ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TIMELESS (NewJiew TS1)

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 5 : Start Again

    • อัปเดตล่าสุด 10 ม.ค. 57


    บทที่


     


    Start Again

     

     

     

     

    January 2, 2014 | (THU)

     

     

                คืนนี้ยังอยู่ในช่วงของการเฉลิมฉลองในเทศกาลปีใหม่ เสียงร้องรำทำเพลงยังดังอยู่ประปรายตามสถานบันเทิงและอาคารบ้านเรือน เสียงนั้นแว่วมาตามสายลมยามราตรี อากาศในเวลากลางคืนของเชียงใหม่หนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ แต่กระนั้นยังมีใครอีกคนนั่งทอดอารมณ์อยู่นอกระเบียงโดยไม่หวั่นเกรงต่อสภาพอากาศ

     

                ไวน์คูลเลอร์ขวดเล็กถูกยกขึ้นกระดกดื่มอึกใหญ่ รสหวานปนเฝื่อนไหลลงคออย่างรวดเร็ว ก่อนที่แอลกอฮอล์จะซึมผ่านเข้าสู่กระแสเลือดทำให้ร่างกายที่ต้องลมหนาวรู้สึกมึนชาจนความหนาวลดลงไปเอง

     

    ขวดเปล่าวางอยู่บนพื้นใต้ม้านั่งสองสามขวดและยังมีที่ยังไม่ได้เปิดอีกจำนวนหนึ่งตั้งอยู่ข้างตัว แม้จะเป็นเครื่องดื่มดีกรีอ่อน แต่พอรับเข้าไปในปริมาณที่มากพอสมควรก็ทำให้แก้มใสของคนดื่มแดงจัดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

     

    นิวรู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อย แต่เธอมั่นใจว่าสติของตนยังคงอยู่อย่างครบถ้วน

               

    เธอกำลังเป็นกังวลกับอนาคตความสัมพันธ์ระหว่างตนและจิ๋ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญของคืนก่อนส่งผลให้เช้าวันแรกของศักราชใหม่เป็นวันที่สุขสดใสกว่าทุกปี  แต่เช้าของวันนี้กลับหม่นหมองเพราะฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน จนต้องมานั่งดื่มดับกลุ้มให้ลมถ่ออยู่ตรงระเบียง เดาไม่ถูกว่าจากนี้จิ๋วจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร

     

     

     

     

     

                สายลมเย็นเยียบที่พัดเข้ามาจากประตูหลังห้องทำให้คนที่เพิ่งก้าวออกจากห้องน้ำต้องใช้ผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนหัวไหล่ห่มไว้เพื่อคลายหนาว เสื้อยืดตัวเดียวกับกางเกงผ้าฝ้ายขายาวที่ใช้เป็นชุดนอนไม่อาจให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเธอได้

     

    เหลือบไปเห็นประตูหลังห้องที่เปิดอ้าแล้วคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่น นึกตำหนิอีกคนอยู่ในใจที่เปิดประตูไว้แล้วไม่ยอมปิด ขณะเดียวกันก็มองหาร่างที่ควรจะอยู่ ณ มุมใดมุมหนึ่งในห้องนอน แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า

     

    “ไปไหนของเค้านะ….” เสียงเล็กบ่นกับตนเองเบา ๆ ขณะก้าวไปยังประตูหลังห้องที่ทอดออกสู่ระเบียงเพื่อจะปิดมัน แต่ยังไม่ทันได้แตะลูกบิดก็เห็นร่างของคนใครอีกคนนั่งตาก-ลมอยู่นอกระเบียงเหมือนไม่สะทกสะท้านกับลมหนาว

     

    “…..” เธอแทบปรี๊ดแตกเมื่อเหลือบไปเห็นขวดไวน์คูลเลอร์ตั้งอยู่ข้างนิว และในมือยังมีอีกขวดที่เจ้าตัวกำลังกระดกดื่มราวกับน้ำเปล่า ทั้งที่บ่ายวันนี้ก็ดื่มมาแล้วเกือบตลอดทั้งบ่าย

