ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic TVXQ yaoi) ICE2 ; เพราะเรา..ต่างกัน

    ลำดับตอนที่ #59 : - ICE[2] 50 - ถ้าหาก

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 54





    ‘ ICE[2] 50 ’

    _____________

     

                บรรยากาศอันเงียบสงบที่เกิดขึ้นภายในบ้านตระกูลคิมเมื่อคนที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันไม่ได้อยู่ด้วยอย่างทุกๆวันเนื่องด้วยต้องไปจัดการธุระให้เสร็จก่อนวันสำคัญในอีกสี่ห้าวันที่จะถึงนี้   ร่างเล็กที่นั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นขนาดย่อมที่อยู่ติดกับสวน...กระจกใสบานใหญ่ที่ทำให้คนภายในบ้านสามารถมองออกไปด้านนอกได้สบายๆ

    ไอร้อนจากแก้วกาแฟที่ถูกบรรจุลงในแก้วกระเบื้อง ปริมาณของกาแฟภายในยังคงไม่ได้ร่อยหรอไปเท่าใดนัก อาจจะเป็นเพราะว่าคนที่สั่งเจ้านี้มานั่งไม่ได้ให้ความสนใจมันเท่ากับห้วงของความคิดตนเอง ดวงตากลมเล็กที่เหม่อลอยออกไปไกลพลางถอนหายใจออกมา

     

                “ จุนซู...ได้โปรด อย่าเงียบแบบนี้สิ ”

     

                “ อะไรกัน ฉันไม่ได้โกรธนายเสียหน่อยก็แค่...รู้สึกใจหายเฉยๆที่นายกำลังจะไป ”

     

                แค่นั้นเหรอ?  มั่นใจตัวเองไหมว่าคิดแค่นั้น แล้วความรู้สึกที่ยังค้างคาอยู่ในอกอย่างเต็มเปี่ยมนี้...มันคือความรู้สึกอะไรกันหล่ะคิมจุนซู  เขาไม่รู้เหมือนกันว่าปาร์คยูชอนกลายเป็นคนไม่กล้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่กล้าที่จะบอกเพื่อนคนนี้ตั้งแต่แรกและตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เรื่องทุกๆอย่างระหว่างเรา เขาต้องรู้มันจากบุคคลที่สามตลอดมา

     

                ...เมื่อไหร่กันที่เขารู้สึกเหมือนปาร์คยูชอนทำเหมือนว่าเขาเป็นคนนอก ไม่ใช่เพื่อนของนายแบบเมื่อก่อน  เพราะเขาใช่ไหม? เพราะเขาใช่ไหมที่ทำให้ระหว่างเรามันเต็มไปด้วยความลับไปเสียหมด

     

                ยังไงคิมจุนซูคนนี้...ก็ขอได้ยินคำตอบที่แน่ชัดจากปาร์คยูชอนหน่อยได้ไหม เขาจะได้เปลี่ยนแปลงตัวเองถูก

     

                ....เพื่อนาย

     

    _____________

     

                ร่างบางในชุดอยู่บ้านสบายๆเดินย่างกายออกมาจากห้องนอนของตน ขาเรียวทั้งสองข้างพาตนเองเดินลงบันไดมายังชั้นล่างเพื่อตรงไปยังห้องอาหารที่เขามั่นใจว่าแม่บ้านคนรอเขาทานข้าวจนอาหารเช้าเย็นไปหมดแล้ว

     

                “ อรุณสวัสดิ์คะ คุณแจจุง ” ป้าแม่บ้านที่เขาให้ความเคารพมาตั้งแต่เด็กๆกล่าวขึ้นในขณะที่เดินสวนทางกับเขาที่กำลังจะเดินไปเข้าในห้องอาหาร แจจุงเผยยิ้มกว้างแทนคำพูดแล้วเดินไปนั่งลงยังที่นั่งประจำที่ฝั่งตรงกันข้ามเป็นคนที่กำลังยกหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่านจนบดบังใบหน้าคมนั้นไป

     

