คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ::: Chapter 2 :::
บทที่ 2
เสียงกรีดร้องของผู้คนดังโหยหวนมาท่ามกลางความมืด เปลวเพลิงแดงฉานกำลังลามเลียปราสาทหลังงาม ภาพผู้คนหนีตายอลหม่าน เสียงกระทบกันของดาบ และเสียงฝีเท้าม้าดังอืออึงไปทั่วบริเวณ
“หนีไป” เสียงตวาดที่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยเต็มเปี่ยมดังมาจากชายในชุดนักรบที่ไม่มีเวลาแม้แต่จะหันมามองคนที่เขาห่วงสุดหัวใจ สองมือยังคงจับดาบมั่น และฆ่าศัตรู ศพแล้วศพเล่า แต่ดูเหมือนยิ่งฆ่ามันก็ยิ่งทยอยมาเรื่อยๆ ไม่หมดไม่สิ้น
“บอกให้หนีไป ท่านจะตายไม่ได้ ท่านเป็นหัวใจของทุกคน”
ร่างบางไม่มีทีท่าว่าจะหนี ไม่แม้แต่จะขยับกาย สายตายังคงจ้องร่างของทหารคนสนิท น้ำตาหลั่งรินหยดแล้วหยดเล่า
“ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายเพียงลำพัง”
“ข้าก็จะไม่ปล่อยให้ท่านตาย ข้าจะปกป้องท่านด้วยชีวิตของข้า ด้วยความรักของข้า แต่ตอนนี้ท่านต้องหนี... เพื่อข้า ข้าดูแลท่านตอนนี้ไม่ไหว ศัตรูมันมากเหลือเกิน” ชายหนุ่มหันมาสั่งได้เพียงครู่ ก็วิ่งออกไปประจันหน้ากับศัตรูอีก
ร่างบางลังเล แต่หากก็ยอมทำตามคำบอกนั้นแต่โดยดี แต่จังหวะที่จะหันหลังหนีนั้นเอง สายตาก็เห็นภาพดาบฟาดใส่ร่างของชายหนุ่มผู้นั้น
“ไม่!!~” โทโมฮิสะตะโกนขึ้นมาท่ามกลางความมืด ร่างบางหอบหายใจถี่ เขายกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่เปียกชุ่ม
.... นี่มันอะไรกันแน่นะ ....
โทโมฮิสะนั่งมองออกไปนอกรถไฟ ลมแรงๆ พัดเข้ากระแทกผิวหน้า จินเห็นเพื่อนนั่งตากลมเกรงว่าจะเป็นหวัดจึงเอาผ้าพันคอยื่นให้ แต่เมื่อเห็นโทโมฮิสะยังนั่งนิ่งจึงจัดการพันผ้าพันคอให้
“เป็นอะไรอีกแล้ว ดูไม่สดชื่นเลยนะ” จินว่าพลางกระชับผ้าพันคอให้โทโมฮิสะ เจ้าตัวก้มหัวเชิงขอบคุณ
“ฉันฝันอีกแล้ว ภาพเดิมๆ กับสายตาคู่เดิมของคนๆ นั้น” โทโมฮิสะว่า
“ฉันเหนื่อยเหลือเกิน จิน” โทโมฮิสะว่าพลางซบหน้าลงกับไหล่จิน
เรื่องราวที่ค้างคาจากปากของคาเมะและคำบอกเล่าเรื่องเสี้ยวประวัติศาสตร์ที่หายไปจากยูอิจิยังคงวนเวียนอยู่ในหัวโทโมฮิสะ เย็นวันหนึ่งหลังจากที่พยายามทั้งฉุดกระชากลากดึงจินมาเป็นเพื่อนได้สำเร็จ ทั้งคู่จึงมุ่งหน้าตรงไปยังหอสมุดของมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นที่เก็บบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ และหนังสือเก่า ด้วยความหวังที่ว่าเขาจะเจอคำตอบให้ทุกปัญหาที่เขาคาใจรวมถึงความฝันประหลาดที่เขาต้องเผชิญทุกค่ำคืน
หอสมุดในยามเย็นเช่นนี้มีคนมาใช้บริการไม่มากนัก บรรณารักษ์วัยชราเดินมาหาโทโมฮิสะกับจินที่ยืนลังเลอยู่ ทันทีที่เขาเห็นเสี้ยวหน้าของโทโมฮิสะ ความประหลาดใจกึ่งตกใจผุดขึ้นในแววตาของชายชรา หากแต่เขาก็กลบเกลื่อนมันได้อย่างรวดเร็ว
“กำลังตามหาอะไรอยู่หรอ” บรรณารักษ์วัยชราถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ผมอยากรู้ประวัติของมหาวิทยาลัยนี้แล้วก็...ประวัติเมืองนี้ด้วยครับ” โทโมฮิสะหันมาโค้งศีรษะก่อนจะบอกความต้องการของตน
“ที่นี่ดูอึมครึมชวนขนลุกยังไงไม่รู้นะครับ บรรยากาศไม่น่าเรียนรู้เลย” จินว่าพลางลูบแขนตัวเองอย่างหวาดๆ
“เคยมีทหารนับพันต้องสังเวยชีวิตที่เนินเขาแห่งนี้ เพราะฉะนั้นไม่แปลกหรอก หากจะรู้สึกวังเวงอยู่บ้าง” ชายชรายิ้มก่อนจะผายมือในเชิงเชื้อเชิญและนำจินกับโทโมฮิสะเดินขึ้นไปชั้นสามของหอสมุด ที่ซึ่งเป็นที่เก็บจดหมายเหตุบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ
“คุณตาบอกว่าทหารมากมายต้องตายที่นี่ แสดงว่าเคยเกิดสงครามขึ้นหรอครับ” โทโมฮิสะถามอย่างสนใจ
“มันก็เป็นธรรมดาของดินแดนที่ยังไม่เป็นปึกแผ่น การแก่งแย่งชิงดีมีอยู่ตลอด ไม่เว้นแม้กระทั่งดินแดนอันแสนสงบสุขแห่งนี้” ชายชราว่าพลางนำทางทั้งสองเดินขึ้นบันไดขั้นแล้วขั้นเล่า ซึ่งยิ่งสูงขึ้นเท่าไหร่ ความแตกต่างก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น แสงสว่างเริ่มน้อยลงเนื่องจากดวงอาทิตย์เพิ่งจะลับขอบฟ้า ชายชราเปิดโคมไฟแบบโบราณที่ช่วยให้แสงสว่างแต่กระนั้นแสงไฟสีนวลก็ไม่ช่วยให้มองเห็นอะไรชัดเจนนัก
“ที่นี่ดูเหมือนบ้านผีสิงมากกว่าจะเป็นหอสมุดนะเนี่ย” จินโพล่งขึ้นหลังจากเดินเข้ามาถึงชั้นสาม โทโมฮิสะตีแขนจินดังเพี๊ยะเพื่อห้ามปราม จินได้แต่ทำหน้าเบ้ และเดินตามชายชราเข้าไปด้านใน
บานประตูค่อยๆ ถูกเปิดออก เผยให้เห็นว่าชั้นสามของหอสมุดนั้นถูกจัดไว้คล้ายๆ พิพิธภัณฑ์ รูปภาพและข้าวของเครื่องใช้ในอดีตถูกจัดโชว์ไว้ โทโมฮิสะเดินดูข้าวของต่างๆ ด้วยความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
“มีน้อยคนนักที่จะสนใจสิ่งที่ผ่านเลยไปแล้ว อดีตก็แค่สิ่งที่รอคอยการถูกลืม” ชายชราพูดราวกับรำพึงรำพันกับตัวเอง
“ไม่หรอกครับ ประวัติศาสตร์คือบทเรียนอันยิ่งใหญ่ของคนรุ่นหลัง ผมเชื่ออย่างนั้นนะครับ” โทโมฮิสะพูดโดยที่ไม่ได้ละสายตาจากสิ่งของที่แสดงในตู้โชว์ แต่แล้วก็ต้องหันไปตามเสียงของจินที่ร้องอย่างตื่นเต้นอยู่ไม่ไกล
“ยามะพีดูนี่สิ นี่มัน.... นายชัดๆ เลย” จินชี้ให้โทโมฮิสะดูรูปวาดรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปของชายสูงศักดิ์ซึ่งหนึ่งในนั้นมีหน้าตาละม้ายคล้ายโทโมฮิสะราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน
“มันบังเอิญจังเลยนะ” โทโมฮิสะว่า ทั้งที่ยังจ้องรูปนั้นไม่วางตา อย่าว่าแต่จินเลย แม้แต่เขาเอง ยังคิดว่าเป็นรูปของตัวเองเลย
“ในโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญหรอก ทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว” ชายชราพูดพร้อมกับพยักหน้าให้โทโมฮิสะเข้าไปหา ก่อนจะยกหนังสือกองหนึ่งให้ โทโมฮิสะมองหนังสือกองนั้นอย่างสงสัยก่อนจะเข้าใจเมื่อเห็นว่าเป็นบันทึกเหตุการณ์
“อยากรู้อะไรก็หาเอาจากในนี้ แต่อย่าลืมว่าบันทึกก็คือความรู้สึกของคนเขียน อย่าเชื่อหากไม่ได้เห็นจากตาตัวเอง” ชายชรายิ้มให้นิดหนึ่งก่อนจะขอตัวออกจากห้องไป
โทโมฮิสะมองกองหนังสือตรงหน้าก่อนจะเลือกหยิบขึ้นมาเล่มหนึ่ง ปัดฝุ่นหนาๆที่อยู่ตรงหน้าปกออก ตัวหนังสือหวัดๆ ที่หมึกซีดจางในตอนนี้ จับใจความได้ว่า “บันทึกเหตุการณ์เมืองไอซุ วาคะมะทจึ*” โทโมฮิสะค่อยๆ พลิกหนังสือไปทีละหน้า กระดาษสีซีดและเริ่มกรอบทำให้เขาต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
“นี่ ยามะพีนายตั้งใจจะอ่านจนจบเลยหรอ นี่ก็เย็นมากแล้วนะ เรากลับกันเถอะ จะว่ากันตรงๆ ฉันไม่ค่อยชอบบรรยากาศที่นี่เท่าไหร่เลย” จินขัดขึ้นหลังจากโทโมฮิสะอ่านบันทึกได้พักใหญ่ พลางช่วยจัดหนังสือบนโต๊ะให้เป็นระเบียบ
“ก็ได้ ก็ได้ วันนี้กลับก็ได้” โทโมฮิสะตัดใจปิดหนังสือตรงหน้า และเดินตามจินกลับบ้านไป
:::::::: to be continued :::::::
จบไปแล้วอีกหนึ่งตอน กว่าจะได้เอามาลง ต้องดูทางหนีทีไล่ให้ดี
ไม่งั้นอาจโดนไล่ออกจากงานได้ เนื่องจากเอาเวลางานมาเล่นไร้สาระ ( แต่เราว่าเนี่ยเป็นเรื่องมีสาระ ที่ทำให้เรามีความสุขมากเลยนะ จะบอกให้)
อ่านแล้วเป็นไงก็ฝากเม้นท์ไว้นะ
ความคิดเห็น