     

    “นิว! มาทำอะไรตรงนี้ ทำไมไม่เข้าไปนั่งในห้อง”  จิ๋วปราดเข้าไปถึงตัวอีกคนอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่ใสมองอย่างตำหนิ เมื่อเห็นว่านิวสวมเพียงคาร์ดิแกนตัวเดียวทับเสื้อยืดข้างในเท่านั้น แล้วจะไปกันลมหนาวได้อย่างไร

     

    “จิ๋ว” นิวมองกลับมาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว จิ๋วแทบอยากกระชากขวดเล็ก ๆ นั่นจากมือของนิว แต่ก็ฉุกคิดได้ว่านิวไม่ใช่คนดื่มพร่ำเพรื่อ อาการซึมเศร้าที่ปรากฏในวันนี้อาจเป็นสาเหตุให้นิวต้องเป็นแบบนี้

     

     “เพิ่งรู้นะว่านิวกลายเป็นคนดื่มจัดไปแล้ว” จากที่ตั้งใจจะว่ากล่าวตักเตือนในทีแรกกลับพูดออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ

     

    “เปล่าหรอก แค่นาน ๆ ที” นิวเงยหน้าขึ้นมองอีกคนด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนรั้งร่างเล็กมานั่งซ้อนตักโดยไม่ให้โอกาสอีกคนปฏิเสธ และจิ๋วเองก็ไม่ขัดขืน

     

    “วันนี้นิวเป็นอะไรไป กลุ้มใจอะไรอยู่บอกจิ๋วได้มั้ย?”

     

    “เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรหรอก นิวก็แค่อยากออกมาดื่มรับลมกินบรรยากาศน่ะ ไม่ได้มาที่บ้านจิ๋วนานแล้วนี่”  เหตุผลที่อ้างไม่ทำให้จิ๋วปักใจเชื่อเลยสักนิด

     

    ร่างเล็กห่อไหล่ กอดตัวเองแน่นด้วยเมื่อลมวูบใหญ่หอบเอาความหนาวเย็นปะทะผิวกาย นิวใช้ฝ่ามือลูบเรียวแขนเล็กขึ้นลงช้า ๆ เพื่อสร้างความอบอุ่นก่อนกระชับอ้อมกอดแนบแน่นอย่างรู้หน้าที่ ใบหน้าใสซุกซบอยู่กับซอกคอขาว สูดกลิ่นกายหอมกรุ่นที่คุ้นเคยจนเต็มปอด  เมื่อผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นเป็นมวยหลวม  ๆ กลางศีรษะ อุปสรรคสำหรับนิวก็หมดไป

     

    “ไม่เชื่อหรอก… แล้วไปเอามาจากไหน ดื่มไปกี่ขวดแล้วเนี่ย”  จิ๋วถามพลางย่นคอหนีไออุ่นจากลมหายใจด้วยความรู้สึกวูบวาบแปลก ๆ

     

    “ในตู้เย็นข้างล่างไง ไม่รู้ของใครเหมือนกัน” คำตอบนั้นทำให้จิ๋วถอนหายใจ นึกไปถึงบรรดาญาติสนิทมิตรสหายที่แวะเวียนมาสวัสดีปีใหม่ คงจะเป็นหนึ่งในนั้นที่ซื้อมาไว้แล้วยัดมันเข้าตู้เย็นบ้านเธอ

     

    “มาดื่มอะไรตรงนี้ล่ะ มันหนาวนะเข้าไปข้างในกันเถอะ จะดื่มก็ไม่ว่าอะไรหรอก”

     

    “ค่อยเข้าไปก็ได้ นิวไม่เป็นไรหรอก” นิวพูดอู้อี้กับซอกคอขาวแล้วนิ่งไป

     

