คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 4:: วันประกาศผลและการสอบสัมภาษณ์ (??)
บทที่ 4
วันประกาศผลและการสอบสัมภาษณ์ (??)
อากาศยามเช้าที่แสนสบาย ผู้คนออกมาซื้อของกันอย่างไม่รีบเร่ง จะมีเพียงใครบางคนที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง เด็กชายผมเงินกำลังกึ่งลากกึ่งจูงใครอีกคนที่สวมเสื้อคลุมสีดำสนิทปกปิดทั้งตัว
“เฟ! จะรีบไปไหน” บ่นขณะโดนเฟริสฉุดวิ่งไปด้วยกัน
“ผลสอบไง เดี๋ยวคนเยอะ” ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แต่ก็ห้ามอะไรไม่ได้
หน้าบอร์ดประกาศผลบริเวณลานน้ำพุโรงเรียนซีดิส ผู้คนมากมายต่างรุมดูกันอย่างแออัดทั้งๆ ที่ตอนนี้เวลายังไม่ถึงเจ็ดโมงเช้า ทั่วบริเวณมีทั้งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจและเสียงร่ำไห้ด้วยความเสียใจ
เฟริสรีบเดินแทรกเข้าไปในฝูงชนทันที ไล่ดูชื่อของตนตามบอร์ดซึ่งที่ด้านท้ายเขียนไว้ว่า “ผ่าน” เฟริสยิ้มอย่างดีใจรีบดูของเลอาต่อทันทีและได้ผลแบบเดียวกัน
“เลอา....พวกเราสอบผ่านแล้ว” บอกแกเลอาที่ยืนรออยู่ด้านนอก
“อืม” ตอบเรียบเฉย
“ไม่ดีใจเหรอ?”
“ก็ยังเหลือสอบสัมภาษณ์อีกนี่ เรายังไม่ได้เป็นนักเรียนของที่นี่สักหน่อย”
“ก็จริงนะ”
ตุบ~!!! ปึง~!!!
ผู้คนกระจายออกเป็นวงกว้าง ทั้งเฟริสและเลอาหันไปมองทิศทางที่ได้ยินเสียง เด็กชายตัวเล็กผิวขาวผมหยักศกสีโอรสยาวระต้นคอ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนล้มกระแทกเข้ากับบอร์ดประกาศ โดยมีเด็กร่างใหญ่ท่าทางหยิ่งยโสปรายตามองอย่างไม่ใยดี ทั้งๆ ที่เป็นคนชนเด็กคนนั้นจนล้มลงไป
“โทษที พอดีมองไม่เห็นพวกมดปลวก” ถากถาง
“คิๆๆ” เด็กชายหญิงที่ยืนขนาบข้างเด็กชายที่ท่าทางยโสพากันหัวเราะอย่างสะใจ เดินไปดูบอร์ดอย่างไม่ใส่ใจคนที่ล้มไป
“เป็นอะไรมากมั้ย?” เด็กชายผมสั้นสีบลอนด์ทอง ตาสีเขียวมรกต มีปอยยาวด้านซ้ายตรงเข้าไปช่วยพยุงเด็กที่ล้มขึ้นถาม เด็กชายอีกคนส่ายหน้าพึมพำขอบคุณ พากันเดินตรงไปยังห้องพยาบาล
อีกด้านหนึ่งเฟริสกำลังรั้งตัวเลอาที่กำลังหัวเสียตรงเข้าไปหาเรื่องกลุ่มคนพวกนั้น
“เลอาอย่าไปยุ่งกับคนพวกนั้น” พยายามดึงรั้งไว้อย่างสุดแรง
“ทำไมล่ะ...” พูดอย่างอารมณ์เสีย
“ไอ้คนที่ผลักเด็กคนนั้นนะ มันเป็นลูกของขุนนางใหญ่ของอาณาจักรวิสดอม เดี๋ยวนายจะเดือดร้อน” อธิบายเหตุผลให้ฟัง
“แล้วนายจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้เหรอ? นายไม่คิดจะจัดการอะไรบ้างเลยหรือไง?” พูดเคืองๆ
“เปล่าหรอก?” เสียงเรียบพูดออกมา
เด็กชายในเสื้อคลุมสีดำหันมามองเฟริสงงๆ รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเฟริส เลอาได้แต่ยืนมองอึ้งๆ ทั้งที่อีกฝ่ายยิ้มอยู่แต่มันไม่ได้ให้ความรู้สึกของความเป็นมิตรด้วยเลย
“เพราะฉันจะจัดการแทนนายต่างหากเลอา”
พริบตาร่างของเด็กคนนั้นก็แข็งทื่อเย็นเฉียบอย่างกับน้ำแข็ง เด็กชายหญิงที่อยู่รอบข้างตกใจ รีบพาตัวส่งห้องพยาบาล ผู้คนที่อยู่รอบๆ มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างงงเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คงจะมีแต่เลอาที่ยืนมองตัวก่อเหตุที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆ
‘จุดเดือดต่ำกว่าที่คิดนะเนี่ยเฟ....’
