คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2:: ความลับที่ไม่ลับของคนสองคน
บทที่ 2
ความลับที่ไม่ลับของคนสองคน
บนเรือโดยสารขนาดใหญ่ที่กำลังแล่นผ่านพื้นน้ำสีครามมุ่งสู่เขตการปกครองพิเศษซีดิส ร่างเล็กที่สวมเสื้อคลุมดำยืนมองเกลียวคลื่นรับสายลมเย็นที่พัดผ่าน โดยมีเจ้าเคลียร์สัตว์เลี้ยงตัวใหม่เกาะบ่าเจ้านายหลับอย่างสบาย ผิดกับเฟริสที่วิ่งวุ่นไล่จับลูอิสที่บินไปบินมาอย่างร่าเริง
“ลูอิสหยุดเดี๋ยวนี้” พูดเสียงเย็นเฉียบจนคนที่อยู่รอบๆ ต่างพากันถอยหนีโดยเร็ว แต่เจ้าตัวขาวขนปุยท่าทางไม่รู้สึกถึงเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้นยังคงบินร่อนไปร่อนมาป่วนไปทั่วเรือ
“Glacialis!!” สิ้นเสียงร่ายคาถา ร่างของลูอิสแข็งทื่อเหมือนน้ำแข็งตกลงบนแขนของเฟริสที่รอรับไว้ ก่อนถูกจับอบรมยกใหญ่ เลอาและคนบนเรือมองภาพนั้นขำๆ กว่าเฟริสจะหยุดดุลูอิสเรือก็มาเทียบท่าถึงท่าเรือดาวน์ทาวน์แหล่งซื้อขายสินค้าที่สำคัญในเขตการปกครองพิเศษแห่งนี้ ลูอิสบินเซไปเซมาตามเจ้านายอย่างอ่อนแรงทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นพากันหัวเราะอย่างตลกขบขัน
“นายพักที่ไหนเลอา?”
“อืม....เดี๋ยวขอหาก่อนนะ.....อ่ะ...พี่จองไว้ให้ที่เกรย์เฮเวน” คว้ากระดาษที่ยับยู่ยี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมที่เขียนชื่อที่พักไว้
“งั้นเราก็พักที่เดียวกัน” พูดอย่างดีใจ เฟริสพาเลอาไปที่พักอย่างผู้รู้ เพราะได้ยินมาจากโนอาว่าเลอาเป็นคนที่ทักษะในด้านเกี่ยวกับเส้นทางต่ำมากๆ ไม่ใช่แค่ต่ำธรรมดาติดลบอีกต่างหาก ยิ่งสถานที่ไม่คุ้นด้วยแล้วมีหวังเป็นอาทิตย์ก็ยังหาที่พักแห่งนี้ไม่เจอ
ทั้งสองเดินออกมาจากย่านดาวน์ทาวน์ที่พลุ่งพล่านไม่ไกล เลอามองอาคารไม้สูงห้าชั้นตรงหน้าที่มีป้ายติดไว้ว่า ‘เกรย์เฮเวน’ ที่แห่งนี้ชั้นล่างเป็นร้านอาหารที่มีคนค่อยๆ ข้างหนาแน่น ตั้งแต่ชั้นสามขึ้นไปจัดเป็นที่พัก รอบๆ ร้านมีต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่ม เฟริสพาเลอาไปรับกุญแจห้องจากพนักงาน
“เลอา.....ฉันอยู่ชั้นห้าห้อง 507 ถ้ามีอะไรไปหาได้นะ”
“โอเค” รับปาก ก่อนที่เฟริสจะได้ขึ้นบันไดพร้อมลูอิสกลับเข้าห้องพักของตน ส่วนเลอาดินไปห้องพักตนที่อยู่ชั้นสาม พอถึงห้องปุบล้มตัวนอนลงบนเตียงทันที
“ถึงสักที” นอนกลิ้งไปกลิ้งมา เคลียร์ที่เกาะอยู่บนไหล่กระโดดหลบออกมาก่อนจะโดนทับ
“โทษทีเคลียร์ เป็นอะไรหรือเปล่า?” อุ้มขึ้นมาพูดด้วยขณะนอนคว่ำหน้าไปกับเตียง
“ในที่สุดฉันก็มาถึงสักที” ยิ้มให้
เคลียร์เพียงแค่มองไปมองมา มองเจ้านายอย่างไม่เข้าใจ เลอาเอานิ้วเกาไปตามตัวพลางส่งเสียงหัวเราะอย่างขบขันกับท่าทางของสัตว์เลี้ยงของตนเอง เคลียร์ส่งเสียงร้องกี๊ๆ อย่างชอบใจ ก่อนจะหลับไปทั้งเจ้านายและสัตว์เลี้ยงด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทาง
ก๊อกๆ
“................”
