ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TIMELESS (NewJiew TS1)

    ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 7 : อยากจะให้ดอกไม้

    • อัปเดตล่าสุด 19 ม.ค. 57



    อยากจะให้ดอกไม้

     

     

     

     

    เสียงกุกกักภายในห้องปลุกให้นิวรู้สึกตัว อากาศเย็น ๆ ทำให้เธอไม่อยากลุกจากที่นอนจึงซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนหนาเพื่อนอนต่อ แต่เสียงที่ดังไม่หยุดนั้นก็ชวนให้หงุดหงิดใจเหลือเกิน มาจากคนข้างบ้านหรือเปล่า แต่ทำไมถึงได้ดังเหมือนอยู่ใกล้ ๆ เลยล่ะ? พอคิดมาถึงตรงนี้ก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองนอนอยู่ที่ห้องของจิ๋วและเสียงนั้นก็คงจะเป็นฝีมือเจ้าของห้องอย่างไม่ต้องสงสัย นิวจำต้องฝืนสังขารลืมตาตื่นขึ้นมาในที่สุด

     

     “ตื่นเช้าจัง” นิวทักเสียงงัวเงีย แต่ก็ไม่แปลกถ้าจิ๋วจะตื่นก่อนเพราะเมื่อคืนกว่านิวจะข่มตาให้หลับลงได้ก็ปาเข้าไปตีสองตีสาม

     

    “ใครบอกเช้าล่ะคะคุณนิว นี่มันจะเก้าโมงแล้วนะ”

     

    “หา! สายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”  นิวลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียงหน้าตาตื่น ทำเหมือนการนอนตื่นสายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเสียเหลือเกิน

     

    “เป็นอะไรไป ตื่นสายแค่นี้เอง” จิ๋วอมยิ้มขณะที่มือก็จัดเก็บข้าวของบางชิ้นในห้องที่นิวทำรกไว้เมื่อคืน

     

    “จิ๋วอาบน้ำแล้วใช่มั้ย”

     

    “เรียบร้อย ตื่นนานแล้วนี่”

     

    “มิน่ากลิ่นหอมมาถึงนี่” นิวทำท่าสูดอากาศเข้าปอดแล้วพริ้มตาหลับเหมือนกำลังเคลิ้ม เลียนแบบโฆษณาน้ำยาปรับผ้านุ่มในทีวี

     

    “เป็นน้องหมารึไงจมูกดีขนาดนั้น”

     

    “ถ้าได้เป็นน้องหมาของพี่จิ๋ว น้องนิวก็ยอมพลีกายค่ะ”

     

    “ไม่ต้องมาหยอดเลย ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว” จิ๋วไม่คล้อยตามคารมย์อ้อนแม่ยกของนิว

     

    “ว้า…เซ็งเลย” นิวหน้ามุ่ย ก่อนถามเมื่อนึกขึ้นได้ “เออ แล้วจิ๋วกินข้าวเช้ายังอะ”

     

    “ยังเลย รอนิวตื่นนี่แหละ จะได้ไปกินด้วยกัน”

     

    “ไม่หิวแย่เหรอ ทำไมกินก่อนเลยล่ะ นิวหาอะไรง่าย ๆ กินทีหลังก็ได้” นิวบอกอย่างเป็นห่วง

     

    “ไม่หรอก จิ๋วรอได้ นิวไปอาบน้ำเถอะ”

     

    “โอเค งั้นรอแป๊บนึงนะ นิวอาบน้ำไม่นานหรอก” นิวกระโดดผลุงลงจากเตียงด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง เธอคงจะไม่ว่าอะไรหากนิวไม่พูดอีกประโยคตามมา

     

    “ไม่เหมือนคุณนายปิยนุช”

     

    “เธอจะเริ่มใช่มั้ยนภัสสร” จิ๋วแกล้งทำเสียงดุ แต่ใบหน้ากลับเปื้อนยิ้ม นิวยักไหล่ให้หนึ่งทีก่อนแผ่นแผล็วเข้าห้องน้ำไป

     

     

    .

    .

    .