    “มีอะไรอยากจะพูดมั้ย” จิ๋วเอ่ยถามออกมาในที่สุด ก้มสบตาเจ้าของตักอุ่นที่เงยหน้าขึ้นมองเธอพอดี

     

    “ตอนนี้ เราเป็นอะไรกันเหรอจิ๋ว เรากลับมาคบกันแล้วใช่มั้ย” น้ำเสียงเป็นกังวลที่เอ่ยถามฟังดูไม่มั่นคง และมันทำให้คนฟังเงียบไปเช่นกัน…

     

    “หรือว่าจิ๋วยังไม่พร้อม เรื่องคืนก่อนอาจจะเป็นเพราะเมา หรืออะไรก็แล้วแต่.. บอกกันมาตรง ๆ นะ ไม่ต้องรักษาน้ำใจนิวหรอก” เพราะหากเป็นแบบนั้น คนที่จะเจ็บปวดที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเธอคนเดียว

     

    จิ๋วยืดตัวขึ้นจนแผ่นหลังตั้งตรง ยื่นมือไปประคองใบหน้าของอีกคนไว้ จ้องมองลึกลงไปในดวงตาคู่คมที่เต็มไปด้วยความสับสนและหวาดหวั่น เหมือนกลัวว่าเรื่องราวจะกลับไปซ้ำรอยเก่า

     

    “นิว วันนั้นจิ๋วเมาก็จริง แต่ยังมีสตินะ ถ้าไม่รัก ไม่มีทางยอมหรอก” คำตอบของนั้นทำให้คนฟังใจชื้น มุมปากจุดรอยยิ้มเล็ก ๆ แต่ความกังวลก็ยังไม่หมดไปเสียทีเดียว

     

    “แล้วถ้าเรากลับไป มันเป็นเหมือนเดิม จิ๋วอาจจะทนนิวไม่ได้” นิวค่อย ๆ เผยความในใจออกมาทีละนิด

     

    ปลายนิ้วเรียวเล็กเกลี่ยแก้มสีเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เบา ๆ ก่อนระบายยิ้มบาง ๆ อย่างพอใจ… การที่จะง้างปากนิวไม่ใช่เรื่องเกินกำลังสำหรับเธอเลย

     

    “ตั้งแต่เราเจอกันครั้งหลัง ๆ มา จิ๋วคิดว่านิวเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากจนจิ๋วเชื่อว่ามันจะไม่กลับไปซ้ำรอยเดิมอีก แล้วนิวล่ะ เชื่อในตัวจิ๋วมั้ย?”  เธอตอบคำถามด้วยคำถาม

     

    นิวยกมือขึ้นมาวางทาบมือเล็กเอาไว้แผ่วเบา

     

    “นิวก็เชื่อนะ แต่ว่า… งานของจิ๋วล่ะ จิ๋วเป็นนักร้องนะ” นิวหน้าเครียดเมื่อนึกถึงความยุ่งยากที่เคยประสบ และอาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต

     

    “จิ๋วตัดสินใจแล้ว ตั้งแต่คืนนั้น เราจัดการมันได้แน่” ดวงตาคู่หวานที่มองสบในแสงสลัวแสดงความหนักแน่นยิ่งกว่าคำพูดนับร้อย และคนที่มั่นคงแบบจิ๋วไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจง่าย ๆ อย่างแน่นอน ข้อนี้นิวรู้ดีกว่าใคร

     

    “ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ให้โอกาสนิว” คำขอบคุณที่มาจากใจจริงถูกถ่ายทอดผ่านสายตา ประกายแวววาวของหยาดน้ำที่เอ่อคลอต้องแสงสลัว

     