ก๊อกๆ
ยังคงเงียบเหมือนเดิม เฟริสที่ยืนอยู่หน้าห้องประตูพร้อมลูอิสที่ถูกอุ้มอยู่เรียกคนที่อยู่ในห้อง “เลอา....ฉันเองเฟริส”
เสียงเรียกจากนอกห้องทำให้คนที่กำลังหลับอย่างสบายปรือตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ค่อยยันตัวลุกขึ้นจากเตียงเดินโซเซไปเปิดประตูห้องให้
“ไง”
“เพิ่งตื่นเหรอ?” มองดูสภาพคนตรงหน้าที่มีท่าทางงัวเงีย และยังคงแต่งตัวเหมือนเดิม เฟริสเดินเข้าห้องมาลูอิสที่อยู่ในอ้อมแขนถลาบินตรงดิ่งไปที่เตียงตรงที่เคลียร์หลับอยู่ เจ้าตัวเล็กเมื่อได้กลิ่นของลูอิสรีบกระโดดหลบมาหาเจ้านายของตนทันที
“เจ้าลูอิสยังไม่ได้ทำอะไรก็หนีมาซะแล้วนะเคลียร์” หัวเราะเบาๆ พร้อมลูบเคลียร์ที่อยู่บนไหล่
“เลอาฉันขอถามอะไรสักอย่างได้มั้ย?” เฟริสพูดอย่างเกรงใจกับข้อสงสัยของตนตั้งแต่ได้พบกับคนๆ นี้ เลอาหันไปมองเชิงว่า ‘อะไรล่ะ’
“เอ่อ....ทำไมถึงสวมเสื้อคลุมตลอดเลย ไม่ร้อนบ้างเหรอ?”
คนส่วนใหญ่ที่นี่ถึงแม้จะสวมเสื้อคลุมแต่จะไม่ใส่ปกปิดจนไม่เห็นหน้าตาแบบเลอา จะสวมแค่ธรรมดาพอกันแดด แถมยังไม่ใส่ตลอดทั้งวันแบบนี้ด้วย
“.........................”
“ถ้าเป็นความลับก็ไม่เป็นไร ไม่ต้อง...........”
“ไม่ใช่หรอกเฟริส ที่จริงไม่ก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก” เลอาเว้นวรรคพักหนึ่งก่อนพูดขึ้น “ฉันเป็นโรคแพ้แสงนะ เลยต้องสวมเสื้อคลุมแบบนี้ตลอด”
“แล้วเป็นมากหรือเปล่า” ถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็พอควร แต่ถ้าตอนกลางคืนไม่เป็นไร.........ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้วล่ะ?”