“เราไปหอประชุมรายงานตัวกันดีกว่า” พาเลอาไปอย่างอารมณ์ดี
หน้าหอประชุมรูปโดมขนาดใหญ่ที่เคยเป็นสถานที่สอบของทั้งสอง คนที่สอบผ่านเริ่มทยอยรายงานตัวเต็มหน้าหอประชุม โดยจะมีโต๊ะยาวที่มีรุ่นพี่นั่งเรียงกันรอรับการรายงานตัวอยู่ แต่มีอยู่ที่หนึ่งไร้ซึ่งผู้คนที่ตรงนั้นมีชายวัยกลางคนร่างสูง ผมยาวสีทองมัดรวบไว้อย่างเรียบร้อย ดวงตาสีฟ้า เผยให้เห็นหูแหลมๆ ชายคนนั้นสวมชุดสีเข้มนั่งหน้าบึ้งแผ่รังสีไม่เป็นมิตรกระจายไปทั่วจนไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้
เฟริสและเลอาเห็นว่าวางตรงเข้าไปรายงานตัวทันที ชายคนนั้นปรายตามองแต่ทั้งสองไม่สนใจลงชื่อไป ขณะนั้นมีคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาประจำที่ที่ทั้งสองกำลังลงทะเบียนรายงานตัว
“ขอโทษครับอาจารย์ทารานิส” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนระต้นคอ ดวงตาสีเขียวสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว สวมทับด้วยเสื้อสูทสีขาวชายเสื้อ ชายปกเสื้อและไนเทคเป็นสีแดงพูด
“ทีหลังอย่าให้ช้าอีกแล้วกัน” อาจารย์ทารานิสตักเตือนด้วยเสียงเรียบเฉียบ เดินฉับๆ ออกไปด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“หวัดดีฮะพี่ คนเมื่อกี้เป็นอาจารย์เหรอฮะ?” ถาม
“อืมใช่ เป็นอาจารย์สอนอักขระโบราณของสายพี่เอง แต่ทางที่ดีอย่าไปทำให้อาจารย์ไม่พอใจเด็ดขาด ไม่งั้นได้เจอดีแน่ๆ” มองดูเด็กตรงหน้าที่สวมเสื้อคลุมสีดำปิดหน้าปิดตาหมดอย่างสนใจ ไม่ทันที่รุ่นพี่คนนั้นจะได้ถาม เฟริสดึงเลอาเข้าหอประชุมทันที ไม่เช่นนั้นคงจะคุยกันยาว
................................................................................................
ภายในหอประชุมเต็มไปด้วยผู้เข้าสอบสัมภาษณ์ กลางหอประชุมมีเวทีตั้งอยู่ ด้านหน้าของเวทีมีเก้าอี้วางเป็นแถวเรียงกัน เลอากับเฟริสเลือกนั่งแถวกลางๆ เลอาหันมาชี้ชวนให้เฟริสดู
“เฟนั่นเด็กที่โดยแกล้งเมื่อกี้นี่” ชี้ไปยังเด็กชายผมสีโอรสที่นั่งอยู่แถวหน้าๆ
“แล้วไง”
เลอาหน้าย่นกับความไม่มีมนุษยสัมพันธ์ของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย “เฟ....นี่นายไม่คิดจะผูกมิตรกับใครบ้างเลยเหรอไง?”
