คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Beauty in Filth -1- แรกพบ
Title: Beauty in Filth
Cast: Kris Lay Luhan Kai
Author: EveryLay
-1- แรกพบ
กลิ่นหอมของกาแฟท่ามกลางอากาศหนาวเย็นในวันที่หิมะตกลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่นั่งจิบกาแฟอยู่ภายในร้านเงียบๆพลางทอดมองผู้คนมากมายที่ต่างพากันรีบร้อนเดินไปมาในช่วงเวลาหลังเลิกงาน มือแกร่งยกขึ้นขยับแว่นเล็กน้อย ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับเด็กหนุ่มร่างเล็ก ที่กำลังนั่งอยู่ท่ามกลางหิมะที่โปรยปลายลงมาราวกับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
เขาเห็นเด็กคนนั้นขยับเสื้อโค้ทกระชับเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน จนกระทั่งดวงตากลมคู่นั้นหันกลับมาสบมองเขาเข้าอย่างจัง ....จนไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เด็กหนุ่มตรงหน้าก็เป็นฝ่ายหลบสายตาไปเอง อู๋ฟานกระตุกยิ้มขึ้นมุมปากก่อนจะลุกขึ้นควักเงินวางไว้บนโต๊ะ แล้วเดินออกจากร้านไปทันที
"นี่!" เสียงตะโกนเรียกดังขึ้นพร้อมกับแรงกระตุกจากเสื้อโค้ทตัวหนาจากด้านหลัง ทำเอาคนที่กำลังเดินอยู่ต้องหันกลับไป ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วก้มลงมองคนตัวเล็กกว่าอย่างไม่เข้าใจนัก อู่ฟานเสตามองไปมือบางที่ไร้ซึ่งถุงมือห่อหุ้ม แม้จะอยู่สั่นไม่น้อยเพราะอากาศเย็นจัดแต่ก็ยังไม่ละออกไปจากเสื้อของเขา ใบหน้านั้นก้มหน้าลงแต่ไม่นานนักก็เงยหน้าขึ้นมอง
เขาอีกครั้ง เรียวปากเม้มเข้มหากันแน่นก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมาเสียงเบา...
"ซื้อไหม"
"หืม?"ใบหน้าคมเลิกคิ้วขึ้นแม้จะรู้ความหมายในคำพูดนั้นดีก็ตามที
"ซื้อผม" เด็กหนุ่มเอื้อนเอ่ยออกมาแผ่วเบาอีกครั้ง แววตาว่างเปล่าไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่าสิ่งที่พูด แต่ถึงอย่างนั้นอู๋ฟานก็ไม่คิดคิดจะสนใจหรอก และก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาใจไปใส่ใจอารมณ์ของเด็กตรงหน้าแม้แต่น้อย..
"แน่ใจรึไง" เขาถามออกไป และก็ได้คำตอบเป็นการพยักหน้ากลับเบาๆ อู๋ฟานจุดยิ้มที่มุมปากอย่างเป็นต่อ เขาเอื้อมมือไปทาบที่แก้มเนียนเย็นเฉียบแล้วใช้หัวแม่มือไล้ไปที่ปากซีดนั่นแผ่วเบา "ฉันน่ะ ไม่ให้เงินใครฟรีๆหรอกนะ"
พูดจบมือแกร่งก็ละออกจะแก้มเนียนที่ขึ้นสีเลือดขึ้นมาบ้างเพราะความอุ่นแต่ไม่นานก็จางหายไป....
ดวงตาคมจ้องมองดวงตาว่างเปล่าตรงหน้าสักก่อนจะหันหลังกลับเดินต่อไปยังที่จอดข้างถนนตรงหน้าโดยไม่หันหลังกลับมาสนใจคนที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ด้านหลังอีก
ทว่าเพียงแค่ประตูรถของอู๋ฟานถูกปลอดล๊อค ร่างของใครบางคนที่เดินตามมาเงียบๆก็เอื้อมมือไปเปิดประตูออกแล้วตามเข้าไปนั่งโดยไม่ขออนุญาต ใบหน้าคมมองคนข้างๆนิ่งสีหน้าไม่ได้แสดงออกทั้งสิ้นว่าเขากำลังคิดอะไร ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่นั่งก้มหน้ามองปลายนิ้วตัวเองบิดไปมา....
