[fic yaoi] :::At the end of the sky:::: ตรงเส้นขอบฟ้า - [fic yaoi] :::At the end of the sky:::: ตรงเส้นขอบฟ้า นิยาย [fic yaoi] :::At the end of the sky:::: ตรงเส้นขอบฟ้า : Dek-D.com - Writer

    [fic yaoi] :::At the end of the sky:::: ตรงเส้นขอบฟ้า

    ท้องฟ้าที่ดูสูงเกินไขว่คว้า กับผืนทะเลที่ดูเจียมตัว ดูเหมือนจะได้บรรจบกันที่ขอบฟ้าไกล แต่หากความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเดินทางตามหาจุดบรรจบนั้นไกลเท่าใด มันก็ห่างกันไกลเท่าเดิม....

    ผู้เข้าชมรวม

    1,195

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.19K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    5
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ส.ค. 52 / 18:01 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    แนะนำตัวละคร



                                     
    นิชิกิโด เรียว

    ชายหนุ่มผู้มีรักจริงในหัวใจ แต่ต้องหยุดความรักไว้
    เพราะคิดว่าไม่คู่ควร






    ยามาชิตะ โทโมฮิสะ
    เด็กหนุ่มเอาแต่ใจ ที่โผล่มาทำให้หัวใจหวั่นไหว
    แต่ความรักที่เกิดขึ้นตราตรึงในหัวใจตลอดกาล






    ชิโรตะ ยู





    ฮิโรกิ





    โยโกยาม่า .... ซูจัง




    กลับมาแล้วค่ะ กับพล๊อตน้ำเน่า...
    ทำไมถึงต้องเน่า
     ...เพราะมันเป็นเรียวพีค่ะ พอแต่งเรียวพีทีไร
    นึกอะไรไม่ออกทุกที
    ไม่อยากแต่งให้เรียวเลวค่ะ เพราะรัก 555
    เอาไว้เรื่องหน้า ...ถ้าได้จินพีเมื่อไหร่
    รับรองมีตบจูบแน่นอนค่ะ 555

    Enjoy! ค่ะ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                      ท้องฟ้าที่ดูสูงเกินไขว่คว้า กับผืนทะเลที่ดูเจียมตัว ดูเหมือนจะได้บรรจบกันที่ขอบฟ้าไกล แต่หากความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเดินทางตามหาจุดบรรจบนั้นไกลเท่าใด มันก็จะทำให้เรารู้ว่า ขอบฟ้ากับผืนน้ำก็ยังห่างกันไกลเท่าเดิม....

                     

       

                      แสงอรุณรุ่งปลุกให้คนที่กำลังหลับอยู่ในนิทราอันแสนสุข ค่อยๆ ตื่นจากความฝันทีละน้อย เขากระพริบตาหลายครั้งเพื่อปรับสายตา ก่อนจะลุกขึ้นยืนทรงตัว ร่างสูงเซไปเล็กน้อย เมื่อเรือฝ่ากระแสคลื่น ความโคลงเคลงของเรือทำให้รู้สึกมึนงง หากเป็นเมื่อก่อน เค้าคงวิ่งไปเกาะขอบเรือแล้วอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง แต่นี่เวลาก็ผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว ทะเลและเกลียวคลื่นจึงกลายเป็นเสมือนเพื่อนสนิทของเขาไปแล้วอีกคน

                      “เรียว ตื่นแล้วก็มาช่วยกันปล่อยอวนสิวะ อู้ตลอดเลยแก”  เสียงตะโกนดังออกมาจากกาบขวาของเรือ

                      เจ้าของชื่อเดินทื่อๆ ไปหาเพื่อนตัวสูงที่ยังยืนถืออวนอยู่ที่กาบขวาของเรือ

                      “แล้วฮิโระไปไหนซะล่ะ”  เรียวถามหาเพื่อนอีกคนที่ยังไม่เห็นเลยตั้งแต่ตื่น

                      “เจ้านั่นไปทำกับข้าวแล้วล่ะ วันนี้วันสุดท้ายแล้วนะ เดี๋ยวจะได้เอาปลาไปส่งที่ท่าเรือ เที่ยวนี้คงได้หลายหมื่นอยู่”  โยโกยามา ยู หรือ โยโกที่เรียวเรียก ยิ้มจนแก้มปริ

                      “แกดีใจที่จะได้กลับไปหาแฟนแกมากกว่าล่ะสิ”  เรียวถามอย่างรู้ทัน คนถูกถามถึงกับสะอึก

                      “เออ เออ ยอมรับก็ได้ คนไม่ได้เจอกันมาตั้งอาทิตย์หนึ่ง กลับไปจะฟัดให้หายอยากเลย”  โยโกพูดอย่างอารมณ์ดี เรียวมองหน้าเพื่อนพลางส่ายหน้าเซ็งๆ

                      “แหมม แกมันไม่มีแฟนนี่หว่า ก็เลยไม่เข้าใจ เอาไว้ให้มีแฟนก่อนเหอะ ขี้คร้านจะไม่อยากออกทะเล” 

                      อวนถูกปล่อยลงไปใต้ทะเลแล้ว อีกไม่นานปลาตัวแล้วตัวเล่าจะเข้ามาติดในอวนนี้ เรียวสงสารปลาเหล่านี้ มันจะดิ้นรนแค่ไหน เมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในวังวนและไม่มีวันจะหลุดออกมาได้ แล้วจะตายในที่สุด...

                      ความคิดของเรียวถูกขัดขึ้นจากเสียงเรียกของเพื่อนอีกคนที่โผล่หน้ามาจากห้องครัวของเรือ ฮิโรกิปูเสื่อทาทามิก่อนจะยกอาหารออกมา โยโกยามาน้ำลายสอเมื่อเห็นความน่ากินของอาหาร ทำท่าจะใช้มือหยิบเนื้อปลาแต่ก็ต้องชักมือกลับอย่างรวดเร็วเมื่อถูกฮิโรกิตีหลังมือดังเพียะ

                      “อันนั้นของเรียว”  ฮิโรกิว่าพลางคีบเนื้อปลาใส่ชามให้เรียวอย่างเอาใจ

                      “โหย ไรวะ อะไรๆ ก็ของเรียว ของเรียว”  โยโกยามาว่าพลางทำท่าน้อยใจ

                      “ก็นายอ้วนออกขนาดนี้แล้ว ให้เรียวกินบ้างสิ เนอะ”  ฮิโรกิหันมายิ้มกับเรียวอย่างเอาใจ กี่ปีแล้วนะ ที่เขาเฝ้าเอาใจคนคนนี้ ...แต่ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ เขากับเรียวก็ยังห่างกันเท่าเดิม...

                      เรือล่องผ่านเกาะเล็กๆ กลางทะเล เรียวมองไปยังเกาะนั้นด้วยสายตาเหงาๆ จนโยโกยามาอดเป็นห่วงความรู้สึกไม่ได้ เขาจึงวางมือบนไหล่เพื่อนก่อนจะตบเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ

                      “เป็นไรไปวะ จะร้องไห้คิดถึงพ่อคิดถึงแม่เหมือนเด็กๆไม่ได้นะเว้ย” โยโกยามาถาม ฮิโรกิจึงฟาดฝ่ามือลงไปกลางหลังเพื่อนตัวโต เพราะเห็นว่าไม่สมควร

      “ครบรอบวันไหนล่ะ”   ฮิโรกิถาม

                      “วันมะรืน”  เรียวตอบ

                      “น่าอิจฉาแม่นายนะ สุดท้ายท่านก็ได้อยู่กับคนที่ท่านรักตลอดไป”  ฮิโรกิว่าพลางมองเกาะเล็กๆ กลางทะเลที่เต็มไปด้วยดอก baby’s breath สัญญลักษณ์ของความรักนิรันดร์ปกคลุมไปเกือบทั่วบริเวณเกาะ

                  “อืมม อุปสรรคความรักของพ่อกับแม่มันมากเหลือเกิน แต่สุดท้ายก็ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”  เรียวว่า

