คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [2SHOT] MY BOSS, MY DEVIL :: SHOT1
ความผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจเป็นโอกาสให้เจ้านายหนุ่มตัวร้ายฉกฉวยตัวเธอมาเป็นของเขา
ดวงตาสีอ่อนไหวระริกด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น กรอกไปมาระหว่างนาฬิกาเรือนเล็กบนข้อมือบางกับทางเดินที่แบ่งสำนักงานแยกเป็นสองส่วน... หัวใจเต้นระรัวอย่างควบคุมไม่อยู่ อีกไม่กี่นาทีจะถึงเวลาห้าโมงเย็น เวลาที่ต้องเดินเข้าไปรับคำพิพากษาจากผู้กุมบังเหียนของบริษัทอัญมณี วูฟานจิวเวอรี่...
จากความผิดที่เธอไม่ตั้งใจและทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทำให้เกิดปัญหาใหญ่ในบริษัท แน่ล่ะก็ในเมื่อจอง ซูยอนเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานแต่กลับมีคนปัดงานสำคัญมาให้ทำ หากจะผิดพลาดก็ไม่แปลก
“ซูยอน คุณคริสเรียกเธอเข้าพบแล้วล่ะ” เสียงที่เหมือนสัญญาณมรณะดังมาจากพนักงานสาวซึ่งเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอ ฝ่ายนั้นเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ร่างเล็กสะดุ้งโหยงราวกับถูกเข็มทิ่ม มือที่บีบกันแน่นนั้นเย็นจัดจนซีดเซียว...
หญิงสาวกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอก่อนหันไปพยักหน้ารับคำกับรุ่นพี่... ใบหน้างามนั้นซีดเผือดไม่ต่างกับมือบางนัก พนักงานสาวเห็นอาการรุ่นน้องร่วมมหาวิทยาลัยแล้วนึกเป็นห่วงขึ้นมาจับใจ หากแต่เธอก็ช่วยอะไรอีกฝ่ายไม่ได้มาก เพราะเธอก็เป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนตัวเล็กๆ เท่านั้น ทำได้แค่เดินเข้าไปปลอบด้วยการบีบหัวไหล่บางนั้นเบาๆ
“ใจเย็นๆ นะ คุณคริสเค้าไม่ใช่คนไร้เหตุผล ค่อยๆ อธิบายเค้าคงเข้าใจ” ดวงตาคมหวานที่ถูกฉาบด้วยความหม่นหมองเหลือบมองรุ่นพี่สาวแล้วพยักหน้ารับเร็วๆ ก็ได้แต่หวังว่าบุรุษที่เดินออกมาจากภาพฝันของเธอจะไม่ใจร้ายจนเกินไปนัก... รู้สึกแย่ที่ไม่น้อยที่พอสบโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขา แต่กลับต้องตกอยู่ในสถานการณ์บีบคั้นจิตใจเช่นนี้...
