คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : *.:。 ICE3; เพราะเรา..ไม่คู่ควร ● Begin 100%
‘ ICE[3]1 ’
_____________
“ พูดมาได้ยังไงว่าหายไป!! ” เสียงทุ่มต่ำของประมุขของตระกูลตะคอกแม่บ้านที่เดินมารายงานทั้งที่ร่างสั่นงกๆ ดวงตาทรงอำนาจจรดจ้องเขม่งราวกับจะให้ทุกๆอย่างรอบกายไหม้กระจุย
“ ดูแลกันยังไง ลูกชายฉันถึงได้หายไป! ” ชายร่างสู่งโปร่งเต็มไปด้วยสง่าตรงปรี่เข้าไปหมายที่จะฟาดใบมือลงที่ใบหน้าการ์ดที่ได้รับหน้าที่เฝ้าคุณหนูของบ้าน หากแต่มีมือข้างหนึ่งตรงเข้าจับเอาไว้เสียก่อน
“ ผมว่า...ท่านอย่าเสียเวลาจัดการกับคนพวกนี้เลยครับ เอาเป็นว่าผมจะให้คนของผมตามหาให้อีกแรง ” เสียงเบสดังขึ้นก่อนจะปล่อยให้มือของชายแก่ให้เป็นอิสระ ดวงตาคมเหล่มองการ์ดที่หวิดโดนเจ้าหน้าลงมือเป็นเชิงบอกให้ไปทำหน้าทีของตนเสีย
“ ฉันฝากด้วยนะ ยูชอน ”
“ คิมแจจุงเป็นคู่หมั่นของผม...ยังไงผมก็ต้องหาเขาให้พบ ”
_______________
...ผมไม่เคยเชื่อว่านางฟ้ามีจริง แต่วันนี้ผมอาจจะต้องเชื่อเสียแล้วว่านางฟ้ามีจริง
...ก็ในมือเขาลอยลงมาจากสวรรค์ ลงมานอนตรงหน้าของผมแล้ว
“ เฮ้..คุณ ” มือหนาเขย่าสีข้างของร่างบางเบาๆเพื่อปลุกให้ร่างบางที่นอนซุกผ้าห่มอยู่นั้นตื่นขึ้นมาทานข้าวเช้าที่เขาเดินลงไปซื้อมาให้...น่าแปลกที่เขาลงทุนเดินลงไปซื้อโจ๊กมาทั้งๆที่ปกติข้าวเช้าของเขาก็เป็นเพียงแค่นมหนึ่งแก้วเท่านั้น
เสียงหวานครางเบาๆก่อนที่เปลือกตาสีน้ำนมจะค่อยๆเปิดออกเผยให้เห็นดวงตากลมสวยซึ่งมีนัยน์ตาสีดำสนิท เขาไม่ค่อยเห็นคนที่มีดวงตาสีดำเข้มแบบนี้เท่าใดนัก
“ ปวดหัวจัง... ” มือขาวยกขึ้นกุมขมับของตนเองพลางเงยหน้ามองคนที่ปลุกตนให้หลุดออกจากห้วงแห่งนิทราและดูเหมือนว่าเขาเองจะหวาดกลัวไม่น้อยเนื้อตัวถึงได้สั่นขนาดนี้
“ ตื่นขึ้นมาทานข้าวก่อนสิจะได้กินยา ” ร่างสูงเดินนำร่างบางไปยังห้องครัว คิมแจจุงค่อยๆยันตัวขึ้นนั่งทั้งๆที่ปวดหัวจนแทบระเบิด ขาเรียวค่อยๆก้าวด้วยแรงที่ไม่มั่นคงเท่าใดนัก...ดวงตากลมมองไปตามส่วนข้างๆของบ้านหลังเล็กๆ ใช่เล็ก..บ้านหลังนี้เล็กมากแม้ว่าจะตกแต่งอย่างมีสไตล์ก็ตามที