“แสนวอน” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ อู๋ฟานยังคงเงียบเขาไม่ได้ตอบอะไร จนกระทั่งใบหน้าหวานเงยขึ้นสบตากับเขาอีกครั้ง “ได้...โปรด”
“เธอชื่ออะไร”
“อี้ชิง” อู๋ฟานไม่ได้ซักอะไรต่อหลังจากได้ยินเขาเอื้ยวตัวไปหยิบเข็มขัดนิลภัยมาคาดให้กับอีกคน แล้วหันมาจัดการกับตนเองก่อนจะบิดกุญแจสตาร์ทรถ
แต่ยังไม่ทันได้ออกตัวคนตัวสูงก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เขาเอื้อมมือไปเปิดช่องด้านหน้าแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา เขามองของในมืออยู่เสี้ยววินาทีแล้วโยนมันลงบนตักของอี้ชิงราวกับไม่ใส่ใจนัก
“เห?” เสียงใสครางขึ้นอย่างแปลกใจ มือบางเอื้อมมือหยิบถุงมือไหมพรมสีน้ำตาลบนตักขึ้นมาและหันไปมองคนข้างๆเป็นเชิงถาม
“ใส่ซะ” พูดจบเพียงเท่านั้นอู๋ฟานก็เคลื่อนรถออกไปทันที อี้ชิงลอบมองใบหน้าหล่อด้านข้างเล็กน้อยแล้วหันกลับมาหยิบถุงมือขึ้นมาใส่บ้าง
อุ่น........
+++++++
++++
ใช้เวลาเกือบ 1ชั่วโมงรถคันหรูก็จัดสนิทที่บ้านหลังใหญ่ ตลอดเวลาที่ขับรถมาเด็กนั่นไม่แม้เต่จะพูดอะไรแม้แต่น้อย มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่วิ่งวนอยู่รอบๆตัว ... แล้วเขาจำเป็นต้องสนใจด้วยหรืออย่างไร
“ถึงแล้ว” เขาบอกเสียงเรียบ อี้ชิงสะดุ้งเล็กน้อยเพราะมัวแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง อู๋ฟานปลดล๊อกเข็มขัดให้อีกคนก่อนจะก้าวเท้าออกจะรถเดินฉับไปยังอีกฝั่ง เขาเปิดประตูรถออกแล้วเอื้อมไปจับมือบางให้ลงมาจากรถ
“นี่บ้านฉัน” อี้ชิงพยักหน้ารับรู้ อู๋ฟานเสตามองสักพักก็จัดการจูงมือเล็กเดินเข้าไปในบ้านทันที
“เฮ้ พี่นั่นใครน่ะ” จงอินทักขึ้นเมื่อเห็นพี่ชายของเขาเดินจูงมือใครบางคนเข้ามาในบ้าน ไหนจะท่าทางเก้ๆกังๆของเด็กนั่นทำเอาจงอินอดที่จะสงสัยไม่ได้
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นอู๋ฟานพาคู่นอนเข้าบ้านหรอก ขานั้นน่ะแทบจะไม่ซ้ำหน้าด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นนายแบบระดับแนวหน้า หรือดาราสาวชื่อดังเขาเห็นมาหมดแล้ว แต่ครั้งนี้ดูจะต่างออกไปจากเช่นทุกครั้งซะหน่อย ก็ดูจากภายนอกคนตรงหน้าเขาไม่หน้าจะเกินอายุ 18 ด้วยซ้ำ นี่คงไม่หมายความว่า...
