้งแต่เจอกันที่สนามบินแล้ว” น้ำ หญิงแท้อีกคนในกลุ่มออกความเห็น สีหน้าและน้ำเสียงดูเป็นกังวล ยิ่งทำให้จิ๋วนึกเคืองตัวต้นเหตุมากขี้นไปอีก ข้อหาที่ทำให้คนรอบข้างไม่สบายใจเพราะพฤติกรรมของเจ้าตัว

    “อย่าคิดมากเลยครับ นิวคงแฮงค์จากเมื่อคืนด้วยล่ะ ดื่มหนักก็งี้” ท็อปผู้เป็นพี่ใหญ่ในสตูดิโอบอกด้วยความหวังดี แต่กลายเป็นประสงค์ร้ายต่อนิวไปโดยไม่รู้ตัว รู้อยู่หรอกว่าเมื่อคืนนิวไปดื่มมา แต่พอมาได้ยินกับหูอีกครั้งก็เหมือนยิ่งตอกย้ำให้คนฟังขุ่นใจ

    “สบายใจเถอะครับ เค้าหิวเดี๋ยวเค้าก็มาเองแหละ” ท็อปเป็นคนปิดประเด็นก่อนที่เรื่องราวในวงสนทนาบนโต๊ะอาหารจะเปลี่ยนไปเป็นเรื่องอื่น

    “อ้าว แล้วไอ้อ๊อดไปไหนล่ะ อยู่กับพี่นิวป่ะ?” เหน่งท้วงเมื่อสมาชิกคนหนึ่งหายไปจากโต๊ะอาหาร คนนี้ก็อาการน่าเป็นห่วงไม่น้อย ดูเหมือนยังช็อคจากเรื่องเมื่อเช้าไม่หาย วินาทีแรกที่เห็นหน้าจิ๋วตอนเปิดประตูเข้ามาในบ้านอ๊อดถึงกับอ้าปากค้าง ใบ้กินไปชั่วขณะ และพอได้รู้ว่าที่จริงแล้วจิ๋วเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้านายของตนอ๊อดยิ่งช็อคเข้าไปใหญ่ อย่าว่าแต่อ๊อดเลย คนอื่น ๆ ก็คิดไม่ถึงว่านิวจะอำกันได้แนบเนียนขนาดนี้

    “เปล่า มันไปชายหาดคนเดียวนู่น สงสัยจะเขินพี่จิ๋วเลยไม่กล้ามา”

    “หน้าตาอย่างมันไม่น่าขี้อายเลยนะ”

    “นั่นสิ”

    “พี่นิวคร้าบ พี่นิว อยู่มั้ย?”  เสียงดังมาจากหน้าบ้านทำให้ทุกคนหยุดความสนใจเรื่องอ๊อดไปชั่วขณะ ปัณณ์ดูที่ดูจะคุ้นเคยกับเจ้าของเสียงเป็นคนตะโกนตอบกลับไป พร้อมกับลุกไปต้อนรับ

    “นิวอยู่อยู่บนสะพานนู่น ไปหามั้ยล่ะ เมื่อคืนนิวมันก็ถามหาแกอยู่”

    “ขอบคุณมากครับพี่ งั้นผมขอตัวนะครับ”

    “กินข้าวด้วยกันก่อนมั้ยล่ะ ค่อยไปก็ได้”

     “ไม่ล่ะครับพี่ผมไปหาพี่นิวเลยดีกว่า”

    “คิดถึงกันมากสิพวกแก”

    ทุกบทสนทนาแม้จะไม่ดังมากแต่จิ๋วก็ได้ยินมันชัดเจนทุกประโยค และยังสงสัยอยู่ว่าผู้ชายที่มาหานิวถึงบ้านพักคือใคร

    “ใครมาหาน้องนิวเหรอปัณณ์” อีกครั้งที่ผู้จัดการคนเก่งยิงคำถามแทนคนในความดูแล

    “ไอ้ต่อ เด็กแถวนี้แหละ สองคนนั้นเค้าสนิทกัน”