ร่างบางก้มลงมองเสื้อผ้าที่ตัวเองนั้นได้สวมใส่อยู่และก็พบว่ามันไม่ใช่เสื้อผ้าที่ตนเองนั้นได้ใส่ไปเมื่อวาน แต่มันกลับเป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อเชิ้ตตัวโคล่งๆที่เขามั่นใจว่ามันคงไม่ใช่ของตนเองเป็นแน่
“ เอา...มานั่งนี่สิ ” ยุนโฮหันมองคนที่เอาแต่ยืนนิ่งแล้วก็ต้องเดินไปลากร่างบางมานั่งยังโต๊ะอาหารขนาดเล็กที่สามารถนั่งได้เพียงแค่สี่คนเท่านั้น ร่างสูงเดินไปเทโจ๊กออกจากถุงก่อนจะเดินมาวางเอาไว้ให้ตรงหน้าร่างบางที่ยังคงนั่งนิ่ง ส่วนเขาเองก็เทของตนเองแล้วเดินมานั่งกินเงียบๆอีกด้าน
“ จะนั่งรอให้โจ๊กมันลอยเข้าไปในปากไหมหืม? ” เมื่อเห็นว่าร่างบางยังไม่ยอมตักโจ๊กเข้าปากเสียที เขาก็เลยต้องเอ่ยทักท้วงก่อนที่มันจะได้เย็นไปจนหมดอร่อยไปเสียก่อน มือบางค่อยๆหยิบช้อนขึ้นมาตักโจ๊กตรงหน้าเข้าปาก
“ รสชาติ..ใช้ได้ไหม? ” ยุนโฮมองดูร่างบางที่พยักหน้าน้อยๆก่อนจะอ้าปากกินโจ๊กในชามตรงหน้าอย่างรวดเร็ว...ก็คงจะอร่อยอย่างที่ว่าจริงๆนั้นแหละ
“ ว่าแต่...ฉันยังไม่รู้จักชื่อนายเลย ฉันชองยุนโฮนะ ”
“ แจจุง..คิมแจจุง ” และก็เป็นอีกครั้งที่ร่างสูงได้เห็นถึงนัยน์ตาสีสวยอย่างชัดเจนหลังจากที่เจ้าตัวพยายามที่จะก้มหน้าก้มตาตลอดเวลา รอยยิ้มเผยออกเล็กน้อยก่อนที่เจ้าของรอยยิ้มนั้นจะกลับไปสนใจอาหารเช้าตรงหน้าของตนเองต่อ ร่างบางที่นั่งอยู่อีกด้านค่อยๆพินิจมองอีกคน
...คนนี้สินะ ที่เขาเห็นเมื่อวาน ทั้งๆที่เขาเดินออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ
...ชอง ยุนโฮ
“ หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ? ” คำถามที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแถมใบหน้าคมที่เงยหน้าขึ้นมีอีก ยุนโฮมองคนที่สะดุ้งไปพลางหัวเราะในลำคอ...กลัวอะไรเขานักหนาเนี่ย
“ ปล่ะ...เปล่า ” ยุนโฮพยักหน้ารับก่อนจะก้มลงกินข้าวต่อ หากแค่คนที่เพิ่งพูดจบไปนั้นเม้มริมฝีปากเน้น มือบางทั้งสองข้างที่ประสานกันอยู่ที่ตักบีบเข้าหากันเล็กน้อยอย่างลืมตัว
...ทำไมแบบนี้ถึงได้กลัว...
