ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชำแหละ DIVINE EPIC

    ลำดับตอนที่ #1 : ไร้สาระ 01: ความเป็นมาโดยคร่าวๆ ของ Divine Epic

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 53



    ไร้สาระ 01: ความเป็นมาโดยคร่าวๆ ของ Divine Epic


     

    สัมภาษณโดย - เจ้าเขียว
    ให้สัมภาษณ์โดย - ไรเตอร์

    สวัสดีครับทุกท่าน ยินดีต้อนรับสู่รายการ "ชำแหละ Divine Epic" ครับ
    อะไรที่ไรเตอร์ปิดบังเอาไว้ เราจะขอประจานกันให้หมดตรงนี้
    เอาแบบเปลื้องผ้าล่อนจ้อน ชนิดที่ไรเตอร์ต้องอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีกันไปเลย
    เตรียมใจไว้ซะ เจ้าไรเตอร์! กว๊าก 5555+


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------

    เริ่มรายการ - กล้องแพนไปที่โต๊ะซึ่งมีเจ้าเขียวและไรเตอร์นั่งหันหน้าเข้าหากัน

    เจ้าเขียว: อืม... ว่าแต่ทำไมตรูต้องมาสัมภาษณ์เอ็งด้วยฟะ... ค่าจ้างก็ไม่ได้สักบาท...
    มีอะไรอยากบอกกะท่านผู้อ่านก็บอกเองสิ หนอย... ทำมาเหนียม


    ไรเตอร์: (หันไปทางเจ้าเขียว) นี่เจ้าเขียว อยู่หน้ากล้องช่วยพูดให้สุภาพหน่อย ท่านผู้ชมทางบ้านเขาดูอยู่นะ
    (หันหน้ากลับมาทางกล้อง) เอ่อ... สำหรับใครที่หลงเข้ามากระทู้นี้แล้วงง ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
    ก็เข้าไปอ่านนิยายเรื่อง Divine Epic (มหากาพย์เทพประยุทธ์) ได้นะครับ (ถือโอกาสโฆษณาซะ 55+)

    เจ้าเขียว: เออ..แล้วไง ทำไมถึงมาเขียน Divine Epic


    ไรเตอร์: เล่าแล้วเรื่องมันยาว คือกลางฤดูร้อนวันหนึ่ง จู่ๆ ผมก็ได้พบกับนางฟ้าผู้ลึกลับ
    ชะรอยเธอคือเทพมิวส์ซึ่งเคยมอบแรงบันดาลใจให้กับกวีโฮเมอร์
    ดูเหมือนนางฟ้าผู้ลึกลับตนนี้จะกำลังลำบากอยู่ ผมจึงถามว่ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้บ้าง
    ในตอนนั้นเองเทพธิดาหูแมวก็เข้ามากระซิบว่า
    "ถ้าเจ้าอยากช่วยนางฟ้าตนนั้นก็จงเขียนนิยายให้กรุ๊ปซะ!"

    เจ้าเขียว: พอละ ยิ่งพูดยิ่งเพ้อเจ้อ ช่วยพูดภาษาคนได้มะเพ่

    ไรเตอร์: แหะๆ โอเคครับ คือตอนนั้นที่กรุ๊ป...(คลิกเข้าไปดูกันเอาเอง อิอิ)
    เขาจัดประกวด หาคนแต่งนิยายประจำกรุ๊ปอยู่ ตอนนั้นมีคนสมัครแค่คนเดียว
    ก็กลัวว่าการประกวดจะไม่ครึกครื้น ผมเลยเอาพล็อตเก่าๆ มาปัดฝุ่นแล้วส่งประกวด
    ที่ไหนได้ดันชนะ นิยาย Divine Epic จึงมาปรากฏแก่สายตาผู้อ่านด้วยประการฉะนี้ครับ
    (ตอนนี้ก็ยังอยากอ่านเรื่อง "รักเธอจัง ยัย MSN" (นิยายอีกเรื่องที่ลงประกวด) อยู่เลยนะเนี่ย)