                “ เด็กน้อย...เธอตื่นสาย ” กระดาษหนังสือพิมพ์ถูกคนที่อ่านอยู่วางลงตรงหน้าพร้อมกับยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ร่างบางเบ้ใบหน้าอย่างหมั่นไส้ก่อนจะมองถ้วยโจ๊กที่ถูกวางลงตรงหน้า

     

                “ ฉันตื่นตามปกติตะหาก นายนั้นแหละที่ตื่นเร็วเกินไป ” หากคนที่ผิดเป็นคิมแจจุงแล้วล่ะก็...คนที่ถูกนั้นแหละต้องผิด มือขาวหยิบช้อนมาตักโจ๊กตรงหน้าเข้าปากอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน ซึ่งคนที่เพิ่งฟื้นไข้มาเมื่อไม่นานมานี้หัวเราะในลำคอพลางพับหนังสือพิมพ์เก็บแล้วเอาวางลงบนพื้นที่ด้านข้าง

     

                “ ฉันกะจะให้เธอลองเข้าไปทำงานที่บริษัทดู...แล้วฉันจะเป็นฝึกงานให้ ”

     

                “ ทำไมต้องฉันล่ะ ”

     

                “ คิมแจจุง...มันเป็นบริษัทของเธอไม่ใช่ของฉัน ฉันก็แค่เข้ามาดูแลแทนในระหว่างนั้นฉันก็ต้องเตรียมความพร้อมให้เธอเพื่อที่จะได้สามารถเข้ามาบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ” หัวกลมส่ายรัว

     

                “ ขอโทษทีที่ฉันไม่ได้เรียนจบด้านนี้มา ”

     

                “ ฮ่ะๆ ตอนแรกฉันไม่ได้บอกเธอหรอกเหรอว่าฉันจะเป็นคนสอนให้ทั้งหมด ”

     

                “ มันก็คงไม่เก่งเท่าคนที่เรียนมาโดยตรงหรอกนะ ”

     

                “ แต่นั้นคือบริษัทเธอ ”

     

                “ โอเค...งั้นถ้าฉันเป็นเจ้าของบริษัท ฉันก็จะขอให้คนอย่างนายทำงานที่นี่ต่อไปในฐานะประธาน โอเคไหม? เยี่ยม! ” ยุนโฮลอบถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นว่ายังไงคนหัวรั้นนี่ก็คงไม่ยอมง่ายๆแน่นอน

     

                “ เธอนี่มัน... ” เสียงมือถือของชองยุนโฮดังขึ้นตัดบทสนทนาของทั้งคู่ไป มือหนาคว้าหยิบมันออกมาจากเสื้อสูทแล้วกดรับสาย  ประโยคไม่กี่ประโยคเท่านั้นที่เขาพูดเพียงแต่ใบหน้าคมนั้นกลับยู่ลงจนเห็นได้ชัด “ เฮ้อ ฉันต้องรีบไปทำงานแล้วหล่ะ อยู่บ้านทำตัวเป็นเด็กดีนะรู้ไหม ”

     

                “ ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้วนะ! ” แม้ว่าร่างบางนั้นควรจะชินได้แล้วที่ชองยุนโฮชอบที่จะหยอกล้อว่าเขานั้นเป็นเด็กอย่างนั้นเป็นเด็กอย่างนี้ แต่ทำไมเขาก็ยังคงต้องโต้เถียงอยู่ทุกครั้งไป  ชองยุนโฮหัวเราะอีกครั้งก่อนจะหยิบกระเป๋าเอกสารมาถือเอาไว้แล้วเดินออกไปจากห้องอาหารโดนที่ไม่ลืมจะก้มลงกระซิบฝากข้อความเล็กๆน้อยๆให้กับแม่บ้านด้วย

     

                “ ผมวานป้าจับตามองแจจุงให้ดีๆแทนผมทีนะครับ ”

     

                ...เขามั่นใจในลางสังหรณ์ของตนเอง...