“ ....เออ ” เสียงหวานครางเบาๆอย่างต้องการที่จะเริ่มต้นสนทนาหากแต่พอใบหน้าคมเงยขึ้นมาเท่านั้นร่างบางก็เงียบไป คราวนี้เงียบไปไม่พอใบหน้าหวานยังก้มลงต่ำอีกตะหากเล่นเอาคนที่ตั้งใจจะฟังคำพูดของร่างบางถึงกลับงงไปไม่น้อย
“ เอา...มีอะไร พูดออกมาเถอะน่า ฉันไม่กัดเธอหรอก ” จนจุดท้ายแล้วเขาเองก็ต้องเป็นฝ่ายบอกให้ร่างบางพูดขึ้นมา ก็จะให้ว่ายังไงเล่า อ่ำๆอึ้งๆอยู่อย่างนี้มันก็ค้างน่ะสิอีกอย่างมีปัญหาอะไรจะได้ช่วยได้ ยุนโฮมองคนที่ค่อยๆช้อนสายตาขึ้นมองเขาพร้อมกับริมฝีปากอิ่มที่อ้าออกเล็กน้อย
“ คือ...ขอบคุณนะ ที่ช่วย ” ยุนโฮแทบอยากจะหัวเราะให้ลั่น ที่จะพูดก็แค่คำไม่กี่คำเองแต่ร่างบางกลับตัดสินใจนานมากที่จะพูดมัน...ท่าจะเป็นคุณหนูที่ไม่เคยยอมใครละมั้งเนี่ย
“ อื้ม ไม่เป็นไร ว่าแต่... ” ร่างสูงเว้นช่วงเอาไว้พักหนึ่งพร้อมกับเจ้าตัวที่เดินเอาชามของทั้งตนเองและร่างบางไปเป็นที่ซิงค์ แล้วเดินกลับมานั่งยังที่เดิม “ จะกลับบ้านยังไงล่ะ...ให้ไปส่งที่ไหนดี ”
“ เออ... ” ยุนโฮเลิกคิ้วมองร่างบางที่น่าจะเป็นคุณหนูผู้ดีอะไรเถือกนั้น เพราะจาดการคาดเดาของเขาจากเมื่อคืน ...คนธรรมดาไม่มีใครบ้าสั่งสูทราคาแพงขนาดนี้ ต่อให้เขาบ้านจนขนาดไหนแต่เขาก็พอจะได้ยินแบรนด์ชื่อดังก่องโลกมาบ้าง แล้วดูท่าว่าร่างบางจะสวมมันได้อย่างพอดิบพอดีราวกับสั่งตัด ไหนจะเป็นผิวนิ่มๆนั้นอีก เหมือนกับไม่เคยตากแดดตากลม
“ บ้านเธออยู่ไหน ฉันจะได้ไปส่งถูก...หรือว่าจะโทรให้ที่บ้านมารับละ ” ทันทีที่พูดจบร่างบางก็ส่ายหน้าทันที ยุนโฮมองคนตรงหน้าด้วยความสงสัยไม่น้อย
“ เออ..คือว่า ฉันยังไม่อยากกลับ ”
“ ไม่อยากกลับ? แล้วจะไปอยู่ที่ไหนหื้ม? ” คำถามที่ยิงใส่ยิ่งทำให้ร่างบางของคิมแจจุงเครียดหนัก แจจุงใช้เวลานานมากในการคิดว่าตนเองควรจะทำยังไงต่อจากนี้...ใช่ มันเป็นความจริงที่ว่าเขานั้นไม่ต้องการที่จะกลับไปยังที่บ้านตอนนี้ เขาไม่อยากกลับไปเจออะไรที่นั้น บางที..เขาอาจอยากที่จะใช้เวลาเหมือนกันวัยรุ่นคนอื่นๆบ้าง...
“ ฉันไม่รู้... ” สุดท้ายแล้วร่างบางก็บอกไปตรงๆตามใจคิด ยุนโฮหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินมายืนอยู่ข้างๆ “ ทะเลาะที่บ้านมารึยังไง ถ้าเป็นอย่างนั้น...เธอก็ควรที่จะกลับไปคะ---- ”
“ ไม่...ฉันไม่อยากกลับ ”
“ ละ--- ”
“ ฉันคนรบกวนนายนานเกินไปแล้ว ขอตัวก่อนนะ ” ร่างบางทำท่าจะเดินออกไปจากบ้าน หากแต่ยังไม่ทันได้เดินออกไปเกินห้องครัวก็ถูกร่างสูงคว้าข้อมือบางเอาไว้ก่อน
“ เอาหล่ะๆ...ฉันไม่ได้ว่าอะไรหรอกถ้าเธอจะมาอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว ” ร่างสูงกอดอกพูด
...ก็ถือว่าเป็นการช่วยลูกนกลูกกาไป...