    เจ้าเขียว: แล้วพล็อตนิยาย Divine Epic นี่ ได้มายังไง

    ไรเตอร์: ช่วงนั้นกำลังติดเกม MBA (Magical Battle Arena)
    เป็นแนวสาวน้อยจอมเวทย์ ปล่อยเวทย์มนต์ห้ำหั่นกันกลางอากาศอย่างระเบิดเถิดเทิง
    ผมก็เลยคิดว่าเราน่าจะลองเขียนแนวนี้ดูบ้าง

    เจ้าเขียว: ไอ้โอตาคุเฒ่าเอ๋ย.... (พูดกับตัวเอง)

    ไรเตอร์: เอ๋... เมื่อกี้ว่ายังไงนะครับ

    เจ้าเขียว: เปล๊า... คิดไปเองมั้ง แก่แล้วก็หูเฝื่อนยังงี้แหละ มาต่อกันดีกว่า แล้วแนวเรื่องล่ะ

    ไรเตอร์: อืม... ก็เริ่มจากวางตัวละครที่มีเอกลักษณ์ก่อนมั้ง ตัวละครสี่ตัวแรกก็คือ
    นามิ ฟริกก้า อลิเซีย แล้วก็กฤษณ์ พอเห็นหน้าตาตัวละครแล้วก็ค่อยนึกออกว่า
    เรื่องควรจะเป็นยังไง ก็เผอิญว่าชอบอ่านเรื่องเทพปกรณัมของชาติต่างๆ อยู่แล้ว
    ก็เลยหยิบตรงนั้นมาเป็นฉากของเรื่อง แต่ครั้นจะเขียนเป็นโลกแฟนตาซี 100% ไปเลย
    มันก็รู้สึกจำเจ แนวเรื่องจึงออกมาเป็น "การผจญภัยของเด็กหนุ่มในดินแดนแห่งเทพปกรณัม"

    เจ้าเขียว: ไอ้นั่นก็จำเจเพ่ พี่ยุ่นแกเขียนแนวนี้มาหลายสิบปีละ
    (ดูโดราเอมอนภาคพิเศษตอน "การผจญภัยของโนบิตะ..." แต่ละตอนเป็นตัวอย่างได้)


    ไรเตอร์: (ผิวปาก) พักนี้ฝนตกบ่อยจังเลยนะครับ ท่านผู้อ่านเองก็อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ!

    เจ้าเขียว: งั้นช่วยพูดถึงขั้นตอนการเขียนหน่อยครับ

    ไรเตอร์: ขั้นตอนการเขียนก็คือ... ไม่มีขั้นตอนครับ พูดอีกอย่างก็คือเปิดอิสระ
    จะให้เรื่องเดินไปทางไหนจบแบบไหนก็ไม่ต้องคิดอะไร อิมโพรไวส์กันตอนต่อตอน
    ผมว่าทำอย่างงี้มันดูไม่ปิดกั้นความคิดตัวเองแล้วก็ตื่นเต้นดี

    เจ้าเขียว: นั่นเขาเรียกชุ่ยแล้วเพ่

    ไรเตอร์: (สีหน้าชักเครียด) คือ...ก็มีโจทย์อยู่นิดหนึ่งเช่น
    อยากจะดำเนินเรื่องในลักษณะที่ตัวละครจะค่อยๆ ไขปริศนาไปเรื่อยๆ
    และบทบู๊ก็มีความเป็นเหตุเป็นผล คล้ายๆ วิทยาศาสตร์ผสมเวทย์มนต์แบบ
    To Aru Majutsu no Index

    เจ้าเขียว: นั่นก็แค่ตอนกฤษณ์ประลองกับอลิเซียไม่ใช่เรอะ
    พักหลังนี่ชักเลอะเทอะใหญ่แล้วนะครับ คำอธิบง คำอธิบายอะไรก็ไม่มี
    จู่ๆ อลิเซียก็ละเลงเลือดทัพอสูรเฉยเลย