                      “ฉันก็อยากมีความรักนิรันดร์แบบนั้นบ้างจังเลยนะ”  ฮิโรกิว่าพลางส่งสายตาอ่อนโยนมาหาเรียว

                      “โอ๋ยยย อย่ามาหวานกันแถวนี้เลยนะ มันทำให้ฉันคิดถึงซูจังขึ้นมาเลย ฉันไปเร่งสปีดเรือดีกว่าจะได้ถึงฝั่งเร็วๆ”  ว่าแล้วโยโกยามาก็หายไปทำตามใจสั่ง

       

       

       

       

                      เรือหาปลาลำเล็กๆ จอดกันแน่นขนัดที่ท่าเทียบเรือ เรียว และฮิโรกิช่วยกันยกลังปลาลงจากเรือ น้ำหนักของลังปลาทำให้ฮิโรกินึกขึ้นได้

                      “นี่โยโกมันหายไปไหนเนี่ย ไม่ช่วยกันเลยนะ พึ่งพาไม่ได้จริงๆ เลย”  ร่างบางว่าพลางปาดเหงื่อด้วยหลังมือ

                      “นั่นไง ดี๊ด๊าอยู่กับซูบารุนั่นล่ะ”  เรียวพูดพลางมองเพื่อนที่กำลังกอดจูบอยู่กับคนรักของตัวเอง

                      “ดีจังเลยนะ กลับมาก็มีคนรออยู่ ฉันก็อยากเป็นแบบนั้นบ้าง”  สุดท้ายสายตาของฮิโรกิก็มาหยุดที่ใบหน้าของเรียว

                      “อยากมีก็หาสิ”

                      “ฉันคิดว่าฉันเจอแล้วล่ะ แต่เขาทำเป็นไม่เห็นฉันต่างหาก” 

                      เรียวอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการโยกศีรษะเพื่อนสนิทเล่นเบาๆ

                      “ใครมองไม่เห็นนาย ก็ตาบอดแล้วล่ะ”

                      .... ก็นายไง ที่แกล้งทำเป็นไม่เห็นฉันอยู่ตอนนี้....

       

                     

                      เรียวเดินกลับบ้านพร้อมกับฮัมเพลงอย่างมีความสุข ปลาของเขาถูกเหมาไปหมดตั้งแต่เรือเทียบท่า  เขาลัดเลาะไปบนหาดทรายขาวเพื่อเดินเข้าบ้าน เสียงลมพัดกระทบโมบายเปลือกหอยหน้าบ้านดังกรุ๊งกริ๊ง เรียวเปิดประตูบ้านก่อนจะวางสัมภาระที่มีแค่กระเป๋าเป้ใบเดียวไว้บนโต๊ะที่คิดว่าเป็นโต๊ะรับแขกก่อนจะเข้าครัวไปหาน้ำดื่ม  ร่างสูง ( ? ...เอาน่าก็เป็นเมะนี่) ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวโปรดก่อนจะมองไปยังภาพถ่ายคู่ของพ่อกับแม่....

                  “พรุ่งนี้ผมจะไปเยี่ยมนะครับ”  

       

       

                      ร่างสูงออกจากบ้านแต่เช้ามืดเพื่อหวังจะไปถึงเกาะกลางทะเลในเวลาที่ไม่ร้อนมากนัก ในมือถือดอกเบบี้ เบร็ทธ์แบบเดียวกับที่ขึ้นอยู่แทบจะเต็มเกาะ เป้ใบโปรดถูกสะพายติดหลัง แม้คิดว่าจะไปพักผ่อนบนเกาะนั้นสักสองสามวัน แต่สัมภาระของเรียวก็มีไม่มากนัก

                      เรียวขึ้นเรือก่อนจะมุ่งหน้าสู่เกาะที่เป็นเป้าหมาย ดอกเบบี้เบร็ทธ์ที่วางอยู่ข้างๆ ทำให้เขานึกถึงเรื่องของพ่อกับแม่

      ....รักแท้ที่แม้ความตายก็ไม่อาจกั้น.....

                      ด้วยความแตกต่างทางฐานะทำให้รักของพ่อกับแม่มีอุปสรรคมากนัก แม่ของเรียวเป็นถึงลูกสาวของตระกูลผู้ดีเก่า แต่พ่อของเขาเป็นแค่ชาวประมงที่บังเอิญเจอกัน แล้วความรักก็เกิดขึ้น ทั้งคู่แอบได้เสียกันจนมีลูก แต่ตาของเขาก็ยังไม่ละความพยายามที่จะพรากแม่ไปจากเขาและพ่อ จนกระทั่งพ่อต้องพาแม่และเขาหลบหนีมาอยู่ที่เกาะร้างกลางทะเล ที่ที่พ่อเขามักพูดเสมอว่า

      ....เป็นสถานที่ที่ท้องฟ้ามาบรรจบกับท้องทะเล....

                      คลื่นลูกใหญ่วิ่งมากระทบลำเรือ ทำให้เรียวเสียการทรงตัวเล็กน้อย เสียงร้องคล้ายเสียงตกใจดังมาจากห้องครัว เรียวสลัดหัวแรงๆ เพื่อไล่ความมึนงง นี่เขาคงนอนไม่พอจนทำให้หูแว่ว  แต่แล้วเมื่อเสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง  เรียวจึงตัดสินใจวางมือจากพวงมาลัยแล้วเดินไปยังต้นตอของเสียง

                      แล้วภาพตรงหน้าก็ทำให้เรียวถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นอกจากเขา มีคนอีกคนอยู่บนเรือลำนี้ !

      ร่างบางของคนตรงหน้ายืนโซเซไปมา พยายามทรงตัวอย่างยากลำบาก

                      “นี่นายเป็นใคร ขึ้นมาบนเรือลำนี้ได้ยังไง”

                      “ฉัน...ฉัน...”  พูดยังไม่ทันจบประโยคร่างบางก็รีบวิ่งหลีกเรียวออกไป เกาะขอบเรืออ้วกอย่างเอาเป็นเอาตาย เรียวยืนตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนจะตามไปลูบหลังให้ ร่างบางทรุดลงกับขอบเรือ เรียวปราดเข้าประคองร่างนั้น  ร่างบางหลับตาแน่น จนน้ำตาไหลเอ่อออกมา เรียวเช็ดน้ำตาให้อย่างเสียไม่ได้ ร่างบางซบลงกับอกกว้างของเรียว เรียวลูบผมคนในอ้อมกอดอย่างที่พ่อเคยทำ ร่างบางปรายตาหวานเยิ้มมองคนตรงหน้าก่อนจะมอบยิ้มอ่อนโยนให้ เรียวเผลอยิ้มตอบ แต่แล้ว....เขาก็ลุกขึ้นไปอ้วกอีก -*-

                     

       

      เรียวจูงร่างบางเดินไปบนพื้นทราย ทันทีที่เท้าเหยียบพื้นดิน ร่างบางก็แทบจะเซล้มลงไปอีก เรียวจึงต้องประคองร่างบางไว้กับอ้อมอก เรียวกึ่งจูงกึ่งลากร่างบางไปนอนพักในบ้านเก่าที่พ่อกับแม่เคยอยู่  จัดการใช้น้ำจืดที่พอมีเช็ดตัวให้คนตรงหน้าที่นอนสะลึมสะลืออยู่บนเตียง เรียวปัดปอยผมสีน้ำตาลที่ปรกหน้าคนตัวเล็กอย่างเบามือ ก่อนจะใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดหน้าให้ ร่างบางปรือตามองทันทีที่ความเย็นกระทบผิวหน้า ก่อนจะยิ้มบางๆให้คนแปลกหน้า เรียวเผลอหยุดมองใบหน้านั้นราวกับถูกดึงดูดจากสิ่งมีชีวิตที่นอนหลับตาพริ้มตรงหน้า เขายังคงจ้องมองหน้าหวานนั่นนิ่งนาน จนกระทั่งร่างบางลืมตาขึ้นมา

                      “ฉันอยู่ไหนเนี่ย”  ร่างบางถามเสียงเบาคล้ายพึมพำกับตัวเอง การอาเจียนหลายรอบบนเรือทำให้เขารู้สึกเพลียไปหมด