แต่ก็นั่นล่ะหากเป็นในเวลาปกติเขาและเธอคงไม่มีทางเฉียดใกล้กัน ทำได้แค่แอบมองเวลาอีกฝ่ายเดินผ่านเท่านั้น ...นับว่าคราวนี้เป็นความโชคดีบนความโชคร้ายก็แล้วกัน.... ซูยอนปลอบใจตนเอง
“ขอบคุณค่ะ ฉัน.... ไปพบคุณคริสก่อนนะคะ” บอกก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เชิดหน้าขึ้นเรียกความมั่นใจแล้วก้าวตรงเข้าไปในลิฟท์มุ่งสู่สำนักงานชั้นผู้บริหารด้วยหัวใจสั่นระรัว อยากยืดเวลาอยู่ในห้องโดยสารคับแคบนี้ไปอีกนานๆ
หากแต่คำภาวนาของเธอไม่ประสบผลเมื่อเสียงสัญญาณลิฟท์ดังขึ้นก่อนประตูจะเลื่อนเปิด... หมดเวลาที่จะหลบหลีกอีกต่อไป หัวไหล่บางลู่ลงเหมือนคนสิ้นหวังก่อนที่เท้าบางจะพาเอาร่างอ่อนแรงก้าวออกจากลิฟท์อย่างเชื่องช้า ประวิงเวลาเพื่อให้ทำเตรียมใจอีกสักหน่อย
เท้าที่ก้าวไปบนโถงทางเดินเงียบสงัดกำลังหนักอึ้งจนแทบยกไม่ขึ้น เป็นไปได้อยากหมุนตัวกลับเข้าไปในลิฟท์แล้ววิ่งหนีออกไปจากบริษัทนี้โดยไม่หวนกลับมาอีก หากแต่ด้วยความรับผิดชอบและภาระหน้าที่ที่แบกไว้บนบ่าไม่อำนวยให้เธอได้รับโอกาสนั้น
สองเท้ายังคงก้าวต่อไปจนกระทั่งถึงหน้าห้องประธานบริษัท เหลือบมองเลขาหน้าห้องที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้านด้วยแววตาละห้อย อยากขอร้องให้อีกฝ่ายเข้าไปในห้องของคุณคริสเป็นเพื่อนเธอ แต่ก็ทำได้แค่คิด เธอไม่กล้ารบกวนอีกฝ่ายและเลขาคนสวยก็คงไม่อยากยุ่งกับเรื่องวุ่นวายนี้เช่นกัน
หญิงสาวเพียงยกยิ้มบางราวกับส่งกำลังใจให้ ซูยอนคลี่ยิ้มจืดเจื่อนตอบก่อนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วยกมือขึ้นเคาะประตู...
“เชิญ” เสียงดุเข้มเอ่ยอนุญาต ซูยอนห่อไหล่จนตัวลีบเล็กเข้าไปอีก น้ำเสียงนั้นทำเอากำลังใจที่เตรียมมาตลอดตั้งแต่อยู่ในลิฟท์เหือดหายไปหมด แล้วนี่ถ้าเจอกับใบหน้าเคร่งเครียดของผู้บริหารหนุ่มสุดหล่อเธอจะทนได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้
ตัดสินใจยกมือขึ้นผลักประตูบานหนาหนักเข้าไปเพื่อรับคำพิพากษา ทั้งที่ยังไม่พร้อม
“สวัสดีค่ะ” ทักทายพร้อมกับค้อมศีรษะให้ ดวงตาหลุบต่ำมองพื้นด้วยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงสง่าที่นั่งประจำอยู่บนโต๊ะทำงาน แต่กระนั้นก็สัมผัสได้ถึงอำนาจที่อีกฝ่ายแผ่ออกมาครอบคลุมบรรยากาศจนทั่วทั้งห้อง
“ล็อคประตูด้วย” เสียงเข้มออกคำสั่งแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกอีกรอบ ในใจนึกสงสัยจนต้องยืนครุ่นคิดอยู่เป็นครู่ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยให้เธอคิดอยู่นาน เสียงทุ้มกระตุ้นเตือนให้ทำตามความต้องการอีกครั้ง
“ยืนนิ่งอยู่ทำไม ไม่ได้ยินที่ผมพูดเหรอ? ล็อคประตูสิ” ซูยอนเลื่อนสายตาจากพื้นพรมสีเข้มขึ้นมองใบหน้าดุคมของผู้บริหารหนุ่ม เธอไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่เขาสั่งให้เธอล็อคประตู มันไม่จำเป็นเลยสักนิด
“ทำไมต้องล็อคด้วยคะ?” กลั้นใจเอ่ยถามออกไป เสียงเล็กนั้นสั่นจนน่าโมโห ฟังดูเหมือนไม่ใช่เสียงของตนเอาเสียเลย
“เราต้องคุยกันอีกยาว ผมไม่อยากให้มีใครเข้ามาขัดจังหวะ” ตอบเสียงราบเรียบ นัยน์ตาคมราวพญาเหยี่ยวจดจ้องเธออยู่คล้ายกำลังมองเหยื่ออันโอชะ ท่านั่งเอนหลังพิงพนักอย่างสบายอารมณ์นั้นกลับกดดันเธออย่างประหลาด... คำตอบที่ได้รับทำให้เธอยิ่งหนักใจ อยากรีบคุยรีบจบมากกว่าจะอยู่คุยกันยาวๆ ในห้องทำงานกว้างแห่งนี้
ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้เธอหนาวจับขั้วหัวใจ หากแต่มือบางกลับมีเหงื่อเย็นๆ ไหลซึมอยู่ตลอดเวลา เธอกำลังกลัวจนเขาจนแทบหายใจไม่ออก
ซูยอนตัดสินใจเคลื่อนตัวกลับไปล็อคประตูห้องทั้งที่ยังเต็มไปด้วยความลังเล ในเสี้ยววินาทีหนึ่งระหว่างที่มือสัมผัสกับบานประตูเธอเกือบผลักมันออกแล้ววิ่งหนีไปจากห้องนี้ให้ไกลที่สุด... ทว่าสามัญสำนึกส่วนดีได้หยุดมือเธอเอาไว้ได้ทัน...
