คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทสรุป (ของความรัก)
ผมรีบวิ่งออกจากสถานการณ์อันแสนบีบบังคับ นี่เราทำอะไรลงไป ทั้งที่อดใจ(?)มาได้ตั้งหลายวัน แค่อุบัติเหตุแค่นั้นทำให้ร่างกายเราเสียการควบคุมขนาดนี้เลยหรอ ...ผมเอามือจับหน้าอกข้างซ้ายที่รู้สึกได้ถึงหัวใจที่ยังคงเต้นแรง
ย้อนไปหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านั้น ที่ House of paradise จัดคอนเสิร์ตขึ้น ... ทั้งที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ว่าร่างบางเจ้าของใบหน้าหวานที่ทำหน้าเหยเกอยู่ท่ามกลางกลุ่มสาวกของ Paradise kiss ที่สนุกกันอย่างสุดเหวี่ยง กลับสะกดสายตาของผมไว้ได้ราวกับต้องมนต์ ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสาวกของ Paradise kiss จะเป็นหนุ่มหน้าหวานรูปร่างบอบบางแบบนั้น แถมแสดงอาการราวกับถูกบังคับให้มาดูคอนเสิร์ตมันยิ่งทำให้คนข้างล่างน่าสนใจยิ่งขึ้น ทั้งที่พยายามจะอยู่กลุ่มเดียวกับร่างบางหน้าหวานคนนั้นแต่ผมก็ต้องแห้ว เพราะว่าการแบ่งกลุ่มเป็นไปตามเลขบัตรคอนเสิร์ตซึ่งถูกแบ่งไว้ก่อนแล้ว ผมจึงได้แต่เดินคอตกนำกลุ่มของผมเดินชมห้องนั้นห้องนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง....ผมเห็นผู้หญิงกับผู้ชายสองคนพยายามหลบหนีออกจากกลุ่มของมัสสึ ผมแอบตามพวกเค้าไป เพราะอะไร?? ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
...ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับ ว่าผมคงตกหลุมรักเจ้านี่เข้าซะแล้ว ...
ผมกำลังจะก้าวตามผู้ต้องสงสัยที่กำลังออกจากห้องของโทมะ แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังมาจากที่ไหนสักแห่ง ผมก้มดูใต้เตียงก็เจอแหล่งต้นเสียง ผมยิ้มกับโทรศัพท์เครื่องเล็กในมือ ก่อนจะนึกแผนอะไรออกบางอย่าง....อย่างน้อยเจ้ามือถือเครื่องนี้น่าจะช่วยอะไรผมได้บ้างแหละ
ผมนอนมองโทรศัพท์ในมืออย่างเลื่อนลอย ป่านนี้เจ้านั่นคงกลับถึงบ้านแล้ว ผมนอนลืมตาโพลงในความมืดมองแสงวิบวับจากโทรศัพท์ แล้วมันก็ดังขึ้น ผมมองเบอร์ที่โชว์ในโทรศัพท์อย่างชั่งใจก่อนจะตัดสินใจไม่รับสาย
อย่างน้อย ฉันก็อยากให้นายกลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่ง.....
ผมลุกออกจากเตียงไปหาอะไรอุ่นๆ ใส่ท้อง อย่างน้อยมันน่าจะทำให้ผมหลับได้เร็วขึ้น ผมเปิดประตูห้องออกมาเงียบๆ และไม่ได้เปิดไฟ เพราะกลัวว่าแสงไฟจะไปกระทบการพักผ่อนของเพื่อนร่วมวง
“จะไปไหนอ่ะ” เสียงเรียกจากด้านหลังเล่นเอาผมสะดุ้ง ...มัสสึ...
