คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Beauty in Filth -2- ค่าตัว
Title: Beauty in Filth
Cast: Kris Lay Luhan Kai
Author: EveryLay
-2- ค่าตัว
ร่างโปร่งของอู๋ฟานเดินออกมาจากห้องครัว ตรงไปนั่งรอยังโต๊ะอาหารแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านเหมือนอย่างเคย และเพียงไม่นานนักร่างเล็กที่ยังอยู่ในชุดกันเปื้อนก็เดินออกมาพร้อมกับถาดอาหาร มือบางวางจัดการยกชามซุปซอลรองทังไว้บนโต๊ะ โดยมีอู๋ฟานช่วยอีกแรง
“น่าจะเรียกฉันไปช่วย”
“แค่นี้เอง ไม่ได้ลำบากอะไรสักหน่อย” ลู่หานว่ายิ้มๆแล้วนั่งลงตาม “ว่าแต่....”ลู่หานมองตรงไปยังบันไดเป็นเชิงถาม
“เดี๋ยวคงลงมาน่ะ” อู๋ฟานตอบก่อนจะหันมาสนใจกับชามซุปตรงหน้า เขาใช้ช้อนตักเข้าปากอย่างไม่ใคร่จะสนใจว่าอีกคนที่ยังไม่ปรากฏตัวนั้นจะลงมาหรือไม่ ลู่หานมองอย่างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แม้จะนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ทั้งที่ธรรมดาคนตรงหน้ามักจะเคร่งเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร....แต่คราวนี้แปลกไป
“ใช้ได้ไหม” ใบหน้าหวานขยับเข้าไปใกล้ ดวงตากลมจ้องมองอู๋ฟานอย่างใจจดใจจ่อด้วยความลุ้น ใบหน้าคมเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มอ่อนโยนจุดขึ้นมุมปาก
บางที เขาก็อยากให้มีเครื่องหยุดเวลา....
“อร่อย”
“แค่นั้นเองหรอ”
“อร่อยมาก” ลู่หานยิ้มกว้างอย่างพอใจก่อนจะหดตัวไปนั่งที่เก้าอี้ตามเดิม ชั่ววูบหนึ่งอู๋ฟานนึกอยากจะใช้มือยีหัวคนข้างหน้าบ้าง เหมือนที่เขาเห็นเจ้าไคชอบทำ....แต่ก็ได้แค่คิด
“ขอโทษที่ลงมาช้าครับ” เสียงเอ่ยทักขึ้นของใครบางคนที่ดังจากด้านหลังทำเอาอู๋ฟานหยุดความคิดไว้เพียงเท่านั้น เขาหันกลับมองแล้วพยักหน้าเบาๆ “นั่งก่อนสิ”
“ผมว่าผม..กลับเลยก็ได้”
“แต่ลู่หานทำซุปเผื่อแล้ว” อู๋ฟานเอ่ยเสียงเข้มโดยไม่มองหน้า ลู่หานเองที่นั่งอยู่ก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก ใบหน้าหวานได้แต่มองอู๋ฟานสลับกับอี้ชิงไปมา ก่อนที่จะเลือกยิ้มให้กับอี้ชิงอย่างเป็นมิตร
“ทานด้วยกันนะครับ”
“คะ ครับ” ไม่มีเหตุผลที่อี้ชิงจะขัดใจสั่งนั่นเลยสักนิด เขาพยักหน้าแล้วค่อยๆลากเก้าอี้ออกมานั่ง ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาตักซุปเข้าปาก ทั้งที่ไม่อยากอาหารแม้แต่น้อย แต่บางอย่างก็บอกกับอี้ชิงว่าการเมินชามซุปตรงหน้ามันคงส่งผลที่ไม่ดีเท่าไรนัก
“คริส” เสียงใสเอ่ยเรียก อู๋ฟานเงยหน้าขึ้นจากชามซุปขึ้นมอง “ไม่แน่นำหน่อยหรอ”
“ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” เขาตอบเสียงห้วน ทำเอาลู่หานหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย และก็เหมือนจะรู้สึกตัวเขาเสหน้าไปมองคนข้างๆแล้วพูดต่อ “ก็แค่คู่นอนน่ะ”