                      “บนเกาะ.... นายมาอยู่บนเรือฉันได้ยังไง”  เรียวถาม

                      “เอ่อ... ฉันเหนื่อยมากเลย ขอหลับสักงีบก่อนนะ”  ร่างบางตัดบทราวกับไม่ได้ยินคำถามจากเรียว  แล้วร่างบางก็หันหน้าเข้าฝา แล้วหลับตาพริ้ม เรียวได้แต่ส่ายหน้า แล้วเดินจากบ้านไปพร้อมกับช่อดอกเบบี้เบร็ทธ์ในมือ มุ่งหน้าสู่ผืนดินที่พ่อและแม่เขานอนสงบนิ่งอยู่ด้วยกัน

       

       

                      กลิ่นหอมของอาหารทำให้ร่างบางค่อยๆ ลืมตาขึ้น กระเพาะอาหารของเขาเริ่มส่งเสียงประท้วงว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้า แถมยังอ้วกจนหมดไส้หมดพุงตอนลงเรืออีก ใครจะไปคิดว่ามันจะบังเอิญขนาดนี้ แค่หนีจากงานดูตัวมาหลบในเรือ แต่ตอนนี้เขากลับมาติดเกาะอยู่กับผู้ชายหน้าโหดที่ไหนก็ไม่รู้

                      “ตื่นแล้วหรอ”  คนแปลกหน้าในชุดผ้ากันเปื้อนเก่าๆ ทำให้ร่างบางอดอมยิ้มไม่ได้ จะว่าไปตั้งแต่ลงเรือมาเขายังไม่ได้มองหน้าคนแปลกหน้าคนนี้แบบจริงๆ จังๆ ซักที ร่างกายที่ดูเหมือนจะดำกรำแดดในตอนแรก ที่แท้ มันก็แค่เป็นสีน้ำผึ้งชวนมองเท่านั้นเอง

                      “อืมม ทำอะไรอ่ะ หอมจังเลย”  ร่างบางว่าพลางเดินมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ

                      “อาหารเย็น... โทษทีนะ พอดีไม่คิดว่าจะมีแขก ก็เลยหยิบมาแต่อะไรง่ายๆ”   ชายแปลกหน้าเทบะหมี่น้ำให้ ร่างบางขอบคุณก่อนจะจัดการกับบะหมี่ตรงหน้าหมดภายในไม่กี่นาที

                      “ทำไมนายถึงมาอยู่บนเรือลำนี้ล่ะ”  เรียวถาม

                      “ฉัน...ตกลงมาจากสวรรค์น่ะ”  ร่างบางว่าพลางทำหน้าตาจริงจัง

                      “ห๊ะ...”  เรียวเบิกตากว้าง

                      “จะบ้าหรอ ดูหน้านายสิ เชื่อด้วย...” ร่างบางหัวเราะในความซื่อของคนแปลกหน้าที่ตอนนี้รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

                      “....”  เรียวหงุดหงิดกับคำตอบนั้นจึงทำท่าจะลุกออกจากโต๊ะแต่ร่างบางก็จับแขนเขาไว้

                      “โกรธหรอ ฉันล้อเล่นนะ”

                      “ฉันไม่มีเวลามาสนุกกับคนที่คิดว่าความห่วงใยของคนอื่นเป็นเรื่องล้อเล่นหรอกนะ” เรียวว่าพลางทำตาดุ ทำให้ร่างบางถึงกับสลด

                      “....”  ร่างบางนั่งก้มหน้านิ่ง ทำให้เรียวรู้สึกผิด

                      “ป่านนี้คนบนฝั่งเค้าไม่ตามหานายกันให้วุ่นแล้วหรอ  คนที่เขาเป็นห่วงนายน่ะ ...” 

                      “ไม่มีใครเป็นห่วงฉันจริงๆ หรอก ทุกคนอยากให้ฉันทำตามสิ่งที่พวกเขาต้องการทำทั้งนั้น”  ร่างบางตอบเสียงเครือ น้ำเสียงที่แฝงความเดียวดายเอาไว้ ทำให้เรียวหัวใจหล่นวูบ

                      “ทำไมล่ะ” 

                      “ช่างมันเถอะ ช่วงที่อยู่ที่นี่ขอให้ฉันได้ทำตามใจเถอะนะ” ร่างบางว่าพลางยิ้มหวานให้คนแปลกหน้า ซึ่งเวลานี้ เขากลับรู้สึกว่า หมอนี่เป็นเพื่อนคนเดียวของเขาไปแล้ว

                      “ตามใจละกัน”.

      ...หน้าตาน่ารักแบบนี้...จะไม่มีใครรักได้ยังไง

        เรียวพูดจบก็ทำท่าจะเดินออกไปข้างนอก

                      “จะไปไหนหรอ”

                      “มาทะเลทั้งทีจะให้นั่งอยู่แต่ในบ้านรึไง”  เรียวหันมายิ้ม ร่างบางจึงวิ่งตามเขาออกไปข้างนอก

                      ลมทะเลพัดพาความหนาวเหน็บมาให้ ร่างบางห่อไหล่ด้วยความหนาว เรียวเห็นจึงถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกคลุมให้ ร่างบางหันมายิ้มให้ก่อนจะกระชับเสื้อคลุมให้พอดีตัว ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เจ้าของเสื้อ กองไฟที่ก่อไว้ตั้งแต่หัวค่ำเริ่มมอดลงจนเหลือเป็นถ่านแดงๆ ร่างบางใช้กิ่งไม้เขี่ยเล่นอย่างสนุกสนาน ความร้อนทำให้แก้มนวลแดงปลั่ง เรียวมองภาพตรงหน้าอย่างลืมตัว จนกระทั่งร่างบางหันมาสบตา เรียวจึงได้แต่แสร้งหันไปมองทางอื่น

                      “นี่ ฉันยังไม่รู้จักชื่อนายเลยนะ” 

                      “จะรู้ไปทำไมเดี๋ยวนายกลับไป นายก็ลืมแล้ว”  เรียวว่าพลางทิ้งตัวลงนอนบนพื้นทราย

                      “ไม่ลืมหรอก ฉันจะลืมเพื่อนคนสำคัญของฉันได้ยังไงล่ะ” 

                      “นิชิกิโด เรียว แล้วนายล่ะ”

                      “เรียกฉันว่ายามะพีก็แล้วกัน”

                      “ชื่อจริงนายล่ะ”

                      “ฮ้าววว ง่วงจังเลยนะ อากาศดีดีแบบนี้ น่านอนชะมัด เสียดายไม่มีหมอน”   ยามะพีพูดราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่เรียวถาม

                      “นี่ไง หมอน” เรียวว่าพลางตบลงบนไหล่ตัวเองเป็นสัญญาณ ยามะพียิ้มก่อนจะลงนอน แล้วซุกหน้าลงกับไหล่กว้างของเรียว

                      “หนาวเหมือนกันนะ ลมทะเลเนี่ย” 

                      เรียวหันไปดึงเสื้อของร่างบางก่อนจะกระชับร่างบางเข้ากับอ้อมกอดของตน กลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพูที่ของร่างบางเย้ายวนจนเขาโผล่สูดเข้าไปหลายครั้ง

                      “นอนมองฟ้าจากตรงนี้ เหมือนอยู่ใกล้จังเลยนะ ดูสิ ดวงจันทร์ดวงเบ้อเริ่มเลย ดาวก็เหมือนอยู่ใกล้จนเอื้อมหยิบได้เลย”  ยามะพีว่าพลางทาบมือลงไปบนดวงดาว เรียวจึงทาบมือตัวเองลงไปบนมือน้อยนั้น ก่อนจะกุมเอาไว้

                      “เพราะที่นี่เป็นจุดนัดพบของท้องฟ้ากับทะเลนะสิ”  เรียวว่าพลางกุมมือยามะพีไว้แนบอก

                      “ยังไงหรอ”

                  “นายว่า ท้องฟ้า กับทะเล ห่างกันมากมั้ย”