“เกือบสองทุ่มแล้วล่ะ” มองดูนาฬิกาที่สวมคล้องกับสร้อยเงินเส้นยาว เก็บใส่เข้าเสื้อดังเดิม
“จริงดิ นี่ฉันนอนไปนานขนาดนี้เลยเหรอ” บ่นพร้อมถอดเสื้อคลุมออก
เมื่อเฟริสหันกลับมา กับจ้องมองอีกฝ่ายที่ไร้ซึ่งเสื้อคลุมด้วยความแปลกตา เด็กชายข้างหน้าเฟริสสูงประมาณ
“เป็นอะไรไป? เฟริส” ถาม เมื่อเห็นว่าเฟริสยืนจ้องตนนิ่ง
“ไม่มีอะไรหรอก” ตอบเสียงเรียบ แต่ดวงตายังจับจ้องเลอา
เมื่อได้ฟังอย่างนั้น เลอาก็ไม่ใส่ใจเดินเข้ามาคล้องแขนเฟริสแทน “เราไปกินข้าวกันดีกว่า ฉันหิวแล้ว แต่.....ฉันอยากไปเที่ยวตลาดด้วย ไม่รู้ว่าปิดยัง” พูดเสียงหงอยๆ
ในตอนแรก เลอากะนอนพักสักครู่แล้วพอแดดอ่อนๆ จะไปเที่ยวตลาด ซึ่งแน่นอนว่าเฟริสต้องเป็นคนนำทางไม่งั้นหลงแน่ๆ
“ยังไม่ปิดหรอก ตลาดที่ย่านดาวน์ทาวน์ปิดเกือบตีสอง งั้นเราไปกินข้าวที่ตลาดกันเลยแล้วกัน”
“อืม...โอเคงั้นไปกันเถอะ” ยิ้มอย่างดีใจ ลากเฟริสออกไปตลาดทันที
............................................................................................
เด็กชายผมดำเดินมองตลาดอย่างตื่นเต้นโดยมีเฟริสคอยนำทางให้ ส่วนลูอิสก็บินตามเจ้านายอยู่ไม่ห่าง บางทีก็แอบบินโฉบไปใกล้ๆ ไหล่ของเลอาที่เคลียร์เกาะอยู่ จนเฟริสต้องส่งสายตาดุลูอิสอยู่เรื่อยๆ
ทั้งสองคนเดินเข้าร้านนู้นทีร้านนี้ทีชิมอาหารมากมาย เลอาสนุกกลับสิ่งใหม่ๆ ที่ได้พบเจอวันนี้เป็นอย่างมาก ทั้งตลาดมืดที่ขายของแปลกๆ หรือของที่เจ้าของแผงลอยแต่ละคนทำขึ้นมาซึ่งมีชิ้นเดียวในโลก โดยคนที่มาซื้อจะต้องพกไฟพกมาเพื่อส่องดูของกัน หรือจะเป็นตลาดโต้รุ่งที่มีอาหารมากมายโดยร้านส่วนมากจะเป็นร้านแผงลอยตั้งเรียงรายกันซึ่งทุกคนจะยืนกินอยู่ที่หน้าร้านนั้นกันเลย
“เฟริสนายว่าอันนี้เป็นไงบ้าง” ยื่นสร้อยข้อมือขึ้นมาให้เฟริสดู เฟริสรับไฟพกกับสร้อยข้อมือที่ถักด้วยเชือกสีน้ำตาลร้อยกับหนังรูปวงกลมหลายอันที่ถูกปักด้วยเชือกสีสันสดใสต่างๆ ขึ้นมาดู
“สวยดี” ส่งคืนให้
“งั้นเอาอันนี้กับอันนี้ฮะ” ยื่นให้เจ้าของพร้อมเงิน
“ขอบคุณครับ วันหลังมาอุดหนุนกันอีกล่ะ” ทั้งสองออกเดินหลังจากดูของที่ตลาดมืดเสร็จ ซึ่งทั้งเลอาและเฟริสได้ของกันมาคนละอย่างสองอย่าง
“จะไปไหนกันอีกเลอา” เฟริสหันมาถามโดยอุ้มลูอิสที่ใกล้หลับเต็มทีไว้
“อืม....เราลองไปหาของกินกันอีกรอบดีกว่า รู้สึกจะเริ่มหิวแล้วอ่ะ” ทั้งสองเดินมุ่งไปยังตลาดโต้รุ่ง สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหารแผงลอยตั้งอยู่เรียงราย แต่ละร้านก็มีเอกลักษณ์เฉพาะของตนคอยดึงดูดลูกค้า แม้ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืนแล้วก็ตามแต่ผู้คนในย่านดาวน์ทาวน์นี้ยังแน่นหนาเหมือนเดิม
เลอาเดินไปทางมองหาร้านอร่อยๆ ก่อนสะดุดเข้ากับร้านหนึ่งเข้า เป็นร้านเนื้อย่างที่ส่งกินหอมหวนลอยมาแต่ไกล รีบดึงเฟริสตรงดิ่งเข้าไปทันที
หน้าร้านนั้นมีผู้คนยื่นกินเนื้อย่างอยู่เต็มไปหมด ทั้งสองค่อยๆ แทรกตัวเบียดเข้ามาแต่พอเห็นว่าเป็นเด็กผู้คนพากันหลบให้ ทั้งเลอาและเฟริสกล่าวขอบคุณ มองดูเนื้อย่างที่กำลังอยู่บนเตาตาเป็นมัน
“หอมจังเลย” เอาพึมพำ พร้อมสูดกลิ่นหอมนั้นเข้าเต็มปอด
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาสีน้ำเงิน หน้าตาหล่อเหลาสวมผ้ากันเปื้อนสีดำที่กำลังยืนย่างเนื้อย่างอยู่ หันมาพูดคุยกับเด็กทั้งสองพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร
“เอาแบบไหนกันล่ะ?”