    ไรเตอร์: (เฉมองไปทางอื่น) แหม วันนี้อากาศดีจังเลยนะครับ...
    เอ่อ... แล้วโจทย์อีกอย่างหนึ่งก็คือผมอยากลองเล่าเรื่องแบบแขก
    เช่นพวกมหาภารตะ ไม่ก็รามายณะ ที่มีเนื้อเรื่องย่อยแทรกอยู่ในเนื้อเรื่องใหญ่
    เช่นตัวละครในรามายณะ* ตัวหนึ่งชื่อินทรชิต ถามว่าได้ชื่อนี้มายังไงก็เพราะว่า
    ยักษ์ที่ชื่อ "เมฆนาท" ไปรบชนะพระอินทร์ ก็เลยได้ชื่อว่า อินทรชิต (อินทร์ + พิชิต)
    ถ้าถามต่อว่าทำไมพระอินทร์แพ้ยักษ์เมฑนาทก็สามารถเท้าความได้ว่า
    พระอินทร์เคยลอบเป็นชู้กับเมียของฤาษีโคดม (ตามตำนานฮินดูนะครับไม่ใช่พุทธ)
    ฤาษีโคดมจึงสาปแช่งให้พระอินทร์ต้องพ่ายแพ้พวกอสูร (ที่จริงสาปอย่างอื่นด้วย)
    นอกจากนั้นก็ยังมีที่มาของรัตนธนูซึ่ง...

    [*รามายณะ - เป็นวรรณคดีแขกซึ่งพี่ไทยยืมโครงเรื่องมาประพันธ์ใหม่โดยให้ชื่อว่า
    "รามเกียรติ"... รามเกียรตินั้นแม้จะมีเค้าโครงแทบจะเหมือนต้นฉบับแต่ก็แตกต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อย
    เช่นหนุมานของพี่ไทยนี่มีเมียมาก แขกมาอ่านรามเกียรติบ้านเราแล้วถึงกับร้องเจี๊ยก
    บอกทำไมทหารเอกของพระรามเจ้าชู้งี้ฟะ!
    (เข้าใจว่าสมัยนั้นพี่ไทยมีคติว่าตัวเอกต้องมีเมียมากถึงจะเท่ ดูอย่าง
    พระอภัยมณี และขุนช้างขุนแผนเป็นตัวอย่าง)]

    เจ้าเขียว: เอ่อ พอได้แล้ว นี่เป็นสัมภาษณ์เกี่ยวกับ Divive Epic ไม่ใช่รามายณะ

    ไรเตอร์: อ่ะแฮ่ม... เพราะฉะนั้นตัวละครทุกตัวในเรื่องก็เลยมีฟุตโน้ตให้อ่านกัน
    ประมาณว่าพอคนนู้นโผล่มาทีก็ต้องเท้าความกันที ทำนองนั้นล่ะครับ

    เจ้าเขียว: ช่างหาข้อแก้ตัวให้กับวิธีการเขียนที่สะเปะสะปะของตัวเองได้ดีจริงๆ เลยนะครับ

    ไรเตอร์: -*- (ลุกขึ้นจากเก้าอี้) นี่แกอยากเป็นไก่ย่างห้าดาวมากนักใช่หมายยย... (เสียงทุ้มต่ำเป็นพิเศษ)

    เจ้าเขียว: เฮ้ยเจ้าไรเตอร์! นั่นเอ็งจะทำอะไรน่ะ! กระต๊ากกกก----!!! (แล้วแกไปเป็นไก่ตั้งแต่เมื่อไรฟะ...)

    สัญญาณภาพขัดข้องชั่วขณะ - ก่อนที่กล้องจะแพนกลับมาที่โต๊ะซึ่งเหลือไรเตอร์นั่งอยู่เพียงคนเดียว

    ไรเตอร์: (ยิ้มรับแขก) แล้วนี่ก็คือที่มาคร่าวๆ ของนิยาย Divine Epic
    ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่กรุณาเข้ามาอ่านนะครับ! สวัสดีครับ ^^

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------

    มีต่อล่ะมั้ง.... - -"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×