“คริส!” ลู่หานพูดปราม นัยน์ตากลมเบิกกว้าง แม้จะรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร แต่การพูดจาแบบนั้นมันแรงเกินไปสำหรับลู่หาน ใบหน้าหวานทอดมองไปยังอีกคนที่ถูกเอ่ยถึงอย่างเป็นห่วง ทว่าเด็กคนนั้นยังก้มหน้าก้มตาละเลียดตักซุปเข้าปากช้าๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เอ่อ..ขอโทษแทนคริสด้วย พูดอะไรไม่คิด” อี้ชิงส่ายเงยหน้าขึ้นส่ายหน้าเบาๆตามมารยาท แม้จะรู้สึกจุกกับคำบริภาษนั่น แต่ในเมื่อมันเป็นความจริง แล้วเขาจะหาข้ออ้างอะไรขึ้นมาปฏิเสธได้.....ไม่เลย
“อิ่มรึยัง” อู๋ฟานเอ่ยถามคนข้างๆตัดบทเมื่อดูว่าลู่หานเริ่มจะไม่พอใจขึ้นมา
“ครับ”
“งั้นก็ลุกขึ้น ฉันจะไปส่ง” พอเห็นว่าอีกคนวางช้อน มือแกร่งก็จัดการคว้าข้อมือนั้นให้ลุกขึ้นตามมา อี้ชิงเองก็ไม่ได้ฝืนแรงนั้นแม้แต่น้อย ร่างบางนั้นปลิวไปตามแรงที่มือนั้นจะพาไป ทิ้งให้ลู่หานมองการกระทำนั้นอย่างไม่เข้าใจนัก
ทำไมเด็กคนนั้นถึงไม่เหมือนกับคนที่หิวกระหายเงินสักนิด ไม่มีจริตมารยาอย่างที่คนทำอาชีพนั้นมีด้วยซ้ำ....มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
อู๋ฟานกำลังคิดจะทำอะไร...
+++++++++
ทุกอย่างราวกับม้วนเทปที่ฉายซ้ำกับเมื่อวานไม่มีผิด อู๋ฟานคิดว่าเป็นอย่างนั้น เพราะตั้งแต่นั่งรถออกมาทุกการกระทำ ความนิ่งเงียบ แม้แต่แววตาอันว่างเปล่าของอี้ชิงยังคงเหมือนเดิม...ทั้งที่คู่นอนคนเก่าๆมักจะคอยออเซาะไม่แทบจะไม่ห่างกายเพื่อหวังจะให้เขาพอใจไปอีกนาน ...
“เซกส์ฉันมันห่วยนักรึไง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น แต่อี้ชิงยังคงมองออกไปนอกหน้าต่างแม้จะได้ยินประโยคคำถามนั่นชัดเจนก็ตาม
“ฉันถามไม่ได้ยินรึไง”
“ไม่รู้ซิ.....” อี้ชิงส่ายหน้าน้อยๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกคน “แค่คุณมีความสุข...ก็แค่นั้น”เขาไม่รู้ว่าจะต้องตอบอย่างไร แล้วความรู้สึกแบบนั้นมันสำคัญมากเชียวหรือ แค่เขาได้เงิน แล้วอีกฝ่ายก็ได้ความสุขกลับไป สำหรับอี้ชิงมันก็แค่นั้นจริงๆ....
“หึ นั่นซินะ แต่ดูนี่ซิ” อู๋ฟานหัวเราะในลำคอ ก่อนจะหักพวงมาลัยรถจอดข้างๆทาง มือแกร่งควักมือถืออกมาจากกระเป๋าแล้วเปิดอะไรบ้างอย่างยื่นไปให้อี้ชิงดู “ดูหน้าของนายตอนนั้นซิ”
“.....................”
“เสียงครางตอนอยู่ใต้ร่างฉันน่ะ....” เขาว่าก่อนจะกดปุ่มเพลย์บนจอ เสียงครางหวิวยามโดนแทรกกายเข้าไปดังขึ้นพร้อมกับภาพเปลือยของร่างเล็กค่อยๆปรากฏขึ้น
อี้ชิงหัวใจกระตุกวูบ ดวงตากลมจ้องมองที่หน้าจอมือถือแน่นิ่ง อย่างนึกสมเพชตัวเองกับกิริยาอันน่าอาย ที่แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป มือเรียวกำเข้าหากันแน่นก่อนที่ดวงตาวูบไหวจะเงยหน้ามองอู๋ฟานอย่างไม่เข้าใจ
คนคนนี้ต้องการอะไรจากเขากันแน่
“ถ้าคลิปพวกนี้หลุดไปละก็..”