     

    ______________

     

                “ นี่แกเก็บของเสร็จหมดแล้วเหรอวะเนี่ย? ”

     

                ปาร์คยูชอนที่เดินตามน้องชายเข้ามาในห้องที่คอนโดพร้อมกับถุงขนมที่เพิ่งไปซื้อกันหลังจากไปทำเรื่องเอกสารทั้งหมดเสร็จแล้ว น้องชายหันกลับมายิ้มให้แทนคำตอบแล้วเดินมาเอาถุงขนมที่ซื้อมาไว้กินสำหรับวันที่เหลืออยู่ไปวางที่เคาน์เตอร์

                ซึ่งที่วันนี้ที่เขากลับมาที่คอนโดเพื่อมาเก็บของที่ยังเหลือ ยูชอนเดินกลับเข้าไปในห้องของตนเองโดยที่ไม่ได้ปิดประตูเพื่อว่าน้องของตนเองมีอะไรจะได้ๆยิน ที่คาดผมถูกหยิบขึ้นมาคาดเพื่อที่จะเก็บผมหน้าม้าขึ้นไปไม่ให้ปรกมาทำให้เขารำคาญเวลาก้มเก็บของ

     

                ...เขาไม่ได้รื้อของมานานขนาดไหนแล้วเนี่ย

     

                “ พี่ผมเปิดเพลงนะ ” เสียงของยูฮวานดังออกมาจากด้านนอกห้องพร้อมกับเสียงเพลงสากลที่เปิด บ้านเขาไม่นิยมที่จะเปิดเพลงคลาสสิคเพราะสาเหตุหลักนั้นเกิดมาจากน้องชายของเขาก็ดันกลัวเสียงเปียโนเสียขึ้นสมองทั้งๆที่พี่ชายของมันก็ชอบ เพราะฉะนั้นมันคงไม่ได้เกิดมาจากกรรมพันธุ์แน่นอน

                ร่างสูงฮัมเพลงที่เปิดเบาๆก่อนจะลงมือรื้อของออกมาจากตู้ทั้งหมด ทั้งสิ่งที่อยู่หลังตู้ บนตู้ก็ด้วยเช่นกัน ของบ้างชินที่เขาไม่รู้ว่าเขานั้นได้มาตั้งแต่เมื่อไหร่แต่พอมานั่งนึกมันก็เหมือนเป็นความทรงจำบางอย่างผุดขึ้นมา เหมือนกันรื้อของออกมาเพื่อรำลึกความหลังยังไงอย่างนั้น

     

                กองเสื้อผ้าของเขาถูกพับเก็บใส่กระเป๋าไปโดยความช่วยเหลือจากน้องชาย จะเหลือก็แต่เพียงส่วนน้อยที่ยังคงทิ้งเอาไว้ในห้องต่อไปเพราะยังไงเขาก็ต้องกลับมา ของสำคัญทั้งหมดที่เขารื้อออกมาได้นั้นก็ถูกเก็บเข้ากระเป๋าไปด้วยเช่นกัน

     

                “ โห...พี่ กล่องลังเนี่ยมีแต่ของขวัญทั้งนั้นเลย ” คนที่กำลังจัดของอยู่หันกลับมาดูน้องชายที่เพิ่งเดินไปลากกล่องลังมาจากห้องนั่งเล่น ยูชอนผละออกจากของที่ตนเองเก็บมานั่งลงตรงหน้ากล่องลังที่น้องชายอุตส่าห์ลากมาให้

     

                “ พี่จะเอามันไปหรอ? ”

     

                “ เปล่าหรอก พี่แค่อยากรื้อมันออกมาดูบ้าง...ของขวัญตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมเลยนิหว่า ” มือหนาหยิบจับของต่างๆขึ้นมาดูราวกับเพิ่งได้มันมาใหม่ๆ ของขวัญส่วนมากที่เป็นของประดับเนื่องจากเขาเป็นคนที่ช่างแต่งตัวเลยไม่แปลกที่จะทีใครชื้ออะไรมาให้ บ้างก็รองเท้า เนคไท ต่างหู แหวน สร้อยคอ ตุ๊กตาบ้างก็มี ชื่อเจ้าของของขวัญที่ให้เขาบางคนเขาก็ยังคงจำหน้าตาได้ดี

