คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ::::: Chapter 6 ::::::
หลังจากได้ลองจับดาบซ้อมรบอยู่ได้ไม่นาน โทโมฮิสะก็รู้ตัวว่าเขาไม่เหมาะกับอะไรแบบนี้เลยสักนิด มือบางๆ แดงช้ำจากแรงปะทะของดาบ เขาจึงเลิกซ้อมและเลือกที่จะนั่งดูเฉยๆ แทน อิคุตะกับเรียวยังคงซ้อมดาบกันอย่างจริงจัง โดยมีเทโกชิยืนเป็นกำลังใจและส่งเสียงเชียร์อยู่ไม่ห่าง เสียงดาบกระทบกันดังก้องไปทั้งลานซ้อม ประกายไฟเล็กๆ เกิดขึ้นทุกครั้งที่คมดาบปะทะกัน เห็นความเข้มแข็งของเมืองนี้แล้ว มองไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะล่มสลายได้อย่างไร ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้น ร่างบางก็สะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองกำลังถูกกอดจากทางด้านหลัง ร่างบางพยายามดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกกอดแน่นขึ้น พร้อมๆ กับเสียงกระซิบที่ข้างหู
“ข้าจากไปรบเสียนาน เจ้าโตและงดงามขึ้นมากเลยนะ” พูดจบเจ้าของเสียงนั้นก็จงใจซุกหน้าลงกับลำคอระหง ร่างบางทั้งดิ้นทั้งร้องให้คนช่วย แต่ไม่มีทหารคนไหนกล้าแม้แต่จะร้องห้าม แต่แล้วร่างทั้งร่างก็หมุนคว้างตามแรงกระชาก เป็นเรียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วย โทโมฮิสะหายใจหอบ ก่อนจะซ่อนตัวอยู่หลังเรียวอย่างหวาดๆ เวลานี้เองที่เขาได้เห็นหน้าเจ้าของการกระทำที่จาบจ้วงนั้นอย่างชัดเจน
“จุนโนะสุเกะ ท่านไม่ควรทำกระทำแบบนี้กับทายาทอันดับสองของไอซุ มันไม่ควรอย่างยิ่ง” เรียวพูดทั้งที่ยังกุมมือโทโมฮิสะไว้แน่น
“นิชิกิโด ข้าเพิ่งรู้นะว่าเจ้าผันตัวเองมาเป็นองครักษ์ของโทโมฮิสะแล้ว และที่สำคัญข้าไม่เห็นว่าการที่พี่ชายที่ไม่ได้เจอน้องชายมานานแสนนาน จะกอดน้องตัวเองไม่ได้” จุนโนะสุเกะยิ้มเจ้าเล่ห์
“ท่านโทโมฮิสะโตเกินกว่าที่ท่านจะทำแบบนั้นได้แล้ว” เรียวตอบเสียงกร้าว
“โกรธอะไรนิชิกิโด หรือว่าเจ้าเองก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกัน” จุนโนะสุเกะหัวเราะเสียงดังราวกับเป็นเรื่องตลก
ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลาย อิคุตะก็เข้ามาห้ามเสียก่อน พร้อมกับกล่าวขอโทษจุนโนะสุเกะกับการกระทำรุนแรงของเรียว เรียวก้มหัวขอโทษอย่างไม่เต็มใจนัก จุนโนะสุเกะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโทโมฮิสะและลูบไล้ใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย จุนโนะสุเกะยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ข้าไปก่อนนะ คงได้เจอกันในงานเลี้ยงต้อนรับคืนนี้”
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
เทโกชิกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมข้าวของให้ผู้เป็นนาย ซึ่งนั่งทำหน้าไม่รับรู้การเป็นไปของโลกอยู่ในเวลานี้ โทโมฮิสะกำลังเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เทโกชิเล่าให้ฟังเมื่อเช้านี้ แต่ไม่ว่าจะพยายามนึกสักเท่าไหร่ ชื่อของจุนโนะสุเกะก็ไม่เคยหลุดเข้ามาเลยสักครั้ง แล้วการที่จุนโนะสุเกะบอกว่าเขาเป็นพี่ชายของโทโมฮิสะนี่ มันหมายความว่าอย่างไรกัน