“ไปหาไรกิน” ผมตอบ
“ไปด้วยดิ หิวเหมือนกัน”
แล้วมัสสึก็สะลึมสะลือเดินนำหน้าผม ขณะที่ก้าวขาลงมาจากบันได ผมก็เห็นเงาตะคุ่มๆ ของใครยืนทื่ออยู่หน้าห้องของฮิโรกิ แต่ปากผมช้ากว่าปากมัสสึนิดหน่อย
“เฮ้ย!! นายเป็นใคร ขโมย มีขโมยเข้าบ้าน”
แล้วเหตุการณ์ก็พลิกผัน... กลายเป็นว่าเจ้าคนที่ผมเฝ้าคิดถึงมาตั้งแต่เย็น มานั่งตัวสั่นอยู่ตรงหน้าผม ...เอ่อ..จะว่าไงดีล่ะครับ ...ผมเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน หันไปมองหน้าเรียวกับฮิโรกิซึ่งหน้าตาแดงก่ำด้วยกิจกรรมบางอย่าง หันไปมองมัสสึที่ยังคงสะลึมสะลือกับความง่วงจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น และโทมะที่มองมาอย่างไม่พอใจ ทำให้ผมจำเป็นต้องสวมบทโหดกับเจ้าตัวปัญหาตรงหน้าที่เข้ามาทำลายบรรยากาศอันแสนสงบสุขของพวกผม
และด้วยความฉลาดของผม ทำให้ผมได้ตัวเจ้าหน้าหวานตาโตมาอยู่ใกล้ๆ แบบไม่ต้องเหนื่อย (แม้จะต้องแลกกับการโดนมองว่าโหดสักเล็กน้อยก็ตาม)
แต่ยิ่งได้ตัวเค้ามาอยู่ใกล้ๆ ผมก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าหัวใจเจ้านี่อาจจะไม่ว่างพอให้ผมคว้ามาเป็นเจ้าของ ก็วันๆ หนึ่งเอาแต่เรียกหาโทมะ โทมะ ยิ่งเวลาว่างเป็นไม่ได้ จะต้องแอบเข้าไปในห้องโทมะ จนผมต้องแอบแขวะบ่อยๆ ...ผมก็แค่หมั่นไส้ล่ะครับ ไม่ได้หึงเลย
“คิดอะไรอยู่”
“o_O” เสียงเรียกของเรียวบวกหน้าโหดๆ ของเจ้านั่นทำให้ผมสะดุ้งเฮือกเลยครับ
“นายไม่ต้องปกป้องฉันกับฮิโระจังก็ได้นะ เรื่อง...ความสัมพันธ์ของพวกเราน่ะ”
“ท..ทำไมล่ะ ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ถ้าข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไป ภาพลักษณ์ของวงจะเป็นยังไงล่ะ” และที่สำคัญ หากไม่ยกเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วผมจะเอาเรื่องไหนมาอ้างให้ยามะพีอยู่บ้านนี้ต่อล่ะ ...อ๊ะ!! ผมแค่เป็นห่วงวงนะครับ จริงๆ
“แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับการที่จะต้องให้เด็กนั่นเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตพวกเรามากเกินไป โดยเฉพาะ..กับโทมะ” ผมมองเรียวตาไม่กระพริบเลยครับ ...ทันทีที่ประโยคนี้จบ เหมือนก้อนหินหนักๆ กระแทกเข้ามาที่อกข้างซ้ายของผมดังพลั่ก
“ยังไง”
“นายก็เห็นอยู่ ว่าเด็กนั่นดูสนใจโทมะมากเกินไป แล้วโทมะก็ไม่ได้รังเกียจ ว่าก็ว่าเถอะ...ฉันว่าวันหนึ่งข้างหน้า อาจจะไม่ได้มีแค่คู่ฉันกับฮิโระก็ได้ แต่อาจจะมีโทมะพี อะไรแบบนั้นอ่ะ” เรียวกระซิบผม ...แต่แม้เป็นแค่เสียงกระซิบมันกลับทำให้เยื่อแก้วหูผมสั่นสะเทือน สะท้านไปถึงขั้วหัวใจ
“เฮ้ยยย!! ไม่ได้นะ โทมะพีไม่ด้ายยยยย~” สำหรับผม ...สิ่งเดียวที่รับได้คือ จินพีเท่านั้น =^=
“มีสองทางที่แก้ปัญหานี้ได้ คือผลักยามะพีออกไปให้ไกลที่สุดจนเข้าหาโทมะไม่ได้ หรือเก็บยามะพีไว้ใกล้ตัวนายที่สุด จนเค้าไม่สามารถมองคนอื่นได้ ...นายจะเลือกแบบไหนล่ะ” เรียวตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ผมจมอยู่กับห้วงความคิด แล้วผมก็ตัดสินใจเลือกทางแรก...