“ แต่ฉันปล่อยให้เธออยู่บ้านนี้คนเดียวไม่ได้ อีกอย่างคือวันนี้ฉันไม่ได้อยู่บ้าน ” เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้เขาก็ต้องไปทำงานพิเศษที่ร้านป้าซื้อเป็นแม่ของเพื่อนเขานั้นแหละ ยุนโฮมองร่างบางที่เอาแต่ยืนนิ่งแล้วก็ต้องถอนหายใจ
...อะไรกันวะ เอาใจยากจริง
“ เฮ้อ ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปหาอะไรทำกันก็ได้ เผื่อจะได้สบายใจขึ้น ” เป็นอีกครั้งที่มือหนาต้องเป็นฝ่ายกุมมือบางแล้วพาไปยังตู้เสื้อผ้าของตนเองที่อยู่ในห้องนอน “ เสื้อผ้านายมันเปื้อนก็เลยส่งซัก คนซักยังไม่ได้เอาขึ้นมาให้เลย..ยังไงวันนี้ก็ใส่ของฉันไปก่อนแล้วกันนะ ”
ยุนโฮพยายามควานหาชุดที่ดูน่าจะเข้ากับร่างบางได้มากที่สุด เพราะเสื้อที่เขาใส่นั้นมันก็มีแต่ขนาดตัวเขาทั้งนั้น สรุปแล้วเขาผิดที่เกิดมาตัวใหญ่หรือว่าผิดที่เจ้าคนตัวเล็กนี้ดีนะที่เกิดมาตัวเล็กน่ะ
_____________
“ พี่จุนซูฮะ ”
คนที่ยื่นอยู่ตรงริมบันไดสะดุ้งเล็กน้อยที่จู่ๆเขาก็ถูกเรียกให้ดึงสติกลับมา ใบหน้าหวานของเจ้าของชื่อหันกลับมามองยังต้นเสียงที่เอ่ยเรียกเขา คนที่เรียกส่งยิ้มรับอรุณกลับไปก่อนจะเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างๆ
“ เสร็จแล้วเหรอครับ ” คนที่ถูกถามขานรับสั้นๆ
“ ป้ายูริเพิ่งทำอาหารเช้าเสร็จเลย ผมเลยขึ้นมาตามคุณหะ--อ่ะ คุณยูฮวาน ” คุณหนูที่ว่าเมื่อได้ยินคำเรียกก็ตีสีหน้าดุจนคนพูดต้องรีบเปลี่ยนมันใหม่แทบจะทันทีนั้นแหละเขาถึงจะกลับมายิ้มร่าเหมือนเดิม “ งั้นก็ลงไปทานกันเถอะฮะอยากทานจะแย่ มันต้องเป็นของโปรดผมแน่ๆเลย ”
“ ฮ่าๆ อะ ค่อยๆลงสิคุณยูฮวานน ! ” คนที่ถูกจับมือแล้วพาลาก ย้ำว่าลากลงบันไดไปอย่างเร็วเพราะตนเองนั้นแทบจะก้าวท้าวตามคนตัวเล็กข้างหน้าไม่ทัน ของโปรดที่ว่านั้นก็คืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่อเมริกัน เบรกฟัส อาจจะเพราะเจ้าตัวไปอยู่ที่นั้นเกือบสิบปีก็เลยทำให้เบื่อก็เป็นได้
เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังลงมาทำให้แม่บ้านที่อยู่ด้านล่างพอจะรู้ได้ว่าคุณหนูคนเล็กของบ้านลงมาพร้อมกับผู้ดูแลส่วนตัว เมื่อทั้งคู่เดินลงมาปาร์คยูฮวานก็ส่งยิ้มกว้างให้ป้ายูริที่ยืนยิ้มอยู่ที่ตีนบันได หล่อนยิ้มรับพลางหัวเราะเบาๆที่เห็นคนดูแลคุณหนูจอมป่วนโค้งตัวหอบน้อยๆ