“มีแบบไหนบ้างล่ะฮะ ผมเพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรกเลยไม่ค่อยรู้” ตอบในขณะที่สายตายังคงจ้องมองเนื้อย่างบนเตาอย่างไม่วางตา
อยู่ดีๆ หญิงสาวสวมเสื้อกันเปื้อนสีชมพูมีระบายโดยรอบผมสีน้ำตาลหยักศกยาวถึงกลางหลังถูกรวบมัดไว้ ดวงตาสีฟ้าสดใส พร้อมรอยยิ้มเรียกลูกค้าโผล่ออกมาจากด้านหลังชายหนุ่ม
“มีสามแบบจ๊ะ มีธรรมดา จัดจ้าน และก็กึ่งสุก รับแบบไหนดีล่ะ?”
“งั้นเอาธรรมดาหนึ่งและก็จัดจ้านหนึ่งฮะ นายล่ะเฟริส” หันไปถามคนที่อยู่ข้างๆ
“เหมือนนายล่ะ”
“งั้นอย่างละสองฮะ” เลอาและเฟริสรับจานที่ใส่เนื้อย่างมาจากชายหนุ่ม ทั้งสองยื่นเนื้อย่างแบบธรรมดาให้สัตว์เลี้ยงของตน ลูอิสลืมตาตื่นกินเนื้อย่างทันที ส่วนเคลียร์ค่อยๆ กินเนื้อย่างที่เลอาฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ ให้
“อร่อยจัง” เลอาพูดชมขณะทานเนื้อย่างของตัวเองบ้าง หญิงสาวมองยิ้มๆ
“เธอสองคนเป็นเด็กที่จะมาสอบใช่มั้ย?”