“พอดีฉันรับสอนพิเศษน่ะ หึ”
“สุขศึกษาล่ะซิไม่ว่า”จงอินว่าขึ้นอย่างรู้ทัน ไอ้รอยยิ้มอย่างนั้นน่ะ...ทำไมเขาจะดูไม่ออก
ใบหน้าหล่อยักคิ้วล้อเลียนก่อนจะเปลี่ยนไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนก้มหน้าก้มตามองพื้นอย่างไม่วางสายตา
“นี่จงอินน้องชายฉัน”อู๋ฟานเอ่ยแนะนำอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก ทว่าเพียงวูบหนึ่งที่เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองสบตา จงอินก็ไม่อาจละสายตาได้...
ก็เพราะดวงตากลมที่ดูเศร้านั่นมันกำลังบอกเขาอย่างชัดเจนว่าเจ้าตัวไม่ได้เต็มใจนักกับการเป็นนักเรียนพิเศษของพี่ชายเขา
“พี่คงไม่ได้ฉุดเขามาหรอกนะ”
“แกเคยเห็นฉันทำอย่างนั้นรึไงล่ะ” ใช่...พี่ชายคงไม่ได้ทำอย่างที่เขาว่าหรอก อู๋ฟานไม่ใช่พวกชอบบังคับ....กับเรื่องเซ็กล่ะก็แทบไม่ต้องไปควานหาก็มีคนมาสนองให้ถึงที่ด้วยซ้ำ
“ว่าแต่นี่จะออกไปไหน วันๆไม่เห็นจะกลับบ้านนะแกน่ะ”
“ทำอย่างกับพี่อยู่บ้านเจอผมนักนี่ “จงอินเถียงกลับ “อีกอย่างตอนนี้พี่คง...อยากให้ผมไปไกลๆซะมากกว่าล่ะมั้ง” ว่าพลางรี่มองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างทะเล้นหากแต่สีหน้าของอี้ชิงยังคงสงบนิ่งเช่นน้ำแข็งอย่างเคย ไม่มีแม้ท่าทางเขินอายที่เผยให้เห็นยามโดนแซวและนั่นก็ทำเอาจงอินรู้สึกเสียหน้าอยู่ไม่น้อย
นี่อู๋ฟานมันพาตุ๊กตาหรือคนเข้ามากันแน่วะ...
“ไปล่ะป่านนี้ลู่หานรอแย่แล้ว”เสียงทุ้มว่าขึ้นอย่างอารมณ์ดี มือแกร่งถือวิสาสะเอื้อมไปลูบแก้มเนียนของอี้ชิงก่อนจะหันไปขยิบตาให้คนเป็นพี่ชายอย่างขี้เล่นแล้วควงกุญแจรถเดินออกจากบ้านไปทันที
“ลู่หานอย่างงั้นหรอ หึ”อู๋ฟานค่อนหัวเราะในลำคอ อี้ชิงเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงนั้นและรอยยิ้มนั้นก็ทำให้เขาสัมผัสได้ว่าอีกคนไม่ได้มีความสุขอย่างที่ยิ้มออกเลยสักนิด มันเป็นรอยยิ้มที่ดูขมขื่นในสายตาเขาเสียมากกว่า
คนอย่างอู๋ฟาน....นักธุรกิจพันล้านน่ะ...