     

                “ อะ เนี่ยเป็นแหวนคู่ เขาฮิตใส่กันมากเลยนะรู้ไหม มึงกะกูใส่กันคนละวงจะได้เป็นเพื่อนซี้กันตลอดไปไง ”

     

                “ แห๋มมึง! โรแมนติกเป็นเหมือนกันนิหว่า...เจ๋งวะ โคตรสวยเลย ขอบใจนะไอ้จุนซู ”

                .

                “ ของปีนี่กูอยากได้ตัวมึงอะ แจจุง ”

     

                “ หึ...ขอทำไมวะ ก็กำลังจะให้อยู่นี่ไง ”

     

                ไม่น่าเชื่อเลยว่าเพียงแค่เขาหยิบแหวนสีเงินออกมาจากมุมหนึ่งของกล่องลังกระดาษนี้ เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์ต่างก็ระดมกันเข้ามาในหัวพร้อมๆกัน ทุกๆปีในวันเกิดเขา...เขาไม่เคยสนใจของขวัญที่ได้จากเพื่อนร่วมชั้นหรือจากคนที่ชอบเขามากเท่ากับของที่ได้จากสองคน

     

                คนหนึ่งที่หลายๆครั้งที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นกว่าทุกๆทีว่าคราวนี้จะเป็นของขวัญอะไร เพราะอะไรที่เขาเคยบอกว่าชอบอยากได้ถ้ามันไม่ยากที่จะเอาเกินไปนักมันก็กลับกลายมาเป็นของเขาในวันเกิด รวมทั้งความหมายดีๆที่เขาไม่นึกว่าคนขี้อายอย่างคิมจุนซูจะพูดมันออกมา แต่นั้นทั้งหมดก็ในความหมายเพื่อนรัก

     

                ต่างกัน...

     

                คนหนึ่งที่หลายๆครั้งที่ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจในคำคืนที่คล้ายวันเกิดของเขาค่ำคืนอันแสนหวานที่ดูเหมือนคนที่ชอบเอาแต่ใจจะเปลี่ยนมาเป็นเอาใจเขาเป็นพิเศษในวันพิเศษๆแบบนี้คำพูดหยอกเย้าอันแสนหวานที่ได้จากคนรักของเขา คิมแจจุง

     

                “ ผมจัดเสื้อกับของๆพี่เสร็จแล้วนะ ” แล้วเสียงของน้องชายที่ทำให้เขาหลุดออกจากการนึกย้อนไปหาอดีตของตนเอง ยูชอนหันกลับมามองน้องชายพร้อมกับพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเอากล่องลังไปเก็บยังทีเดิม โดยที่ไม่ลืมที่จะจับแหวนอันมีค่าวันนี้สวมลงไปยังนิ้วที่ยังสวมได้อยู่

     

                ...ถ้าเมื่อกี้เขาเผลอบอกไปว่าคิมแจจุงเป็นคนรักของเขาล่ะก็ วานช่วยเติมคำว่าอดีตลงไปข้างหน้าด้วย เพราะตอนนี้คิมแจจุงกับคิมจุนซูมีสถานะเดียวกันคือ เพื่อน

     

    _______________

     

                เสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆภายในร้านอาหารที่กึ่งบาร์นิดๆและไม่ว่าเพลงที่เปิดจะเพราะขนาดไหนหรือคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะแหกปากตะโกนข้ามกรบเสียงเพลงที่เปิดมากเพียงใดชิมชางมินก็ไม่ได้ปวดประสาทเท่าเพื่อนคนนี้หรอก

     

                “ ถ้าเธอไม่เลิกดื่มนะ ฉันจะไม่พาเธอกลับหอจริงๆด้วยยูมิ ” ก็เข้าใจคนกำลังเฮิร์ทนะ แต่อีกไม่ถึงสองชั่วโมงก่อนที่หอจะปิดเวลาอีกเพียงไม่นานที่เขาจะต้องพาคนอกหักนี้กลับหอก่อนที่จะโดนสังหารหมู่

