ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TIMELESS (NewJiew TS1)

    ลำดับตอนที่ #1 : [1 SHOT] Once Again

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 56


     Once Again

     

      

    ตั้งแต่เธอจากไปเวลาของฉันก็เหมือนหยุดอยู่กับที่
     แม้เข็มนาฬิกาจะหมุนไปสักกี่ร้อยกี่พันรอบ แต่หัวใจของฉันกลับไม่ยอมหมุนตามกาลเวลา

     
     

     

    December 31, 2011

     

                ขณะที่รถติดไฟแดงนิวทอดสายตามองออกไปนอกตัวรถ ป้ายประชาสัมพันธ์งานเคาท์ดาวน์ ปี 2012 เด่นหราอยู่ข้างทาง บนเวทีจะมีศิลปินมากมายมาร่วมเฉลิมฉลอง แต่รายชื่อศิลปินเพียงหนึ่งเดียวในนั้นดึงดูดสายตาของนิวเอาไว้นานเป็นพิเศษ

     

                “จิ๋ว ปิยนุช”

     

    ใบหน้าเจือรอยยิ้มน้อย ๆ ขณะพารถเคลื่อนตัวออกไปเมื่อสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว นั่นอาจเป็นอีกแรงจูงใจหนึ่งที่เรียกนิวให้ลงมาฉลองส่งท้ายปีเก่าถึงเชียงใหม่บ้านเกิด คืนนี้คงได้เจอที่เวทีข่วงประตูท่าแพ ถึงอีกฝ่ายจะแยกนิวจากฝูงชนไม่ออกก็ไม่เป็นไร

     

                สามปีมาแล้วที่หายไปจากชีวิตของกันและกัน แม้การพบเจอครั้งสุดท้ายจะไม่สู้ดีนัก แต่พอเวลาผ่านไปกลับหวนคิดถึงแต่ช่วงเวลาดี ๆ ที่เคยมีร่วมกัน ความขัดแย้งที่เป็นสาเหตุให้ความสัมพันธ์แตกหักถูกลืมเลือน เหลือเพียงความคิดถึงที่ยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย…

     

    แต่บางทีนิวก็เหนื่อยที่ต้องคอยตอบคำถามใครใครต่อใครถึงเรื่องของอีกคน บรรดาญาติมิตรต่างก็เข้าใจกันว่าพวกเธอสองคนเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก แต่น้อยคนนักที่จะรู้ถึงความสัมพันธ์จริง ๆ ระหว่างทั้งคู่ที่ลึกซึ้งกว่านั้น เคยไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดจนแทบจะเรียกได้ว่าตัวติดกัน แต่อยู่มาวันหนึ่งใครอีกคนกลับหายไป จึงมีคำถามมากมายจากคนรอบข้างพุ่งตรงมาที่เธอ 
     

    จิ๋วเค้างานยุ่ง เลยมาไม่ได้เป็นคำตอบเอาตัวรอดที่นิวท่องจนขึ้นใจ เพราะพูดมันมาแล้วจนนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าภาพเดิม ๆ ที่ใครหลายคนคุ้นตาไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแล้ว

     

                นิวกับจิ๋วในวันนี้กลายเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่เคยรู้จักกันดีเท่านั้นเอง

     

    “เย้! อานิวมาแล้ว” หลานชายและหลานสาววิ่งออกมาต้อนรับนิวตั้งแต่ยังไม่ลงจากรถ เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กน้อยทั้งสองปลุกความคิดของนิวให้หวนกลับสู่ปัจจุบัน หากมัวแต่ใจลอยคงรับมือกับเจ้าสองแสบที่โตวันโตคืนไม่ไหว

     

    มาคนเดียวก๋าลูก (มาคนเดียวเหรอลูก) แม่ชะเง้อมองเข้าไปในรถหลังจากทักทายกับลูกสาวคนเล็กด้วยความคิดถึง นิวมองตามแล้วพยักหน้ายิ้ม ๆ มองตาแม่แล้วคาดเดาอยู่ในใจว่าแม่คงจะถามถึงคนที่เปรียบเสมือนลูกสาวอีกคนอย่างแน่นอน

     

    จิ๋วบ่อว่างมาตวยก๋า (จิ๋วไม่ว่างมาด้วยเหรอ)

     