ทั้งที่ตั้งใจจะเดินไปบอกทุกคนที่ห้องนั่งเล่น แต่แล้วเท้าผมก็ต้องหยุดชะงักที่หน้าห้องนอนของโทมะ ผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ผมอดไม่ได้ที่แง้มประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้ให้กว้างขึ้น แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นยามะพีดิ้นคลุกคลักอยู่ในวงแขนของโทมะ ร่างบางทั้งดิ้นทั้งร้องจนหน้าตาแดงไปหมด เพื่อนผมก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยตัวคนตัวเล็กกว่าแต่อย่างใด ซ้ำยังจับร่างบางกดลงกับเตียงราวกับไม่เกรงใจผมที่ยืนอยู่ตรงนั้น ก่อนที่โทมะจะได้ลิ้มรสริมฝีปากอิ่มที่เม้มสนิท ร่างของโทมะก็กระเด็นไปตามแรงเหวี่ยงของผมประกอบกับหมัดลุ่นๆ ที่กระแทกเข้าสันกรามอย่างจัง เจ้านั่นลงไปกองกับพื้น บนเตียงมีเพียงร่างบางที่หอบหายใจแรงๆ ผมหันไปประคองร่างบางขึ้นมากอด
“ทำไมนายต้องชกฉันด้วยวะ เจ็บนะโว้ย” โทมะร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด
“ก็นายมาทำแบบนี้กับยามะพีได้ยังไง” ผมว่า ...ไม่ซัดมันซ้ำก็ดีเท่าไหร่แล้วเนี่ย ..
“อะไรกัน...ก็แค่พ่อบ้าน กอดนิดกอดหน่อยไม่เห็นจะเป็นไรเลย” โทมะยืนคุมเชิงอยู่ห่างจากรัศมีหมัดผมพอสมควร ยังไม่เลิกปากดี
“ไม่ได้ เพราะเค้าเป็นคนที่ฉันชอบ!”
“เป็นอะไรนะจิน??” เสียงประสานที่พูดขึ้นมาพร้อมกันของคนสองคน ซึ่งยืนกอดอกมองอยู่ตรงขอบประตูทำให้ผมเริ่มได้สติ ...
“นี่พวกนายทำอะไรกัน ...พวกนายรวมหัวกันแกล้งฉันหรอ” ผมหันไปถามมัสสึที่ยืนยิ้มหน้าบานอยู่ข้างๆ เรียวและฮิโรกิ
“ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้ เมื่อไหร่พวกผมจะรู้ล่ะครับ ว่าทำไมจินคุงถึงพายามะพีมาอยู่ที่นี่ แล้วทำไมจินคุงถึงได้โมโหทุกครั้งที่ยามะพีอยู่กับโทมะ แล้วทำไมจินคุงถึงได้แกล้งยามะพีตลอด แล้วทำไม...” มัสสึทำหน้าล้อเลียน
“พอแล้วๆๆๆๆ” ผมไม่อยากจะฟังอะไรอีกต่อไปแล้ว ผมผละออกจากร่างบางในอ้อมกอด
“แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ต่อให้ฉันยอมรับว่าฉัน...รักไอ้เด็กนี่ แล้วมันได้อะไรขึ้นมาล่ะ ในเมื่อเค้าก็รักโทมะ”
“ผมหรอ รักโทมะอ่ะนะ บรื๋ออออว์” ยามะพีว่าพลางทำท่าทางขนลุก
“เฮ้ยย~ ทำไมทำท่าแบบนั้นวะ ไอ้จินมันก็ไม่ต่างจากฉันล่ะว๊า” โทมะว่าพลางชี้มือมาที่ผม