    มืออุ่นเลื่อนมาประคองใบหน้าหวานของคนตัวเล็กเอาไว้แล้วรั้งลงมาจนปลายจมูกจรดกัน แต่ก่อนที่ริมฝีปากบางจะมอบจุมพิตให้ คนบนตักก็เบือนหน้าหนีได้ทันเวลาฉิวเฉียด จิ๋วยกมือขึ้นปิดปากนิวเอาไว้แล้วยิ้มหวานให้อย่างรู้ทัน

     

    “เข้าไปข้างในกันนะ ตรงนี้มันหนาว” ว่าแล้วก็ลุกจากตักอุ่นอย่างว่องไว แต่นิวยังคว้ามือเล็กเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

     

    “ดื่มด้วยกันนะ” นิวขอร้องด้วยแววตาออดอ้อน แล้วอย่างนี้จะแข็งใจปฏิเสธยังไงไหว

     

    “โอเค ว่าแต่…เมารึเปล่าเนี่ย” จิ๋วพยายามสังเกตอาการคนที่กำลังเก็บขวดไวน์คูลเลอร์ขึ้นมาถือไว้เต็มสองมือ

     

    “ไม่เมาแน่นอนรับรองได้ หรือจะพิสูจน์ก็ได้นะ” หันมาทิ้งสายตาทะเล้นให้ในประโยคสุดท้าย แล้วเดินผ่านหน้าคนตัวเล็กเข้าไปในห้องนอนด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้

     

    “เดี๋ยวเหอะ” จิ๋วมองคาดโทษตามหลังอีกคน

     

     

     

     

     

    “จะไปไหน นั่งด้วยกันก่อนสิ” นิวฉวยข้อมือเล็กเอาไว้เมื่ออีกคนทำท่าจะเดินผ่านหน้าไป

     

    “ทาครีมก่อนไง เพิ่งอาบน้ำเสร็จเนี่ย”

     

    “ไม่ต้องทาหรอก” นิวบอกด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม แววตาวาววับดูไม่น่าไว้วางใจ

     

    “ทำไมล่ะ”

     

    “มันขม” กว่าจิ๋วจะเข้าใจสิ่งที่นิวต้องการสื่อก็เมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างโลมเลีย เหมือนกำลังจะเปลื้องผ้าเธออยู่รอมร่อ ดวงตาคู่นั้นดูร้ายกาจกว่าเมื่อห้าปีก่อนมาก แค่มองเฉย ๆ ก็ทำให้เธอเกิดอาการร้อน ๆ หนาว ๆ ได้โดยไม่ยากเย็น

     

    “ทะลึ่ง!” จิ๋วตีไหล่อีกคนแรง ๆ กลบเกลื่อนความเขิน

     

    “โอ๊ย!.. เปล่าทะลึ่งซักหน่อย มานั่งด้วยกันดีกว่า… นะ” จิ๋วถอนหายใจเบา ๆ ให้กับความใจอ่อนของตนเอง เดินตามนิวไปที่เตียงอย่างว่าง่าย เพียงแต่ยังไม่ยอมนั่งลงข้างกันอย่างที่อีกคนต้องการ

     

    “อะนี่” นิวยื่นเครื่องดื่มขวดเล็กที่เปิดแล้วเรียบร้อยให้กับจิ๋ว แต่คนตัวเล็กกลับส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่ยอมรับมัน

     

    “ทำไมอะ”

     

    ก่อนจะตอบนิว จิ๋วหลุบตามองขวดไวน์คูลเลอร์ที่นิวเพิ่งยกขึ้นดื่มไปก่อนหน้านี้แล้วระบายยิ้มหวาน

     

    “จะเอาขวดนี้” ว่าแล้วก็ฉวยเอาขวดในมือของนิวยกขึ้นกระดกดื่มแล้วยึดเอาไว้เป็นของตนเอง

     