     

     

    “ถึงแล้วล่ะ วันนี้นิวจะพาทัวร์ให้ทั่วสตูดิโอเลย” นิวบอกเมื่อรถเคลื่อนเข้าไปในเขตบ้านหลังกะทัดรัด ด้านหน้ามีป้ายโฆษณาและชื่อร้าน “BrandNew Studio” ติดอยู่โดดเด่นสะดุดตา  ท่ามกลางการตกแต่งอย่างทันสมัยนิวยังอุตส่าห์หาไม้ดอกไม้ประดับมาปลูกไว้ข้างบ้านตั้งมากมาย กลายเป็นส่วนหย่อมเล็ก ๆ น่ารื่นรมย์  เมื่อครู่จิ๋วเหลือบไปเห็นป้าย “CLOSE” ห้อยอยู่กับประตูรั้วหน้าบ้าน พร้อมระบุวันหยุด “30 ธ.ค. 56 – 5 ม.ค. 57

     

    เห็นแล้วก็อดภูมิใจกับอีกคนไม่ได้ที่สามารถทำความฝันของตนให้เป็นจริงได้

     

    “ดูดีไม่เบาเลยนะเนี่ย”

     

    “ดีพอจะยืนเคียงข้างพี่ไปอีกนาน ๆ รึเปล่าคะ” นิวสะกิดจิ๋วที่กำลังมองสำรวจบ้านกึ่งสตูดิโอของตนให้หันมาสนใจ จิ๋วย่นหัวคิ้วทำหน้าเอือม

     

    “เลิกเสี่ยวซักนาทีได้มั้ย พาจิ๋วเข้าบ้านได้แล้ว ไป” จิ๋วดันตัวคนขี้เล่นไปที่ประตู

     

    “โถ่ จิ๋วอะ ไม่โรแมนติกเลย” นิวบ่นกระปอดกระแปดอย่างเด็กโดนขัดใจ มือก็ไขกุญแจบ้านอย่างคล่องแคล่ว อึดใจเดียวประตูกระจกก็ถูกดันให้เปิดอ้าไว้เพื่อรอต้อนรับแขกคนสำคัญ นิวผายมือเชิญให้จิ๋วเข้าไปข้างใน

     

    “เชิญค่ะคุณนาย”

     

    “หรูกว่าที่เห็นจากข้างนอกอีกนะเนี่ย” จิ๋วมองไปรอบ ๆ อย่างชื่นชม โดยมีนิวคอยเดินตามอยู่ใกล้ ๆ ช่วยอธิบายให้จิ๋วฟังเมื่อเห็นว่าเธอสงสัย ตัวอย่างภาพถ่ายนับสิบที่ติดอยู่บนผนังล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของนิวแทบทั้งสิ้น ขณะมองภาพเหล่านั้นมีบางอย่างสะดุดใจเธออยู่นิดหน่อย แต่ยังนึกไม่ออกว่าคืออะไร

     

     “นิวเปิดมานานรึยัง… แล้วค่าใช้จ่ายล่ะเยอะมั้ย”

     

    “ก็เกือบสี่ปีได้แล้วล่ะ.. จริง ๆ แล้วบ้านหลังนี้เป็นของพี่เอกกับพี่เปิ้ลเจ้านายเก่านิว บังเอิญว่าบุญหล่นทับ เค้าสองคนย้ายไปอยู่เมืองนอกเลยทิ้งสตูดิโอไว้ให้นิวเซ้งต่อในราคากันเอง นี่ขนาดว่ามีผู้ใหญ่ช่วยอุ้มนะยังเกือบหมดตัว… เหนื่อยสายตัวแทบขาดแหนะกว่าจะมาได้ถึงขนาดนี้”  นิวอธิบายด้วยใบหน้าเจือรอยยิ้ม ถึงปากจะบอกว่าเหนื่อยขนาดไหนแต่ประกายความสุขในดวงตาของนิวกำลังฉายชัด ทำให้จิ๋วยิ้มตามได้โดยไม่ยากเย็น

     

    “จ่ายทีเดียวหมดเลยเหรอ?”

     

    “เปล่าหรอก ผ่อนจ่ายเอาน่ะ ดีที่ยังมีพี่อีกคนคอยช่วยนิวเรื่องทำร้าน ไม่งั้นก็แย่เหมือนกัน”

     

    “ดีใจด้วยนะ ความฝันเป็นจริงแล้วนี่”

     

    “แต่ทุกวันนี้ยังต้องหาเงินใช้หนี้เค้าอยู่นะ”  นิวผ่อนลมหายใจยาว หันไปมองหน้าจิ๋วนิ่ง “ ที่ผ่านมานิวนอนฝันร้ายทุกคืนเลยรู้ป่ะ”

     

    “ทำไมเหรอ?”