    “นิวเค้ารู้จักคนเยอะดีเนอะ” เจนรบพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะตักข้าวเข้าปาก ไม่ถึงสิบนาทีหลังจากนั้นนิวก็มาปรากฏตัวอยู่ในบ้านพร้อมเด็กผู้ชายคนเมื่อครู่ มีกล้องตัวเก่งคล้องคอพร้อมกระเป๋าสะพายหลังใบใหญ่ เหมือนกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก

    “จะไปไหนกันน่ะ” ปัณณ์ถามก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินผ่านไป

    “ไปบ้านไอ้ต่อมัน ... ไปถ่ายรูปด้วย”  นิวชูกล้องขึ้น จิ๋วมองคนทั้งสามคุยกันโดยไม่ปริปาก แต่สมองกำลังครุ่นคิดหลายอย่างวุ่นวาย

    “แล้วจะกลับเมื่อไหร่ ให้พี่ไปรับมั้ย?”

    “ไม่ล่ะพี่ นิวเอารถไป กลับเองได้”

    “เดี๋ยวผมมาส่งครับพี่ปัณณ์ ไม่ต้องห่วง”

    “เออ งั้นก็ไปกันเถอะ”

    “นิวไปก่อนนะคะทุกคน เดี๋ยวเย็น ๆ เจอกัน ในเมื่อวันนี้ฝนฟ้าไม่อำนวยก็พักผ่อนกันไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” นิวบอกแล้วเดินตามหลังต่อออกไปจากบ้าน ก่อนไปยังแอบชำเลืองมอง “เพื่อนคนพิเศษ” ที่ยังนิ่งเงียบไม่ยอมเอ่ยทักท้วงอะไรเลย ทั้งที่กะจะยั่วให้หลุดพูดอะไรออกมาบ้างแท้ ๆ

    “พอผู้ชายมาหาก็วิ่งตามจนลืมเพื่อนลืมฝูงเลยนะนังชะนีน้อย”  พอคล้อยหลังนิวไปปัณณ์ก็ได้ทีนินทาคนเป็นน้องให้คนที่เหลือฟัง หันมาจีบปากจีบคอพูดอย่างน่าหมั่นไส้ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้ไม่ยาก จะเว้นก็แต่จิ๋วที่ขำไม่ออก

     

    .

    .

    .

     

    นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องอยู่ที่ร่างเพรียวบางของใครอีกคนอยู่ตลอดเวลา บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานครึกครื้นเหมือนไม่ได้มีผลใด ๆ ต่อความรู้สึกของเธอเลย เมื่อคนที่หัวเราะร่าเริงอยู่ในกลุ่มเพื่อนเอาแต่เกาะขวดเหล้าแจจนแงะจากกันไม่ออก ทั้งยังพาคนที่เธอไม่รู้จักมาสังสรรค์ที่บ้านอีกหลายต่อหลายคน

    เป้ใบใหญ่ที่สะพายหลังตอนออกจากบ้านไป ขากลับเบาโหวงเหมือนไม่มีของข้างใน แต่สองมือกลับพะรุงพะรังด้วยของสดจากทะเลมากมาย พอมีคนถามว่าเอามาจากไหนเจ้าตัวก็ตอบอย่างน่าชื่นตาบานว่าได้มาฟรี ๆ ถ้านิวไม่อำเล่นข้าวของเหล่านั้นก็บ่งบอกระดับความสนิทสนมของนิวกับคนที่นี่ได้เป็นอย่างดี

     

    แต่สนิทจนละเลยกันขนาดนี้มันก็ออกจะเกินไปหน่อย

     