“มานั่งก่อนสิ” ซูยอนเหลือบสายตาขึ้นมองใบหน้าคมราวรูปสลักนั้นอย่างหวาดหวั่น ชุดสูทสีเข้มส่งให้บุคลิกเคร่งขรึมของเขายิ่งดูน่าเกรงขาม หากแต่เรือนผมสีทองสว่างที่ตัดอย่างประณีตช่วยลดหย่อนความเคร่งเครียดในตัวเขาลงได้บ้าง...
หยุดพิจารณาร่างสูงสง่าอยู่เพียงครู่เดียวสายตาก็หลุบต่ำมองพื้นอย่างเดิม ก่อนจะสืบเท้าเข้าไปใกล้กับโต๊ะทำงานตัวใหญ่ขยับเลื่อนก้าวอี้ออกมาเล็กน้อยแล้วหย่อนกายลงนั่งอย่างสงบเสงี่ยม แม้แต่ลมหายใจเธอก็ยังต้องระวัง เกรงว่ามันจะเสียงดังจนเกินไป
“รู้ใช่มั้ยว่าผมเรียกคุณมาพบด้วยเรื่องอะไร?” หนุ่มลูกครึ่งจีน-เกาหลีเกริ่นนำ แผ่นหลังกว้างเอนพิงกับพนักเก้าอี้นุ่มพร้อมทั้งยกขาขึ้นไขว่ห้างนั่งในท่าสบาย มือข้างหนึ่งถือปากกาด้ามสีทองราคาแพงเคาะเบาๆ เป็นจังหวะบนโต๊ะ ราวกับกำลังกดดันนักศึกษาฝึกงานร่างเล็กฝั่งตรงข้าม เขาคงน่ากลัวเกินไปสำหรับเธอถึงได้ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตากันอย่างนั้น
“ทราบค่ะ” นัยน์ตาสีอ่อนเปลี่ยนมาจับอยู่ที่ปากกาในมือของเขาที่กำลังส่งเสียงกึกๆ ยามที่ปลายปากกานั้นกระทบกับพื้นผิวของโต๊ะตัวใหญ่
“บริษัทผมเสียหายไม่น้อยเลยนะ” ตอกย้ำให้คนที่พลาดโดยไม่ตั้งใจยิ่งรู้สึกผิด ริมฝีปากบางเม้มแน่น หัวคิ้วเรียวขมวดแน่นเหมือนกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ แต่ยังพนักหน้าทั้งรับคำเสียงสั่น
“ทราบค่ะ”
“คุณจีโฮที่โยนงานให้คุณน่ะเค้าก็ได้รับบทลงโทษไปแล้ว ผมไล่เค้าออก และคงไม่มีบริษัทไหนที่ผมรู้จักรับเค้าเข้าทำงานอีก” เสียงเนิบนาบนั้นเอ่ยช้าๆ ชวนให้คนฟังอึดอัด นัยน์ตาคมถือโอกาสมองสำรวจร่างบอบบางอยู่เงียบๆ ใบหน้างามที่เขาเคยเห็นผ่านตามาไม่กี่ครั้งก่อนหน้านี้แต่ก็ต้องยอมรับในใจว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยชนิดหาตัวจับยาก รูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นหากแต่อวบอิ่มสมวัยเป็นอีกอย่างที่ดึงดูความสนใจ แม้กระทั่งนักล่าอย่างเขายังเคยมองตามจนเหลียวหลัง
แต่เธอคงไม่เคยรู้มาก่อน และไม่สมควรรู้
ซูยอนจำต้องบังคับสายตาขึ้นมองใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ เขาจะให้เธอรับผิดชอบอะไร แล้วเธอจะได้รับบทลงโทษแบบไหน?