“กับผมน่ะ......คงไม่มีใครมาสนใจหรอก” ใช่แล้ว...ไม่มีใครที่จะมาใส่ใจว่าเขาจะทำอาชีพอะไร หรือคลิปพวกนี้หลุดมาได้อย่างไร ก็คงไม่มีใครสนใจเรื่องพวกนั้นหรอก ....โลกของเขากับอู๋ฟานมันแตกต่างกับลิบลับ
นัยน์ตาว่างเปล่ายังคมสบกับดวงตาคมของอู๋ฟานอย่างไม่มีใครยอมใคร ดวงตาที่ไม่บ่งบอกถึงความกลัวและทะนงตัวนั่นมันยิ่งทำให้อู๋ฟานนึกอยากจะเอาชนะ
“...ก็แค่..อาจจะได้ลูกค้าเพิ่ม” พูดเองก็เหมือนตอกย้ำตัวเองทั้งนั้น อี้ชิงก็เป็นฝ่ายหลบตาก่อนจะหันกลับไปมองหน้าต่างด้านข้างดังเดิม โดยไม่ได้หันกลับมาสนใจอู๋ฟานอีก มือแกร่งกำโทรศัพท์แน่นราวกับต้องการให้แหลกเป็นชิ้นๆ กับท่าทางอวดดีนั่น ดวงตาคมมองร่างเล็กกร้าวก่อนหันกลับไปสนใจด้านหน้าแล้วกระชากรถออกไปอย่างแรง
เก่งให้ได้ตลอดเถอะ ...อี้ชิง
++++++++++
“จอดตรงนี้ก็พอครับ” อี้ชิงหันบอกเมื่อใกล้ถึงบ้านของตัวเอง แต่อู๋ฟานกลับหันมามองอย่างไม่พอใจ
“ก็บอกแล้วว่าจะไปส่งถึงบ้าน”
“ถ้าคุณเอารถขึ้นไปบนนั้นได้ก็ตามใจ” นิ้วเรียวชี้ไปยังเนินทางขึ้นที่เป็นบันได บ้านเขาอยู่บนนั้น และก็ต้องเดินขึ้นเท่านั้นเสียด้วย
ปากเก่ง....คำแรกที่ผุดขึ้นในหัวของอู๋ฟาน
“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก” เหมือนจะเป็นคำพูดที่บ่นกับตัวเองเสียมากกว่า อู๋ฟานเปิดไฟเลี้ยวก่อนจะค่อยๆหักพวงมาลัยจอดที่เข้าข้างทางแล้วดับเครื่องยนต์
พร้อมกับความเงียบที่เข้าปกคลุมอีกครั้ง ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกคนยังคงนั่งนิ่งไม่ไปไหน ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าอี้ชิงกำลังรออะไร
แต่มันจะน่าสนุกกว่าใช่ไหมล่ะ ถ้าให้เด็กนั่นเป็นฝ่ายเอ่ยปากด้วยตัวเอง
“เงิน......” อี้ชิงเอ่ยเสียงเบาโดยไม่มองหน้าอีกคน และนั่นก็ทำให้อู๋ฟานยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจ
“ค่าอะไรล่ะ” อู๋ฟานถามกลับอย่างเป็นต่อ ใบหน้าหวานหันกลับมาจ้องใบหน้าคมทันที รอยยิ้มและแววตานั่นกำลังบอกอี้ชิงว่าเขากำลังหัวเราะเยาะอี้ชิงอยู่
“ว่าไงล่ะฉันจะได้จ่ายถูก”
“ค่า.......” เอ่ยเพียงได้คำเดียว อี้ชิงก็ต้องฝืนกลืนก้อนแข็งๆที่จุกอยู่ตรงคอ
“ค่า?”