ทำไมถึงยิ้มออกมาอย่างนั้นกันนะ
“อ๊ะ!” เสียงใสร้องขึ้นอย่างตกใจเมื่อมือแกร่งที่จับข้อมือเขาอยู่นั้นบีบเกร็งแน่นอย่างแรงจนอี้นิ่วหน้าเพราะความเจ็บ
ทำเอาอู๋ฟานที่เพิ่งรู้สึกตัวรีบปล่อยมือออกโดยอัตโนมัติ
“ขอโทษที ลืมตัวไปหน่อย” เขาขึ้นมองร่างสูงอีกครั้งแล้วส่ายหน้าเบาๆเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร อู๋ฟานทอดมองแผ่นหลังของจงอินจนกระทั่งรถคันหรูเคลื่อนตัวออกจากตัวบ้านไป ก่อนหันกลับมาจับข้อมือบางแล้วพาเดินขึ้นบันไดอย่างเช่นทุกครั้ง
+++++++++
“นี่น่ะครั้งแรกใช่ไหมล่ะ” เสียงงทุ้มถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก อี้ชิงไม่ได้เอ่ยอะไรเพียงแต่พยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ
ใช่ว่าอู๋ฟานจะไม่เคยลิ้มลองเด็กแรกรุ่นเสียเมื่อไร แล้วเด็กคนนี้จะต่างไปจากเด็กคนอื่นที่ขายตัวให้เขาเพียงเพื่อนำเงินไปสนองความต้องการของตนเอง แต่อี้ชิงเด็กที่เดินมาเสนอตัวให้เขาอย่างเก้ๆกังๆดูก็รู้ว่าเด็กนั่นร้อนเงินไม่ใช่น้อย แม้แต่ดวงตาคู่นั้นเขาก็รู้ดีว่าเจ้าตัวไม่ได้เต็มใจเหมือนอย่างคนอื่นที่เมื่อเพียงเห็นเขาก็แทบจะเสนอตัวให้ฟรีไม่เอาเงินเพียงเพราะต้องการหลับนอนกับเขาเท่านั้น
แต่ก็นะกับคนอย่างอู๋ฟานไม่มีคำว่าให้ฟรีหรอก เลือดนักธุรกิจทีได้จากพ่อของเขามามันข้นเกินว่าจะให้อะไรไปโดยไม่ได้สิ่งตอบแทน และในเมื่อเด็กคนนี้กล้าเสนอไม่ว่าจะเหตุผลน่าสงสารแค่ไหนก็แล้วแต่ อู๋ฟานก็จะตอบแทนให้อย่างสมน้ำสมเหมือนกัน
“งั้นทำให้หน่อยซิ”เมื่อแกร่งไล้ลูบไปที่ริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา
“ปากของเธอน่ะ” จบคำพูดอี้ชิงก็รู้ทันที่ว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร แม้ในใจจะรู้สึกกลัว ทว่ามือสั่นเทากลับค่อยๆเอื้อมไปปลดตะขอกางเกงเนื้อดีของอู๋ฟานก่อนจะค่อยๆรูดซิปออกอย่างว่าง่าย
แม้ในใจร่างสูงนึกอยากจะเป็นคนกระชากกางเกงของตนเองออกซะเดี๋ยวนั้น แต่สมองก็สั่งให้เขาใจเย็นและอดทนรอ...ความสนุกที่กำลังจะตามมาอย่างช้าๆ....
+++++++++++++
“อืมม ดีมากคนเก่ง”เสียงทุ้มครางกระเส่าอย่างพอใจเมื่อปากเล็กทำหน้าที่ปรนเปรอให้อย่างไม่หยุดหย่อน จนอู๋ฟานเผลอกดสะโพกรับ ทำเอาปากเล็กเผลอสำลักไอไปหลายครั้ง แม้จะรู้สึกสงสารแต่ท่าทางนั้นยิ่งปลุกอารมณ์อู๋ฟานให้พล่านขึ้นอีก
ผู้หญิงที่เขาผ่านมามักจะเป็นพวกช่ำชองซึ่งแบบนั้นก็ถูกใจเขาอยู่หรอก แต่กับคนที่กำลังคุกเข้าอยู่ตรงหน้าเขากลับทำให้อยากครอบครองร่างกายนั้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนเหมือนที่ผ่านมา
“อือ พอก่อน” มือแกร่งเอื้อมไปจับศีรษะเล็กให้หยุดการกระทำก่อนจะรั้งคนตัวเล็กขึ้นมาปลอกเปลือกทีละชิ้น แค่นั้นอี้ชิงก็รู้แล้วว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นต่อไป ดวงตากลมค่อยๆปิดลงเมื่อยามแผ่นหลังกระทบกับที่นอนอันเย็นเฉียบพร้อมกับร่างของใครบางคนที่ตามลงมาทาบทับ
“ลืมตา อี้ชิง” อู๋ฟานใบมือบีบไปที่คางมนแน่นเป็นเชิงสั่งเมื่ออีกคนยังคงปิดตา เขาไม่สนว่านี่จะเป็นครั้งแรกของเด็กคนนี้หรอกแต่ถ้าเลือกที่จะขายให้เขาละก็ต้องทำให้เขาพอใจ
และก็ดูเหมือนคำสั่งของอู๋ฟานจะได้ผลเมื่อเปลือกตานั้นค่อยๆลืมขึ้น ด้วยแววตาตระหนก ใบหน้าคมกระตุกยิ้มขึ้นอย่างพอใจ มันเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเด็กนั่นเปลี่ยนสีหน้า เจ้าตัวจะรู้ตัวรึเปล่าว่าตัวเองตอนนี้ดูไม่ต่างกระต่ายที่หมดแรงหนีสักนิด...