“ ป้าเตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้แล้วนะคะ เดี๋ยวจะไม่ร้อนเอา ”
“ แล้วพี่ยูชอนไปไหนล่ะฮะ ”
“ คุณชายออกไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะครับ ” คราวนี้คนที่ตอบกลับเป็นคนที่ยืนหอบอยู่ด้านหลัง ใบหน้าหวานของคุณหนูคนเล็กของบ้านเอียงคอเล็กน้อยเป็นนิสัยยามที่ตนเองเกิดสงสัยอะไรเพราะอย่างนั้นไม่ต้องบอกคิมจุนซูก็รู้ดีกว่าเจ้าตัวสงสัยอะไร
“ เห็นว่ามีธุระแล้วก็รีบออกไปนะ ออกไปได้สักพักแล้วล่ะครับ ”
“ เหรอ...อื้อ ช่างพี่เขาเถอะพี่จุนซูก็มาทานข้าวได้แล้วฮะ ตัวเล็กเหลือแค่นี้แล้ว ” แล้วก็เป็นอีกครั้งที่คนชายคนเล็กพาผู้ดูแลส่วนตัวไปนั่งทานข้าวที่ห้องอาหารวันนี้ก็คงไม่ได้แตกต่างไปจากทุกวันมากเท่าไหร่เพราะนานๆทีพี่ชายของเขาถึงจะได้มาร่วมทานอาหารเช้าด้วย
“ วันนี้คุณยูฮวานมีเรียนตอนสิบโมงใช่ไหม งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง--- ”
“ ไม่ต้องหรอกฮะ วันนี้ผมขับรถไปเองดีกว่า ” รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของยูฮวานนั้นทำให้จุนซูรู้ว่าเจ้าตัวจะเอาแบบนั้นและขัดข้องไม่ได้
คิมจุนซู...เขาเป็นคนที่บ้านตระกูลปาร์คเก็บเขามาเลี้ยงแล้วเขาก็เป็นคนสนิทกับปาร์คยูชอนเมื่อสมัยเด็กๆเขาอยู่ด้วยกันบ่อยๆจนกระทั้งเขาทั้งคู่ต้องอยู่ห่างกันมากขึ้นเมื่อยูชอนต้องไปเรียนที่ต่างประเทศเพื่อที่จะได้กลับมาบริหารบริษัทเป็นคนต่อไป ส่วนเขานั้นก็มีหน้าที่ดูแลปาร์คยูฮวานซึ่งเป็นน้องชายหลังจากที่กลับมาจากอเมริกาเมื่อไม่นานมานี่แต่ทั้งคู่กลับสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว
ปาร์คยูฮวานลอบเงยหน้ามองใบหน้าสวยหวานของคนตรงหน้า คนที่เขานับถือเสมือนเป็นพี่ชายของเขาอีกคน และเพราะเขาอยู่ใกล้กับคิมจุนซูมากที่สุดเขาถึงได้รู้อะไรมากมายเพราะเขาเองก็ไม่ใช่เป็นคนอ่อนต่อโลกอะไรนักหนา
...ชีวิตคนก็เหมือนหนังน้ำเน่าดีๆนิเอง
เขาไม่สงสัยเลยว่าที่พี่ชายตนเองหายไปไหน ซึ่งนี้เป็นเวลาเช้าเกินกว่าที่พี่ชายของตนเองนั้นจะเข้าบริษัท เพราะฉะนั้นแล้วที่ๆพี่ชายของตนเองจะไปนั้นก็คือ บ้านตระกูลคิมหรือว่าง่ายๆคือไปหาว่าที่พี่สะใภ้ของเขาเอง
_______________
คนสองคนที่เดินคู่กันเดินไปตามทางถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย คนๆหนึ่งที่ต้องผ่านเส้นทางเส้นนี้เป็นประจำจึงไม่แปลกที่จะเห็นสภาพแวดล้อมเสียจนชินตา หากแต่อีกคนกลับมองฝั่งซ้ายซึ่งเป็นร้านขายของอย่างตื่นเต้นราวกับไม่เคยเห็นก็ไม่ปาน