     

    “กลัวร้านเจ๊งแล้วใช้หนี้เค้าไม่หมดไง” นิวพูดติดตลกแต่ถูกมือเล็กตีไหล่เอาแรง ๆ

     

    “พูดอะไรบ้า ๆ ปากไม่เป็นมงคล”

     

    “แต่นิวพูดจริงนะ ตอนทำแรก ๆ มันท้อบ่อยมาก จะถอดใจก็หลายที แต่ก็ติดที่มันได้ลงทุนลงแรงไปเยอะแล้วนี่แหละเลยถอยไม่ได้” รอยยิ้มที่เกลื่อนใบหน้าหายไป นิวพูดเสียงขื่นเมื่อนึกถึงความหลัง ไม่มีแววล้อเล่นในดวงตาคู่ใส

     

    “แต่ก็ผ่านมันมาได้แล้วนี่… ป่ะพาจิ๋วไปดูมุมอื่นหน่อย เหลือแค่ชั้นสองใช่มั้ย” จิ๋วพานิวเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้นึกถึงเรื่องเศร้า ๆ ในอดีตอีก ยังมีเวลาที่จะฟังเรื่องราวของนิวอีกมาก… เพียงแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้

     

    “ไม่นะ ยังมีอีกชั้น” นิวแย้ง

     

    “หือ? ชั้นไหนอีก” จิ๋วมองอย่างไม่เข้าใจ เพราะเท่าที่เห็น บ้านหลังนี้ก็มีแค่สองชั้นเท่านั้น

     

    “ก็ชั้นรักเธอไง” นิวฉีกยิ้มจนตาปิด ทำมือเป็นสัญลักษณ์ไอเลิฟยูส่งไปให้จิ๋ว …เป็นอีกครั้งที่จิ๋วอยากจะเอาศีรษะโขกกำแพงเสียให้รู้แล้วรู้รอด

     

    “เอาดี ๆ” จิ๋วกอดอกทำท่าเอาเรื่อง นิวจึงเลิกล้อเล่น

     

    Underground” นิวชี้ลงไปที่พื้น

     

    “มีชั้นใต้ดินอีกเหรอ” ท่าทางตื่นเต้นของจิ๋วทำให้นิวยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ

     

    “ช่าย…. ป่ะ ไปดูกัน” นิวพูดแล้วฉวยข้อมือจิ๋ว พาลงบันไดไปยังสตูดิโอชั้นใต้ดิน

     

    “กว้างกว่าข้างบนเยอะเลยนะเนี่ย” จิ๋วมองอย่างทึ่ง ๆ เดินไปยังฉากสีขาวที่เตรียมไว้สำหรับถ่ายภาพ ข้างหน้ามีเก้าอี้ทรงสูงตัวหนึ่งวางอยู่ มีชุดไฟสตูดิโอตั้งขนาบข้าง

     

    แชะ!

     

    แสงแฟลชจากกล้องกระพริบขึ้นหนึ่งทีพร้อมเสียงกดชัตเตอร์ พอจิ๋วหันไปมองเสียงเดิมก็ดังขึ้นซ้ำกันหลายครั้งจนจิ๋วต้องยกมือขึ้นมาป้องหน้าไว้ เธอไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่านิวหยิบกล้องติดมือมาด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่

     

    “นิว ถ่ายทำไม”

     

    “ก็อยากถ่ายรูปนักร้องสาวชื่อดังเอาไว้โปรโมทร้านน่ะ มาเจิมสตูดิโอเป็นวันแรกของปีซะด้วย”

     

    “เอาจริง?” จิ๋วมองอย่างคลางแคลงใจ

     

    “ไม่หรอกน่า นิวล้อเล่น นิวถ่ายรูปจิ๋วก็เพราะอยากถ่ายเท่านั้นแหละ จิ๋วช่วยนั่งบนเก้าอี้เป็นแบบให้นิวหน่อยได้มั้ย?” นิวเดินไปเปิดไฟสตูดิโอให้ส่องไปที่คนตัวเล็ก แล้วจะให้จิ๋วปฏิเสธได้ยังไง เล่นมัดมือชกกันขนาดนี้

     

    “ขนาดนี้คงไม่ต้องถามแล้วมั้งนิว”

     