เฟริสหรี่ตามองพร้อมกระซิบที่ข้างหูเลอาเบาๆ “ฉันมีเลอาก็พอแล้ว”
เลอาหน้าร้อนผ่าว มองเฟริสที่นั่งหัวเราะเบาๆ อย่างเคืองๆ “โธ่! ตอนแรกเราก็นึกว่าจะหงิมๆ เงียบๆ ที่ไหนได้นิสัยไม่ดีเหมือนกันนะนายเนี่ย”
เฟริสยิ้มบางๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป มองดูเลอาที่ฟึดฟัดอย่างหัวเสียนิดๆ ที่โดนแกล้ง แต่ไม่นานเลอาก็พิงซบไหล่ของเฟริสก่อนที่จะหลับไป
‘ฉันก็เป็นแบบนี้กับนายแค่คนเดียว นายจะรู้มั้ยเลอา? คนอื่นแค่ได้ยินว่าฉันเป็นเจ้าชายแห่งฟรอเซนเบิร์กก็ไม่กล้าแม้กระทั่งสบตากับฉันแล้ว มีนายนี่แหล่ะที่เป็นคนแรกที่ยอมรับและไม่กลัวฉันจากใจจริง...’
เวลาผ่านไปสักพัก ภายในหอประชุมไม่เหลือที่ว่างแต่อย่างไร อาจารย์ทารานิสที่มีผมสีทองพร้อมใบหน้าที่ไม่เป็นมิตรเดินขึ้นมาบนเวที
“สวัสดีผู้เข้าสอบทุกคน ปีนี้ทุกคนก็ยังมาเร็วกว่าเวลาเหมือนเดิม” พูดเสียงเข้มน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ “เพราะฉะนั้นทางโรงเรียนของเราก็จะเริ่มทำการสอบสัมภาษณ์กันตั้งแต่บัดนี้”
เสียงจ่อกแจ่กจอแจดังไปทั่วหอประชุม เมื่อมีประกาศว่าจะเริ่มทำการสอบสัมภาษณ์ แต่เพียงทารานิสปรายตามองอย่างไม่พอใจทั้งหอประชุมเงียบลงในทันที
“แต่ก่อนอื่นฉันต้องขอบอกกฎก่อน ผู้ที่ถูกเรียกชื่อให้ขึ้นมาบนเวทีแห่งนี้ และให้ยืนบนหมายเลขที่ขึ้นมาตามลำดับการเรียกชื่อ จากนั้นพวกเธอจะได้บัตรที่มีหมายของห้องสอบสัมภาษณ์” อาจารย์หยุดพูดปรายสายตามองไปทั่วหอประชุมทำให้บางคนถึงกับกลืนน้ำลายด้วยความเกรงกลัว
“โนเอล ไลธ์, มิวเรี่ยน เอเจนด์, เอเรีย สไตร์ค, ไรอัน บาราทิฟ และเชนนอฟ วาเลน ครอสเบิร์ก”
เด็กชายหญิงทั้งห้าเดินขึ้นไปบนเวที คนที่ถูกเรียกเป็นคนแรกจะยืนบนพื้นที่ปรากฏหมายเลขหนึ่งไล่ไปเรื่อยๆ เมื่อทั้งหมดยืนเข้าประจำที่จนครบเขตอาคมก็ถูกกางขึ้นทันทีจนไม่สามารถมองเห็นได้ว่าภายในเขตอาคมเกิดอะไรขึ้น เมื่อเขตอาคมสลายไปทุกคนเดินออกมาพร้อมใบบอกห้องสอบสัมภาษณ์
“เลอาตื่นได้แล้ว ถึงตาพวกเราแล้ว” เฟริสเรียกคนข้างๆ ที่หลับไปตั้งแต่เข้าหอประชุม เลอาส่งเสียงตอบกลับอย่างงัวเงีย แต่ไม่มีท่าทางว่าจะลุกสักที
“เฟริส คานาริค, เลอา โซเบลขึ้นบนเวทีได้แล้ว” อาจารย์ทารานิสพูดอย่างอารมณ์เสียที่ต้องเรียกเป็นครั้งที่สอง