    จิ๋วถอนหายใจยาวแล้วเหม่อมองควันที่ลอยฟุ้งจากวัตถุดิบจากทะเลที่กำลังถูกแปรรูปเป็นอาหารมื้อค่ำ ทั้งปิ้งย่างสารพัด แต่มันกระตุ้นต่อมอยากอาหารของจิ๋วไม่ได้เลยสักนิด

    “เป็นไงครับน้องจิ๋ว ไม่สนุกเหรอ” ปัณณ์ถือวิสาสะฉุดความคิดของจิ๋วออกจากคนในความสนใจ ร่างสูงโปร่งหย่อนกายลงนั่งข้าง ๆ นักร้องสาวคนสวยที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นเพื่อนสนิทของนิว  จิ๋วเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มบาง ๆ ให้ตามมารยาท ร่างเล็กขยับเล็กน้อยเพื่อให้แบ่งที่นั่งให้กับผู้มาใหม่

    “เปล่าหรอกค่ะ แค่มองอะไรเพลิน ๆ” โกหกคำโตออกไปอย่างค้านสายตา สิ่งที่ปัณณ์เห็นกับสิ่งที่จิ๋วบอกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

    “มองเจ้าพวกนั้นคงไม่เพลินเท่าไหร่หรอกมั้งพี่ว่า” ปัณณ์ว่าแล้วพยักพเยิดไปที่กลุ่มของนิว มือที่ถือขวดเครื่องดื่มดีกรีอ่อนกระดกเข้าปากก่อนหัวเราะร่วน แต่เท่านั้นก็ทำเอาคนมีชนักติดหลังเกือบสะดุ้ง เพราะไม่นึกว่าจะมีคนสังเกตเห็น จิ๋วเหลือบมองเสี้ยวหน้าของคู่สนทนาอย่างใช้ความคิด และก่อนที่ความเงียบจะทอดตัวออกไปนานกว่านั้น ปัณณ์ก็พูดต่อ

    “ไม่ต้องห่วงนิวหรอก เดี๋ยวพี่ดูแลให้เอง” เขาพูดเหมือนเข้ามานั่งอยู่ในใจของจิ๋ว ผู้ชายคนนี้ช่างสังเกตจนน่ากลัว ไม่ได้กลัวหากใครจะรู้ว่านิวคบกับเธอในฐานะอะไร เพียงแต่ยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยทุกอย่างออกไปตอนนี้

    “ขอบคุณมากค่ะ ยังไงก็ฝากเรื่องเหล้าเบียร์ด้วยแล้วกันนะคะ ให้เค้าเพลา ๆ ลงบ้าง” จิ๋วพูดไปยิ้มไป แอบเหน็บเจ้าของร้านอาหารใจป้ำอย่างปัณณ์ไปนิดหน่อยในประโยคนั้น  ซึ่งอีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ตัวทำให้เสียงหัวเราะที่ดังอยู่แค่ในลำคอเพิ่มระดับขึ้นไปอีกจนเพื่อนที่อยู่ใกล้หันมามองทั้งคู่

    “เอาล่ะ ค่ำแล้ว ไปหาอะไรกินกัน ป่านนี้พวกมันคงทำเสร็จกันแล้วมั้ง” ปัณณ์พูดแล้วลุกขึ้นพรวดพราด ก้าวเดินนำหน้าจิ๋วไป เพราะมั่นใจว่าอีกคนจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน

    “ค่ะ”

    ระหว่างที่ก้าวตามผู้ชายตัวสูงข้างหน้า จิ๋วก็ใช้เวลานั้นพิจารณาอีกฝ่ายอยู่เงียบ ๆ ที่รู้อย่างหนึ่งตอนนี้คือปัณณ์ไม่ใช่เก้งกวางเหมือนพี่เจนและบรรดาแม่ ๆ ของเธออย่างแน่นอน ที่เห็นชอบทำมือไม้กรีดกรายก็แค่เลียนแบบเอาสนุก ๆ เท่านั้นเอง