                      “โหย คำถามเด็กอนุบาล ... ห่างกันมากกกก”  ยามะพีลากเสียงยาว

                      “แต่ที่นี่ ... ถ้านั่งมองจากตรงนี้ ตรงเส้นขอบฟ้า ทะเลกับท้องฟ้าจะมาบรรจบกันนะ”  เรียวพูด ยามะพีพยักหน้าหงึกหงักอยู่กับอกกว้าง

                      “คนสองคนที่ต่างกันมาก คนหนึ่งสูงส่งเหมือนท้องฟ้า กับอีกคนที่ต่ำต้อยเหมือนพื้นน้ำ เหมือนจะไม่มีวันมาบรรจบกัน แต่ความรักของพวกเขาก็ก่อเกิดที่นี้” 

                      “ใครหรอ นายกับแฟนนายหรอ”  ยามะพีถามออกไปแล้ว แทบหยุดหายใจเมื่อรอฟังคำตอบ เรียวส่ายหน้าช้าๆ

                      “พ่อกับแม่น่ะ ความรักของเขาเกิดขึ้น และยังคงอบอวลอยู่ที่นี่ นายรู้จักดอกไม้นี่มั้ย”  เรียวหยิบดอกไม้สีขาวดอกเล็กออกจากกระเป๋าเสื้อ ร่างบางส่ายหน้า

                      “ไม่รู้จัก แต่มีเต็มเกาะเลยนี่นา” 

                      เรียวค่อยแซมดอกไม้ดอกเล็กลงไปบนผมของร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอด ก่อนจะกอดให้แน่นขึ้นอีก

                  “ดอกเบบี้เบร็ทธ์น่ะ ความหมายว่ารักนิรันดร์ แม่ชอบดอกไม้นี้มาก พ่อก็เลยปลูกให้”

                      “น่าอิจฉาท่านจังเลยนะ ....แต่เป็นฉัน ฉันก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน ต่อให้มีอุปสรรคแค่ไหน ไม่ว่าเราต่างกันแค่ไหน รักก็คือรักอยู่ดี ฉันไม่มีวันปล่อยให้ฐานะ หรือความแตกต่างมาพรากความรักไปจากฉันแน่นอน”  ยามะพีว่าพลางยันกายขึ้นมองหน้าเรียว

                      “แล้วนายล่ะ จะต่อสู้เพื่อมันรึเปล่า”  ยามะพีถามทั้งที่ยังมองหน้าเรียวนิ่ง

                      เรียวไม่ตอบว่าอะไร หากแต่รั้งท้ายทอยสวยได้รูปของคนตรงหน้าเข้ามาเพื่อประทับรอยจูบบนริมฝีปาก ทั้งที่ความตั้งใจแรกเพียงต้องการจะจุมพิตแผ่วเบา หากแต่เมื่อได้สัมผัสก็หักห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้ จากจุมพิตแผ่วเบากลับกลายเป็นจูบลึกซึ้งที่ดูดดื่ม อ่อนหวานและหวามไหว ยามะพีอดไม่ได้ที่จูบตอบ เรียวยันตัวขึ้นก่อนจะกดร่างบางลงกับผืนทราย ก่อนจะมอบความรักที่แสนอ่อนโยนให้

      ......เม็ดทราย สายลม และแสงดาว....พยานรักในค่ำคืน....ที่จะเป็นนิรันดร์...

       

                     

                     

       

                     

                     

      เรียวลืมตาตื่นขึ้นมาพลางปะป่ายมือไปบนที่นอน แต่ไม่พบร่างบางที่น่าจะนอนอยู่บนเตียงด้วยกันกับเขา หัวใจเขากระตุกวูบ ...หรือมันเป็นแค่เพียงความฝัน ....แต่ความอ่อนหวานในค่ำคืนที่เพิ่งผ่านไป ยังอบอวลอยู่ในทุกอณูของผิวกาย เขาแทบจะครอบครองทุกส่วนของร่างกายยามะพี แล้วมันจะเป็นเพียงความฝันได้ยังไงกัน

                      ร่างสูงคว้าเสื้อที่ตกอยู่บนพื้นมาใส่อย่างลวกๆ ก่อนจะออกตามหาร่างบาง ทันทีที่ก้าวออกมาจากประตูบ้าน ก็เห็นร่างบางนั่งอยู่บนหาดทรายขาวนั่งดูพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้น ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

                      “ตื่นแต่เช้าเชียว”

                      “ฉันอยากเห็นจุดตัดของท้องฟ้า ในเวลาที่มันสวยที่สุดน่ะ”  ยามะพีหันมายิ้ม ...รอยยิ้มที่เรียวอยากเก็บไว้คนเดียวตลอดไป...

                      “ความรักของเราจะเหมือนกับพ่อแม่นายรึเปล่า”  ยามะพีถามเรียวทั้งที่ยังมองที่เส้นขอบฟ้า เรียวลุกจากไปโดยที่ไม่ได้ตอบอะไร และกลับมาพร้อมกับดอกเบบี้เบร็ทธ์ช่อหนึ่งยื่นให้ยามะพี

                      “ตราบเท่าที่ดอกไม้นี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของรักนิรันดร์ ...ฉันก็จะรักนายไม่เปลี่ยนแปลง”  ยามะพีรับดอกไม้มาไว้ในอ้อมอกก่อนจะซบลงกับไหล่กว้างของเรียว

                                      ....แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่า หนทางข้างหน้า มันไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิดเลย....

       

       

       

       

                      เรียวเดินกลับบ้านด้วยความสบายใจ รอยยิ้มน้อย ๆผุดขึ้นที่มุมปากทุกครั้งที่นึกถึงหน้าหวานๆ ของคนแปลกหน้า เขาเดินเลาะตามชายหาดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงบ้าน เสียงกรุ๊งกริ๊งของโมบายเปลือกหอยยังฟังดูไพเราะในเวลาที่มีความสุข

                      “เรียว นายหายไปไหนมาตั้งหลายวัน”  เสียงทักทายปนตัดพ้ออยู่ในทีเรียกให้เรียวหันไปมอง

                      “ฮิโระ”

                      “ฉันมารอนายสองวันแล้วนะ”

                      “ฉัน...ไปไหว้พ่อกับแม่มาน่ะ” เรียวว่าพลางเปิดประตูเข้าไปในบ้าน

                      “คราวนี้ไปนานกว่าทุกทีนะ” ฮิโรกิเดินตามเข้าไปอย่างคุ้นเคย ก็บ้านนี้เขาเข้านอกออกในมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก

                      “อืม พอดีมีเรื่องยุ่งๆน่ะ”  เรียวจงใจจะละไว้แค่นั้น 

                      “ออกเรือคราวหน้า คงไม่ต้องกังวลเรื่องขายปลาไม่หมดแล้วนะ”  ฮิโรกิว่า

                      “ทำไมหรอ”  เรียววางแก้วน้ำให้ฮิโรกิก่อนจะดื่มของเองรวดเดียวหมดแก้ว

                      “ก็มีเศรษฐีในเมืองเพิ่งย้ายมาจากโตเกียว เขาขอเหมาปลาจากพวกเราล่ะ เอ้อ! พูดถึงเรื่องนี้ ลูกเค้าหายไปเมื่ออาทิตย์ก่อนด้วยล่ะ เห็นว่าหนีจากงานดูตัว ไม่รู้ว่าหาตัวเจอรึยังนะ”

                      “หรอ ลำบากนะ เกิดเป็นผู้หญิงก็โดนจับคลุมถุงชนแบบนี้ล่ะ”

                      “ผู้ชายต่างหาก ...แต่เค้าบอกว่าหน้าสวยยังกับผู้หญิงแน่ะ”

                      เรียวถึงกับชะงัก ใบหน้าของยามะพีลอยเข้ามาในห้วงคำนึง แต่มันจะบังเอิญเกินไปรึเปล่า....