     

                “ นายไม่เคยอกหัก...ไม่รู้หรอกเว๊ย วู๊ววว!! ” ใบหน้าคมส่ายเบาๆอย่างปลงตกพลางจับแก้วเหล้าที่อยู่ในมือเพื่อนสาวมากระดกดื่มแทน

     

                “ ทำอะไรน่ะแม็กซ์!!! ” เสียงหวานที่ฟังดูก็รู้ว่าเมาแอ๋ ร่างโปร่งจังการคว้าแขนเล็กพาดบ่าตนแล้วพาลากออกไปด้านนอกแล้วพยายามเรียกแท็กซี่แถวๆนั้นเพื่อพาตนและเพื่อนตัวเล็กกลับไปยังหอให้เร็วที่สุด “ ฉันจะกลับไปดื่มต่อ อยากกลับก็กลับไปคนเดียวดิ๊แมกซ์! ” ชางมินยอมปล่อยให้เพื่อนสาวเพียงคนเดียวอย่างยูมิระบายอารมณ์ได้ตามใจชอบ

     

                ...เพราะเข้าใจ

     

                “ เจ็บอะ...ฮึก เจ็บมากเลยแม็กซ์ ” สุดท้ายคนที่ออกฤทธิ์จนก็หยุดลงในอ้อกอดของเพื่อนชายขอบตาที่ยังมีรอบน้ำตาจนเปรอะเปื้อนไปหมด ชางมินลูบหลังปลอบยูมิเบาๆไปพลางโดยไม่ได้พูดอะไร

     

                ...เข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกหักหลัง

     

    _____________

     

                “ งั้นเหรอ...อื้อ เสร็จหมดแล้วหล่ะ ” ภาพวิวสวยเบื้องหน้าบวกกับแสงสีส้มที่แสดงถึงเวลาของดวงอาทิตย์ที่จะค่อยๆหมดเวลาลงอย่างช้าๆ มือขาวกรีดตามเนื้อผ้าของผ้าม่านเล่นอย่างเพลินมือในช่วงเวลาที่กำลังคุยโทรศัพท์

     

                “ ขอบคุณนะ ” เครื่องมือสื่อสารที่ถูกใช้งานเสร็จแล้วก็ถูกเจ้าของของมันวางลงยังที่เดิมที่มันเคยอยู่ ร่างบางย้ายตัวเองมานั่งยังเตียงนอนของตนเอง ดวงตากลมโตเหม่อมองไปรอบๆห้องกว้างของตน กรอบรูปที่ถูกตั้งว่างอยู่บนโต๊ะตัวเตี้ย...กรอบรูปที่ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วมันเคยวางหงายขึ้นให้ได้เห็นสิ่งที่เป็นอยู่บนภาพ หากแต่ตอนนี้มันกลับคว่ำลงตั้งแต่หลังจากคราวนั้น

     

                มันเป็นความทรงจำดีๆที่เขาแค่อยากให้มันหยุดอยู่เพียงแค่นั้น ความทรงจำดีๆที่มันอาจจะแปรเปลี่ยนเป็นความทรงจำที่โหดได้เพียงแค่เขาหงายรูปนั้นขึ้นมา ความทรงจำเก่าที่มันกำลังจะเป็นเครื่องเตือนใจว่าณ.ตอนนี้เขาไม่เหลือสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวอีกแล้ว

     

                ...เขาก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่ไม่เคยยอมรับความเป็นจริงได้เสียทีหรือว่าอาจได้ แค่ต้องใช้เวลา หนึ่งปี สองปี สิบปี ครึ่งชีวิต

                                         ...หรือทั้งชีวิต

     