     “น้องจิ๋วรู้อะไรมั้ยครับ ไอ้พวกขี้เหล้าอะ มันทำกับข้าวอร่อยนะ ขนาดเชฟในภัตตาคารยังอายเลยล่ะ”  ปัณณ์ชวนคุยเสียงดังลั่นหาด อวดอ้างสรรพคุณพวกพ้องของตนอย่างเต็มที่

    “อันนั้นไม่เถียงค่ะ เพราะนิวก็ทำกับข้าวอร่อยเหมือนกัน” เหมือนจี้ถูกจุด ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วระเบิดหัวเราะขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เรียกความสนใจจากสายตาหลาย ๆ คู่ได้อีกครั้ง รวมถึงนิวที่มองมาอย่างงุนงงพร้อมคำถามหนึ่งในใจ...

    สองคนนั่นไปสนิทกันตอนไหน?

     

    .

    .

    .

               

    “เอาแก้วแกมานี่” แก้วในมือของต่อถูกชิงไปโดยฝีมือของรุ่นพี่คนสวย คนเป็นน้องได้แต่มองตามตาปริบ ๆ อย่างไม่รู้ชะตากรรม ของเหลวสีอำพันถูกรินจากขวดลงสู่แก้วใบใสเกือบครึ่งแก้วแล้วยื่นกลับไปให้เจ้าของ

                “โหพี่นิว จะฆ่าน้องมันรึไงน่ะ?” ขิงท้วงขณะที่มองนิวทำแบบเดียวกันกับแก้วของเจ้าตัว

    “ดื่มน้ำสาบาน คนละครึ่งนะไอ้น้อง” พอรินเหล้าเสร็จก็ยกแก้วขึ้นชนกับต่อพร้อมรอยยิ้มที่หวานเยิ้มผิดปกติ นั่นคงเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่อยู่ในร่างกาย

                “เอาจริงเหรอพี่นิว” ต่อมองเหล้าในแก้วพร้อมกลืนน้ำลายฝืด ๆ ลงคอ ถ้ากระดกมันทีเดียวหมดแก้วคงจะแสบร้อนในลำคอพิลึก

                “ก็ไม่ได้พูดเล่น หรือแกไม่กล้า” นิวท้าทายหนุ่มรุ่นน้อง ทำเอาเพื่อนร่วมวงเหล้าเฮลั่นหาด เสียงที่ดังไปถึงบ้านพักทำให้จิ๋วต้องชะโงกหน้าออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเหตุการณ์แล้วก็ทำให้อารมณ์ที่อยู่ในภาวะปกติเริ่มขุ่นมัวขึ้นมาอีกหน ทั้งที่อุตส่าห์หลบเข้ามาในบ้านก่อนแล้วแท้ ๆ แต่ก็ยังไม่วาย...

                เหล้าเพียว ๆ ที่อยู่ในแก้วของนิวถูกลืนหายลงไปในลำคออย่างรวดเร็วพร้อมเสียงเฮลั่นอีกระรอก ก่อนที่ต่อจะโอ่นอ่อนตามแรงยุกระดกตามไปอีกคน จิ๋วทนมองต่อไปไม่ไหว เดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยความหงุดหงิด ที่คิดไว้ว่าคืนนี้จะหาเวลาคุยกันให้รู้เรื่องก็ขอผลัดไปก่อน เพราะพฤติกรรมของนิวนั้นไม่น่าให้อภัยง่าย ๆ

     




     

     

                เสียงกุกกักจากบานประตูทำให้คนที่ล้อมวงคุยกันในห้องรับแขกหันไปมองเป็นตาเดียว ร่างโซซัดโซเซของนิวเดินนำหน้าคนอื่น ๆ เข้ามาในบ้าน กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยคลุ้งตั้งแต่ยังไม่ทันเฉียดเข้าใกล้ ดวงตาที่เคยสดใสแดงก่ำ จิ๋วเห็นแล้วต้องเบือนหน้าหนีพร้อมลุกจากตรงนั้นไปอย่างเบื่อหน่าย เพราะเห็นว่านิวทำท่าจะผ่ากลางวงเข้ามาหาเธอ ปลีกตัวออกไปก่อนจะเป็นการดีที่สุด