       

       

       

                      เช้าวันสุดท้ายของการเดินเรือ เรียวตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อมาปล่อยอวน ทำให้โยโกยาม่ากับฮิโรกิประหลาดใจอย่างมาก

                      “ทำไมออกเรือเที่ยวนี้ดูไอ้เรียวมันเร่งวันเร่งคืนจังเลยนะ”  โยโกถามฮิโรกิที่ยืนมองเรียวนิ่ง

                      “....”

                      “รึว่ามันจะมีแอบมีแฟน....ไอ้นี่มันร้ายเว้ยยย มีแฟนไม่บอกกันมั่ง”  พูดจบโยโกก็เดินไปช่วยเรียวปล่อยอวน และคงพูดแซวเรียวเรื่องแฟน คนขี้อายได้แต่บ่ายเบี่ยงและเกาจมูกแก้เขิน ฮิโรกิหัวใจกระตุกวูบ เมื่อผูกเรื่องราวที่โยโกยาม่าพูดกับภาพที่เห็นเมื่อคราวที่เรียวกลับมาจากการไหว้หลุมศพพ่อกับแม่

                      ....นอกจากเรียวแล้ว มีคนหน้าสวยอีกคน เดินลงมาจากเรือ....

                      ผิวพรรณและท่าทางดูไม่เหมือนชาวประมงสักนิด...ทำไมเขาไม่คิดได้ให้เร็วกว่านี้

       

       

       

                      “เหม่ออะไรฮิโระ มาช่วยกันยกลังปลาสิ”  โยโกตะโกนเรียกฮิโรกิที่ยืนเหม่ออยู่

                      เรือเทียบท่านานแล้ว และคนซื้อปลาก็เอารถมารอยู่แล้ว

                      “เรียวไปไหนหรอ”  ฮิโรกิมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นแม้เงาของคนที่เขาพูดถึง

                      “ไม่รู้มัน สงสัยไปหาแฟนแน่เลย แหมม !!~แต่มันโรแมนติกไม่เบาเลยนะ แวะเก็บดอกเบบี้เบร็ทธ์ก่อนซะด้วย...รักนิรันดร์ กิ้วววว!!~ 

                      “เดี๋ยวฉันมานะ”  พูดจบฮิโรกิก็ไปจากตรงนั้น ทิ้งให้โยโกอ้าปากค้าง เพราะต้องยกลังปลาแต่เพียงลำพัง

       

       

       

                      เรียวเดินตามหาดทรายมาเรื่อยๆ พลางสอดส่ายสายตาหาคนที่นัด ในมือถือดอกเบบี้เบร็ทธ์ที่แวะเก็บมาจากเกาะกลางทะเล แต่ไม่มีวี่แววของร่างบางแม้แต่น้อย

                      “นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว รอตั้งนาน”  เสียงทักดังมาจากด้านหลังโขดหิน เรียวหันไปก็พบกับรอยยิ้มหวานๆ ของคนที่เขาคิดถึงมาตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ไม่เจอกัน

                      “ต้องมาสิ ก็ฉัน...คิดถึงนายนี่”  เรียวว่าพลางถูจมูกแก้เขิน ก่อนจะหันมายิ้มเก้อๆ ยามะพีมองภาพนั้นยิ้มๆ ก่อนจะเดินเข้ามากอดคนรักให้หายคิดถึง

                      “ฉันตัวเหม็นนะ” เรียวผละตัวจากคนรัก แต่ยามะพีกลับกอดแน่นขึ้น

                      “ไม่นี่ กลิ่นตัวเรียวน่ะ ฉันชอบที่สุดเลยล่ะ เหมือนโดนโอบล้อมไปด้วยทะเลเลยนะ”

                      “ได้กลิ่นเค็มๆ ล่ะสิไม่ว่า”  เรียวว่าพลางยิ้มเขิน

                      “งั้นมั้ง”

                      “แต่ฉันชอบกลิ่นนาย แล้วก็ความหวานจากปากนายมากกว่านะ”    

                      พูดจบเรียวก็ลิ้มรสความหวานที่เขาโหยหา ร่างบางตอบสนองเขาโดยดี เพราะตัวเองก็ถวิลหาสัมผัสนี้เช่นกัน

                  แสงแดดยามเย็นตกกระทบผิวน้ำเห็นเป็นแสงสีส้มเต้นระยิบระยับ คนสองคนนั่งซบไหล่กันบนหาดทรายสีขาว

                      “จากตรงนี้ เราก็มองเห็นทะเลกับท้องฟ้าเหมือนกันนะ แม้จะไม่สวยเท่าบนเกาะนั้น แต่...ฉันจะถือว่ามันเป็นที่ของเราก็แล้วกัน”   ยามะพีว่า

                      “อืมม”  เรียวพยักหน้า ก่อนจะดึงตัวคนรักเข้ามากอดไว้

                     

       

       

                      เรียวเดินกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นไฟในบ้านเปิดอยู่ เรียวเปิดประตูเข้าไปก็พบฮิโรกินั่งรออยู่ก่อนแล้ว

                      “มีอะไรรึเปล่า ฮิโระ”  เรียวถาม

                      “วันนี้เรียวไปไหนมา”  ฮิโรกิถามโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเรียว

                      “ฉัน...ไปหาเพื่อนมาน่ะ” เรียวเลี่ยงที่จะตอบตรงๆ เพราะเขาไม่ได้โง่ขนาดที่จะไม่รู้ว่าฮิโรกิคิดยังไงกับตัวเอง ...ที่ตอบแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้ฮิโรกิต้องเสียใจ

                      “เรียวไม่คู่ควรกับคนๆ นั้นหรอกนะ”  น้ำตาที่พยายามกักเก็บไว้ มันเริ่มล้นออกมาจากตาแล้ว

                      “....”  เรียวจ้องฮิโรกิเพื่อรอฟังคำตอบ

                      “เรียวกับเขาต่างกันมากเกินไป เรียวจะไขว่คว้าอะไรที่มันอยู่สูงเกินเอื้อมไปทำไม” 

      ... ฉันล่ะ ฉันที่อยู่ข้างเรียวมาตลอด เรียวมองเห็นฉันบ้างมั้ย?....

                      “ฮิโระ...นาย”  เรียวเอื้อมมือไปจะเช็ดน้ำตาให้ แต่ฮิโรกิกลับปัดมือนั้นทิ้งอย่างไม่ใยดี

                      “ถ้าคิดจะใจดีกับฉันในฐานะพี่ชายล่ะก้อ ฉันไม่ต้องการ...”  ฮิโรกิพูดทั้งที่น้ำตาอาบเต็มสองแก้ม

                      “ฉัน...ให้นายเป็นได้แค่นั้นล่ะ”  แล้วเรียวก็เดินออกไป โดยไม่ได้หันมามองเลยว่าร่างบางทรุดลงไปทันทีที่เรียวเดินจากไป

      ....จบกันแล้วจริงๆ ใช่มั้ย ความรักที่เฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่วัยเด็ก....

       

       

       

                      คำพูดทุกคำของฮิโรกิยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเรียว ....ไม่คู่ควร... ต่างกันมากเกินไป...สูงเกินเอื้อม... คำเหล่านี้เป็นคำอธิบายระหว่างเขากับยามะพีอย่างนั้นหรอ...