    แต่ถ้าจิ๋วรู้ล่วงหน้าสักนิดคงไม่หลวมตัวเป็นแบบให้นิวในสตูดิโอนี่หรอก มุมปากที่ยกยิ้มน้อย ๆ อยู่ตลอดเวลาประกอบกับนัยน์ตาแวววาวคู่นั้นทำให้เธอวางตัวไม่ถูก …เป็นอีกครั้งที่เธออ่านความคิดของนิวไม่ออก

     

    พอเผลอประสานสายตาด้วยทีไรจิ๋วก็ต้องเป็นฝ่ายหลบตาก่อนทุกครั้ง แค่ให้โพสต์ท่าง่าย ๆ เธอยังโพสต์ผิด ๆ ถูก ๆ ทั้งที่เคยผ่านงานประเภทนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีช่างภาพคนไหนที่ทำให้เธอเกิดอาการประหม่าได้มากมายเท่าคนตรงหน้า…

     

    เสียงกำไลข้อมือและสร้อยคอเส้นยาวของนิวกระทบกันเบา ๆ  ทุกครั้งที่ได้ยินจิ๋วต้องเผลอกลั้นหายใจอยู่เสมอ  อาจเป็นเพราะเธอคาดเดาไม่ถูกว่านิวจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด ทั้งยังเกิดความหวั่นเกรงกับท่าทางเอาจริงเอาจังของอีกคนที่หาดูได้ยากเวลาอยู่ด้วยกัน

     

    ถอนตัวตอนนี้ยังทันมั้ยเนี่ยปิยนุช….
               

     

     

    .

    .

    .

     

     

    “อยากจะได้ดอกไม้ อยากจะมีความรัก เฝ้ารออยู่อย่างนี้รอคนบอกรักกัน และสักคนได้จูงมือ….”

     

    เสียงเพลงตัดไปเมื่อนิวกดรับสาย จิ๋วมองอีกคนแล้วอมยิ้ม ได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของนิวมาก็หลายครั้งตั้งแต่ปีใหม่ แต่ไม่เคยได้ถามว่าเพราะอะไรถึงได้เลือกเพลงนี้แทนที่จะเป็นเพลงโปรโมทหรือเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้ม

     

    “อื้อ ใช่ เปิดสิ  มาแต่เช้าหน่อยนะ” นิวที่กำลังคุยโทรศัพท์กับปลายสายหันกลับมาเมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกสายตาอีกคู่จ้องมองอยู่

     

    “โอเค ๆ เจอกันพรุ่งนี้”

     

    หลังจากวางสายนิวเดินกลับมานั่งบนโซฟาข้าง ๆ จิ๋ว ถามด้วยความสงสัย “มีอะไรจะถามนิวรึเปล่า?”

     

    “จิ๋วแค่แปลกใจ ว่าทำไมถึงเลือกเพลงนี้เป็นเสียงเรียกเข้า”

     

    “ก็นิวชอบเพลงนี้ มันน่ารักดี เพลงอื่นของจิ๋วมันดราม่า ฟังแล้วน้ำตาจะไหล” นิวอธิบายติดตลก

     

    “ใช้มานานรึยัง”

     

    “ก็ตั้งแต่อัลบั้มวางแผง” นิวตอบไปตามตรง ทำให้จิ๋วเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ

     

    “จริงเหรอแอบเป็นแฟนคลับเค้าใช่มั้ยเนี่ย” จิ๋วยิ้มล้อ

     

    “จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิดนะ” แต่อีกคนกลับตอบรับอย่างหน้าตาเฉย ไม่ได้เขินอายที่ถูกล้อ ซ้ำยังมองมาด้วยแววตาหวานซึ้ง จนจิ๋วต้องเป็นฝ่ายหลบตาเสียเอง

     

    ขณะกำลังวางตัวไม่ถูกพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาดิจิตอลที่ตั้งอยู่บนทีวี มันบอกเวลาสี่ทุ่มเศษ จิ๋วจึงได้โอกาสเปลี่ยนเรื่อง

     

    “แล้วนี่จะไม่กลับบ้านเหรอคะคุณนิว มันดึกแล้วนะ” เธอเตือน หลังกลับจากสตูดิโอหลังอาหารมื้อเย็นนิวก็ขลุกตัวอยู่บ้านเธอไม่ไปไหนตั้งแต่หัวค่ำ

     

    “ว่าจะอยู่ค้างเนียน ๆ ซักหน่อย รู้ตัวซะแล้ว” นิวอมยิ้มพลางบ่นพึมพำอย่างเสียดาย

     

    “ไม่ต้องเลย พรุ่งนี้นิวเปิดร้านแต่เช้าไม่ใช่เหรอ จิ๋วก็มีงานตอนเช้าด้วย” จิ๋วลุกขึ้นยืนยื่นมือไปตรงหน้านิว แต่อีกคนกลับเหลือบมองด้วยแววตาใสซื่อ ทำเป็นไม่เข้าใจการกระทำของจิ๋ว ซ้ำยังถามออกไปด้วยคำถามที่น่าตบ

     

    “จะชวนเค้าขึ้นห้องเหรอ?”