“คุณชาย ท่านคิดอะไรอยู่ นี่ใกล้เวลาที่งานเลี้ยงต้อนรับท่านจุนโนะสุเกะแล้วนะ ขืนท่านไปช้า ท่านพ่อของท่านต้องไม่พอใจแน่”
“จุนโนะสุเกะ เขาเป็นพี่ชายข้าหรือ ทำไมไม่เห็นเจ้าเล่าให้ข้าฟังเลยล่ะ” โทโมฮิสะถามอย่างสงสัย
“จะสารภาพตรงๆ ว่าข้าลืมก็ได้ เขาจากเมืองนี้ไปเกือบสิบปี ก็ตั้งแต่พ่อของเขาตายนั่นแหละ”
“พ่อเขาตายแล้ว? ” โทโมฮิสะอึ้งไปนิดหนึ่งกับคำตอบที่ได้ฟัง ความรู้สึกของการต้องสูญเสียพ่อเป็นอย่างไรนั้น โทโมฮิสะรู้ดี สิบกว่าปีแล้วที่เขาต้องอยู่เพียงลำพังกับแม่และน้องสาว
“ขอรับ พ่อเขาเป็นลุงของท่าน ถ้าพ่อเขาไม่ตาย เขานั่นแหละที่จะได้เป็นเจ้าเมืองคนต่อไป” เทโกชิตอบ เมื่อเห็นโทโมฮิสะทำหน้าสงสัย เทโกชิจึงอธิบายต่อ
“แต่พอพ่อเขาตาย โดยที่ยังไม่ทันได้แต่งตั้งทายาท ตำแหน่งเจ้าเมืองก็เลยมาตกอยู่กับพ่อของท่าน แล้วตำแหน่งทายาทก็เลยมาเป็นของท่านอิคุตะและท่านแทนยังไงล่ะ”
“แล้วพ่อของจุนโนะสุเกะตายยังไงหรอ” โทโมฮิสะถาม เทโกชิอึ้งไปนิดนึงก่อนจะลดเสียงลงตอบ
“โดนลอบสังหาร”
“...” สีหน้าโทโมฮิสะหม่นลงอีก
“จนถึงตอนนี้ยังจับตัวคนผิดมาลงโทษไม่ได้เลย” เทโกชิว่า
“แล้วทำไมจุนโนะสุเกะถึงไม่ได้อยู่ในปราสาทกับพวกเราล่ะ ข้าหมายถึงทำไมเขาถึงต้องออกไปป้องกันแนวชายแดน ทั้งที่มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณชายของตระกูลเลยนะ”
“มีหลายคนที่กลัวว่าการเลี้ยงดูท่านจุนโนะสุเกะไว้ จะเป็นเหมือนหอกข้างแคร่ จึงได้พยายามกำจัดเขา แต่ท่านพ่อของท่านก็ทนเห็นหลานชายเพียงคนเดียวลำบากอย่างนั้นไม่ได้ จึงได้เรียกตัวกลับมาอย่างที่เห็นนี่ล่ะ ...คุณชาย ท่านควรจะเลิกซักถามข้าแล้วก็เริ่มแต่งตัวได้แล้วนะขอรับ ข้าวของที่ต้องเตรียมไปเป็นของที่ระลึก ข้าก็เตรียมให้หมดแล้ว เหลือแต่เพียงตัวท่านเท่านั้นเอง” โทโมฮิสะรีบแต่งตัวและหวีผมอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากโดนเจ้าตัวเล็กบ่นอีกรอบ
โทโมฮิสะไปงานเลี้ยงต้อนรับพร้อมกับเทโกชิในฐานะคนสนิท และ เรียว ในฐานะองครักษ์ที่อิคุตะขอร้องให้ทำ การกระทำดังกล่าวทำให้โทโมฮิสะรู้ว่าอิคุตะรักน้องชายของเขามากแค่ไหน แล้วคนอ่อนโยนแบบนี้น่ะหรอ ที่จะเป็นกบฏและคิดฆ่าพ่อตัวเอง เขาไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ
ระหว่างทางแทบไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นเลย จะมีเพียงเทโกชิที่คิดหัวข้อบทสนทนาแต่สุดท้ายมันก็จะจบลงด้วยความเงียบทุกครั้งไป จนเจ้าตัวเล็กเบื่อที่จะหาเรื่องคุยจึงเดินถือของนำหน้าผู้เป็นนายไปก่อน ความเงียบทำให้โทโมฮิสะอึดอัด จึงเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นก่อน
“วันนี้ท่านนิชิกิโดเงียบจังเลยนะ” โทโมฮิสะพูดก่อนจะกลั้นใจฟังคำตอบที่ได้รับ
“เรียกเรียวเหมือนเดิมดีกว่า ปฏิบัติกับข้าเหมือนที่ท่านเคยปฏิบัติเถอะ” เรียวว่า แล้วความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง
“วันนี้ต้องขอบคุณเจ้ามากเลยนะ ถ้าไม่ได้เจ้าข้าเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน” โทโมฮิสะกล่าวขอบคุณด้วยใจจริง เรียวหยุดเดินและหันมามอง แสงสว่างจากไฟส่องทางทำให้เห็นเสี้ยวหน้าสวยในความมืด ดวงตาสองคู่สบประสานกัน แต่แล้วเรียวก็เป็นฝ่ายหลบสายตา
“ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่าน แต่ตั้งแต่ท่านกลับมาจากศาลเจ้า ท่านเปลี่ยนไปมาก” เรียวพูดก่อนหันหลังเดินจากไป โทโมฮิสะเร่งฝีเท้าเดินตามเรียวไปเพื่อจะถามว่าเขาเปลี่ยนไปอย่างไร ทำไมนะ... แค่เห็นคนๆ นี้ไม่สบายใจ เขาถึงได้ร้อนรนเพียงนี้ แต่ด้วยความรีบร้อนและไม่ทันระวังทำให้โทโมฮิสะสะดุดก้อนหินล้มลง
“โอ๊ย!~”
เรียวรีบปราดเข้าหาร่างบางที่นั่งกุมข้อเท้าตัวเอง น้ำตาคลอดวงตาสวย
“ท่านเจ็บมากหรือ” เรียวถามพลางลองขยับข้อเท้าดู โทโมฮิสะร้องด้วยความเจ็บปวด เรียวบอกให้โทโมฮิสะขี่หลังตน เพราะงานเลี้ยงต้อนรับใกล้เริ่มเต็มที โทโมฮิสะลังเล
“ตั้งแต่เกิดมา นอกจากพ่อข้าแล้ว ข้ายังไม่เคยขี่หลังใครเลย” โทโมฮิสะว่า ความฉงนผุดขึ้นบนหน้าของเรียว
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านขี่หลังข้า ท่านจำไม่ได้หรือ ” เรียวถามด้วยน้ำเสียงปนความแปลกใจ
“ข้า... เอ่อ... ข้ารู้สึกเหมือนความทรงจำบางส่วนของข้าหายไป หลังจากตกบันไดที่ศาลเจ้าน่ะ” โทโมฮิสะโกหกออกไปแล้ว ขอโทษจริงๆ นะเรียวทั้งที่ข้าไม่อยากโกหกเจ้าเลย เรียวอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะส่งสายตาอ่อนโยน
“ไม่เป็นไร ข้าจะเป็นคนฟื้นความทรงจำให้ท่านเอง”
เรียวคุกเข่าลงเพื่อให้โทโมฮิสะขี่หลังก่อนจะค่อยๆ เดินไปตามทางที่มีแสงจากโคมไฟส่องสว่างอยู่สองข้างทาง ก้าวแล้วก้าวเล่าไม่มีแม้เสียงสนทนาใดๆ นอกจากเสียงถอนหายใจเบาๆ ของร่างบาง
“ข้าคงหนักมากใช่มั้ย ถ้าเจ้าไม่ไหว ปล่อยให้ข้าเดินเองก็ได้นะ” เสียงโทโมฮิสะแผ่วเบาราวกระซิบที่ข้างหู
“ไม่เลย ท่านไม่หนักเลย ตัวเคยเบาอย่างไร ก็เบาอย่างนั้น” เรียวว่าพลางอมยิ้ม
“เจ้ามักจะแบก...ข้าแบบนี้เสมอหรอ” โทโมฮิสะถาม
“อืม ท่านน่ะมักจะชอบหนีไปแต่งกลอนหรือไม่ก็วาดภาพแล้วก็เผลอหลับใต้ต้นไม้ ท่านเป็นคนหลับลึกแล้วก็ตื่นยาก”
“จริงด้วยสินะ” อย่าว่าแต่คุณชายโทโมฮิสะเลย ... โทโมฮิสะคนนี้หลับแล้วก็ปลุกยากเหมือนกัน
“มีครั้งหนึ่ง ท่านหายออกไปจากปราสาท เขาหากันทั่วไปหมด มีบางคนกล่าวว่าท่านถูกลักพาตัว แต่ท่านรู้มั้ยว่าข้าไปพบท่านที่ไหน” เรียวทำราวกับว่ากำลังเล่านิทานก่อนนอนให้เด็กฟัง
“ข้าคงหลับอยู่ที่ไหนสักแห่งล่ะสิ”
“อืม ข้าไปพบท่านนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้บนภูเขาบันได* ” เรียวว่าพลางหัวเราะ
“แล้วเจ้าทำยังไง ปลุกข้าหรือเปล่า”
“ปลุกสิ แต่ท่านไม่ยอมตื่น ข้าก็เลย...” เรียวหยุดไปนิดหนึ่ง
“แบกข้าลงจากภูเขาบันได” โทโมฮิสะตอบแทนให้ แว่บหนึ่งเขานึกอิจฉาคุณชายโทโมฮิสะ...
เรียวนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะตัดสินใจพยักหน้าเบาๆ จะให้บอกได้อย่างไร ว่าวันนั้นเขาได้ทำสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่งในฐานะองครักษ์ รอยจูบที่หอมหวานคงเป็นเพียงครั้งแรกและครั้งเดียวที่จะตราตรึงใจองครักษ์หนุ่มจวบจนวันสิ้นลม คิดได้แบบนั้น เรียวก็ได้แต่เจียมตน แต่แล้วร่างบางก็กอดเรียวแน่นขึ้น อาจเป็นไปได้ว่าแขนเรียวเริ่มล้าก็เป็นได้ ศีรษะได้รูปของร่างบางคลอเคลียอยู่ข้างต้นคอไม่ห่าง
“วันหลังเจ้าพาข้าไปภูเขาบันไดอีกนะ”
ความคิดเห็น