สายตาของคนทั้งหอประชุมหันไปสนใจเฟริสที่กึ่งลากกึ่งจูงคนอีกคนที่สวมเสื้อคลุมสีดำสนิทปิดทั้งตัวขึ้นมาบนเวทีอย่างสนใจ
เลอาเดินเซไปเซมาอย่างคนที่ยังตื่นไม่เต็มตาดีไปประจำตำแหน่งของตนซึ่งอยู่ที่หมายเลขสี่ ส่วนเฟริสเข้าประจำตำแหน่งของตนซึ่งอยู่หมายเลขหนึ่ง เขตอาคมถูกกางล้อมรอบ ทันใดนั้นตัวอะไรบางอย่างที่ปรากฏออกมาจากช่องโหว่สีดำที่โผล่ขึ้นมาบินพุ่งเข้าใส่เลอาที่ยังไม่ลืมตาตื่นหมายจะทำร้าย แต่พอสิ่งนั้นเข้ามาใกล้เลอาพริบตาเดียวเจ้าตัวนั้นก็ถูกเลอาตบแผละติดกับพื้น
“ฮืม....เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” หันมองไปดูรอบเขตอาคมอย่างเบลอๆ
“กี๊!!!~” ร้องเมื่อถูกเหยียบเข้าให้ เลอาก้มลงไปมองดูเจ้าตัวประหลาดซึ่งเป็นตัวกลมๆ สีดำ มีปีกคล้ายค้างคาวตรงปลายหางเป็นรูปสามง่ามที่ถูกเหยียบเต็มเท้า
“ตัวอะไรหว่า? หน้าตาแปลกๆ” จับขึ้นมาดึงไปดึงมา สำรวจไปสำรวจมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่ทันไรสิ่งที่อยู่ในมือเลอาสลายตัวกลับกลายเป็นกระดาษที่เขียนหมายเลขห้องสอบสัมภาษณ์ไว้ หยิบกระดาษขึ้นมาดูก่อนเดินลงจากเวทีทันทีเขตอาคมสลายไป
...........................................................................................
‘ห้องนี่สินะ...’
มองดูหมายเลขห้องที่ตรงกับในแผ่นกระดาษที่ตนถืออยู่ เลอาเปิดประตูเข้าไป เมื่อเข้าไปด้านในประตูบานที่เปิดเข้ามาหายไปทันที ภายในห้องที่เคยสว่างกลับมืดสนิทจนมองไม่เห็นทางข้างหน้า เลอาเดินไปตามทางทีดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดเรื่อยๆ อย่างไม่เกรงกลัว ภายในใจกลับรู้สึกสงบอย่างที่สุด
อยู่ดีๆ จากมืดจนมองไม่เห็นทางกลายเป็นสว่างโร่ภายในพริบตา ด้านหน้าของเลอาปรากฏเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่มีเพียงโต๊ะไม้และเก้าอี้โซฟาสีแดงที่ชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 กว่าๆ ผมสีดำดูยุ่งเหยิงตลอดนั่งอยู่ด้วยท่าทีสบายๆ แต่ดวงตาสีน้ำเงินพร้อมแว่นสีดำทรงสี่เหลี่ยมจ้องมองเลอาอย่างประเมินค่าพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร
เลอารู้สึกไม่ค่อยพอใจขึ้นมาทันทีที่เห็นดวงตาที่จับจ้องมา รังสีมึนตึงเริ่มแผ่ออกไป จนชายคนนั้นรับรู้ได้ถอนหายใจเบาๆ พูดขึ้นมาว่า