     

                “จิ๋ว~ คืนนี้นอนกับเค้านะ~”  เสียงอ้อแอ้ของคนเมาตามหลังมาไม่ไกล แขนเล็กถูกมือเรียวคว้าเอาไว้ก่อนจะกระชากเข้าไปหาตัว แรงพอจะทำให้คนที่ยังไม่ทันได้ตั้งหลักเซเข้าไปปะทะร่างอีกคนอย่างง่ายดาย แต่นี่ไม่ใช่ฉากในละคร จิ๋วไม่ได้มีอารมณ์มาเคลิบเคลิ้มกับนิวในตอนนี้ จึงดึงแขนกลับแทบจะทันที

    “ไม่นอนกับขวดเหล้าไปเลยล่ะ” จิ๋วพยายามเลี่ยงหนีเข้าห้องนอนเพราะถึงพูดไปนิวก็ไม่รู้เรื่องอยู่แต่ แต่อีกคนก็ยังเดินตามมาไม่ลดละ

    “ไม่เอา เค้าจะนอนกับจิ๋ว~” ไอ้นิสัยเมาแล้วชอบงอแงนี่ทำไมไม่เปลี่ยนไปสักทีก็ไม่รู้ ทั้งที่มีหลายอย่างที่ดีขึ้นแล้วแท้ ๆ คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจยืดยาวอย่างเหนื่อยหน่าย

    “จิ๋วต้องนอนกับน้ำ นิวก็นอนกับน้องของนิวไปสิ” ไม่พูดเปล่า จิ๋วยังพยายามดันร่างคนที่ตัวสูงกว่าให้กลับไปที่ห้องของตน แต่ก็ไร้ผลเพราะนิวเอาแต่ขืนตัวเอาไว้อยู่อย่างนั้น มือทั้งสองข้างเริ่มเข้ามาป้วนเปี้ยนกับเนื้อตัวของจิ๋วจนเธอนึกรำคาญ

    “นิว ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องอย่างนี้ก็ไม่ต้องมาคุยกัน ปล่อย” จิ๋วกระซิบลอดไรฟันเสียงดุเพราะเกรงว่าคนอื่นจะได้ยินจิ๋วถูกปล่อยเป็นอิสระโดยไม่ต้องออกแรง เพราะน้ำเสียงแบบนั้นแม้กระทั่งคนเมาอย่างนิวก็ยังรู้สึกหวาด ๆ

    “จิ๋ว เดี๋ยวก่อน คือนิว.... ” กำลังจะอ้าปากเรียกแต่ประตูห้องก็ปิดกระแทกใส่หน้าดังปัง.. .

    นิวยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าห้องนั้นนานเป็นนาที จนกระทั่งได้ยินเสียงห้าวของผู้จัดการคนเก่งเอ่ยเตือน

    “นิว ไปนอนก่อนเถอะ ค่อยคุยกันใหม่นะ ตอนนี้เค้ากำลังโกรธอยู่ นิวเองก็เมา เชื่อพี่เถอะ” นิวเงยหน้ามองเจนรบคิ้วขมวดยุ่งเพื่อประมวลผลคำพูดเหล่านั้น

    “นะนิว ไปพักก่อน พรุ่งนี้เอาใหม่” มือใหญ่ตบลงบนไหล่บอบบางของคนเป็นน้องเบา ๆ  เมื่อเห็นแววตาของนิวที่เริ่มคล้อยตามเจนรบก็ประคองร่างนั้นกลับห้องพัก ซึ่งนิวก็ไม่ขัดขืน

     

     

    หวังว่าพรุ่งนี้ท้องฟ้าที่หม่นหมองจะสดใสกว่าที่เคยเป็น
     

     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×