     

    “จะบ้าเหรอ ลุกขึ้นได้แล้ว กลับบ้าน” จิ๋วไม่ยอมใจอ่อนให้เหมือนที่ผ่านมา นิวอิดออดอยู่ครู่เดียวก่อนจะวางมือลงบนฝ่ามือเล็กแล้วลุกขึ้นตามแรงฉุด

     

    “แน่ใจเหรอว่านอนคนเดียวได้” นิวหาเรื่องอยู่ต่อ

     

    “จิ๋วนอนคนเดียวแทบทุกคืนถ้าพี่เจนไม่ค้างด้วย” แต่ก็ถูกจิ๋วทำลายความหวังในทันที

     

    “ว้า… เล่นดักกันซะทุกอย่างนี้ก็แย่สิ” นิวยู่ปาก หมดข้ออ้างเพื่อใช้อยู่ค้างบ้านอีกคน

     

    “ยังไงก็ต้องเจอกันอีกอยู่แล้วน่า รีบกลับเถอะดึกแล้ว อันตราย”

     

     จิ๋วเดินมาส่งนิวจนถึงรถจึงปล่อยมือ

     

    “ค่ะแม่” สรรพนามที่นิวใช้เรียกเธอทำให้จิ๋วมองค้อน

     

    “เดี๋ยวเหอะ”

     

    “เค้าล้อเล่น ฝันดีนะ ถ้าคิดถึงจนนอนไม่หลับก็โทรหาได้ตลอด” นิวเปิดประตูรถแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมก้าวขึ้นไปเสียทีจนจิ๋วต้องออกแรงดันตัวอีกคนเข้าไปในรถ

     

    “รีบกลับได้แล้วนิว”

     

    “โอเคไปละ ๆ อย่าลืมซะล่ะ… ถ้าเธอเหงาก็เอามาลงที่ฉันได้ทุกเมื่อเลยนะ” นิวยังคงหยอดมุกอย่างต่อเนื่อง จิ๋วฟังแล้วไม่รู้ว่าควรจะโมโหหรือขำดี

     

    “เฮ้อ…เอาล่ะ ๆ ขับรถดี ๆ นะ บาย” จิ๋วโบกมือให้เป็นเชิงไล่ นิวจึงยอมเคลื่อนรถออกไปจากหน้าบ้านจิ๋วแต่โดยดี

     

     

    .

    .

    .

     

     

    Hi! ทุกคน เปิดประตูให้นิวหน่อย” เสียงคุ้นเคยตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้านแทนที่จะกดกริ่งเหมือนที่คนอื่นเขาทำกัน ประตูบ้านที่เปิดอยู่ทำให้คนที่ยืนเกาะรั้วมองเข้ามาเห็นความเคลื่อนไหวภายในบ้านได้ชัดเจน

     

    “มาได้ไงเนี่ย ไหนว่าวันนี้ทำงานไง” จิ๋วชะเง้อคอมองออกไปหน้าบ้านแล้วบ่นอย่างไม่ค่อยพอใจ นึกแปลกใจอยู่บ้างที่นิวดูจะรู้เวลาดีเหลือเกิน เธอกลับบ้านยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนิวก็โผล่มาพอดี

     

    “แหม ถ่านไฟเก่าปะทุคราวนี้ท่าทางจะรุนแรงนะคะคุณลูก เช้าถึงเย็นถึงเชียว” เจนรบแซว จิ๋วตวัดสายตามองผู้จัดการหัวใจสาวเล็กน้อยก่อนลุกขึ้นไปเปิดประตูรั้วให้นิว ทั้งยังตั้งท่าเตรียมจะเฉ่งคนเกงานเต็มที่

     

    “นิว มาได้ไงเนี่ย สตูดิโอใครดูแล” จิ๋วถามเหตุผล

     