                “ ฉันขอโทษทีนะยุนโฮ ” คิมแจจุงนั่งมองพาสสปอร์ตที่วางอยู่บนกระเป๋าถือ เขาไม่รู้เลยว่าชองยุนโฮจะเป็นยังไงหากรู้ว่าเขาต้องไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ คนๆนี้เป็นคนที่เขาคิดวางแผนดำเนินให้เล่นไปตามหมากในเกมส์ไม่ได้จริงๆ นายมันเป็นสุดยอดมนุษย์

     

                “ บางที...ฉันว่าฉันเข้มแข็งพอที่จะเดินได้ด้วยตัวของตัวเอง ”

     

                ...และบางทีถ้าฉันไม่มีนาย ฉันอาจจะไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ

     

                ถ้าหนทางข้างหน้าของฉันเป็นนรกนายก็คือเทพบุตรที่เดินเข้าไปพาฉันให้หันกลับไปอีกทาง และถ้าหนทางข้างหน้าฉันเป็นเหว...นายก็คงเป็นคนที่กล้าที่จะยื่นมือเข้ามาฉุดเขาให้ขึ้นไปแล้วรอดพ้นจากความตาย

     

                ตอนนี้...นายคงกลายเป็นทุกอย่างสำหรับฉันไปแล้ว

     

    _______________

     

     

                “ อ่ะ เข้ามาก่อนสิ ยูฮวาน ” ร่างบางที่เพิ่งเดินลากกระเป๋าเดินทางใบโตที่ยกออกมาจากท้ายรถ จุนซูเลยต้องเอ่ยปากบอกแม่บ้านแถวๆนั้นให้ช่วยน้องชายคนนี้ยกกระเป๋ามาเก็บเอาไว้ที่ห้องนั่งเล่น

     

                ...ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน

     

                “ พี่นายเข้าอยู่บนห้อง...อยากขึ้นไปหาไหม? ”

     

                “ อ๋อ ไม่ดีกว่าฮะ ผมขอนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่นได้ไหมครับ? ” ใบหน้าหวานของคนพี่พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตก่อนจะเอ่ยขอตัวแล้วเดินขึ้นไปหาพี่ชายของคนที่เพิ่งมาถึงเมื่อกี้ น่าแปลกเสียจริงที่เหมือนกับว่าขาทั้งสองข้างของเขานั้นมันหนักอึ้งเสียจนก้าวขาแทบไม่ออก

     

                หลายคืนมานี่ที่เขาต้องทำตามใจตัวเองสักครั้ง ตาใจโดนการเดินหน้าเข้าไปขอคนที่เขารักเข้าไปในห้องเพื่อขอนอนด้วย มันช่างหน้าอายที่เขาต้องนอนร้องไห้ลับหลังแผ่นหลังกว้างที่หันไปอีกทาง เมื่อไหร่กันนะที่เขากลายเป็นแบบนี้...มันช่างนานเสียจนเขาจำไม่ได้

               

                “ อ้าวยูฮวานมาแล้วเหรอ ดีเลยมาช่วยพี่ถือเสื้อคะ...อ้าวจุนซูเองเหรอ ” ร่างสูงที่ก้มลงเก็บนู่นเก็บนี้หันกลับมาเมื่อเห็นว่าอีกคนที่เดินเข้าไปนั้นเงียบไป แล้วเขาก็เข้าใจผิดว่าคนที่เข้ามานั้นเป็นน้องขายของตนเอง

     

                “ อื้อ น้องนายมาแล้วนะ นั่งดูทีวีอยู่ข้างล่างน่ะ ” ร่างเล็กกล่าวยิ้มๆ

     

                “ อ๋อ..โอเค ”

     

                “ มีอะไรให้ฉันช่วยรึเปล่า ” จุนซูเดินไปนั่งลงยังโซฟาเตี้ยๆที่วางอยู่หน้าเตียง ร่างสูงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าด้วยใบหน้ายิ้มๆ “ วันนี้...ข้าวเย็นเป็นอะไรเหรอ ”

     

                “ อาหารง่ายๆที่ฉันทำน่ะ ” คนตอบระบายยิ้มพร้อมกับร่างสูงที่เดินมานั่งลงข้างๆ

     