“ฮะ/ครับ”
“งั้นเราคงจะได้เจอกันถ้าเธอสองคนสอบติด”
“พี่สาวเป็นนักเรียนที่นั่นเหรอฮะ” เลอาถาม
“คิๆ เปล่าจ๊ะแต่เป็น....อาจารย์....ต่างหาก” ทั้งเฟริสและเลอามองหญิงสาวตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ ดูจากหน้าตาแล้วอายุน่าจะประมาณ 16 17 ปีเท่านั้นเอง
“มาเรียหยุดแกล้งพวกเด็กๆ ได้แล้ว” ชายหนุ่มคนเดิมพูด ขณะเอาเนื้อย่างชุดใหม่ขึ้นย่าง พนักงานเสิร์ฟทั้งชายหญิงอีกหลายคนมารับเนื้อย่างที่ย่างเสร็จแล้วส่งให้ลูกค้า
“แหม.....ก็เด็กสองคนหน้าตาหน้าแกล้งจะตายไปนี่ไคน์” เด็กทั้งสองมองการพูดคุยระหว่างหญิงสาวกับชายหนุ่มอย่างงง
“พวกเราเป็นอาจารย์ประจำสายนักสู้จ๊ะ ปกติจะไม่ค่อยได้สอนสายอื่นหรอก” มาเรียพูดไขข้อสงสัย
“แล้วพวกเธอสองคนชื่ออะไรกันล่ะ” ไคน์ที่อยู่ข้างมาเรียถาม
“เฟริส คานาริค” ตอบเรียบๆ
“ฮืม!! เธอนี่เอง......เจ้าชายแห่งฟรอเซนเบิร์ก” ไคน์พูดมองดูอย่างพอใจกับท่าทางที่สง่างามของเฟริส
‘สมแล้วที่เป็นเจ้าชายแห่งฟรอเซนเบิร์ก ขนาดไม่ต้องใช้สื่อนำพลัง ไอเวทย์ยังแผ่ออกมามากมายขนาดนี้..........น่าเสียดายจริงๆ ที่เป็นเจ้าชาย ไม่งั้นปีหน้าคงจะได้เจอกันแน่ๆ’ ไคน์คิดอย่างเสียดาย
“เอ๋! นายเป็นเจ้าชายเหรอ?” ถามอย่างตกใจกับสิ่งที่เพิ่งได้รู้
“ใช่” ตอบพลางหันหน้าหนีไม่อยากให้เห็นความอ่อนแอที่แฝงอยู่ในดวงตาที่เฉยชาคู่นี้
ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อได้รับรู้ว่าเฟริสเป็นเจ้าชายแห่งฟรอเซนเบิร์กต่างพากันถอยห่างหนีหายไป ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็ตาม ซึ่งตัวของเฟริสเองไม่สามารถหลีกหนีความจริงในข้อนี้ได้ เพราะสายเลือดอีกสายที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายนี้ ถ้าเป็นไปได้เฟริสก็อยากเกิดมาเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีฐานันดรอะไร เป็นเพียงคนทั่วไปๆ ที่มีสิ่งเฟริสต้องการมากกว่าสิ่งใดๆ สิ่งที่เรียกว่า....
......เพื่อน.....
โดยเฉพาะเพื่อแบบเลอา เพื่อนคนแรกของเฟริส เพื่อนที่มอบความจริงให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทนกลับไปตั้งแต่แรกพบ แม้จะรู้จักกันยังไม่ถึงหนึ่งวันก็ตาม เฟริสกำมือแน่นพยายามกั้นความรู้สึกหวาดกลัวที่จะเสียเพื่อนอย่างเลอาไว้ภายใต้ท่าทีที่เย็นชา ที่เป็นเสมือนเกราะป้องกันจิตใจของตนเอง
“ว้าว! นี่ฉันมีเพื่อนเป็นถึงเจ้าชายเลยเหรอเนี้ย” พูดอย่างตื่นเต้น ตาเป็นประกายวิบวับ
“นายไม่กลัวฉันเหรอ?” ถามอย่างไม่แน่ใจ
“ทำไมต้องกลัวด้วยล่ะ?”
“ก็.......ฉัน............” เงียบลงไม่กล้าบอกกับเลอาที่กำลังตั้งใจฟัง
“ก็เพราะว่าราชนิกูลแห่งฟรอเซนเบิร์กทุกคนมีสายเลือดอื่นปนอยู่นะสิ” ไคน์ตอบแทนเมื่อเห็นท่าทีอึกอัก
“แล้ว?” มองเฟริสอย่างไม่เข้าใจ
“นายไม่กลัวฉันเหรอ? ที่ฉันแตกต่างกับคนทั่วไป” เด็กชายผมดำหน้ายู่อย่างไม่ค่อยพอใจ มองเฟริสอย่างเคืองๆ แต่เพียงแวบเดียวก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างออกเจ้าเล่ห์นิดๆ เมื่อจับเค้าอะไรบางอย่างได้ลางๆ
“นายนี่นิสัยน่ารักกว่าที่คิดไว้นะเนี้ย.......เฟริส” เข้าไปกอดคอเฟริสแน่น
“นายคิดว่าฉันจะเลิกเป็นเพื่อนกับนาย เพียงแค่เพราะนายแตกต่างกับคนอื่นแค่นิดหน่อยงั้นเหรอ?” น้ำเสียงเริ่มเย็น เฟริสส่ายหน้าทันทีแต่ยังไม่กล้าสบตาตรงๆ
“งั้นนายจะคิดมากทำไมล่ะ..... ฉันเป็นเพื่อนกับนายและจะเป็นตลอดไป....เนอะ!! เฟ...”