    “อย่าเพิ่งบ่นนิวนะ นิวไม่ได้หนีงาน นิวออกมากินข้าวกลางวัน” นิวรีบแก้ตัวจนลิ้นแทบจะพันกัน

     

    “มันเลยเที่ยงมานานแล้ว ทำไมไม่รีบกลับ” จิ๋วมองดุ ๆ ไม่ยอมเปิดรั้วต้อนรับคนตรงหน้าในทันที ต้องสอบสวนกันก่อน ถ้าเหตุผลมันฟังไม่ขึ้นจะได้ไล่ตะเพิดกลับสตูดิโอได้ไว ๆ

     

    “นิวเพิ่งออกมาซื้อกับข้าวเอง ฝากร้านไว้กับพี่ท็อปเรียบร้อยแล้วด้วย ไม่ต้องห่วงหรอกน่า… รีบเปิดประตูให้นิวเร็ว ๆ เถอะมันหนัก” นิวอธิบายพร้อมกับโอดครวญ จิ๋วส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะยอมเปิดประตูรั้วให้นิวเข้ามา ทั้งสองมือของนิวถือถุงกับข้าวพะรุงพะรัง แต่จิ๋วกลับไม่คิดจะช่วย เดินตัวปลิวเข้าบ้านไปหน้าตาเฉย

     

    “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ยน้องนิว” เจนรบท้วง ขณะเดินไปช่วยรับของจากนิว

     

    “ส้มตำค่ะพี่เจน ไก่ย่าง ปลาเผา ลาบ ครบเลย”

     

    “เริ่ดค่ะคุณลูกเขย” เจนรบชมเปาะอย่างถูกใจ เวลาบ่าย ๆ แบบนี้ไม่มีอะไรแซ่บไปกว่าอาหารตำหรับอีสานอย่างส้มตำอีกแล้ว นิวยิ้มแฉ่งอย่างภาคภูมิใจ และเชื่อว่าคนที่ตีหน้านิ่งอย่างจิ๋วก็ต้องแอบน้ำลายสอตามบ้างล่ะ

     

    “จิวเวอรี่ อย่าทำหน้างอสิลูก โมโหหิวรึไง” เจนรบเห็นแล้วก็อดแหย่ไม่ได้ จิ๋วเหลือบมองเชิงตำหนิโดยไม่ได้โต้ตอบเป็นคำพูด

     

    “เดี๋ยวพี่เจนกับจิ๋วจัดการทางนี้นะ นิวไปเอาของในรถก่อนแป๊บนึง”

     

    “หา? ยังไม่หมดอีกเหรอน้องนิว พี่ช่วยมั้ย”

     

    “อ๋อ ไม่ใช่ของกินหรอกค่ะ อย่างอื่นน่ะ” นิวพูดอ้อมแอ้ม

     

    “อะไรเหรอ?”

     

    นิวไม่ตอบคำถามเอาแต่ยิ้มอาย ๆ ให้เจนรบกับจิ๋วแล้วหมุนตัวกลับไปที่รถอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็กลับเข้ามาพร้อมถุงไม้ดอกและไม้ประดับต้นเล็ก ๆ เต็มสองมือ จิ๋วจึงอดที่จะถามออกไปไม่ได้

     

    “เอามาทำไมอะนิว”

     

    “เอามาให้จิ๋วไง เห็นบอกในเพลงว่าอยากได้ดอกไม้ เลยเอามาให้ทั้งต้นทั้งดอกเลย อยู่ได้นานดี” เห็นสีหน้าจริงจังของนิวแล้วจิ๋วก็กลั้นขำไม่ไหว ร่างเล็กระเบิดหัวเราะลั่นแข่งกับผู้จัดการคนสนิท

     

    “ทั้งต้นทั้งดอกเลยเหรอน้องนิว ไปติดหนี้จิ๋วตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” เจนรบได้ทีแซวใหญ่ จนนิวเริ่มเสียความมั่นใจ

     

    “นี่ไม่ได้เล่นมุกอยู่ใช่มั้ยนิว” เสียงเล็กที่เอ่ยถามยังคงกลั้วหัวเราะ

     

    “ไม่ได้เล่นมุกนะ พูดจริง  ๆ นิวเห็นว่าบ้านจิ๋วมันแห้งแล้ง ไม่มีต้นไม้ซักต้นเลยเอามาให้ ที่บ้านนิวมีเยอะ” นิวอธิบายพร้อมกับแอบถุงกล้วยไม้กับไม้ดอกอีกสองสามชนิดไว้ข้างประตู