    มาบ่ได้หรอกแม่ เขาเป็นนักฮ้องงานนักจะต๋าย แต่ปี๋นี้เขามาขึ้นคอนเสิร์ตตี้นี่ตวยแม่จะไปดูก่อ (มาไม่ได้หรอกแม่ เค้าเป็นนักร้องงานยุ่งจะตาย แต่ปีนี้เค้ามาขึ้นคอนเสิร์ตที่นี่ด้วยนะ แม่ไปดูมั้ย)” นิวชวนทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว

     

    คนมันนัก แม่เฒ่าแล้วไปบ่ไหวละ หื้อหนุ่ม ๆ สาว ๆ เขาไปกั๋นเต๊อะ (คนมันเยอะ แม่แก่แล้วไปไม่ไหวหรอก ให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ เค้าไปกันเถอะ)” แม่บอกปัดก่อนจะวกเข้าเรื่องเดิมอีกครั้ง

     

    ถ้าลูกป๊ะจิ๋วก่อฝากบอกตวยเน้อว่าแม่กึ๊ดเติงหา บอกหื้อมาแอ่วหากันพ่องเน้อ (ถ้าลูกเจอจิ๋วก็ฝากบอกหน่อยนะว่าแม่คิดถึง บอกให้มาเยี่ยมกันบ้างนะ)” มือเหี่ยวย่นของแม่กุมมือนิวเอาไว้พร้อมมองมาด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง นิวจุกจนพูดไม่ออกไปอึดใจ

     

    ได้ก่าแม่ เดี๋ยวลูกบอกหื้อเน้อ (ได้สิแม่ เดี๋ยวลูกบอกให้นะ)” นิวตอบแบ่งรับแบ่งสู้ นึกสงสารคนเป็นแม่จับใจ แต่จะให้บอกว่าทั้งคู่เลิกคบกันแล้วยิ่งจะทำให้แม่เป็นทุกข์ ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนที่แม่และคนอื่น ๆ เข้าใจ หรือฐานะคนรักก็ตาม

     

               เข้าบ้านกั๋นเต๊อะ คั่บรถมาอิ้ด… ตานุ อองตอง ปล่อยอาได้ละลูก (เข้าบ้านกันเถอะ ขับรถมาเหนื่อย… ตานุ อองตอง ปล่อยอาได้แล้วลูก)” แม่บอกเด็กน้อยที่เอาแต่เกาะแข้งเกาะขานิวอยู่ ทั้งคู่ยอมปล่อยมือแต่โดยดี และยังมีน้ำใจไปช่วยผู้เป็นย่าขนของจากรถเข้าบ้าน

     

                ลมหายใจร้อนถูกพ่นออกมาจากปากแรง ๆ ระบายความอัดอั้น จะต้องเป็นอย่างนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ กว่าคนรอบข้างจะยอมรับว่าเธอกับจิ๋วไม่ได้สนิทกันเหมือนเดิมโดยไม่ต้องอธิบายเป็นคำพูด นิวไม่ได้อยากโกหก แต่เรื่องบางเรื่องก็บอกใครไม่ได้เช่นกัน

     

               

    .

                .

                .

     

               

     

    นิวออกจากบ้านตอนสองทุ่มเศษพร้อมกับอุปกรณ์สำหรับถ่ายภาพครบครัน รวมไปถึงกระเป๋าสะพายข้างใบโปรดที่แทบไม่เคยห่างกาย นิวเดินดูสินค้าที่วางขายอยู่สองข้างทางบนถนนคนเดินที่แน่นขนัดด้วยผู้คนเพื่อฆ่าเวลา ยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพอยู่บ่อยครั้งเมื่อเห็นมุมที่ถูกใจ ลมหนาวตอนสิ้นปีพัดแรงจนหนาวสั่น แม้จะมีแจ็กเก็ตตัวหนาไว้ใส่กันหนาวแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก ยังคงมีอาการสั่นน้อย ๆ เมื่อต้องลม

     

    แต่กระนั้นนิวก็ยังไม่คิดอยากจะกลับบ้านในเร็ว ๆ นี้ เพราะเป้าหมายจริง ๆ ของการมางานเคาท์ดาวน์ไม่ใช่แค่เดินดูของ แต่คือการแสดงบนเวทีที่กำลังดังกระหึ่มไปทั้งงานต่างหาก

     