เฟริสเมื่อได้ฟังอย่างนั้นภายในจิตใจเต็มไปด้วยสุขรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจปรากฏอออกมาให้เห็นไปทั่ว รอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีให้ได้เห็นบ่อยๆ รอยยิ้มที่ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ตลอดจนชายเทียมทั้งหลายแทบละลายกองไปกับพื้น แต่ต้องมาสะดุดกับคำที่เลอาเรียกตามหลัง
“เลอาเมื่อกี้นายเรียกฉันว่าอะไรนะ?”
“ก็...เฟ...ไง” ตอบอย่างไม่รู้ไม่ชี้
“เฟ?”
“ก็ชื่อเล่นนายที่ต่อไปฉันจะเรียกไง......เฟ” ยิ้มอย่างร่าเริง ปากก็พูดชื่อเล่นใหม่ของเฟริสซ้ำไปซ้ำมาไม่ยอมหยุด
“แต่ชื่อมันเหมือนชื่อของเด็กผู้หญิงเลยนะเลอา เอาชื่ออื่นไม่ได้เหรอ” ต่อรอง
“ไม่!!” เฟริสคอตกจำใจให้เลอาเรียก
“คิๆๆ แล้วพ่อหนูผมดำคนนี้ชื่ออะไรล่ะ?” หญิงสาวหันมาถามเด็กชายผมดำที่ยิ้มร่ามือตบบ่าปลอบใจเพื่อนที่นั่งคอตกเพราะฝีมือของตน
“เลอาฮะ เลอา โซเบล”
พอแนะนำตัวจบทั้งมาเรียและไคน์พกันถอยหนีทันที หน้าตาซีดลงอย่างหันได้ชัด พยายามปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติทันทีเมื่อเห็นแววตาแปลกใจจากเด็กทั้งสอง
“ซ...ซะ...โซเบลเหรอ?” ไคน์ถามเสียงสั่น
“ฮะ” ตอบแบบงงๆ
“เลอารู้จักคนที่ชื่อโนอา โซเบลมั้ย?” มาเรียถาม
เลอาพยักหน้างึกงักทันที “พี่ชายผมเอง” พูดเสียงสดใส
“พี่ชาย!!!” ทั้งสองพูดพร้อมกันอย่างตกใจจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมาดู เลอายิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ กินกันหมดแล้วสินะ ขอจานคืนด้วยจ๊ะ ทั้งหมด 60 เซน” เฟริสยื่นเงินไปจ่าย
“แล้วมาอุดหนุนอีกน้า” เด็กทั้งสองกล่าวลาก่อนออกไปเดินดูร้านอื่นๆ กันต่อ ลับหลังเฟริสและเลอาไป อาจารย์ทั้งสองยืนมองหน้ากันอย่างเข้าใจความหมายกันสองคน
“ถึงจะรู้ก็เถอะว่าเด็กนั่นมีน้องชาย แต่ไม่คิดว่า.....น้องชายจะหน้าตาน่ารักขนาดนี้” มาเรียพูดเสียงหวาดๆ นึกถึงเรื่องเก่าๆ ที่ได้ประสบพบเจอมา
“นั่นสิ.....ลองคิดดูว่าเด็กนั่นหวงน้องขนาดไหน วันๆ เอาแต่พูดถึงน้องชายอย่างนู้นน้องชายอย่างนี้ แล้วมีใครไปทำอะไรเด็กคนนี้เข้าล่ะ” ไคน์พูดกลืนน้ำลายเมื่อนึกถึงเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้น
.......ขอให้ปีนี้อย่ามีเรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้นเลย.........
ความคิดเห็น