“ฉันเป็นผู้คุมสอบสัมภาษณ์ของเธอ....เลอา โซเบล เอาล่ะ! มานั่งตรงนี่” เก้าอี้อีกตัวปรากฏขึ้นเบื้องหน้าชายคนนั้น เลอานั่งลงมองคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไร
“ฉันมีหน้าที่ทำการสอบสัมภาษณ์เธอ ถึงแม้เธออาจจะไม่ค่อยชอบฉันเท่าไร แต่ฉันก็อยากให้เธอตอบคำถามให้ดีล่ะ” พูดเตือน
“ผมไม่ได้ไม่ชอบคุณหรอก? แค่ไม่ชอบสายตาที่คุณมองเท่านั้นเอง” พูดเสียงอ่อยๆ
“งั้นเหรอ...ทำไมเธอถึงมาเรียนที่นี่เลอา”
“พี่ผมอยากให้มาเรียน” ตอบห้วนๆ อย่างไม่คิดอะไร
“แค่นี้....” เลอาพยักหน้างึกงัก ผู้คุมสอบหัวเราะเสียงดัง
“ฮะๆๆๆ ฉันไม่คิดว่าจะได้ยินคนตอบแบบนี้อีก เอาหล่ะๆ ถ้าเธอได้เข้าเรียนที่นี่ และขึ้นปี 2 เธอจะเลือกเรียนสายอะไร”
“สายนักสู้ฮะ” ตอบทันทีด้วยเสียงหนักแน่น
“ทำไมล่ะ?”
“เพราะผม.......ต้องการสิ่งที่เรียกว่า ‘มิตรแท้’ ฮะ” ผู้คุมสอบถึงกับผะงักเมื่อได้ฟังคำตอบที่ได้รับที่ตนนั้นเคยได้ฟังมาก่อนจากใครคนหนึ่ง
ท่ามกลางสวนดอกไม้นานาพันธุ์ ร่างของคนสองคนที่ต่างเพศและต่างวัยนั่งคุยกันอยู่ตรงมุมหนึ่งที่ห่างไกลสายตาจากคนที่ผ่านไปมา
‘พี่ทีฟา....ทำมั้ยพี่ถึงเรียนสายนักสู้ล่ะ?’ เด็กชายวัยประมาณ 14 ปีสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว ทับด้วยเสื้อสูทสีเดียวกับเสื้อเชิ้ตตรงชายเสื้อ ชายปกเสื้อ และเนคไทเป็นสีแดงผมสีดำดูยุ่งเหยิง ดวงตาสีเงินจ้องมองรุ่นพี่สาวต่างสายที่มีผมสีทองยาวถักเปียไว้สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวและกระโปรงสีดำ แต่ปกเสื้อเป็นสีขาว ชายเสื้อ ชายแขนเสื้อ และเนคไทเป็นสีแดงเช่นเดียวกัน
‘ก็เพราะพี่ต้องการมิตรแท้ไง’ เธอคนนั้นหันมายิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเด็กชายคนนั้น
“มิตรแท้? เธอก็สามารถหาได้จากทุกที่ไม่ใช่เหรอ?” ถามอย่างไม่เข้าใจ
“งั้นคุณก็คงไม่เข้าใจคำว่า “มิตรแท้” ของผมหรอกฮะ” พูดเสียงเรียบ
“นั่นสินะ เธอไปได้แล้วล่ะ”
เลอากล่าวลาออกจากห้องสอบตรงที่ประตูเปิดออก ชายคนนั้นยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงที่เดิม ประกายตาที่เคยสดใสกับเจือไปด้วยความเศร้า
“ท่านเวลส์...กลับกันเถอะครับ” ชายหนุ่มผมและดวงตาสีน้ำตาลปรากฏเบื้องหน้าชายคนนั้นพูดพร้อมโค้งเคารพ เวลส์ลุกขึ้นหันไปมองยังทิศทางที่เด็กคนนั้นผ่านไป
“ติดใจเด็กคนนั้นเหรอครับ?”