                      “เฮ้ย! เรียวแกเป็นอะไรวะ ทำหน้ายังกับแบกโลกไว้ทั้งโลกอย่างนั้นแหละ” โยโกถาม

                      “เปล่าไม่มีอะไร”

                      “ไม่มีอะไรก็ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิวะ อุตส่าห์จะไปรับเงินก้อนใหญ่ทั้งที”  โยโกพูดถึงเงินค่าปลาที่คนซื้อนัดให้เขาไปรับเงินวันนี้

                      “ดีนะ ที่ฉันอาสาเป็นคนขับรถ ขืนให้แกขับ มีหวังต้องไปนอนคุยกับรากต้นเบบี้เบร็ทธ์ของแกแหงๆ ...ที่สำคัญฉันอาจจะไม่ได้นอนกอดซูจังไปตลอดกาล”  แล้วโยโกก็ทำหน้าตาเศร้าโศกเกินจริง ทำให้เรียวหลุดยิ้มออกมาได้บ้าง

                      “แกกับฮิโระมีไรกันรึเปล่าวะ เมื่อเช้าฉันแวะไปรับเจ้านั่นที่บ้าน ชวนว่าจะไปเอาเงินด้วยกัน พอมันรู้ว่าแกจะไปด้วยเท่านั้นแหละ วิ่งเข้าบ้านไปเลย”  โยโกถามเสียงเครียด

                      “เปล่า ไม่มีอะไรนี่”

                      “ฮิโระมันรักแกนะเว้ย จะทำอะไรก็นึกถึงใจมันบ้าง”

                      “ฉันรักฮิโระ ...เหมือนน้องชายแท้ๆ ของฉันนะ”

                      “แต่เจ้านั่นมันไม่ได้คิดแบบนั้นน่ะสิ... เรื่องผู้ชายหน้าหวานที่ลงมาจากเรือแก ฮิโระมันบอกฉันแล้ว มันไม่ได้เด็กจนดูอะไรไม่ออกหรอกนะ”

                      “...”

                      “ถึงได้บอกไง ว่ายังไงก็นึกถึงใจมันหน่อย”

                      เรียวได้แต่นิ่งเงียบไปตลอดทาง ไม่ใช่ว่าฮิโรกิเป็นคนไม่ดี แต่ตอนนี้เขาไม่มีที่ว่างในหัวใจสำหรับใครแล้วต่างหาก ยามะพี ...คนที่ตัวตนคลุมเครือเต็มที ไม่รู้ที่มาที่ไป กลับครอบครองพื้นที่ในหัวใจเขาไปจนหมด เจอกันครั้งหน้า เขาจะถามเรื่องราวที่คาใจเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของยามะพีให้ได้...

       

                      รถกระบะสีบรอนด์ผุผุของโยโกเคลื่อนผ่านรั้วบ้านคอนกรีตที่ประดับประดาอย่างสวยงาม น้ำพุที่ตั้งอยู่กลางสวนบ่งบอกความมีอันจะกินของเจ้าของบ้าน  โยโกขับรถผ่านสวนหย่อมก่อนจะมาหยุดจอดอยู่หน้าโรงรถ เรียวมองสวนหย่อมด้วยความสนใจ

      ....ดอกเบบี้เบร็ทธ์....

                      “เดี๋ยวนี้มีแต่คนกินอุดมการณ์ความรักรึไงวะ ปลูกแต่ไอ้ดอกไม้นี่เต็มเมืองไปหมด”  โยโกว่าพลางเดินผ่านหน้าเรียวซึ่งยังยืนค้างอยู่อย่างนั้น

                      “แกจะยืนดื่มด่ำกับความหรูหราของบ้านใหญ่นี่ฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ เดี๋ยวฉันไปหาคุณพ่อบ้านก่อน รับเงินแล้วจะได้กลับๆ ซะที อยู่ในที่หรูหราแบบนี้ ทำตัวไม่ถูกว่ะ” 

                      เรียวเดินเข้าไปในสวนหย่อมนั้นอย่างถือวิสาสะ ใจคิดเพียงอยากจะเห็นว่าดอกเบบี้เบร็ทธ์ที่ไม่ได้อยู่บนเกาะร้าง ที่ไม่ได้ถูกปลูกไว้ในกระถางบ้านเขานั้น จะมีความงอกงามเพียงใด  กลีบดอกสีขาวไหวเอนน้อยๆ เมื่อโดนสายลมพัดโดน เรียวเอื้อมมือไปเด็ด

                      “นายจะทำอะไรน่ะ”  เรียวสะดุ้งโหยง สงสัยเจ้าของสวนนี้จะเห็นเข้าซะแล้ว  

                      “ยามะพี!

                      “เรียว... นายมาที่นี่ได้ยังไง”   ทันทีที่เห็นว่าคนที่ตัวเองคิดว่าจะมาทำลายดอกไม้ของตนเป็นใคร ยามะพีถึงกับเบิกตากว้าง

                      คนสองคนสบตากันนิ่ง แต่ด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน

                      “โทโมะจัง ออกมาทำอะไรตอนแดดแรงๆ แบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”  ร่างสูงที่เดินตามออกมาถามด้วยความเป็นห่วง พลางกลางร่มให้คนตัวเล็กกว่า ก่อนจะกระชับเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

                      “ยูคุง ปล่อยฉันเถอะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก”  ยามะพี หรือ โทโมะจังที่น่าจะเป็นชื่อจริงของคนๆ นี้ ขืนตัวออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย เรียวเบนหน้าหนีด้วยความเจ็บปวด

                  “ไม่เป็นไรได้ยังไง  งานดูตัวครั้งที่แล้ว ต้องแคนเซิลไปเพราะโทโมะจังป่วย คุณพ่อบอกว่าต้องนอนโรงพยาบาลอยู่เป็นอาทิตย์ งานหมั้นคราวนี้ผมไม่ปล่อยให้พลาดอีกหรอกนะ”   ยูคุงว่าพลางใช้ผ้าซับเหงื่อที่เริ่มผุดออกมาจากไรผมเพราะความร้อนให้ยามะพี

                      “....”  ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดมาจากปากอิ่ม มีเสียงสายตาเว้าวอนให้คนตรงหน้าเข้าใจเขาบ้าง....ไม่ได้คิดจะโกหกเรียวเลย ...ไม่เคยคิด...อยากจะบอกใจจะขาด ... แต่กลัวว่าวันหนึ่งเรื่องเลวร้ายแบบนี้จะต้องเกิดขึ้น

                      “แกเป็นใครกันล่ะ มาอยู่ในสวนของโทโมะจังได้ยังไง แถมยังกล้าเด็ดดอกไม้ที่โทโมะจังรักที่สุดด้วย”  ยูคุงพูดเสียงกร้าว

                      “ขอโทษครับ ผมเป็นแค่ชาวประมงจนๆ คนหนึ่งที่บังเอิญหลงความงามของดอกไม้ จนเผลอทำเรื่องไม่สมควรลงไป ขอโทษจริงๆ ครับ”  เรียวก้มศีรษะให้ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

                      ยามะพีอดกลั้นน้ำตาต่อไปอีกไม่ไหว จึงจำต้องปล่อยให้มันไหลลงมาอาบแก้ม เรียวไม่คิดแม้แต่จะหันกลับไปมองเลยด้วยซ้ำ ในเวลานี้ หัวใจของใครกันแน่ ที่เป็นฝ่ายถูกทำร้ายจนไม่เหลือชิ้นดี...เรียวอยากจะถามยามะพีนัก...

       

       

       

                     

                      การเดินเรือวันสุดท้ายดำเนินมาถึง มีเพียงโยโกที่ลุกขึ้นมาปล่อยอวน ตั้งแต่กลับมาจากรับเงินคราวนั้น เรียวก็กลายเป็นคนซึมเศร้า ฮิโรกิก็กลายเป็นคนพูดน้อย จนบางทีโยโกรู้สึกว่า...เขาลงเรือมากับคนใบ้สองคนรึเปล่า... แต่ก็ไม่อยากจะถามให้มากความ ร่างสูงจึงได้แต่ทำงานไปเงียบๆ

                      “เกิดอะไรขึ้นกับเรียวหรอ เค้าบอกอะไรนายบ้างรึเปล่า”  ฮิโรกิเดินมาช่วยเพื่อนตัวสูงทำงานก่อนจะปรายตามองคนที่ตัวเองเป็นห่วงมากที่สุด

                      “ตั้งแต่กลับมาจากไปรับเงินค่าปลาแล้วล่ะ เหมือนมันไปทะเลาะกับเจ้าของบ้านแค่เรื่องเด็ดดอกไม้ในสวนเองนะ...”