    “จิ๋วขอนะ” ที่แข็งใจข่มความเขินทำไปทั้งหมดเพราะว่าอยากแกล้งเอาคืนนิวบ้างเท่านั้น แต่พอเจอสายตาหวานหยดของนิวที่มองมาก็เริ่มรู้ตัวว่าเธอเล่นผิดคน ร่างเล็กหมุนตัวกลับเตรียมจะเดินหนีพร้อมขวดเครื่องดื่มในมือเพื่อหลบดวงตาซุกซน แต่ก็ไม่พ้นวงแขนเรียวที่เกี่ยวเอาไว้จากด้านหลัง

     

    “ได้ไงอะ ขโมยของเค้ากินแล้วคิดหนีเหรอ” รู้ตัวอีกทีเสียงนุ่ม ๆ ของนิวก็มากระซิบอยู่ข้างหูพร้อมลมหายใจอุ่นเป่ารดจนเธอรู้สึกวูบวาบตรงไขสันหลัง

     

    “ไม่ได้หนี” จิ๋วตอบเสียงสั่นและเบาหวิว เหมือนนิวจะรู้ว่าเธอกำลังประหม่า ยิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งถูกแกล้ง แค่ปลายจมูกที่คลอเคลียแก้มใสก็ทำให้ร้อนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

     

     “แน่เร้อ?”

     

    “แน่สิ” จิ๋วพยายามเบี่ยงหน้าหนีให้พ้นจากปลายจมูกซุกซน

     

    “งั้นนิวขอคืนแล้วกันนะ” นิวดึงขวดในมือจิ๋วกลับคืนมาแล้วยกขึ้นดื่มหนึ่งอึกเล็ก ๆ

     

    ห้องนอนของเธอในตอนนี้เงียบเหลือเกิน แม้กระทั่งเสียงกลืนของเหลวลงคอของอีกคนยังดังชัดเขนอยู่ข้างหู มันทำให้จิ๋วต้องกลั้นหายใจตามโดยไม่ทราบสาเหตุ

     

    “ขวดนี้มันทำไมมันหวานจังเลยนะ” ทั้งน้ำเสียงทั้งการกระทำของนิวกำลังปลุกปั่นความรู้สึกเธออย่างรุนแรง หัวใจเต้นรัวจนแทบหลุดออกมานอกอก… หมั่นไส้อีกคนที่ไม่รู้จะแกล้งกันไปถึงไหน

     

    “เมาแล้วเพ้อใหญ่” จิ๋วต่อว่าอีกคนแก้อาการประหม่า

     

    ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน… ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน (นิราศภูเขาทอง, สุนทรภู่)”  ระหว่างที่ท่องบทกลอนของกวีชื่อดังคางมนก็เกยก่ายอยู่บนไหล่บอบบางของคนในอ้อมกอด อาจเพราะแอลกอฮอล์ที่ไหลเวียนในกระแสเลือดทำให้นิวดูเพ้อ ๆ อย่างที่จิ๋วตั้งข้อสังเกต

     

     เพราะความเสี่ยวของอีกคนทำให้จิ๋วหลุดขำออกมาเบา ๆ “เป็นเอามากนะคนเรา”

     

    นิวหัวเราะตามแล้วเปรยออกมาลอย ๆ “ปีนี้เป็นปีใหม่ที่นิวมีความสุขจริง ๆ นะ” จิ๋วเลิกคิ้วรอฟังอย่างตั้งใจ ยกมือขึ้นวางทาบเรียวแขนขาวที่โอบรอบเอวของเธอไว้

     

    “หลายปีก่อน นิวเคยโกรธจิ๋วมาก โกรธจนหลอกตัวเองว่าเกลียด แต่พอเวลามันผ่านไป…. หนึ่งปี… สองปี นิวถึงได้รู้ว่า…. ยังไงนิวก็เกลียดจิ๋วไม่ลง” จิ๋วบีบแขนนิวเบา ๆ เมื่อรู้สึกว่าเสียงอีกคนเริ่มสั่น

     