     

    เสียงหัวเราะของจิ๋วกับเจนรบค่อย ๆ สงบลงในที่สุด

     

    “มีอะไรบ้างล่ะน้องนิว” เจนรบชะเง้อคอมองอย่างอยากรู้

     

    “ชวนชม กุหลาบขาว กล้วยไม้ก็มีค่ะ… พญาไร้ใบกับรองเท้านารี พันธุ์จากทางเหนือเลยนะเนี่ย พี่เจนสนใจเอาไปเลี้ยงสักต้นมั้ยคะ ยังเหลืออยู่เยอะเลยที่บ้านนิว”

               

    “ขอไม้ประดับที่มันทน ๆ หน่อยได้มั้ยล่ะ กล้วยไม้พี่คงดูไม่ไหว”

     

    “นั่นสิ... จิ๋วไม่มีเวลาเลี้ยงมันหรอกนะนิว ดูแลไม่ดีเดี๋ยวก็เฉาตายเปล่า ๆ” จิ๋วมองพืชต้นเล็ก ๆ นั่นอย่างเป็นกังวล

     

    “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวนิวช่วยดูให้ถ้าจิ๋วไม่ว่าง จริง ๆ ดูแลไม่ยากหรอกเท่าไหร่หรอก”

     

    “เอาเถอะ ๆ ไหน ๆ ก็เอามาแล้ว เข้ามากินข้าวก่อนเถอะนิว หิวไม่ใช่เหรอ กินเสร็จจะได้รีบกลับไปทำงาน” จิ๋วบอกก่อนเดินนำเข้าไปในครัวเพื่อหาจานชามมาใส่กับข้าวที่นิวซื้อมา นิวเห็นอย่างนั้นจึงเดินตามหลังไป

               

    “นิวเห็นเวลาคนเค้าให้ดอกไม้กันเค้าให้กันเป็นช่อ พอได้มาก็ปักแจกันไว้ ไม่นานมันก็เหี่ยว นิวเลยเอามาให้จิ๋วทั้งต้นเพราะมันคงทน อยู่ได้นานกว่า” นิวเปรยขึ้นมาลอย ๆ เมื่ออยู่กันสองคน จิ๋วนิ่งฟังจนจบ ตอนนี้ร่างเล็กหันหลังให้ นิวจึงไม่เห็นสีหน้าของอีกคน แต่เป็นแบบนี้ก็อาจจะดีกว่า เพราะถ้าให้พูดโดยที่มีสายตาของจิ๋วจ้องมองอยู่ตลอดเวลานิวก็คงพูดไม่ออกเหมือนกัน

               

    “แต่มันก็ตายได้เหมือนกันนะถ้าดูแลไม่ดีน่ะ” จิ๋วหันกลับมาเผชิญหน้ากับนิว กอดอกพิงสะโพกกับเคาน์เตอร์ครัวหมิ่น ๆ

               

    “ให้จิ๋วคิดซะว่ามันเป็นตัวแทนของนิว… ดูแลมันเหมือนที่ดูแลนิว นิวเชื่อว่ายังไงมันก็คงไม่ตายแน่ ๆ” นิวพูดอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง ก้มหน้าก้มตาเอาเท้าเขี่ยพื้นเหมือนเด็กน้อยถูกจับได้ว่าทำความผิด ไม่กล้ามองสบตากับเธอตรง ๆ

     

    จิ๋วต้องกลั้นขำแทบแย่กับท่าทางนั้น พอให้พูดอะไรจริงจังที่ไม่ใช่การหยอดมุกเรื่อยเปื่อยเหมือนที่ผ่านมา คนช่างจ้ออย่างนิวกลับไปไม่เป็นซะงั้น

               

    “ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย” จิ๋วยื่นมือไปยีผมอีกคนจนยุ่ง ด้วยความรู้สึกทั้งมันเขี้ยวทั้งเอ็นดูระคนกัน ก่อนหยิบจานส่วนหนึ่งออกไปที่โซฟารับแขก

               

    “ใครเด็ก เราอายุเท่ากันเหอะ” นิวเดินตามมาติด ๆ สวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้

               

    “ลืมไปแล้วเหรอเราเกิดกันคนละปีนะ”

               

    “แต่ก็ห่างกันแค่เดือนเดียวอะ นิวถือว่าเท่ากัน”

               