                นิวเก็บกล้องคล้องคอไว้หลังจากเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบจนพอใจ จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังเวทีใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล เบียดเสียดผู้คนเข้าไปจนใกล้พอจะบันทึกภาพได้ชัดเจน รอคอยเวลาที่ใครบางคนจะปรากฏตัวอยู่บนเวทีในอีกไม่นาน ยิ่งดึกผู้คนก็ยิ่งคึกคักเมื่อมองไปรอบ ๆ ราวกับไม่มีใครสะทกสะท้านกับความหนาวที่กำลังประสบ

     

                พิธีกรหนุ่มบนเวทีประกาศชื่อนักร้องคนถัดไป หัวใจของนิวเต็มตื้นไปด้วยความยินดีเมื่อได้ฟัง เสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดต้อนรับดังกระหึ่ม ก่อนที่เสียงอินโทรทำนองคุ้นหูจะดังขึ้น นิวปลดกล้องมาถือไว้ในมือเพื่อเตรียมพร้อม

     

    เสียงกังวานใสเริ่มต้นขับขานบทเพลงยอดนิยมของตน ได้ฟังครั้งใดก็ยังไพเราะจับใจทุกครั้ง ร่างนั้นทั้งเล็กและบอบบางแต่กลับเปล่งประกายเจิดจรัสเมื่ออยู่บนเวที หัวใจของคนเบื้องล่างเต้นระรัวด้วยความปลาบปลื้ม ดีใจกับความสำเร็จของอีกคน แม้ว่าเธอจะมองลงมาแล้วไม่เห็นนิวอยู่ในสายตาก็ตาม

     

    อดคิดไม่ได้ว่าถ้ายังอยู่ด้วยกัน จิ๋วอาจจะไม่ประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้ก็ได้ บางทีเลิกกันมันอาจจะดีกว่า

     

    ผ่านไปเกือบครึ่งเพลงกล้องในมือจึงถูกยกขึ้นมาใช้งาน ภาพที่มองผ่านเลนส์กล้องทั้งชัดและใกล้กว่ามองด้วยตาเปล่า แต่ยังมีอีกอย่างที่นิวเป็นกังวล คือชุดราตรีเนื้อผ้าบางเบาที่ร่างเล็กสวมใส่ มันคงกันความหนาวเหน็บที่ถูกสายลมหอบมาไม่ได้เลย อีกใจหนึ่งก็อยากเห็นเธออยู่บนเวทีนาน ๆ แต่อีกใจก็อยากให้การแสดงนี้จบลงเสียที เธอจะได้ไม่ต้องทนทรมานกับสภาพอากาศเหมือนอย่างตอนนี้

     

    เพราะศิลปินที่มาในงานวันนี้มีมากหน้าหลายตา นิวคิดว่าไม่เกินสองสามเพลงคงหมดคิวของเธอ นิวเอาใจช่วยให้คนบนเวทีอดทนอีกนิดเดียว แม้รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้

     

    ความสุขที่ปะปนด้วยความกังวลของนิวก็ถึงคราวสิ้นสุด เมื่อร่างเล็กบางนั้นก้าวลงจากเวทีหลังจากบทเพลงสุดท้ายของเธอจบลง กล้องถ่ายรูปถูกเก็บไว้อย่างเดิมอีกครั้งเมื่อหมดหน้าที่ของมัน อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคนทั้งประเทศก็จะก้าวล่วงเข้าสู่ศักราชใหม่พร้อมกัน

     

    นิวเดินเบียดผู้คนเพื่อหลบออกไปจากบริเวณงานอย่างเงียบ ๆ

     

     

     

    January  1, 2012

    เสียงพลุระเบิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ในเวลา 00.00 นาฬิกา ของวันที่ 1 มกราคม 2012 ก่อนแตกกระจายทั่วท้องฟ้าเป็นแสงสวยงามตระการตา นิวยกมือขึ้นอุดหูพร้อมมองขึ้นไปบนฟ้าเพื่อดื่มด่ำกับความงดงามนั้น แม้จะจุดอยู่ทุกปีแต่ก็ยังสามารถสะกดสายตาได้ทุกครั้งที่เห็น

     

    รอจนเสียงพลุเริ่มซาลงนิวจึงเริ่มทำการบันทึกภาพนั้นเอาไว้ด้วยกล้องถ่ายรูปคู่ใจ เก็บไว้เป็นที่ระลึกในการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่โดยลำพังเป็นครั้งที่สาม

     

     

     

     .

    .

    .