“ค่า.....ตัว” จบประโยคใบหน้านั้นก็ก้มลงทันที เขาไม่อยากเห็นรอยยิ้มเหยียดนั่น สายตาที่พร้อมจะกดเขาให้จมดินได้ทุกเมื่อ อี้ชิงรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นมันแสนจะน่ารังเกียจ .... แต่เขาไม่มีทางเลือก
“นี่....ค่าตัวของนาย” อู๋ฟานหยิบเงินออกจากกระเป๋าตังค์จำนวนหนึ่ง แล้ววางไว้บนมือบาง เขาไม่มีเวลามานั่งนับตามจำนวนที่เด็กคนนั้นบอกเขาหรอก เท่าไรเองเขาก็จำไม่ได้ แต่เขามั่นใจว่ามันมากกว่าที่อี้ชิงบอกเขาเมื่อวานแน่นอน
เช่นเดียวกับอี้ชิงที่ก้มลงมองแบงค์ในมือ รอยยิ้มบางจุดขึ้นมุมปากอย่างสมเพชตัวเอง
เขาควรจะดีใจรึเปล่านะ ที่ร่างกายของเขามันมีประโยชน์มากพอที่จะสร้างเงินให้ในเวลาที่จนตรอกน่ะ...มันเป็นสิ่งที่เขาควรจะภูมิใจซินะกับร่างกายที่พ่อกับแม่เขาสร้างขึ้นมาก่อนจะจากไป
“ขอบคุณครับ” ใบหน้าหวานก้มหัวลงให้กับคนที่จ่ายเงินให้ เขาเก็บเงินลงกระเป๋าก่อนจะค่อยๆปลดเข็มขัดออกแล้วเดินลงออกมาจากรถทันที ความปวดร้าวแล่นลงสู่ปลายเท้าจนแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น
แต่บางอย่างก็บอกกับอี้ชิงว่าเขาจะล้มต่อหน้าผู้ชายคนนี้ไม่ได้
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อเรียกความมั่นใจ จากนั้นจึงก้าวไปทีละก้าวจนกระทั่งถึงทางขึ้นบันได ดวงตากลมทอดมองไปยังเนินสูงอย่างเหนื่อยอ่อน
อ่า ....มันเป็นครั้งแรกที่อี้ชิงอยากจะนอนกอดเสาอยู่ข้างล่างจริงๆ
แต่นั่นก็แค่คิด เพราะถ้าขึ้นไปข้างบนได้ เขาก็จะได้นอนพักผ่อนเสียที ใบหน้าหวานสูดลืมหายใจทั้งหมดเข้าปอดแล้วก้าวเท้าออกไปอีกครั้งทว่าร่างทั้งร่างกับทรุดลงกลับพื้นอย่างไม่เป็นท่า
“เจ้าบ้าอี้ชิง” เสียงใสกร่นด่าตัวเองอย่างขัดใจ ก่อนจะใช้มือบางยืนกับพื้นแล้วค่อยๆลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันที่จะได้ยืนดี อี้ชิงก็รู้สึกเหมือนมีคีบเหล็กแน่นมาบีบที่แขนแล้วกระชากตัวเขาลอยขึ้น
“ซุ่มซ่าม”
“คุณ......” ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อพบว่าอีกคนเป็นใคร “ยังไม่กลับไปอีกรึไง”เหมือนจะเป็นการพึมพำตนเดียวแต่อู๋ฟานก็จ้องกลับมายังร่างเล็กอย่างเอาเรื่อง
“ก็ฉันบอกว่าจะไปส่งที่บ้าน”
“แต่นี่ก็ถึงแล้ว”
“ฉันพูดว่าที่บ้าน” พูดจบก็กระชับแขนเรียวของอี้ชิงให้ปลิวเดินขึ้นไปด้วยกัน ทว่าร่างเล็กแม้จะเดินไปตามแรงนั่นแต่อี้ชิงก็ฝืนแขนตัวเองเอาไว้ให้อีกคนรู้ว่าเขาไม่เต็มใจ
“ปล่อย...” อี้ชิงบอก อู๋ฟานเพียงแต่มองเท่านั้น ท่าทางดื้อรั้นที่แสดงออกมามันทำให้เขานึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่เคยมีใครกล้าออกคำสั่งกับฉัน”
“คุณต้องการอะไรกันแน่” อี้ชิงอาศัยช่วงที่อู๋ฟานเผลอสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม แววตากร้าวพร้อมน้ำเสียงแข็งที่ถามออกมา บอกได้ดีว่าคนตรงหน้าเอาเรื่องไม่เบา
“....................................”