    “กว่านิวจะยอมรับว่าตัวเองผิดก็ใช้เวลาคิดนานมากรู้มั้ย….. ตอนอยู่ด้วยกันก็มีแต่จะทำให้จิ๋วปวดหัว ทำตัวงี่เง่าไม่ฟังเหตุผล  แถมยังเห็นแก่ตัวที่สุด… นิวรู้แล้วว่าคนที่ทำให้ทุกอย่างมันพังจริง ๆ คือนิว…ไม่ใช่จิ๋ว” เสียงสุดท้ายแทบดังไม่เป็นคำเพราะน้ำตาเม็ดโตกำลังไหลอาบแก้ม นิวสูดจมูกเบา ๆ พร้อมกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

     

    “นิว… เมื่อวานนิวเป็นคนบอกจิ๋วไม่ให้โทษตัวเอง แต่ทำไมตอนนี้ถึงทำซะเองล่ะ” เสียงที่เอ่ยออกไปสั่นไม่ต่างจากนิว เป็นเรื่องที่ห้ามได้ยากเมื่อนิวร้องแล้วจิ๋วจะไม่ร้องตาม พยายามที่จะเข้มแข็งเมื่ออีกคนอ่อนแอ แต่ก็ทำได้เท่านี้

     

    “ให้นิวได้พูดเถอะนะ ไม่งั้นคงคาใจไปตลอดชีวิต… นิวขอโทษสำหรับทุกอย่าง ขอบคุณที่ให้โอกาสนิวอีกครั้งนะ” เจ้าของอ้อมกอดกำลังสั่นด้วยแรงสะอื้นที่ไร้เสียง จิ๋วปล่อยให้นิวร้องไห้เงียบ ๆ  โดยไม่ต้องใช้คำพูดใด ๆ ปลอบโยน มีเพียงสัมผัสจากฝ่ามือเล็กที่กำลังลูบไล้เรือนผมสีบลอนด์ของนิวแผ่วเบา

     

    เป็นทีของเธอแล้วที่จะต้องใช้ไหล่เล็ก ๆ นี้ซับน้ำตาให้นิวบ้าง

     

    ทำได้แค่รอและรอ….จนกระทั่งแรงสะอื้นหยุดลง…

     

    “บางที… เราสองคนอาจจะแย่พอ ๆ กันก็ได้นะ… อีกคนไม่ยอมฟัง และอีกคนก็ไม่ยอมพูด มันเลยพังไม่เป็นท่าแบบนี้… เพราะฉะนั้นเรามาแบ่งความผิดกันคนละครึ่งดีมั้ย” จิ๋วหาข้อสรุปให้ทั้งคู่ได้ในที่สุด นิวเพียงพยักหน้ารับอยู่กับซอกคอขาว เดาเอาว่านิวเองก็ยอมรับในสิ่งที่เธอตัดสิน

     

    อ้อมกอดรัดรึงค่อย ๆ คลายออก พาเอาความอบอุ่นห่างออกไปช้า ๆ  นิววางขวดไวน์คูลเลอร์ลงบนโต๊ะ เปลี่ยนมากุมมือจิ๋วเอาไว้แทน

     

    “นอนคุยกันดีกว่า ยืนนาน ๆ มันเมื่อย” นิวกระโดดขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียงแล้วตบฟูกนุ่มข้าง ๆ ตัวเชิญชวนอีกคน

     

    “เอาผ้าขนหนูไปเก็บก่อนได้มั้ย”

     

    “ไม่ต้องหรอกน่า เสียเวลา” นิวพูดแล้วกระตุกมืออีกคนแรง ๆ จนล้มลงมาคร่อมทับร่างของตน มันไม่ได้เจ็บอะไร เพราะจิ๋วเองก็ตัวนิดเดียว แต่อีกคนกลับอุทานเสียงดัง อาจเป็นเพราะตกใจมากกว่าอย่างอื่น

     

    “โอ๊ยนิว! เล่นอะไรบ้า ๆ อีกแล้วเนี่ย!