     

     

     

    นิวจอดรถหน้าร้านสะดวกซื้อภายในปั๊มน้ำมันเพื่อลงไปซื้อของกระจุกกระจิกไว้ติดรถ ลมหนาวของช่วงหัวค่ำพัดมาวูบหนึ่งจนนิวต้องสอดมือเข้าไปซุกหาไออุ่นในเสื้อแจ็คเก็ต แต่ก่อนที่เท้าจะก้าวไปถึงประตูบานเลื่อนอัตโนมัติก็มีเสียงหนึ่งเรียกชื่อเธอขัดขึ้น

     

    “น้องนิว”

     

    “พี่เจน” นิวพึมพำชื่อเจ้าของเสียงอย่างประหลาดใจเมื่อหันไปมอง

     

    “ไม่เจอกันนานเลยนะ เป็นไงบ้าง” ผู้จัดการส่วนตัวของจิ๋วเดินเข้ามาทักทายนิวอย่างตื่นเต้น นิว ยกมือไหว้คนอายุมากกว่าตามมารยาท ในใจนึกหวั่นตั้งแต่เห็นหน้าหนุ่มร่างใหญ่แต่หัวใจสาวเมื่อครู่ ถ้าเจนรบอยู่แถวนี้จิ๋วเองก็คงอยู่ไม่ไกล

     

    “สบายดีค่ะ พี่เจนล่ะคะ มาเที่ยวเหรอ” นิวแกล้งถามออกไปซื่อ ๆ 

     

    “เปล่าหรอกค่ะ จิ๋วมีงานเมื่อคืนไงพี่เลยต้องตามมา นี่ไม่ได้ไปดูเหรอ?”

     

    “ไม่ได้ไปค่ะเคาท์ดาวน์กับที่บ้าน แล้วพี่เจนจะไปไหนต่อคะ” นิวเลือกที่จะโกหกเพื่อตัดปัญหา

     

    “กำลังจะกลับกรุงเทพ ฯ ค่ะลูก มีงานที่นู่นต่อ ส่วนจิ๋วก็อยู่นี่แหละ เข้าห้องน้ำอยู่” เจนรบตอบข้อสงสัยในใจให้นิวเหมือนอ่านความคิดเธอออก อยู่ ๆ หัวใจก็เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ฟัง หากได้พบกันที่นี่ก็จะเป็นการเผชิญหน้ากันตรง ๆ ครั้งแรกหลังจากที่เลิกกัน  รู้ดีว่าควรวางตัวอย่างไรแต่จะทำได้อย่างที่คิดหรือเปล่านั่นเป็นอีกเรื่อง

     

    “พี่เจน เสร็จแล้วค่ะ” เสียงคุ้นเคยดังมาจากฝั่งของห้องน้ำ วินาทีที่นิวหวั่นเกรงมาถึงเร็วกว่าที่คิด

     

    “ดูสิว่าพี่เจอใคร”

    ร่างเล็กเดินตรงมาหาเจนรบจนหยุดอยู่ต่อหน้า ฝ่ายนั้นมีอาการชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นนิว แต่ยังเก็บความรู้สึกเอาไว้ได้เป็นอย่างดี

     

    “นิว… หวัดดี” จิ๋วเป็นฝ่ายเอ่ยทักก่อนด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร

     

    “หวัดดี… จะกลับกันแล้วใช่มั้ย” มีคำถามมากมายที่อัดอั้นอยู่ในอก แต่เอาเข้าจริง… แค่จะถามว่าสบายดีไหม นิวยังพูดไม่ออก

     

    “อื้อ มีงานต่อน่ะ”

     

    “งั้นก็เดินทางดี ๆ นะ ปีใหม่รถมันเยอะ” นิวเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด เหมือนเพื่อนทั่ว ๆ ไปที่ห่วงใยกัน หางตาแอบเห็นสีหน้าผิดหวังของเจนรบ ไม่รู้ว่าผู้จัดการคนเก่งของจิ๋วกำลังหวังอะไรอยู่

     

    “พี่ไปรอที่รถนะจิ๋ว บายค่ะน้องนิว” เจนรบบอกกับก่อนปลีกตัวไปที่รถ เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนได้คุยกันตามลำพัง

     

    “แม่ฝากมาบอกว่าคิดถึง อยากเจอจิ๋ว” ไม่คิดว่าสารที่แม่ฝากมาให้จิ๋วจะถึงคนรับเร็วขนาดนี้ แต่ก็ดีใจที่การสนทนาครั้งแรกในสถานะใหม่เป็นไปอย่างราบรื่น