“อืม....เขาคล้ายกับคนที่ฉันเคยรู้จักเมื่อนานมาแล้ว เรากลับกันดีกว่า...ป่านนี้ที่ศูนย์วิจัยคงมีงานให้ทำเยอะแยะไปหมดแล้วล่ะ”
ประตูอีกบานหนึ่งเปิดออก เวลส์และชายผมสีน้ำตาลเดินออกไปตามทางนั้น ขึ้นรถม้าที่จอดเตรียมไว้
‘มิตรแท้? แต่มิตรแท้ก็หาได้ทั่วไปไมใช่เหรอฮะ?’ เด็กชายผมสีดำที่ดูยุ่งเหยิงถามรุ่นพี่สาวต่างสายอย่างงกับคำตอบที่ได้รับ
‘งั้นเธอก็คงไม่เข้าใจคำว่า “มิตรแท้” ของพี่หรอกนะเวลส์’
หลังจากสอบสัมภาษณ์ เลอาเดินมาต่างทางมาเรื่อยๆ จนสุดทาง จนมาโผล่ยังที่แปลกๆ เลอามองดูสถานที่ที่ตนโผล่ออกมาอย่างแปลกใจ พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่โล่งวงกลม รอบๆ เป็นป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ค่อนข้างหนาแน่น
“เธอจ๊ะ...ทางนี้ๆ” หญิงสาวผมสีน้ำตาลหยักศกสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกระโปรงสีดำชายเสื้อ ชายเสื้อ ชายแขนเสื้อและเนคไทเป็นสีแดงกำลังควักมือเรียก
“หวัดดีจ๊ะ ฉันแองจี้นักเรียนสายนักปราชญ์ ในที่สุดเธอก็มาสักทีฉันรอตั้งนาน” มองร่างเล็กๆ ในเสื้อคลุมสีดำที่ปิดหน้าปิดตาจนหมดอย่างสนใจ
“แล้วคนอื่น?” ถามเมื่อไม่เห็นมีใครอยู่บริเวณนี้นอกจากตัวเองและคนตรงหน้า
“คนอื่นถูกส่งตัวไปตามจุดต่างๆ ที่ถูกจัดเป็นที่สอบ” ชายหนุ่มผมสีดำสวมชุดของสายนักปราชญ์โผล่ออกมาจากป่าพูดขึ้น
“เรย์นายหายไปไหนมาห๊า!!!” โวย “ปล่อยให้ผู้หญิงบอบบางอย่างฉันอยู่คนเดียวได้ไง กระซิกๆ” ตัดพ้อ พร้อมเอามือปิดหน้าตัวเอง
“ไม่ต้องมาแกล้งบีบน้ำตาเลย ฉันไม่หลงกลเธอหรอกแองจี้” พูดไม่แม้แต่จะปรายตามอง
“ชิ” หญิงสาวสะบัดหน้าหนีเด็กหนุ่มคนนั้น หันมาหาเลอาที่ยืนมองรุ่นพี่ทั้งสองอย่างงง
“อะ! จำได้แล้วพวกพี่สองคนเป็นคนที่พูดประกาศตอนวันสอบข้อเขียนใช่มั้ยฮะ?” นึกขึ้นได้ เมื่อได้ยินชื่อของทั้งสอง
“ว้าว!! จำกันได้ด้วยน่ารักจริงๆ เลย ว่าแต่เธอชื่ออะไรจ๊ะ”
“เลอาฮะ เลอา โซเบล”
“ผู้ชายเหรอ? ตอนแรกนึกว่าเด็กผู้หญิงสักอีก” ตกใจเมื่อไม่เป็นอย่างที่คิด
“แองจี้เข้าเรื่องได้แล้ว” เรย์พูดตัดบทสนทนาระหว่างทั้งสองที่ดูท่าทางจะจบไม่ได้ง่ายๆ แองจี้ปรายตามองอย่างเคืองๆ หันกลับไปพูดกับเลอาเสียงหวานเหมือนเดิม
“ยินดีด้วยเลอาที่เธอสอบสัมภาษณ์ผ่าน” พูดพร้อมรอยยิ้มแต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีดีใจแม้แต่น้อย
“แล้ว?” เลอาถาม แองจี้หน้าบึ้งเมื่อมีคนจับจุดเธอได้
“...เนื่องด้วยจำนวนนักเรียนที่สอบสัมภาษณ์ผ่านทุกๆ ปีมีจำนวนเกินที่โรงเรียนจะรับได้ไหว ก็เลย.........”
