ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Divine Epic (มหากาพย์เทพประยุทธ์)

    ลำดับตอนที่ #26 : โอบีรอน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 281
      0
      5 ส.ค. 53


                    ตุบ...! พลั่ก...!

                    ผม(?)ร่วงลงมาอย่างไร้การทรงตัว หลังกระแทกกับกิ่งไม้ใบไม้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนกระทั่งถึงพื้น

                    แม้จะระบมไปหมดแต่ก็พยายามจะยันกายลุกขึ้นมา ในตอนนั้นเองที่ผม(?)ได้พบกับนางฟ้า

                    เธอคือเด็กผู้หญิงผมสีทองพริ้วสลวย ผิวขาวเป็นประกาย ดวงตาสีฟ้าใสเหมือนหยดน้ำ

                    ผมเคยเห็นใบหน้านี้ที่ไหนมาก่อน... จริงด้วย ราชินีไททาเนียที่อยู่ในผลึกคริสตัลไง แต่เธอดูเด็กกว่าที่ผมเคยเห็นมาก

                    หรือว่านี่คือความทรงจำของราชาโอบีรอน...



                    ไททาเนียในวัยเด็กยิ้มร่าพลางยื่นมือฉุดโอบีรอนลุกขึ้น

                    “โอ๊ย...” โอบีรอนกุมไหล่ขวา

                    “นี่เจ้าบาดเจ็บหรือ ไหนขอข้าดูหน่อย” ว่าแล้วไททาเนียก็เอามือวางไว้บนแผล มีแสงอ่อนๆ ออกมาจากมือของเธอ ไม่นาความเจ็บปวดก็ค่อยๆ บรรเทา

                    “โอบีรอน!” ทันใดนั้นเอลฟ์อีกตนหนึ่งก็กระโดดลงมาจากพฤกษชาติแห่งชีวิต ซึ่งโอบีรอนตกลงมา

                    “พี่อัลเบอริช!” โอบีรอนเรียก เอลฟ์หนุ่มที่ชื่ออัลเบอริชนั้นดูแก่กว่าไททาเนียและโอบีรอนเล็กน้อย

                    “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” อัลเบอริชเดินเข้ามาดูอาการ

                    “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ เพราะเธอคนนี้ช่วยรักษาให้” โอบีรอนหันไปทางเด็กผู้หญิง

                    “เธอเอ่อ...”

                    “ข้าชื่อไททาเนีย” เอลฟ์ตัวน้อยๆ ว่า

                    และนั่นคือการพบกันแห่งชะตากรรมของทั้งสาม...

     

                    วันนั้นโอบีรอนและอัลเบอริชทายาทแห่งตระกูลหลักสองตระกูลในอาณาจักรวูดแลนด์ ได้พบกับไททาเนีย เอลฟ์หญิงผู้ถือกำเนิดจากพฤกษชาติแห่งชีวิต

                    อาณาจักรวูดแลนด์มีตำนานอยู่ว่าทุกๆ หนึ่งพันปี พฤกษชาติแห่งชีวิตจะให้กำเนิดสตรีศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำพาอาณาจักรแห่งนี้สู่ความรุ่งโรจน์ไพบูลย์

                    ฉะนั้นไม่เมื่อโตขึ้นโอบีรอนก็อัลเบอริชจะต้องได้รับเลือกเป็นราชา เพื่อปกครองอาณาจักรนี้คู่กับไททาเนีย นั่นคือมติที่พวกผู้ใหญ่ในอาณาจักรตกลงกัน

     

                    เวลาผ่านไป ทั้งสามก็ยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้น อัลเบอริชนั้นเติบใหญ่เป็นนักรบหาญกล้าสมชายชาตรี ในขณะที่โอบีรอนยังจับดาบงกๆ เงิ่นๆ อยู่



                    “อั่ก!” เป็นอีกครั้งที่โอบีรอนล้มลง ในขณะที่ประดาบกับอัลเบอริช

                    ทุกครั้งที่ทั้งคู่ซ้อมดาบกัน โอบีรอนเป็นต้องได้แผลเต็มตัวกลับมาทุกที

     