     

    “จิ๋วก็อยากเจอแม่นะ แวะเข้าไปหาได้ใช่มั้ย?” จิ๋วถามเหมือนไม่แน่ใจ

     

    “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ คนที่บ้านเค้ายินดีต้อนรับจิ๋วทุกเมื่อนั่นแหละ” นิวใช้ที่บ้านมาอ้าง เพื่อโยงเรื่องให้ห่างจากตนเอง

     

    “ไว้ว่าง ๆ จะแวะเข้าไปกราบท่าน… แม่จิ๋วเองก็บ่นถึงนิวเหมือนกันนะ” แต่คงจะไม่บ่อยเท่าที่แม่นิวบ่นถึงจิ๋ว เพราะนิวก็เจอท่านบ้างเวลามีงานเทศกาลที่เชียงใหม่ ถึงจะไม่ได้แวะเข้าไปหาที่บ้านเหมือนเมื่อก่อนก็ตาม

     

    “นั่นสินะ ปีใหม่ปีนี้ยังไม่เจอแม่เลย”

     

    “แวะเข้าไปหาท่านบ้างสิ จิ๋วขี้เกียจฟังแม่บ่น” ร่างเล็กพูดติดตลก นิวหัวเราะตามเบา ๆ แต่ก็เป็นการหัวเราะที่ฝืดเหลือเกิน

     

    “โอเค ได้เลย นิวยังอยู่อีกหลายวัน”

     

    “งั้น จิ๋วไปก่อนนะ เดี๋ยวขึ้นเครื่องไม่ทัน”

     

    “บาย.. โชคดีนะ” นิวโบกมือลา ไม่กล้าพูดว่าเจอกันใหม่ เพราะไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะมีโอกาสนั้นอีกไหม

     

    จิ๋วยิ้มรับก่อนหมุนตัวเดินจากไป แผ่นหลังเล็กเคลื่อนห่างออกไปช้า ๆ  นิวมองตามอย่างใจหาย  แต่ก็ไม่คิดจะรั้งหรืออ้อนวอนให้อีกคนกลับมา

     

    เมื่อต่างคนต่างเจ็บปวดกับความรักที่มีแต่จะทำร้ายกัน การเลิกราจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งคู่กลายเป็นเพียงเส้นขนานที่ไม่มีทางกลับมาบรรจบกันได้ใหม่

     

    แต่ถึงอย่างนั้นเส้นขนานก็ไม่เคยห่างกันไปไหน มันจะถูกลากให้เคียงคู่ไปจนนิรันดร์ 

     

    นิวก็ได้แต่หวังว่าระหว่างเธอและจิ๋วจะเป็นแบบนั้น

               

    “จิ๋ว! นิวตัดสินใจเรียกจิ๋วไว้ก่อนจะถึงรถไม่กี่ก้าว

               

    “หือ?” ร่างเล็กหันกลับมามองด้วยความสงสัย

               

    “สวัสดีปีใหม่นะ! นิวตะโกนบอกด้วยรอยยิ้มที่กว้างที่สุดตั้งแต่พบหน้ากัน จิ๋วพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่า ก่อนโบกมือลาแล้วก้าวเข้าไปในรถ

               

    รถตู้คันใหญ่เคลื่อนตัวออกไปจากปั๊มน้ำมันก่อนถูกกลืนหายไปกับการจราจรอันคับคั่งบนท้องถนน นิวถอนหายใจยืดยาวหลังจากมองตามรถคันนั้นจนลับหายไปจากสายตา…
     

     

     

    ลมหนาวของเดือนธันวาหอบเธอให้หวนกลับมา แต่ลมหนาวของเดือนมกรากลับพัดพาเธอจากไปอีกครั้ง..

     

     



    มีลิงก์ไฟล์ pdf ให้โหลดด้วยนะคะ เผื่อใครอยากเก็บไว้ในจะมีแปะไว้ท้ายตอน 
    จะโหลดคลิกเลย
    V

    [1 SHOT] Once Again.pdf


    ปล. แค่จบช็อตเทศกาลปีใหม่นะคะ ไม่ได้จบเรื่อง
    ช็อตหน้ายังมีอีกค่ะ ไม่ต้องตกใจเน่อ 








     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×