ก็แค่เหยื่อ...ที่กำลังจะกลายเป็นอาหาร....อันโอชา
“อ๊ะ” อี้ชิงร้องขึ้นเมื่อรู้สึกถึงแรงกัดเข้าที่ลำคออย่างจัง หากแต่อู๋ฟานไม่คิดจะสนใจ รอยจ้ำแดงๆที่ปรากฏขึ้นมันยิ่งทำให้เขาอยากจะรุนแรงกับร่างข้างใต้มากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ก่อนที่ ริมฝีปากหน้าค่อยๆใช้เรียวลิ้นเลาะชิมความหอมหวานของเนื้อเนียนไปจนร่างขาวสะอาด ไม่ต่างจากมือแกร่งที่บีบเฟ้นทุกสัดส่วนที่ลากผ่านจนปรากกฎขึ้นเป็นรอยนิ้วแดง
“รู้สึกดีใช่ไหมล่ะ”ใบหน้าคมผงกหัวขึ้นมอเด็กหนุ่มที่ใช้มือกำผ้าปูที่นอนจนแน่น ไม่ต่างจากใบหน้าหวานหลับตาเชิดหน้าขึ้นเพราะความรู้สึกแปลกใหม่“ฮึก”
“เรียกชื่อฉัน” เขาบอกพลางเอื้อมมือไปกอบกุมส่วนอ่อนไหวของคนตัวเล็กแล้วแกล้งขยับขึ้นลงอย่างเชื่องช้าให้ทรมานเล่น
“คะ คุณ”
“อู๋ฟาน”
“คุณอู๋ฟาน” พอสิ้นเสียงหวานมือแกร่งก็จัดการขยับๆเร็วขึ้นเรื่อยๆจนอี้ชิงเผลอครางออกมาทุกครั้งที่มือหนานั้นขยับแรง เช่นเดียวกับสะโพกมนที่แอ่นกายขึ้นรับสัมผัสนั้นโดยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
“อะ อือออ” เสียงหวานครางหวิวเป็นครั้งสุดท้าย ไม่นานนักน้ำหวานทุกหยาดหยดแห่งความต้องการที่พวยพุ่งออกมาจนกระเซ็นเปรอะไปบนใบหน้าหล่อ
“ดีนี่” อู๋ฟานบกมือที่เปื้อนไปด้วยน้ำรักของคนตรงหน้าที่กำลังเหนื่อยหอบนั้นไหลย้อยลงมาตามข้อมืออย่างพอใจ....ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นอีกครั้ง มือหนาจัดการแยกเรียวขาของอี้ชิงให้อ้ากว้างขึ้นจนเผยให้เห็นรอยแยกกลางลำตัว ก่อนจะใช้ริวนิ้วที่เปียกชุ่มไปด้วยคราบรักถูกลงไปที่ช่องทางปิดสนิทนั้นแล้วแทรกเข้าไปขยับเข้าออกแรงๆเพื่อเปิดทางจนร่างเล็กนิ่วหน้าเพราะความไม่คุ้นชิน
“แบบนี้น่ะ”
ก็สกปรกแล้วซินะ.....