“ ไม่เคยมาแถวนี้เหรอ? ” คนที่สังเกตอาการของคนข้างกายมาโดยตลอดจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือใบหน้าหวานที่ส่ายน้อยๆ
“ เคยผ่านนะ...แต่วันนี้รู้สึกน่าสนใจกว่าทุกวัน ” ชองยุนโฮเลิกคิ้วสูง...มันก็เป็นแบบนี้อยู่ทุกวันไม่ใช่หรือยังไงกัน? แม้จะสงสัยไปเรื่อยแต่ท่าทางของร่างบางที่ดูจะสนใจร้านเสื้อผ้าที่เป็นแบบแฮนด์เมดมากกว่าร้านไหนๆ “ อยากเข้าไปดูไหม? ”
“ เข้าๆ ” เจ้าตัวแทบไม่สนว่าคนที่ถามนั้นจะอนุญาตหรือไม่หรือว่าจะเดินตามรึไม่เดินตามไป เจ้าตัวก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งหายเข้าไปในร้านเสียแล้ว ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วร้านอย่างสนอกสนใจทำเอาคนที่เดินตามมาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“ ยุนโฮดูสิ...เสื้อตัวนี้สวยจัง ถูกอีกตะหาก..ยะ--- ”
“ ผมว่า...เสื้อเนื้อผ้าหยาบแบบนี้คุณไม่ควรใส่หรอกครับแจจุง ” แทนที่จะเห็นคนที่ช่วยชีวิตเขาอยู่ตรงหน้าแต่มันกลับเป็นคนที่ตนเองพยายามหนีมาตลอดแม้จะรู้ว่าทำไม่ได้ก็ตามที “ ยูชอน... ” เสื้อในมือถูกร่างสูงหยิบไปแล้วนำไปวางพิงเอาไว้กับราวแขวนเสื้อ
“ คุณพ่อของคุณโมโหมาก...มันคงไม่ดีแน่ๆถ้าคุณยังจะอยู่เล่นที่นี่ต่อไป ” ดวงตากลมโตเหลือบลงต่ำก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงคนที่เดินตามเขามาที่หลัง “ ยุนโฮ! ” ภาพที่เขาเห็นแทบไม่เชื่อสายตาเลยว่าสองแขนของคนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้จะถูกการ์ดสองคนช่วยกันหิ้วปีกคนละข้าง
“ ยูชอน ปล่อยยุนโฮนะ!! ” แม้จะหันมาสั่งก็ตามทีแต่ยังไงเสียการ์ดสองคนนี้ก็มีหน้าที่ทำตามคำสั่งของเจ้านายแต่เพียงผู้เดียวซึ่งเจ้านายที่ว่าก็ทำแค่ยืนมองอยู่เฉยๆ
“ โอเค...คนนี้ช่วยชีวิตแจเอาไว้ ถ้าไม่ได้เขาช่วยป่านนี้ไม่รู้ว่าแจจะเป็นยังไงบ้าง แจคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงหน้ายูชอนแบบนี้หรอก ”
“ ปล่อยหมอนั้นซะ ” เมื่อได้รับคำตอบการ์ดทั้งสองคนก็ทำตามอย่างว่าง่าย ร่างบางของแจจุงจึงรีบตรงเข้าไปดูอาการของคนที่เบ้ปากด้วยความเจ็บ “ เป็นอะไรไหมยุนโฮ ”
“ ไอ้หมอนี้เป็นใครวะ! ” ใช่ตอนนี้ชองยุนโฮกำลังโกรธ