                “ นายจะ...ไม่ไปกับฉันจริงๆเหรอจุนซู ” ปาร์คยูชอนสบมองอีกฝ่ายอย่างต้องการคำตอบ แต่สิ่งที่ได้มากลับเป็นเพียงคำปฏิเสธพร้อมทั้งรอยยิ้มหวานเท่านั้น

     

                 “ เดี๋ยวนายก็กลับมานิน่า ” ....ใช่เดี๋ยวก็กลับมา

     

                “ ใช่ ”

     

                “ ยูชอน...ฉันมีอะไรอยากจะคุยกับนาย ”

     

                “ อ๋อ ได้สิ ”

     

                “ มานี่กับฉันได้ไหม.... ”

     

                ...บางทีเขาควรจะต้องการคำตอบที่ชัดเจนเสียที หัวใจดวงนี้จะได้แปรรับสภาพกันมันได้ถูก

     

    _______________

     

                “ เจ้าตัวเล็กนี้กำหนดคลอดก็เดือนหน้าแล้วหล่ะ อ๋า ตื่นเต้นจังเลยยุนโฮ ”

     

                “ นั้นสิ...ฉันจะได้เห็นหน้าหลานเสียที ”

     

                “ เนอะ เขาต้องน่ารักเหมือนฉันแน่ๆเลยหล่ะยุนโฮ...แต่ฉันกลัว กลัวมากจริงๆนะ ยิ่งเข้ามาใกล้แล้ว ฉันก็ยิ่งกลัว ”

     

                “ กลัวทำไมล่ะหื้ม? ถ้าถึงวันนั้น ฉันจะอยู่ข้างๆเธอเองโบอา ”

     

                “ จริงนะ ”

     

                “ จริงสิ ”

     

                “ ยุนโฮ ฉัน---

     

                “ ยุนโฮ! ” ร่างสูงถึงกลับสะดุ้งเมื่อจู่ๆคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามก็เอ่ยปากเรียกเสียลั่น ดวงตาคมที่เหม่อลอยกลับต้องกลับมาจ้องคนที่เรียกด้วยความสงสัย “ อ้าว ทานข้าวหมดแล้วเหรอ วันนี้กินเร็วจัง ”

     

                “ ฉันก็กินเร็วเท่าเดิมทุกวัน นายนั้นแหละที่เหม่อจนยังไม่ได้กินซักคำน่ะ ” ยุนโฮก้มลงมองจากข้าวตรงหน้าที่ยังไม่ได้พร่องไปไหนเลย ร่างบางส่ายศีรษะน้อยๆก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มปล่อยให้คนที่เหม่อนั่งกินข้าวไป

     

                “ แล้วนี่อยู่บ้านทั้งวันทำอะไรน่ะหื้ม? ” คนที่กำลังดื่มน้ำอยู่แทบสำลักออกมาเพราะคำถามนี้ ยุนโฮมองคนที่สำลักน้ำเล็กน้อยแต่เขาก็ยังรีบหยิบกระดาษทิชชูยื่นให้ “ อยู่ก็สำลัก ”

     

                “ ใครให้มาถามตอนดื่มน้ำอยู่เล่า ” ...เกี่ยวไหมล่ะเนี่ย

     

                “ ฮ่าๆๆ อะไรขนาดเธอเนี่ย แล้วตกลงทำอะไรน่ะหื้ม? ” คิมแจจุงถอนหายใจพลางเม้มริมฝีปากเน้น ปกติอยู่ด้วยก็ใช่ว่าจะถามกันหรอก นึกยังไงถึงได้ถามกัน

     

                “ จะทำอะไรล่ะ ก็ทำเหมือนอย่างทุกๆวันนั้นแหละ ”

     

                “ งั้นก็ดีแล้ว...อย่าดื้ออย่าซนนะรู้ไหม ”

     

                “ รู้แล้วล่ะน่า!

     

                “ ดีมากเด็กน้อย ”

     

                “ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ ”

     

                “ เธอเด็กสำหรับฉันเสมอแจจุง ”

     

    ______________

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×