คำคำเดียวที่ผุดเข้ามาในหัวของอู๋ฟานแต่ดูท่าว่าอี้ชิงจะไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย ร่างสูงยิ้มมุมปากก่อนจะหยัดตัวขึ้นจับแกนกายของเองแทรกกายลงไปที่ช่องทางอัดคับแน่น เพื่อสอนบทเรียนใหม่ให้แก่อี้ชิงอีกครั้ง....และอีกครั้ง...อย่างไม่รู้จักพอ....
+++++++++++++
บทรักของความใคร่จบลงไปจนเกือบรุ่งเช้า อี้ชิงไม่แม้แต่ที่จะเอ่ยปากขอร้องให้หยุด ประโยคที่เดียวที่ยังคงก้องอยู่ในหัวในทุกครั้งที่ร่างนั้นโถมเข้าใส่ด้วยความรุนแรงก็คือ ชื่อของเขาคนนั้นและถึงแม้จะรู้สึกเจ็บจนร่างกายแทบแหลกไปทุกครั้งแต่อี้ชิงก็ไม่เอ่ยปาก....นั่นเพราะเขาไม่มีสิทธิ
ใบหน้าหวานสะบัดหัวแรงๆแม้จะรู้ว่าไม่ทำให้ดีขึ้น แต่ก็เรียกสติกลับคืนมา ดวงตากลมมองไปยังประตูห้องน้ำที่คุณอู๋ฟานเดินเข้าไปเมื่อครู่ ก่อนจะค่อยๆใช้มือยกผ้านวมผืนใหญ่ที่คลุมร่างของตนเองออกอย่างสั่นเทา แม้ทุกแรงที่ขยับจะปวดร้าวแก้วใสๆที่กำลังจะเปราะหัก แต่อี้ชิงก็กัดปากบอกกับตัวเองให้อดทนจนฝืนตัวลุกขึ้นได้
คนตัวเล็กค่อยๆขยับกายก้าวไปยังเสื้อผ้าที่ถูกอู๋ฟานถอดออกแล้วเขวี้ยงลงพื้นจนกระจัดกระจาย ทว่ายังไม่ทันที่มือบางจะหยิบกางเกงชิ้นแรกได้ มันนั้นก็ลอยขึ้นเพราะใครบางคนก้มลงแย่งเก็บมันขึ้นมาก่อนเขา
“คุณ!” เรียวตาเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อคนตรงหน้าคืออู๋ฟาน รู้สึกกระดากอายตัวเองอยู่ไม่น้อยที่ยืนเปลือยอยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่ก็ไม่สามารถหาอะไรมาปกปิดความน่าอายไว้ได้
และก็เหมือนอู๋ฟานจะดูออกร่างโปร่งส่งกางเกงคืนคนตัวเล็กแล้วเดินไปทางตู่เสื้อผ้า อี้ชิงเลยก้มลงเก็บเสื้อยืดอีกชิ้นก่อนจะเตรียมเดินเข้าไปยังห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าไปดีเสียงทุ้มก็ขัดขึ้นก่อน
“แต่งตัวเสร็จแล้วก็ตามลงไปทานอาหารเช้าข้างล่างด้วย” แล้วอี้ชิงต้องทำตามด้วยรึเปล่า มันอยู่ในข้อเสนอของเงินที่เขาจะได้ด้วยหรือ...