“เอาเงินของคุณคืนไป” มือบางควักเงินจากกระเป๋าที่เพิ่งได้เมื่อครู่ แล้วคว้ามือใหญ่มาก่อนจะวางปึกเงินลงไปบนนั้น “หวังว่าเราคงไม่เจอกันอีก” บอกก่อนจะฝืนตัวเองก้าวขึ้นไปบนบันได้อีกขั้น แม้จะรู้สึกเจ็บร้าวแต่อี้ชิงก็ต้องกัดฟันพยายามก้าวให้เร็วที่สุด แต่ก็คงช้าเกินไปเมื่อข้อมือบางถูกคว้าไว้อีกครั้ง แรงบีบแน่นเสียจนอี้ชิงค่อยๆชาไปทั้งข้อมือ
“ฉันเป็นพวกให้แล้วไม่รับคืนเสียด้วยซิ”
ดวงตาทั้งสองประสานกันอีกครั้ง และมันก็ไม่เคยเปลี่ยนไป นัยน์ตาของผู้ชายคนนั้นยังคงแสดงความเย้ยหยันแล้วหัวเราะเขาอยู่เป็นนัยๆ อี้ชิงไม่เขาใจผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ
“คุณต้องการอะไร” คำถามเดิมที่ถูกเอ่ยออกมาเป็นครั้งที่สอง และจะผิดไหมถ้าอู๋ฟานจะบอกว่าเขาเองก็ไม่มีคำตอบให้เช่นกัน บางทีก็แค่ อยากเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเด็กคนนี้ก็เท่านั้น
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าจะไปส่ง”
“แค่นั้นใช่ไหม” อู๋ฟานไม่ได้ตอบออกไป แค่นั้น....รึเปล่าเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน และในเมื่อไม่มีคำตอบให้ อี้ชิงก็เดินนำขึ้นไปปล่อยให้อีกคนเดินตามโดยไม่หันไปพูดอะไรอีก
ดวงตาคมจ้องมอง ขาสั่นๆที่พยุงตัวเองขึ้นทีละก้าวอย่างช้าๆมันทำให้อู๋ฟานนึกขัดใจอยู่ไม่น้อย
“อ๊ะ!” อี้ชิงร้องขึ้นอย่างตกใจ เมื่อขานั้นดันก้าวพลาด ทว่ายังดีที่มือแขนของอู๋ฟานที่เดินตามข้างหลังพยุงไว้ได้ทัน
“เซ่อซ่า” เสียงทุ้มว่า อี้ชิงเสหน้าไปทางอื่น อู๋ฟานไม่ใช่คนโง่แค่ดูก็รู้ว่าเด็กคนนี้กำลังอวดเก่ง แค่แรงจะยืนยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ บางที่เขาหน้าจะพกกระจกติดตัวมาให้หมอนี่ส่องดูว่าตอนนี้หน้าตัวเองมันซีดแค่ไหน
รอยช้ำม่วงบนเนื้อผิวขาวจัดที่โผล่พ้นขอบเสื้อขึ้นมาบอกอู๋ฟานได้อย่างดีว่าเมื่อคืนเขารุนแรงมากเพียงใด แต่คิดว่าคนอย่างเขาจะมานั่งสนใจหรอ...ไม่เลย...เขารู้สึกพอใจด้วยซ้ำที่เห็นรอบมลทินนั่นตัดสีผิวของคนตรงหน้าอย่างชัดเจน
“เธอมันโง่....” มือแกร่งเอื้อมไปเชยคางของอี้ชิงให้หันกลับมามองหน้า เม็ดเหงื่อที่ผุดออกมามันกำลังบอกกลายๆว่าอี้ชิงกำลังจะมีไข้ นิ้วโป้งของอู๋ฟานไล้ไปที่ริมผีปากซีดนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะละออกมา
ดูท่าว่าถ้าเขายังปล่อยให้เด็กนี่เดินขึ้นไปล่ะก็มีหวังพระอาทิตย์เกือบตกดินนั่นแหละ คิดได้ดังนั้นอู่ฟานก็ย่อตัวลงก่อนจะจับอีกคนพาดบ่าโดยไม่ได้ตั้งตัว
“คุณ!”
“หลับตาก็พอ หรืออยากจะมองวิวข้างล่าง ฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ” อู๋ฟานว่าทั้งที่ยังแบกคนตัวเล็กไว้บนบ่า แล้วเดินขึ้นต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้จะรู้สึกถึงแรงทุบที่ด้านหลัง แต่มันก็น้อยนิดเกินกว่าที่เขาจะมั่วใส่ใจ...