                    “ไม่เบื่อบ้างหรือ แพ้เขาอยู่เรื่อย” ไททาเนียว่า ขณะทำแผลให้โอบีรอน

                    “ก็ข้าไม่ชอบการต่อสู้นี่นา มันรู้สึกป่าเถื่อนยังไงก็ไม่รู้ หากข้าจะชนะก็ต้องทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บไม่ใช่เหรอ”

                    “งั้นเจ้าจะยกตำแหน่งราชาแห่งวูดแลนด์ให้พี่อัลเบอริชยังงั้นหรือ” ไททาเนียแกล้งหยั่งเชิง

                    “ก็ดีนี่ พี่อัลเบอริชออกจะเข้มแข็ง รับรองว่าจะปกป้องอาณาจักรวูดแลนด์ได้แน่” เอลฟ์หนุ่มแสดงอาการชื่นชม

                    เอลฟ์สาวตบเข้าที่หลังโอบีรอนดังป้าบ

                    “โอ๊ยเจ็บ! ไททาเนีย นี่เจ้าทำอะไรน่ะ”

                    “ไม่รู้ไม่ชี้ด้วยแล้ว ตาบ้า!” ว่าแล้วไททาเนียก็ลุกขึ้นเดินจากไป

     

                    ปรากฏว่าคืนนั้นทั้งคืนไททาเนียก็ยังไม่กลับมา... ไม่มีภูตตนใดเห็นเธออีกเลย

                    หลังจากที่เธอรักษาแผลให้โอบีรอนแล้วเอลฟ์สาวก็หายตัวไป จนกระทั่งพวกผู้ใหญ่ในวูดแลนด์ซึ่งมีทั้งพ่อของโอบีรอนและพ่อของอัลเบอริชต้องเรียกประชุมเหล่าภูตเป็นการด่วน

                    “โอบีรอน! ทำไมเจ้าถึงปล่อยให้นางเข้าไปในป่าคนเดียว” อัลเบอรอธพ่อของอัลเบอริชซัก

                    “ข้าคิดว่าตอนนั้นนางแค่อยากอยู่คนเดียวสักพัก เดี๋ยวก็คงกลับมาเอง” โอบีรอนประมาทไปจริงๆ เขาไม่ได้เอะใจว่าตอนไททาเนียเดินจากไปนั้น นางหน้าไปทางป่าทางทิศใต้ซึ่งไม่มีเหล่าภูตคอยอารักขา

                    “เจ้าโง่เอ๊ย! ไทเทาเนียไม่ใช่เอลฟ์ทั่วๆ ไปเหมือนพวกเรา นางคือสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ถือกำเนิดจากพฤกษชาติแห่งชีวิต จะว่าเป็นร่างแบ่งของพฤกษชาติแห่งชีวิตเลยก็ว่าได้ เจ้าไม่รู้หรือว่าพวกอสูรจากเฮลไฮม์คิดจะจับตัวนางกันอยู่” เมโรวิชพ่อของโอบีรอนตวาด

                    เอลฟ์หนุ่มใจหายวาบ เขาไม่ทันคิดว่าการปล่อยนางไว้คนเดียวจะมีภัยใหญ่หลวงขนาดนั้น

                    ไททาเนียเป็นที่หมายปองของพวกอสูร...

                    นางกำลังอยู่ในอันตราย!



                    “เดี๋ยวโอบีรอน! นั่นเจ้าจะไปไหน” เมโรวิชร้องเรียก แต่โอบีรอนไม่สนใจ เขาวิ่งพรวดพราดออกจากที่ประชุมทันที

                    เพราะข้าแท้ๆ รอก่อนนะไททาเนีย!