                      “ดอกไม้หรอ ดอกอะไร”

                      “เบบี้เบร็ทธ์ของมันนั่นล่ะ คุณหนู...ไม่สิ น่าจะเป็นคุณชาย หรืออะไรก็ช่างมันเถอะ หวงต้นไม้เป็นบ้าเลย”  โยโกว่าพลางฉุนเฉียว

                      “ผู้ชาย...หน้าสวย”  ฮิโรกิพึมพำกับตัวเอง

       

                 

                      หลังจากถึงฝั่ง เรียวก็ขอตัวกลับบ้านทันทีที่ยกลังปลาเสร็จ ฮิโรกิมองตามด้วยความเป็นห่วง

                      “เป็นห่วงก็ตามไปสิ”  โยโกว่า

                      “ฉัน...ไม่มีสิทธิ์ที่จะห่วงเขาหรอก”

                      “ความรักน่ะ ไม่ใช่ว่าจะต้องครอบครองอย่างเดียวหรอกนะ ... บางทีแค่อยู่ข้างๆ ฝ่าฟันความลำบากไปด้วยกัน แล้วส่งคนที่เรารักให้เขาอยู่ในที่ที่มีความสุข ก็พอแล้วนี่”  โยโกว่าพลางขยี้ผมฮิโรกิด้วยความเอ็นดู

                      “แบบนั้น ... เรียวจะไม่เกลียดฉันใช่มั้ย”  ฮิโรกิน้ำตารื้น

                      “ไม่หรอก เจ้านั่นไม่มีวันเกลียดนายหรอก”  โยโกว่า

                      ฮิโรกิพยักหน้าทั้งน้ำตา ก่อนจะเดินตามเรียวออกไป แต่ทันทีที่ถึงบ้านเรียว หัวใจของฮิโรกิก็หล่นวูบ ทั้งที่ภายนอกมืดมิดแต่เรียวก็ไม่ได้เปิดไฟ ร่างบางค่อยๆ ลากเท้าไปบนพื้น เพราะกลัวว่าจะไปเตะอะไรเข้า แล้วก็สะดุดเข้ากับบางอย่าง ร่างบางก้มลงหยิบชิ้นส่วนของกระถางต้นไม้ให้พ้นทาง ก่อนจะคลำไปบนผนังเพื่อหาสวิตช์ไฟ ทันทีที่ไฟสว่าง ฮิโรกิก็เห็นว่าซากต้นไม้บนพื้นคือดอกเบบี้เบร็ทธ์  ร่างบางมองไปยังโซฟาที่เรียวยังนอนสะลึมสะลืออยู่ กระป๋องเบียร์เกลื่อนกระจายเต็มพื้น

                      “ฮิโระ นายมาทำอะไรที่นี่”  เรียวถามทั้งที่ยังลืมตาได้ไม่ถนัดนัก

                      “ไหนนายว่า รักนิรันดร์ไงล่ะ แล้วทำไมนายกลับเป็นคนทำลายมันเองแบบนี้”  ฮิโรกิขว้างเศษดอกไม้ใส่เรียว เรียวยิ้มอย่างขมขื่น

                      “นายคิดว่าฉันเป็นพระเอกหนังน้ำเน่ารึไง  ชาวประมงจนๆ คนหนึ่ง หวังจะได้เคียงข้างคุณหนูผู้สูงศักดิ์ มันไม่คู่ควรกันเลยแม้แต่นิดเดียว...อย่างที่นายบอกเลย”  เรียวว่าพลางพยักเพยิดมาทางฮิโรกิ

                      “ถ้ารู้แบบนั้นแล้ว ก็เลิกทำตัวแบบนี้ซะ ...มันน่าสมเพช! 

                      “นายรู้อะไรมั่งล่ะ ความรักที่แท้จริงเป็นยังไง นายก็ไม่รู้ ...นายรักฉันไม่ใช่หรอ ทำให้ฉันลืมยามะพีได้มั้ยล่ะ”  เรียวว่าพลางกระชากฮิโรกิกดลงกับโซฟา ร่างบางทั้งดิ้นทั้งผลัก

                      ...เพี๊ยะ...

                      “อย่าคิดจะรักฉัน เพื่อให้ฉันแทนที่คนนั้นของนาย”

                      “ขอโทษ..”

                      “นายได้ลองพยายามรึยังเรียว ได้ลองทำแค่เสี้ยวหนึ่งที่พ่อนายเคยพยายามรึยัง ไหนว่ารักนิรันดร์ไงล่ะ ทำให้ฉันเห็นหน่อยเถอะ ฉันไม่อยากเห็นนายเป็นแบบนี้....ฉันก็เจ็บปวดรุ้มั้ย”

                      “เขากำลังจะหมั้น กำลังจะแต่งงาน มีครอบครัวที่สุขสบาย เขากำลังจะมีความสุข”  เรียวพึมพำกับตัวเอง น้ำตาเริ่มไหลลงมาอาบแก้ม ฮิโรกิดึงเรียวเข้ามากอดไว้

                      “เรียวได้ถามเขาแล้วรึยังว่าเขามีความสุขจริงๆ รึเปล่า”

                      “....”

                      “บางที เขาอาจจะกำลังไม่มีความสุขก็ได้นะ” 

                     

                      ฮิโรกิค่อยๆ ห่มผ้าให้เรียวซึ่งหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ร่างบางนั่งมองคนที่นอนหลับก่อนจะยิ้มขมขื่นในความมืด

                      ....ความสุขของเรียว ก็คือความสุขของเขาด้วยเหมือนกันสินะ....

       

       

                      ทั้งที่คิดว่าไม่อยากจะเห็นคนๆ นี้ที่เปรียบเสมือนศัตรูหัวใจของตนเองอีกเป็นครั้งที่สอง แต่ฮิโรกิก็มายืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่กลางใจเมืองซะแล้ว มือที่ยืนออกไปกดออดสั่นระริก

                      “สู้หน่อยนะ มาถึงขนาดนี้แล้ว”

                      บานประตูค่อยๆ เปิดออกพร้อมกับพ่อบ้านวัยกลางคน

                      “ผมมาหาโทโมฮิสะ ยามาชิตะครับ”

       

                      ฮิโรกิเดินตามพ่อบ้านมารอคุณชายของบ้านที่ห้องรับแขก เขาเดินผ่านสวนที่เต็มไปด้วยดอกเบบี้เบร็ทธ์ ร่างบางรู้สึกปวดหนึบในหัวใจ ก่อนจะสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วรีบสาวเท้าตามพ่อบ้านไป

                      “คุณรอที่นี่ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปตามคุณชายมาให้”

                      ฮิโรกิค้อมศีรษะในเชิงรับทราบ ก่อนจะนั่งคิด นั่งมองรอบๆ ไปเรื่อยเปื่อย รอได้สักพักไม่มีวี่แววการมาของคนที่ต้องการพบ เขาจึงเดินลงไปดูในสวนที่เต็มไปด้วยดอกเบบี้เบร็ทธ์ ร่างบางมองดอกไม้ดอกน้อยก่อนจะถอนหายใจยาว

                      ...หากคนที่เรียวจะรักตลอดไป เป็นเขา ก็คงจะดี...

                      พลันความคิดก็หยุดลงเมื่อรู้สึกถึงอ้อมกอดจากทางด้านหลัง ร่างบางตกใจก่อนจะรีบสะบัดตัวออกจากวงแขนแกร่ง แต่จังหวะที่หันกลับไปนั้น ขาของตัวเองก็ขัดกับขาของใครบางคนเข้า จนทำให้ทั้งคู่ลงไปกองกับพื้น จมูกโด่งๆ ของร่างข้างบนกดเบียดอยู่กับแก้มเนียนของฮิโรกิ  เมื่อร่างบางหันหน้ามาหมายจะต่อว่า ก็กลายเป็นว่าริมฝีปากของคนสองคนประกบกันพอดิบพอดี

                      ร่างบางได้สติก็รีบผลักคนตรงหน้าให้พ้นตัว ก่อนจะหอบหายใจถี่ มือน้อยแตะริมฝีปากที่เวลานี้ร้อนผ่าว ร่างสูงก็ดูตกใจไม่แพ้กัน

                      “ไม่ใช่โทโมะจังหรอกหรอเนี่ย”   ร่างสูงพูดเสียงเบา

                      “ลามกที่สุด”  ฮิโรกิไม่พูดเปล่า แต่ส่งหมัดลุ่นๆ เข้าไปยังเบ้าตาสวย ก่อนจะวิ่งหนีไป ทั้งที่หัวใจเต้นแรง