+++++++++++++
“อี้ชิงแกออยู่ข้างในใช่ไหม ออกมานะ”
“ถ้าแกไม่ออกมาฉันจะให้คนพังเข้าไปแล้วนะ”
“ออกมาจ่ายค่าห้องสักที ไม่งั้นแกก็ย้ายออกไปซะ!” เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังอยู่หน้าห้อง ทำเอาอู๋ฟานที่เพิ่งเดินขึ้นมาได้ต้องย่อตัวปล่อยคนตัวเล็กลงมือรู้สึกถึงแรงดิ้นอีกครั้ง ชื่ออี้ชิงจากปากหญิงคนนั้นที่ดังขึ้น ทำให้เดาได้ไม่อยากว่าบ้านหลังไหนเป็นของเด็กคนนี้
“อ๋ออออ กลับมาแล้วใช่ไหม มาขนของของแกออกไปด้วย ฉันจะได้ให้คนอื่นเข้ามาอยู่” เสียงแหลมดังแว๊ดดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นอี้ชิงกลับมา ก่อนจะเดินปราดเข้ามาคว้าคอเสื้อแล้วเขย่าแรงๆ
“ผม....”
“ถ้าไม่ขน ฉันจะให้คนไปย้ายของแกออกไปซะ”
“ทั้งหมดเท่าไร” อู๋ฟานที่ยืนนิ่งอยู่พูดแทรกขึ้นทันที ท่าทางดูดีจัดของร่างสูงทำเอาหญิงวัยยกลางคนต้องหันไปมอง
“คุณจะจ่ายให้มันรึไง”
“ผมถามว่าเท่าไร” เขาย้ำเสียงนิ่ง
“มันค้างฉันไว้สามเดือน ก็สองแสนว..”
“เอาไปซะ”ยังไม่ทันว่าเสร็จปึกเงินก็ถูกยื่นมาตรงหน้า หล่อนตาลุกวาวก่อนจะรีบคว้าเอาไว้ทันที
“ที่เหลือถือว่าจ่ายล่วงหน้า” อู๋ฟานว่าต่อ พลางเสหน้าไปมองคนด้านข้างที่ก้มหน้ามองไปทางอื่น....มือแกร่งคว้าไปที่แขนเรียวแล้วออกแรงดึงเบาๆให้เดินตามไปยังที่บ้านหลังเล็ก โดยมีสายตาของหญิงวัยกลางคนมองตามอย่างสอดรู้
“นี่บ้านของเธอใช่ไหม”
“ก็แค่ที่ซุกหัวนอน...” สำหรับอี้ชิงมันก็แต่ที่ซุกหัวนอน คำว่าบ้านสำหรับเขามันหายไปตั้งแต่สองปีก่อน ก็แค่ที่ที่ไม่มีใครรอไม่ว่าเขาจะกลับมาหรือไม่ก็ตาม......
“นี่เงินของนายที่เหลือ” อู่ฟานยื่นเงินออกมาให้ อี้ชิงก้มมองก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปรับเอาไว้ ปฏิเสธไปก็มีแต่จะทำให้ทุกอย่างมากความ แม้จะเป็นการตอกย้ำตัวเองก็ตามที
“ถ้าอยากได้อีกละก็....”
“ผมขอตัว” อี้ชิงพูดตัดบทก่อนจะหันหลังกลับไปไขกุญแจบ้าน เข้าไปข้างในแล้วปิดประตูทันที ปล่อยให้อู๋ฟานมองตามอย่างเสียหน้า
อวดดีให้ตลอดเถอะ....
ร่างโปร่งเดินกลับออกมาจากบ้านโทรมๆนั่น เขารู้ดีว่าไม่ควรทำอะไรมากกว่านี้ในตอนนี้ ...ก็รอให้เด็กนั่นพักฟื้นสักหน่อยแล้วค่อยหาเรื่องสนุกทำถึงตอนนั้นก็ยังไม่สาย...
ใบหน้าคมกระตุกยิ้มขึ้นมุมปาก หันกลับไปมองบ้านของอี้ชิงอีกครั้งก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา...
“จงแดเดี๋ยวช่วยสืบประวัติเด็กคนหนึ่งให้ฉันด้วย”
TBC
คอมเม้นติชมกันได้นะคะ ^_^ จะได้นำไปปรับปรุงต่อไปค่าาา สุดท้าย ขอบคุณที่อ่านค่ะ ^-^
ความคิดเห็น