“จัดสอบภาคปฏิบัติโดยไม่ให้ได้ทันตั้งตัว” พูดเหมือนกับที่คิดไว้ตั้งแต่โผล่ออกมาบริเวณป่าแห่งนี้
“ใช่จ๊ะ....แหมเลอานี่ฉลาดจริงๆ เธอต้องเดินผ่านป่าแห่งนี้ไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้จนถึงชายป่า ที่นั่นจะมีรุ่นพี่ที่รับลงทะเบียนตอนเช้ารอรับรายงานตัวอยู่จ๊ะ ให้ไปรายงานตัวที่คนๆ เดิมเลยนะ แต่หากไม่ไหวหรือไปต่อไม่ได้ก็ให้จุดพุสัญญาณได้เลย” พูดยื่นพุสัญญาณให้เลอา
“แล้วถ้ามีคนสอบผ่านเกินอีกจะทำยังไงฮะ?” ถามด้วยความสงสัย
“ถ้ายังมีสอบผ่านเกิดอีก ทางโรงเรียนก็จะรับไว้ทั้งหมด” เรย์ตอบ
“อืมๆ เข้าใจล่ะ! งั้นผมไปก่อนนะฮะพี่ทั้งสอง” เดินออกไปตามเส้นทาง ลับหลังไปเรย์ก็หันถามแองจี้
“ยัยแองจี้ เธอทำไมไม่บอกเรื่องนั้นไปด้วยล่ะ”
“แหม~ ถ้าพูดมากกว่านี้ก็ไม่หนุกดิ” ตอบพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฮึ...เธอนะ..........น่าจะไปเรียนที่สายนักสู้มากกว่านะ”
“ฉันก็อยากอยู่หรอกยะ ถ้าไม่ติดที่สอบปฏิบัติไม่ผ่าน...ชิๆ จะชนะไอ้รุ่นพี่บ้านั่นได้อยู่แล้ว” พูดอย่างเครียดแค้นเมื่อนึกถึงความหลังตอนสอบเลือกสาย ที่เธอกำลังสอบภาคปฏิบัติกับรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งในสายนักสู้ โดยมีกฎว่าจะสอบผ่านเหมือนทำให้คู่แข่งออกจากเวทีไป ทั้งๆ ที่เธอไล่ต้อนจนรุ่นพี่คนนั้นจนมุมได้แล้ว แต่กลับโดนกลโกงจนตัวเธอตกเวทีแทน นึกแล้วก็แค้น
เรย์ตบบ่าเพื่อนสาวปลอบใจ “ที่นี่เราก็กลับกันได้แล้วล่ะ”
“นั่นสิ....ทางนี้แต่ละปีจะมีคนผ่านแค่คนเดียวนี่น้า”
“ก็นะ.........ก็มันเป็นทางสายที่อันตรายที่สุดไม่ใช่เหรอ? แถมคนที่ผ่านทางนี้ไปได้ด้วยดียังมีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์นี่” เรย์เหยียดยิ้มที่มุมปาก
“นายเองก็แสบใช่เล่นนะ...เรย์” ส่งสายตาอย่างเข้าใจความหมายกันสองคน
“ก็เพื่อนใครล่ะ”
....หวังว่าเธอคงจะโชคดีนะ เลอา โซเบล....
........................................................................................................
เอามาลงอีกตอน มีคำผิดตรงไหนช่วยบอกด้วยนะ
ใครหลงเข้ามาอ่านช่วยคอมเมนต์ด้วยจ๊ะ อยากรู้ว่ายังมีอะไรต้องแก้ไขอีก
ขอบคุณสำหรับคนคอมเมนต์ทุกคน
ความคิดเห็น