เจ้าของส่วนสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เรียกให้คนขี้กลัวมองตามอย่างระแวดระวัง จากนั้นจึงเดินอ้อมมายังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่ซูยอนนั่งอยู่ มือหนาเท้าเข้ากับพนักพิงด้านหลังจนหญิงสาวรับรู้ได้ถึงน้ำหนักที่กดทับลงมาบนเก้าอี้ตัวเดียวกัน ส่วนอีกมือยกขึ้นค้ำกับโต๊ะทำงาน คล้ายเขากำลังกักร่างเธอไว้กลายๆ
กลิ่นน้ำหอมสำหรับผู้ชายอบอวลอยู่รอบกาย ไม่รุนแรงจนฉุนขึ้นจมูกหากแต่สามารถกลบกลิ่นอ่อนๆ ของเธอได้จนหมด ซูยอนรู้สึกแบบนั้น... ไออุ่นจากสูงใหญ่แผ่เข้ามาปกคลุมร่างบอบบางของเธอจนเหมือนกำลังถูกเขากลืนกิน หญิงสาวหายใจลำบากยิ่งกว่าเคย จำต้องก้มหน้างุดอย่างเดิมเพราะไม่กล้าสบตาเขาในระยะประชิด
คริสยกยิ้มมุมปากน้อยๆ พึงพอใจกับปฏิกิริยาของเธอที่มีต่อเขา ก่อนเริ่มอธิบายต่ออย่างใจเย็น
“การส่งราคาสินค้าที่ต่ำจนผิดปกติไปให้ลูกค้า มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง ทำให้บริษัทเราถูกดิสเครดิต มูลค่าของมันผมประเมินให้คุณฟังไม่ถูกหรอก แต่ชื่อเสียงสิที่เสียหายไม่น้อยเลย” ใบหน้าคมลดต่ำลงจนริมฝีปากสีเข้มอยู่ในระดับเดียวกับใบหูเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้กลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อน แอบสูดกลิ่นกายหอมหวานของวัยสาวเข้าปอด อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดกลิ่นของเธอช่างหอมยั่วใจเขาเหลือเกิน
“แล้วคุณคิดว่าจะสามารถกอบกู้ชื่อเสียงบริษัทเราคืนมาได้มั้ย?”
คำถามที่จนด้วยคำตอบ ริมฝีปากบางสีที่เคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อนเม้มแน่น เหงื่อเย็นเยียบไหลซึมลามไปถึงตามขยับลามไปถึงแผ่นหลัง หวาดกลัวบทลงโทษของเขาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“แต่คุณเป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน คุณจะรับผิดชอบอะไรได้บ้างล่ะ?” เสียงทุ้มขยับออกห่างจากข้างหูแล้ว ทำให้เธอหายใจได้คล่องขึ้น
ชายหนุ่มจงใจทิ้งช่วงให้หญิงสาวคิดตามก่อนเริ่มบรรยายเนิบนาบ “จะให้ผมแจ้งเรื่องนี้กับทางมหาลัยแล้วยกเลิกการฝึกงานครั้งนี้ ให้คุณมีประวัติด่างพร้อยและจบช้าไปอีกปี หรือว่าจะเอาผิดกับคุณโดยให้ครอบครัวคุณร่วมรับผิดชอบด้วย... แต่ผมว่าคุณคงไม่อยากให้ทางบ้านเดือดร้อนกับเรื่องนี้ด้วยใช่มั้ย?” เขาพูดราวกับเดาความคิดเธอออก เสียงฝีเท้าทึบๆ ที่ย่ำไปบนผืนพรมกำลังวนไปรอบๆ โต๊ะทำงานรวมไปถึงซูยอนที่นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย มือใหญ่สอดเข้าไปซุกในกระเป๋ากางเกง ก้าวเดินด้วยท่วงท่าผ่อนคลาย ช่างตรงกันข้ามกับอีกชีวิตเหลือเกินที่กำลังรู้สึกเหมือนถูกเขากดดันอย่างถึงที่สุด หัวตาเริ่มร้อนผ่าว ปลายจมูกแหลมเล็กนั้นแดงก่ำ อีกไม่นานเธอคงกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“หรือที่ร้ายที่สุด... ผมสามารถปลดคุณให้พ้นจากสถานภาพนักศึกษาได้ โดยไม่ยากเย็นอะไรเลย” ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าแล้วหมุนตัวกลับมาหาร่างที่กำลังสั่นน้อยๆ เลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงเพื่อขอความเห็น “หรือคุณต้องการแบบนั้น? จอง ซูยอน”
หัวใจหล่นวูบเมื่อเขาเอื้อนเอ่ยประโยคสุดท้าย เธอเชื่อว่าคนระดับเขาสามารถทำได้จริงอย่างที่ว่าไว้ แล้วเวลากว่าสามปีที่ทุ่มเทให้กับการเรียนก็ต้องสูญเปล่าเพราะความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว เธอไม่ยอมหรอก
“คุณจะลงโทษฉันยังไงก็บอกมาเถอะค่ะ” โพล่งออกไปอย่างเหลืออด ทนกับแรงกดดันที่เขาจงใจก่อมันขึ้นมาไม่ไหว
“ดูคุณใจร้อนไปหน่อยนะ” ดวงตาคมมองสบกับดวงตาสีอ่อนที่กำลังสั่นระริกด้วยน้ำใสที่เอ่อคลอเต็มสองตา เหยื่อตัวน้อยของเขากำลังถูกต้อนให้จนมุม และกำลังติดกับเขาเข้าอย่างจัง ร่างสูงสง่าเคลื่อนตัวเข้าใกล้แล้วหมุนเก้าอี้ของเธอให้หันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ สะกดตรึงร่างเล็กเอาไว้ด้วยดวงตาคมทรงอำนาจ...
“ถ้าคุณยอมทำตามข้อเสนอของผม ทุกอย่างจะเรียบร้อย คุณจะได้รับโอกาสฝึกงานในบริษัทนี้อีกต่อไป และเรื่องนี้จะถูกปิดเงียบ ประวัติการฝึกงานของคุณจะขาวสะอาด เรื่องนี้ไม่ถึงทางมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน” นัยน์ตาคมหรี่ลงจับสังเกตความรู้สึกยินดีที่วูบไหวในดวงตาสีอ่อนครู่หนึ่งก่อนเปลี่ยนเป็นความสงสัยใคร่รู้
“คุณจะให้ฉันทำอะไร?” เสียงหวานเอ่ยถามออกไปโดยไม่ทันคิด มุมปากของผู้เป็นเจ้านายยกขึ้นเล็กน้อยเหมือนยิ้มหากแต่แววตาและสีหน้านั้นกลับนิ่งสนิท
“คุณต้องทำตามความต้องการของผมทุกอย่าง จนกว่าผมจะพอใจ” คำตอบนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางศีรษะ สายตาโลมเลียของเขาที่กำลังมองสำรวจเรือนร่างเธออย่างไม่เกรงใจนั้นตอกย้ำว่าเธอเข้าใจเจตนาเขาไม่ผิด ใบหน้าแดงปลั่ง นัยน์ตาคมหวานวาววับเมื่อความหวาดกลัวเปลี่ยนเป็นความโกรธ หญิงสาวรู้สึกเหมือนถูกเขาตบหน้าจนรู้สึกชาไปทั้งแถบ เขากำลังดูถูกเธออย่างไม่น่าให้อภัย
เสียดายความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้ทั้งที่ธาตุแท้ของผู้ชายคนนี้ไม่มีดีให้เธอใส่ใจ ฟันคมขบกัดกัดริมฝีปากล่างแรงๆ เพื่อควบคุมไว้ไม่ให้มันสั่น หมัดเล็กๆ กำแน่น อยากซัดเข้าไปที่ใบหน้าคมเข้มนั่นสักทีหากไม่เกรงว่าจะเกิดปัญหาหนักหนาไปกว่านี้
ซูยอนหักห้ามใจตนเองได้แล้วสะบัดเสียงตอบห้วนจัด “ถ้าอย่างนั้นคุณจะลงโทษฉันยังไงก็เชิญตามสบาย จะปลดฉันออกจากมหาวิทยาลัยฉันก็ไม่สน ให้มันรู้ไปว่าชีวิตฉันจะจบลงแค่ตรงนี้” เสียงนั้นขึ้นจมูกเพราะน้ำตาของเธอกำลังไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ ระบายความเจ็บปวดในใจที่เขาเหยียบย่ำศักดิ์ศรี
หากแต่คนยื่นข้อเสนอกลับถูกอกถูกใจกับการแสดงออกของหญิงสาว นัยน์ตาคมกำลังพราวระยับราวกับรู้สึกสนุกที่ได้เล่นกับความรู้สึกของคนอื่น แน่ล่ะของเล่นที่ได้มายากๆ เขาก็ยิ่งต้องการมันมาไว้ในครอบครอง ซูยอนทำเลือดลมในกายเขาเดือดพล่าน อยากเอาชนะเธอเต็มแก่...
“คุณคิดว่าแค่นั้นจะจบลงง่ายๆ อย่างนั้นเหรอครับ” แย้มยิ้มเย็นเยียบให้คนมองรู้สึกเสียวสันหลังวาบ “ผมเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นนะ ใครทำผมเสียผลประโยชน์ผมก็จะเอาคืนให้หนักยิ่งกว่าหลายเท่า” คำพูดนั้นคล้ายกำลังข่มขู่แต่แววตาของเขากลับจริงจังจนเธอนึกกลัว จากที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเดินออกไปจากห้อง แล้วปล่อยให้เขาส่งเรื่องนี้ถึงทางมหาวิทยาลัย ต้องหยุดคิดอย่างลังเล... มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาอย่างลวกๆ อย่างน่าสงสาร
“คุณจะทำอะไร?” เสียงอู้อี้เอ่ยถามเทพบุตรที่บัดนี้ได้กลายร่างเป็นปีศาจร้าย
“ทำเหมือนที่คุณทำไว้กับบริษัทผม ชื่อเสียงผมเสียหาย คุณก็ต้องเสียหายเช่นกัน แต่ถ้าคุณตกลงทำตามความต้องการของผม ผมก็จะไม่เอาเรื่อง” เสียงเย็นเสียดแทงเข้าไปถึงขั้วหัวใจ เขาเลือดเย็นเกินกว่าที่เธอคาดเอาไว้นัก...
ตัดไปที่ฉากโคมไฟค่ะ อิอิ
ใครอยากอ่านก็ส่งเมล์มาที่ yoontae-_-@hotmail.com
จั่วหัวเรื่องว่า 1 - [2SHOT] MY BOSS, MY DEVIL[KRISSICA]
เช่นเคย ไม่รับแปะเมล์นะคะ
_____________________
เจอกันช็อตหน้าค่ะ คาดว่าจะจบหากไม่ยืดอีก ฮ่าๆ
มันเป็นฟิคชั่ว(วูบ)จริงๆ ค่ะ
ส่งเมล์มาได้เลยนะคะฉากโคมไฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ไม่มีกำหนดปิดการขอค่ะ ส่งเมล์มาขอได้เรื่อยๆ แค่อย่าแปะเมล์เท่านั้นพอค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะมิตรรักแฟนฟิคทุกท่าน เจอกันช็อตสุดท้ายค่ะ
ใครตกหล่นหรือยังไม่ได้รับฉากโคมไฟส่งเมล์มาทักท้วงได้ค่ะ
ความคิดเห็น