     

    “ไม่บ้านะ แค่อยากให้นอนด้วยกัน” นิวอมยิ้มทั้งที่น้ำตายังเอ่อคลอบาง ๆ ทั้งสองตา

     

    “เอาผ้าขนหนูไปเก็บแค่นี้มันไม่เสียเวลาอะไรมากมายนี่นา” จิ๋วพูดเสียงอ่อนลงเมื่อมองสบนัยน์ตาสีเดียวกันของอีกคน ปลายนิ้วยื่นไปปาดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลือบนแก้มใสอย่างเบามือ ร่างเล็กถูกรั้งให้ทิ้งน้ำหนักตัวลงบนหน้าขาของคนที่นั่งเหยียดยาวอยู่บนเตียง ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธความต้องการของนิว เพราะมันเป็นความต้องการเดียวกันกับเธอ

     

    “นิวไม่อยากให้เวลามันหมดไปเปล่า ๆ” นิวรำพึงเบา ๆ ดวงตาคู่คมดูสับวนว้าวุ่น มือของจิ๋วถูกดึงไปแนบแก้มใสแน่น

     

    “จิ๋ว…ทำยังไงดี นิวถึงจะรู้สึกว่าตอนนี้นิวไม่ได้ฝันไป” คำพูดเพ้อ ๆ เหมือนคนละเมอ น่าจะมาจากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปกำลังออกฤทธิ์เต็มที่ ผสมกับความรู้สึกลึก ๆ ที่ผุดขึ้นมารบกวนไม่หยุดหย่อน เหมือนมันยังไม่อาจปักใจเชื่อว่ามันจะมีวันนี้ วันที่กลับมาคืนดีกับจิ๋วอีกครั้ง

     

    …นิวมองเธออย่างอ้อนวอน

     

    “ตอนนี้นิวแตะตัวจิ๋วได้ใช่มั้ย?” จบคำถามนิวก็พยักหน้ารับหงึกหงัก รอฟังจิ๋วพูดต่อด้วยสีหน้าเหมือนเด็กที่กำลังหลงทาง

     

    “ถ้ามันเป็นความฝัน นิวไม่มีทางทำแบบนี้ได้แน่ ๆ” เสียงหวานกระซิบบอกอย่างอ่อนโยน ก่อนจับมืออีกคนมาวางไว้บนเอวคอดของตน ลดใบหน้าลงเพื่อกำจัดระยะห่างให้หมดไป…

     

    กระทั่งริมฝีปากอิ่มประทับจุมพิตผะแผ่วบนเรียวปากบาง  ดวงตาหลับพริ้มลงจนปิดสนิท สัมผัสอ่อนโยนที่ถูกถ่ายทอดไปสู่อีกคนอย่างตั้งใจ ปัดเป่าความสับสนที่ตกค้างอยู่ในใจจนหมดสิ้น

     

    รสจูบที่จิ๋วเป็นคนป้อนให้มันหอมหวานจนนิวลืมเลือนไปหมดทุกสิ่ง นึกถึงแต่ความอ่อนโยนของคนบนตักเท่านั้น เรียวลิ้นแลกเปลี่ยนรสชาติของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ยังหลงเหลือในโพรงปากของกันและกัน  แปรเปลี่ยนความอ่อนโยนให้กลายเป็นความเร่าร้อนในเวลาไม่นาน

    >> cut scene บทที่ ๕ Start Again (word)<<

    >> cut scene บทที่ ๕ Start Again (pdf)<<

    (ตัดออกไปเช่นเคยสำหรับคนที่ไม่อยากอ่านฉากนี้
    ฉากโคมไฟเวอร์ชั่นเต็มอยู่ในเอกสาร
    pdf กับ word ข้างบนให้เลือกโหลดไปอ่านกันนะคะ)

     .