“อย่างน้อยผมก็ไม่เคยใจเต้นกับโทมะล่ะฮะ” ยามะพียังคงเถียง ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่
“เดี๋ยวนะ...แล้วตกลงนี่มันยังไงกัน” ผมหันไปถามฮิโรกิ คนที่น่าจะพอพึ่งได้ที่สุดในเวลาแบบนี้
“เฮ้อ ทำไมฉันจะต้องเหนื่อยทุกทีเลยเนี่ย...” ฮิโรกิบ่นแบบไม่จริงจังนัก
“ฉันก็แค่อยากรู้ว่านายคิดยังไงกับเด็กนี่...ก็เลยจัดฉากขึ้นมานิดหน่อย” ฮิโรกิว่า
“โห ดีนะครับเนี่ย ถ้าโทมะคิดจะปล้ำผมจริงๆ ผมจะลาออกวันนี้เลย” ยามะพีว่าพลางทำท่าขนลุกต่อเนื่อง
“ใครจะไปปล้ำแกล่ะ ฉันก็แค่เล่นๆ เท่านั้นแหละ แต่ไอ้จินเนี่ยสิ ซัดมาซะเต็มแรง ดีนะฟันไม่หัก ไม่งั้นหมดหล่อแน่เลยชั้น” โทมะว่าพลางลูบคางป้อยๆ
“ใครจะไปรู้ล่ะ ก็เห็นยามะพีไม่สมยอม ฉันก็ต้องช่วยสิ” ผมว่า
“งั้นถ้ายามะพีสมยอม จินก็จะไม่ช่วยหรือฮะ” มัสสึถาม ผมอึกอัก
“ฉันว่า ถ้ายามะพีสมยอม มีหวังโดนกระทืบทั้งสองคน แถมยามะพีอาจจะเจอศึกหนักรอบสอง ...ลบรอยจูบของโทมะสิไม่ว่า” เรียวว่าพลางหัวเราะ ...ผมอยากจะเตะปากมันนัก
“ฉันว่า...พวกเราไปข้างนอกกันเถอะ เผื่อสองคนนี้เค้ามีอะไรจะต้องคุยกัน” ฮิโรกิว่าพลางเดินนำออกไปจากห้อง โดยมีเรียวตามไปไม่ห่าง ส่วนมัสสึไปช่วยพยุงโทมะออกจากห้องไป ในห้องจึงเหลือเพียงผมกับเจ้าของร่างบางที่มองผมตาแป๋ว
“อะไร” ผมถามเสียงแข็ง ทั้งที่ในใจเต้นตูมตาม
“เปล่า ฉันก็แค่ไม่อยากจะเชื่อ...ทั้งสิ่งที่เจ้าพวกนั้นพูด และยิ่งดูท่าทางของนาย ยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่”
“เรื่องที่ฉันชอบนายน่ะหรอ”
“o_O..”
“ฉันไม่ใช่คนที่แสดงออกเก่งนักหรอกนะ แต่ก็...อยากจะบอกไว้ว่าฉัน...ชอบนาย...มากจริงๆ”
“....”
“แล้วนายล่ะ”
“ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เห็นมั้ยล่ะ สุดท้ายมันก็แค่ฉันคนเดียวที่รู้สึกแบบนี้” ผมเศร้าจริงๆ นะครับเนี่ย
“แต่ฉันก็จะบอกนายเอาไว้เหมือนกัน ว่านายเป็นคนๆ เดียวที่ทำให้ฉันใจเต้นได้ขนาดนี้” ยามะพีหน้าแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวฉันจะทำให้นายหัวใจเต้นแรงกว่านี้อีก” ร่างบางหลับตาพริ้มทันทีที่ริมฝีปากเราประกบกัน แล้วทั้งสองคนก็ตกสู่ห้วงแห่งความรัก โดยมีสักขีพยานรวมสี่ชีวิตแอบดูอยู่ข้างประตู.......
ความคิดเห็น