คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Live in Japan เรื่องที่ 3 ตอน แฉ(ตัวเอง)
Live in
ตอน แฉ(ตัวเอง)
สวัสดีครับ เขียนไปเขียนมาก็สนุกดีอาทิตย์หน้าก็จะมีการสอบสำหรับคนที่สนใจภาษาญี่ปุ่นได้ร่ำเรียนมาว่ามีความรู้อยู่ระดับไหนแล้ว ซึ่งสำหรับผมก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องลงสนามกับเค้าเหมือนกันครั้งนี้เป็นครั้งแรกของชีวิตขอรับ ในการสอบวัดระดับ (ปีแรกก็ลงระดับสองเหอะๆ ทำเป็นอึ่งอ่างพองๆไปได้ )ไงก็ขออวยพรให้ทุกคนโชคดีครับ (ผมด้วย) คิดว่าทุกคนคงจะเครียดกัน ก็คิดว่าจะคิดเรื่องอะไรจะทำให้ทุกคนยิ้มได้ ก็คิดว่าเอาเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นสาระมาเล่าสู่กันฟังดีกว่า วันนี้เอาเรื่องราว(ลาว)ของตัวเองมาขายดีกว่า วีรกรรมและการปล่อยไก่ใส่สาวญี่ปุ่น
คำว่าแฉ ที่ใช้เป็นเรื่องตอนนี้ก็เพราะว่าเห็นพวกดาราชอบใช้ แฉชีวิต แฉเรื่องบนเตียง แต่ผมแฉกชีวิตเฉิ่มๆตัวเองครับคือเรื่องของเรื่องต้องย้อนๆกลับไปนานมากเหมือนกันสมัยเด็กจนถึงปัจจุบัน(อ่ะรู้หมดสิว่าผมอายุมากแล้ว) ขอสารภาพเลยนะครับว่าจริงแล้วไม่คิดว่าชีวิตมันจะเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ จากเด็กต่างจังหวัด ที่เรียนไม่เก่ง(โง่เลยล่ะ จบมอ.สามติดเอฟมาสองตัวภาษาอังกฤษกับคณิตศาสตร์ แต่เป็นวิชาเลือกเลยจบมาได้) ไม่เคยไปเรียนกวดวิชาที่ไหน (ปัจจุบันก็ยังเรียนไม่เก่ง)วันๆก็ไปหายิงนก ตกปลา ตามประสานเด็กบ้านนอก แต่เชื่อไหมผมยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย มีหมอดู(ดูในเว็บมันก็บอกคล้ายๆกัน) ทักว่าผมจะต้องแต่งงานกับต่างชาติ และต้องไปใช้ชีวิตต่างประเทศ ให้ดิ้นตายสิ มันบ้าหรือเปล่าไอ้หมอดูคนนี้สำหรับผมภาษาอังกฤษก็เรียนติดเอฟ(เกลียดยิ่งกว่าอะไรดี) ฐานะทางบ้านก็พ่อทำงานราชการตัวเล็กๆคนเดียว จะเอาเงินมาส่งไปเรียนต่างประเทศ แต่ตอนนี้ทุกอย่างทำไมมันเป็นอย่างนี้หว่าได้โอกาสมาอยู่ต่างประเทศที่หลายคนอยากจะมีอยู่ และต้องขอโทษคนอ่านด้วยนะครับที่ยกตัวอย่างผมไม่ได้ว่าอยากยกตนข่มท่านนะครับแต่อยากให้มองว่าบางทีโชคชะตามันก็เล่นตลกได้เหมือนกัน แต่จะว่าโชคชะตาก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกทั้งนี้ก็ต้องอาศัยพรแสวงอย่างที่ผมได้กล่าวนำไปในตอนที่หนึ่ง