     

      เสียงหวีดร้องเบา ๆ ดังประสานกันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วถูกสายลมแห่งฤดูกาลพัดพาจากไป เหลือเพียงเสียงหอบหายใจถี่กระชั้นที่ดังอยู่ข้างหูของกันและกัน

     

    …ในความเงียบที่ไร้บทสนทนา มีเพียงภาษากายที่ถ่ายทอดความรู้สึกไปสู่อีกคน เรียวแขนขาวรั้งร่างที่เล็กกว่าเข้ามาในอ้อมกอด ปัดผมยาวที่รุ่ยร่ายปิดใบหน้าหวานไปทัดหู ก่อนประทับจูบหน้าผากมนแผ่วเบา

     

    จิ๋วลืมตาขึ้นมองเมื่อนิวผละริมฝีปากออก ซุกตัวเข้าหาไออุ่นจากอีกคนอย่างออดอ้อน เพื่อซ่อนใบหน้าแดงเรื่อกับซอกคอของคนรัก ไม่บ่อยนักหรอกที่เธอจะทำตัวเหมือนเด็กน้อยอย่างวันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นนิวที่อ้อนเธอมากกว่า แต่พอทำแล้วก็น่ารักน่าเอ็นดูจนนิวอยากฟัดให้จมเขี้ยว

     

    “ราตรีสวัสดิ์นะ” เสียงเล็กพึมพำเบา ๆ ชิดซอกคอขาว ลมหายใจอุ่นเป่ารดทำให้ผิวเนื้อบริเวณนั้นร้อนวูบวาบ นิวต้องหลับตาข่มความรู้สึกแล้วตอบกลับไป

     

    “ฝันดีนะจิ๋ว” นิวประทับริมฝีปากลงไปบนหน้าผากเนียน ส่งคำภาวนาให้คำอวยพรสัมฤทธิ์ผล

     

    ดวงตาปิดลงด้วยความเหนื่อยอ่อน สองร่างถ่ายทอดความอบอุ่นให้แก่กันใต้ผ้าห่มผืนหนาผ่านอ้อมกอดอันคุ้นเคยที่โหยหามาเนิ่นนาน

     

     

     

    เมื่อชัดเจนแล้วว่าความต้องการของหัวใจสองดวงตรงกัน เวลาที่เคยหยุดอยู่กับที่ก็เริ่มเดินอีกครั้ง








    คนอ่านจิกหมอนเพราะอ่านฟิคก็เคยได้ยินมามาก เค้าเองก็จิกหมอนเพราะคอมเม้นท์ของท่านผู้อ่านทุกท่านเช่นกันค่ะ รู้สึกไม่ต่างไปจากตอนอ่านฉากหวาน ๆ ในฟิคหรือนิยายเลย -/- ดีใจที่เห็นทุกคนชอบกันนะคะ เรื่องคำผิดหรืออะไรที่มันวกวนเจอตรงไหนก็แจ้งได้นะคะ เค้าอาจตรวจไม่หมด ค่อนข้างสะเพร่าอยู่

    สำหรับฉากโคมไฟในตอนนี้ยังไงก็ติชมเข้ามาได้เช่นเคยค่ะ (จริง ๆ ก็ให้ติได้ทั้งเรื่องนั่นแหละ) ตอนนี้เค้าแต่งไว้เป็นตอนที่สองต่อจากคืนข้ามปี 2 เขียนไว้เมื่อต้นธันวา เพราะกลัวปล่อยไว้นานฟีลหวาน ๆ มันจะหมดก่อน แต่ฟีลหม่นนี่มันอยู่ในสายเลือดบิวท์ได้ตลอดอยู่แล้ว 5555 (ซาดิสม์ชอบทำร้ายตัวละคร)



    ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และทุกการติดตามค่ะ

    ไฟล์ pdf ของตอนนี้ คลิกโลด

    V

    V

    บทที่ ๕ Start Again (Full shot)


     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×