    “อ้าว ๆ ทะเลาะอะไรกันล่ะสามีภรรยาคู่นี้” เจนรบถามเมื่อได้ยินเสียงของทั้งคู่ทุ่มเถียงกันจากในครัว

     

                “ก็จิ๋วน่ะสิอยู่ดี ๆ ก็อยากแก่” นิวได้ทีฟ้องเจนรบ

     

                “แหม นึกว่าจะแย่งกันรุกแย่งกันรับซะอีก” เจนรบแซวเอาแรง ๆ ทำเอาคนฟังแทบสำลักน้ำลาย หลังจากนั้นก็มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบกันเมื่อทั้งคู่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจัดอาหารใส่จานไปเงียบ ๆ เจนรบมองน้องทั้งสองคนแล้วแอบขำอยู่คนเดียว…. พอโดนแซวเองบ้างก็ปิดปากเงียบเชียวนะน้องนิว..

     

                เสียงโทรศัพท์ของเจนรบดังขึ้นทำลายความเงียบ ผู้จัดการคนเก่งเหลือบมองชื่อคนโทรเข้าแล้วไม่ยอมรับมันต่อหน้าสองสาว

     

                “รับโทรศัพท์ก่อน เดี๋ยวพี่มานะ”

     

                “อะแหนะ ใครโทรมาคะพี่เจน หนีน้องไปคุยที่อื่นซะด้วย” นิวได้ทีเอาคืน เจนรบชี้หน้าคาดโทษ แล้วหลบฉากออกไปคุยโทรศัพท์หน้าบ้าน

     

                พอคล้อยหลังเจนรบไปนิวก็กระโดดมานั่งโซฟาตัวเดียวกับจิ๋ว กระซิบกระซาบถามอย่างอยากรู้

     

    “นี่จิ๋ว พี่เจนเค้ามีแฟนแล้วเหรอ คุยกับแฟนใช่มั้ยนั่นน่ะ”

     

    “ไม่รู้สิ ไม่เห็นพามาเปิดตัวซักที อาจจะมีคุย ๆ บ้างแหละ”  นิวพยักหน้ารับรู้ ก่อนฉีกยิ้มทะเล้นเมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้

     

    “เอ้อ… จิ๋ว นิวขอไลน์หน่อยสิ”

     

    จิ๋วหันมามองคนที่ทำหน้าระรื่นอยู่ข้าง ๆ อย่างงุนงง

     

    “ไลน์อะไรอีก มีอยู่แล้วนี่ เมื่อคืนยังไลน์หากันอยู่เลย”

     

    “ไม่ใช่อย่างนั้น…ไลน์ที่นิวจะขออะคือไลน์เธอตลอดปั๊กต่างหากล่ะ” หลังจากนิวพูดจบจิ๋วทำหน้างงอยู่พักหนึ่งกว่าจะถึงบางอ้อ และปฏิกิริยาตอบรับของจิ๋วก็รุนแรงจนนิวคาดไม่ถึง….เพราะมันมาจากความหมั่นไส้ล้วน ๆ

     

    “โอ๊ย!

     

    เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของนิวทำให้เจนรบที่เพิ่งวางหูจากปลายสายรีบเดินเข้ามาดูเหตุการณ์

     

    “นิวเป็นอะไรล่ะนั่น” ภาพที่เห็นคือนิวกำลังกุมท้องตัวงอเป็นกุ้ง ส่วนจิ๋วนั่งอยู่บนโซฟาอีกตัวท่าทางสนใจกับจานส้มตำมากกว่าคนเจ็บ และนิวเองก็จุกจนตอบคำถามเจนรบไม่ได้

     

    “อย่าไปสนใจเลยพี่เจน กินข้าวกันเถอะ”

     

    พอได้ฟังคำตอบอันแล้งน้ำใจของจิ๋ว นิวก็ได้แต่มองค้อนเพราะยังพูดอะไรไม่ออก ได้แต่คาดโทษคนตัวเล็กด้วยสายตา….. 

     

    ฝากไว้ก่อนเถอะ ถึงเวลานิวจะเอาคืนให้สาสมใจเลยทีเดียว

     





    ตอนนี้มาช้าหน่อยคงไม่ว่ากันนะคะ เป็นตอนที่เขียนไว้ตั้งแต่กลางธันวา #แต่ทำไมเพิ่งมาลงฮึ? 


    หากต้องการโหลดก็คลิก >> บทที่ ๗ อยากจะให้ดอกไม้ (Full shot) <<




     
    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×