“แต่...ผมต้องกลับบ้าน”
“งั้นทานก่อนแล้วเดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ครับ...” อี้ชิงพยักหน้าเบาๆเขารู้ดีว่าประโยคเมื่อครู่สำหรับอู๋ฟานแล้วมันไม่ใช่ประโยคชักชวนแต่มันคือประโยคคำสั่งที่ไม่มีสิทธิปฏิเสธได้
+++++++++++++++
อู๋ฟานไม่ได้อยู่รออีกคนที่อยู่ในห้องน้ำ วันนี้เป็นวันหยุดร่างสูงจึงแต่ตัวสบายๆลงมาชั้นล่างเพื่อดื่มกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์อย่างที่เคยทำทุกวัน แต่เสียงที่ดังออกมาจากห้องครัวทำเอาเขาอดที่จะสงสัยไม่ได้ พอมองไปที่โต๊ะอาหารก็เจอกับความว่างเปล่าทั้งที่เวลานี้แม่บ้านน่าจะเตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้วเพราะรู้นิสัยการตื่นของเขาดี
เรียวคิ้วขมวัดเข้าหากันก่อนจะก้าวเท้าฉับไปยังห้องครัวใกล้ๆ แล้วก็ต้องแผ่วปลายเท้าลงเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังทำอาหารอยู่เป็นใคร
“ลู่หาน...”
“อ้าวคริส เอ่อ....ตื่นแล้วหรอ” เจ้าของชื่อที่กำลังขะมักเขม้นกับการเตรียมอาหารเงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่ แต่ก็เอ่ยทักออกไปด้วยชื่อที่คุ้นเคยพร้อมกับรอยยิ้มหวาน จนอู๋ฟานอดที่จะมองไม่ได้
...แต่ก็เพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น
“เจ้าไคล่ะ”
“หมอนั่นขี้เซาขนาดไหนนายน่าจะรู้”
“หึหึ นั่นซินะ”เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ ยิ่งวันหยุดอย่างนี้ล่ะก็กว่าน้องของเขาจะตื่นก็คงเกือบๆเทียงนู่นแหละ เขาลืมไปเสียสนิทเลย
“ทานด้วยกันนะ เดี๋ยวฉันทำเผื่อ” ลู่หานเอ่ยชวนซึ่งมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะเช้านี้เขาเพิ่งบอกแม่บ้านเองว่าจะเป็นคนทำกับข้าวเอง
เขามักจะมาที่บ้านนี้ทุกวันหยุดแต่ก็ไม่บ่อยนักที่จะเจอกับคนเป็นพี่ของคนรัก เพราะอู๋ฟานมักจะออกไปข้างนอกในวันหยุดอย่างนี้เสมอ
“งั้นช่วยทำเผื่ออีกที่ซิ”เสียงทุ้มเอ่ยยิ้มๆ
“เห? แต่หมอนั่นคงทานอีกทีตอนเที่ยง” ใบหน้าหวานเลิกคิ้วสงสัย
“พอดีฉันมีแขกน่ะ...” คำว่าแขกของอีกคนทำเอาลู่หานนิ่งไปเลยน้อย ก่อนจะเผยยิ้มออกมาอีกครั้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เพราะแขกของอู๋ฟานก็คงไม่พ้น......คู่นอน
“ระ หรอ...อืม...ได้ซิ” คนตัวเล็กรับปากก่อนจะเดินหันหลังกลับไปคนหม้อซุปที่อยู่บนเตา แผ่นหลังเล็กที่อยู่ในชุดกันเปื้อนสีหวานทำเอาคนที่ยืนอยู่ตรงกรอบประตูอดที่จะมองทุกท่าทางที่เคลื่อนไหวนั้นไม่ได้ แต่ก็เพียงได้แค่มอง.... อู๋ฟานรู้ดีว่าสิ่งที่สกปรกที่เขากำลังคิดอยู่ไม่มีทางจะเป็นไป....เพราะร่างกายนั้นสะอาดเกินกว่าที่จะเปรอะเปื้อน....
คิม ลู่หานคนที่อู๋ฟานหลงรักตั้งแต่แรกพบ...มันเป็นครั้งแรกที่จงอินแนะนำเขาให้รู้จักกับคนรัก....
แค่เพียงแรกพบ....อู๋ฟานก็อกหักเสียแล้ว
TBC
ติชมกันได้นะคะ จะได้เอาไปปรับปรุงค่ะ ถ้าเจอคำผิดช่วยคอมเม้นบอกด้วยนะค ขอบคุณที่อ่านค่ะ >_<
ความคิดเห็น