“ นายรู้จักฉันไปก็คงไม่ได้ทำให้ชีวิตนายมันดีขึ้นหรอก ” สาบานได้เลยว่าถ้าเขามีกำลังพอ เขาคงได้พุ่งเข้าไปต่อยปากหมอนี้สักสองสามที ร่างสูงที่เคยเห็นอยู่ห่างๆแต่ตอนนี้กลับเดินตรงเข้ามาพร้อมกับคว้าข้อแขนเล็กของคิมแจจุงไปด้วย
“ นี่นาย!! จะเอาแจจุงไปไหนน่ะ ”
“ ฉันก็...มาเอาคู่หมั่นของฉันกลับบ้านน่ะสิ ”
_______________
ร่างสูงเดินเข้ามาภายในห้องโดยเคาะประตูไม้นั้นเป็นเชิงขออนุญาต ในมือถือหลอดยาเข้ามาพร้อมกับนั่งลงบนเตียงข้างๆเจ้าของเตียงที่ยังคงนั่งนิ่งพร้อมทั้งขอบตาที่ยังคงเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา แก้มนิ่มที่แรงผ่าวแถวด้วยรอยแดงเป็นรอยมือ
เพียงแค่คิมแจจุงก้าวเข้ามาในบ้านนี้ ก้าวเข้ามายืนตรงหน้าคนเป็นพ่อฝ่ามือนั้นก็ตรงเข้าปะทะอย่างแรงเข้าที่ใบหน้าและเขามั่นใจว่าถ้าปาร์คยูชอนไม่เข้าไปห้ามหรือรับแทนนั้นเขาคงไม่ใช่แค่หยิบยามาทาเพียงแค่แก้มเท่านั้น
“ เจ็บมากไหมครับ ” พูดไปก็ค่อยๆบรรจงป้ายตัวยาไปเบาๆ ใบหน้าหวานที่ไม่ได้แสดงอาการใดๆนั้นก็ยิ่งทำให้คู่หมั่นเป็นห่วง “ คุณพ่อคุณแค่โมโหน่ะ เดี๋ยวซักพักเขาก็อารมณ์เย็นขึ้น ”
ยูชอนเก็บยาลงในลิ้นชักข้างหัวเตียงแล้วกลับมานั่งเงียบๆข้างๆร่างบางที่ยังคงไม่ยอมเปิดปากพูดกับเขาคำแม้แต่คำเดียว
“ วันหลังถ้าคุณอยากไปไหนก็บอกผมสิ ผมสามารถพาคุณไปได้ทุกทีเลยนะอีกอย่างคือพ่อคุณเขาจะได้ไม่เป็นห่วงด้วย ” เพราะยูชอนรู้ว่าคิมแจจุงนั้นไม่สามารถออกไปไหนได้ถ้าไม่ได้ไปกับทางบ้านหรือไม่ก็ไปกับเขา แต่ถ้าจะได้ความเป็นส่วนตัวมากที่สุดก็คือต้องไปกับเขา
เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าคู่หมั้นของเขานั้นไม่ได้เต็มใจที่ได้จะรับเขาเป็นคู่หมั้นเลยแม้แต่น้อย ทั้งเขาและแจจุงเองต่างก็ถูกหมั้นหมายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวเช่นกัน หากแต่มันต่างกันตรงที่ว่าเขานั้นกลับดีใจที่จะได้แต่งงานกับคิมแจจุง
...คนๆเดียวที่เขารู้สึกอยากที่จะเป็นเจ้าของไปตลอด
“ ผมขอตัวเข้าบริษัทก่อนแล้วกัน ถ้ามีอะไรต้องโทรบอกผมนะครับ ” เรือนผมนิ่มถูกมือหนาลูบมันเบาๆก่อนที่เจ้าของมือหนานั้นจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องโดยไม่รอให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงเอ่ยปากบอกลาใดๆ เพราะคงยากที่จะให้อีกฝ่ายพูดมันออกมา
______________
ความคิดเห็น