ผมไม่เคยสนใจภาษาญี่ปุ่นเลย แม้จะเป็นคนที่บ้าเกมส์เหมือนพวกเราหลายคนในนี้แต่ว่าผมชอบเล่นเกมส์พวกวางแผน คอมมานโด คอมมานแอนคอมเกอ และวอล์คราฟ์ สามก๊ก(ต้องเขียนไทยหมดเพราะว่าเครื่องสลับภาษาไปมาลำบากอ่ะ) เกมส์ภาษานี้ค่อนข้างจะไม่ถูกโฉลกสักเท่าไร แต่มันเกิดขึ้นตอนผมไปเรียนโท แล้วไปอยู่เป็นรูมเมท กับเพื่อนรุ่นน้อง ซึ่งไอ้เจ้าคนนี้มันบ้าสาวๆครับ โดยเฉพาะขาวๆ ดังนั้นสาวญี่ปุ่นก็อยู่ในสเปกมันด้วย แต่ลูกบ้ามันเยอะครับ ถ้าใครเล่นโปรแกรมเชทสมัยแรกๆจะรู้ว่ามันต้องคุยบนดอส ถ้านึกไม่ออกก็นึกถึงจอดำๆตัวหนังสือสีขาวอ่ะ ซึ่งต่อมาก็เป็นเพินช์ แล้วไออาร์ซี เป็นไอซีคิว จนปัจจุบันก็คือเอ็มเอสเอ็น สมัยนั้นเรียนโท ชม.เรียนมันจะไม่ค่อยมีหรอกครับ เป็นทำวิทยานิพนธ์เสนออาจารย์ ก็เอาเครื่องพวกนี้ล่ะครับมานั่งคุยสาวๆ ตอนแรกผมก็นั่งดูมันคุย เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งภาษามันดีกว่าผมเยอะ ผมก็นั่งดูมันคุย ก็รู้สึกว่าภาษาที่มันใช้ก็ไม่ยากนี้หว่า แกรมม่าก็ไม่ต้อง เครื่องคอมก็มีหลายเครื่อง เป็นเครื่องซันนะครับ ไม่ใช่วินโดว์(แมคอินทอส) ก็เลยคุยๆด้วย ก็สนุกดีแต่ไม่คิดอะไรมาก เพราะว่าไม่เห็นหน้าเห็นหนวด ก็ได้ที่อยู่สาวญี่ปุ่นมาคนหนึ่งก็ชักดีใจเจ้าหล่อนอยู่โอซาก้าครับ ชื่อยาซูโกะจัง ก็คุยกันส่งจดหมายใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งต้องยอมรับครับว่าความรัก(คิดเองคนเดียวหรือเปล่าไม่รู้)มันทำให้เราต้องพัฒนาภาษาอังกฤษผมก้าวหน้ากว่าตอนไปเรียนในห้องหรือเปล่าแม้แต่ตอนที่อ่านวารสารภาษาอังกฤษสะอีก(เอิ๊กๆ) ตอนแรกเขียนเสร็จก็ให้เจ้ารูมเมทมันตรวจภาษาให้ว่าถูกไหม เข้าใจไหม หลังๆมามันชักเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็เลย ไม่ให้ดูแต่ว่าตอนนั้นภาษาก็ดีขึ้นอย่างทันตาเห็นแล้วล่ะครับ ก็ส่งรูปไปมาแลกกัน ต่างฝ่ายต่างรู้สึกชอบ(โรแม๊นสะไม่มี)ประมาณเจ็ดแปดเดือน แล้วเจ้าหล่อนก็บอกว่าจะเที่ยวเมืองไทย อยากเจอ (อ่ะๆๆ) เราก็บอกว่ามาสิจะไปรับพาไปเที่ยวในกทม. ก็นัดแนะกันแต่วันที่เจ้าหล่อนมาอ่ะผมมีสอบตอนบ่ายโมง แต่ว่าต้องรับที่สนามบินดอนเมืองตอนเก้าโมง แต่ไม่มีปัญหาครับไปได้อยู่แล้ว (แต่จริงๆก็คิดเหมือนกันว่าจะกลับมาสอบทันหรือเปล่าอ่ะ) ตอนนั้นมีมอเตอร์ไซด์คันหนึ่ง(แท็กซี่ไม่ไหวตังไม่พอ) ก็เลยคิดว่าเอาว่ะเสี่ยงตายไป แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง แต่ดูเหมือนว่ากรมอุตฯ ของพวกเราจะทำนายผิดพลาดอีกล่ะ(บอกว่าฝนไม่ตกดันตกลงมาห่าใหญ่)ผมก็ซิ่งแมงกะไซด์ผ่าสายฝนไปรับเจ้าหล่อน (อยากเห็นหน้าทำไงได้) ก็พยายามไปแต่มานั่งคิดๆแล้วตูทำไปได้ไงหว่า ถนนเส้นพหลโยธินอ่ะ พวกรถคันหญ่า หญ่า เต็มไปหมด ก็ซิ่งไป (ฮอนด้าโนวา ร้อยสิบซีซีอ่ะ ) หน้านี้ระบมไปหมดฝนมันตี ก็ขับไปได้ประมาณมหาลัยเกษตรอ่ะ นึกขึ้นได้ว่าไปตัวเปล่าๆมันจะน่าเกลียด เจอกันครั้งแรกมันต้องประทับใจเหมือนกับหนังรักๆที่เค้าแสดงกัน ต้องหอบดอกไม้สวยๆ ช่อใหญ่ๆไปให้เจ้าหล่อน เมื่อเห็นแล้วจะพูดว่า โอ้ พระเจ้าจอร์ท มันยอดมาก(อะไรประมาณนี้) ก็มองหาร้านขายดอกไม้แถวๆข้างทาง แต่ก็ไม่มี ก็ไม่เป็นปัญหา เดี้ยวก็คงจะเจอ ขับเรื่อยๆ แล้วผมขับไปเกือบถึงดอนเมือง ก็ไม่เห็นมี แต่พอดีรถไปติดไฟแดง โอ้ ปิ้ง ไอเดีย บันเจิด หรือว่าไม่รู้ผีสาง ซาตานตัวไหนมันมาดลดาล ให้ผมตัดสินใจ เลือกไปได้ ผมได้แล้วละครับ ดอกไม้ ท่านผู้อ่านครับ ลองทายสิครับว่าอะไร..........................ผมว่าท่านผู้อ่านน่าจะทายถูกครับ ถูกต้องแล้วครับผมคือ ดอกมะลิ กลิ่นหอมที่ร้อยเป็นร้อยมาลัยไว้ไหว้พระสำหรับแขวนในรถ ดอกไม้แบบไทยๆที่สาวญี่ปุ่นไม่เคยเจอ(ใครจะจำเอาไปใช้ก็ได้นะครับไม่หวง แต่กลัวว่าจะซ้ำกับของผม จะเป็นดอกบัว ก็ดีนะครับ แสดงความเป็นไทยแท้ๆ) ผมนำมันไปติดตัวเพื่อให้เจ้าหล่อนที่ผมอยากจะเจอนะ(นึกแล้วก็ขำ จะเอาไปไหว้พระเหรอเรา) ทำไปได้ นะเรา
พอดีเขียนมาเยอะแล้วเมื่อยๆๆไว้ต่อตอนหน้านะครับ ว่าสาวเจ้าจะทำหน้างัยก็ได้ดอกมะลิไปบูชา แล้วตอนจบเป็นไง แต่ขอบอกว่าหล่อนแสบมาก สำหรับตอนนี้ก็เช่นเคยว่ามีอะไรแฝงให้คิดเล็กๆหน่อยไม่ใช่ว่าจะไร้สาระไปหมดนะอิอิ คือโชคชะตาอาจจะมีจริง แต่ว่าอย่าไปท้อหรือเชื่อร้อยเปอร์เซนต์ชีวิตเรา เลือกที่จะทำเองได้ แล้วอีกแล้วก็พยายามหาเป้าหมายที่จะทำให้เจอ แล้วคุณจะรู้ว่าคุณมีศักยภาพในการทำอะไรหลายๆอย่างที่ไม่แพ้คนอื่นหรอก(เหมือนตัวอย่างเรื่องภาษาของผมแต่ไม่เก่งมากแต่ก็ดีขึ้นเยอะ) เกือบลืมอีกอย่างว่า ความรัก(หลอกลวง) ในเนตอ่ะ มันก็เป็นแค่ตัวหนังสือ อย่าไปจินตนาการจริงจังกับมันมาก
ความคิดเห็น