     

                    “โอบีรอน!” อัลเบอริชเรียก “เจ้าคิดจะวิ่งไปทั้งอย่างงี้เรอะ!” เอลฟ์ผู้พี่ขี่ม้ามา พร้อมกับจูงม้าของโอบีรอนมาด้วย

                    “รีบขึ้นมาซะ! เราจะไปตามหาไททาเนียกัน”

     

                    อัลเบอริชใช้การสะกดรอยค่อยๆ ไล่ตามไททาเนียจนกระทั่งรอยเท้าของเธอหายไป

                    “จากตรงนี้ไปมันกลายเป็นรอยเท้าของสัตว์ใหญ่... แถมไม่น่าจะใช่สัตว์ในป่าวูดแลนด์ซะด้วย... รีบไปกันถอะ” ว่าแล้วอัลเบอริชกับโอบีรอนก็ควบตะบึงออกไป

                    ในที่สุดเอลฟ์หนุ่มทั้งสองก็ไล่ตามรอยเท้าสัตว์ร้ายจนกระทั่งมาพบกับสุนัขสามหัวร่างยักษ์ซึ่งมีแววตาดุร้ายและมีหางเป็นงู

                    สุนัขเฝ้าประตูนรก เคลเบรอส...



                    ปากที่มีน้ำลายยืดของมันนั้นคาบร่างเอลฟ์สาวอยู่

                    “ไททาเนีย!” โอบีรอนพุ่งเข้าใส่ทันที

                    “เฮ่ยไอ้บ้า!” อัลเบอริชคิดจะห้ามแต่ก็ไม่ทัน

                    เคลเบรอสตะปบทั้งม้าทั้งคนกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้จนต้นไม้ล้มครืน

                    แต่โอบีรอนก็ลุกขึ้นมาทันที ทั้งที่มีเลือดโชก

                    “ไอ้บ้าเอ๊ย! คืนไททาเนียมาซะ!” เอลฟ์หนุ่มร้องตะโกน

                    เอลฟ์ผู้พี่เข้าไปเตือนสติน้องชาย

                    “โอบีรอน! ใจเย็นๆ ไว้ ยิ่งชีวิตของไททาเนียอยู่ในอันตรายอย่างงี้ เรายิ่งจะบุ่มบ่ามไม่ได้... ต้องวางแผนก่อน”

                    อัลเบอริชบอกกับน้องชายว่าตนจะดึงความสนใจของเคลเบรอส แล้วให้โอบีรอนหาจังหวะช่วยไททาเนียออกมา

                    ว่าแล้วเอลฟ์ผู้พี่ก็เข้าต่อกรกับเคลเบรอสโดยไม่หวั่นเกรงกรงเล็บและคมเขี้ยวอันแหลมคมของสัตว์ร้าย

                    ในตอนนั้นโอบีรอนก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ รอให้อัลเบอริชล่อเจ้าสุนัขสามหัวเข้ามาใกล้ๆ

                    หลังจากห้ำหั่นกันอยู่พักหนึ่ง อัลเอบริชก็ฟันถูกขาของเคลเบรอสทำให้เจ้าสัตว์ร้ายร้องครวญคราง

                    จังหวะนี้แหละ!



                    โอบีรอนพุ่งออกมาจากกิ่งไม้ฉุดร่างหญิงสาวออกมาจากปากเจ้าสัตว์ร้าย

                    “สำเร็จแล้ว!” เอลฟ์หนุ่มร้องอย่างดีใจ

                    แต่ในขณะที่โอบีรอนยังไม่ทันลงมาเหยียบพื้น งูซึ่งเป็นหางของสุนัขนรกก็พุ่งมาฉกเขา!

                    “ระวัง!” อัลเบอริชกระโดดเข้ามาบัง จึงโดนเจ้างูฉกและจับตัวไป

                    “พี่อัลเบอริช!” โอบีรอนตกใจ

                    ในตอนนั้นเอง พวกเอลฟ์ตนอื่นๆ ก็ตามมาสมทบ แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เจ้าเคลเบรอสหันหลังวิ่งหนีไปทันที

                    “พี่อัลเบอริช---!!” เอลฟ์หนุ่มได้แต่กู่ร้อง มองร่างอัลเบอริชซึ่งตนรักและเคารพเหมือนพี่ชายแท้ๆ ถูกสัตว์ร้ายพรากหายลับไปในความมืด

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------
     
    โปรดติดตามตอนต่อไปครับ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×