                      แต่เมื่อกลับมาถึงห้องรับแขกก็พบโทโมฮิสะ ยามาชิตะนั่งรออยู่แล้ว

                      “คุณมาหาผมหรอครับ”  โทโมฮิสะ ยามาชิตะมองหน้าคนมาขอพบตัวเองอย่างงงงง ...เขามั่นใจว่าเขาไม่รู้จักคนๆ นี้

                      “ผม อุจิ ฮิโรกิครับ...น้องชายพี่เรียว” ฮิโรกิแนะนำตัว ทั้งที่หน้ายังร้อนวูบวาบ ชื่อของนิชิกิโด เรียว ...ทำเอาคนสีหน้าคนตรงหน้าสลดวูบ

                      “อ่อ...ครับ”

                      “ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ”

       

       

       

       

                      เรียวนั่งมองซากกระถางต้นไม้และเศษดอกเบบี้เบร็ทธ์ที่กระจายอยู่ตามพื้นแล้วถอนหายใจ นี่เขาทำอะไรลงไปนะ ... ดอกไม้ที่พ่อเขาเฝ้าทะนุถนอม เขากลับมาทำลายมันแค่ข้ามคืน ... คำสัญญาที่ให้ไว้กับยามะพีเขาเองก็ยังไม่ได้ทำตามสัญญาเลย...ไม่ได้พยายามเลยสักครั้ง

                      “นี่ นั่งมองมันแบบนั้น มันจะงอกมั้ยเล่า”  เสียงกระแหนะกระแหนคุ้นเคยดังมาจากหน้าบ้าน

                      “ก็ไม่ได้มองให้มันงอก แค่รู้สึกผิดที่ทำแบบนี้”  เรียวว่า

                      “ฉันกับซูจังจะไปฮันนีมูนกันนะ เพราะงั้น เลื่อนวันออกเดินเรือไปหน่อย”

                      “ไรวะ ฮันนีมูนอีกแล้ว รอบที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย”

                      “เฮ้ยยย ของแบบนี้มันหวานกันได้ตลอดเวลาเว้ย ....ฉันว่า ช่วงที่แกว่างๆ แกก็ไปขุดเอาดอกเบบี้เบร็ทธ์บนเกาะมาปลูกซะใหม่เหอะว่ะ” โยโกเสนอ

                      “ก็ว่าอย่างนั้นแหละ”  เรียวตอบรับ

       

                     

                     

       

       

                      เรียวล่องเรือออกทะเลมาตามลำพัง แต่ก็อดคิดถึงเหตุการณ์ที่เจอยามะพีครั้งแรกไม่ได้ ทุกครั้งที่คลื่นกระทบตัวเรือ ทุกครั้งที่เรือโคลงเคลงไปมา เขามักจะเงี่ยหูฟังเสมอ

      ... เผื่อจะได้ยินเสียงใครบางคนที่เขารักสุดหัวใจ                แต่ก็ไม่มี ....

                      ทันทีที่เท้าเหยียบเม็ดทรายที่เกาะ ความโดดเดี่ยวถาโถมเข้ามาในหัวใจ ทั้งที่เคยมาที่นี่คนเดียวมาหลายครั้ง แต่มันก็ไม่เหมือนครั้งนี้เลย ไม่ว่าหันไปมองทางไหน ก็ดูเหมือนจะมีเงาของยามะพีซ้อนทับอยู่ทุกที่ไป

                      เรียวสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดบ้าๆ ออกไป ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป แต่ยังไม่ทันเปิดประตูก็ได้กลิ่นอาหารลอยมากระทบจมูก

                      ...นี่เขาคงเพ้อ ถึงขึ้นจมูกแว่วเลยทีเดียว...

                      แต่ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป เขาก็รู้ว่าเขาไม่ได้แค่จมูกแว่ว แต่ตาเขาก็ยังฝาดด้วย

                      “ยามะพี”  เรียวเรียกชื่อคนรักพลางยิ้มกว้าง

                      OKEARI HONEY  ยามะพีในชุดผ้ากันเปื้อนสีหวาน หันมายิ้มให้ เรียวค่อยหุบยิ้มลง ก่อนจะทรุดลงนั่งกับเตียง

                      “นี่ฉันคิดถึงนายมาก จนเก็บนายมาสร้างภาพเป็นเรื่องเป็นราวเลยหรอเนี่ย”  เรียวซุกหน้าลงกับฝ่ามือ แต่แล้วสัมผัสที่อบอุ่นจากทางด้านหลัง ทำให้เรียวรู้ว่านี่คงไม่ใช่ภาพหลอน

                      “ฉันต่างหาก ที่คิดถึงนายทุกวันจนแทบเป็นบ้า”

                      “ยามะพี”

                      “ไหนว่าจะพยายามด้วยกันไงล่ะ สุดท้าย ก็มีฉันพยายามอยู่แค่คนเดียว”  ยามะพีว่าพลางทำแก้มป่องไม่พอใจ

                      “ฉันไม่อยากให้นายต้องมาลำบาก ฉันอยากให้นายมีความสุขกับคนที่ดูแลนายได้”

                      “ฉันมีความสุขแน่ แค่ได้อยู่กับเรียวเท่านั้น”

                      “ต่อไป จะกลับคำพูด ฉันก็ไม่ยอมแล้วนะ”

                      “อืม ไม่มีวันนั้นแน่นอน”

                      เรียวว่าพลางพรมจูบไปทั่วหน้าผาก แก้มเนียน ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปาก มือสองข้างปลดผ้ากันเปื้อนและถอดเสื้อยามะพีออกอย่างชำนาญ

                      “เดี๋ยว ยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ”

                      “ฉัน...กินนายแทนก็ได้”

       

       

       

                      บทส่งท้าย....

                      “ทำไมเราจะต้องมานั่งตบยุงกันด้วยนี่”  ร่างสูงว่าพลางทำหน้าหงุดหงิด

                      “จะเข้าไปนอนในบ้านได้ยังไงล่ะ เดี๋ยวก็เป็นตากุ้งยิงกันพอดี”  ฮิโรกิว่าพลางส่งสายตาดุดุ

                      “นั่งตบยุงอย่างเดียวมันก็น่าเบื่อนะ”

                      “งั้นแล้วจะทำอะไรอ่ะ”  ฮิโรกิถามไปงั้นๆ แต่ไม่ได้มองเลยว่าแววตาของคนโดนถามวาวโลดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

                      “ก็ตอนที่นายยื่นข้อเสนอให้ฉันปล่อยยามะพีน่ะ นายบอกว่าจะแลกด้วยอะไรที่สมน้ำสมเนื้อไม่ใช่หรอ”

                      “...”  ฮิโรกิมองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ

                      “ตอนนี้เรียวกับยามะพีก็นอนอบอุ่นอยู่ในบ้าน แต่ฉันต้องนั่งตากน้ำค้างหนาวเหน็บอยู่ข้างนอก”

                      “แล้วไง”  ฮิโรกิว่าพลางขยับตัวห่างออกจากชิโรตะ ยู

                      “นายทำให้ฉันอุ่นหน่อยได้มั้ย” ไม่พูดเปล่า ชิโรตะดึงฮิโรกิมาไว้ในอ้อมกอด คนตัวเล็กกว่าดิ้นขลุกขลักอยู่อ้อมแขน

                      “ถ้านายไม่หยุดดิ้น ฉันจะไม่แค่กอดแล้วนะ”  คนตัวโตกว่าส่งเสียงดุ ทำให้ร่างบางสงบลงได้

                      “เอาเปรียบจริงๆ เลยนายนะ ฉันไม่ใช่ตัวแทนของยามะพีนะ”  ฮิโรกิตัดพ้อ

                      “ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นตัวแทนของโทโมะจังซะหน่อย นายก็เป็นนาย ...เป็นคนที่ฉันรัก...ไม่ชอบรึไง”

                      ฮิโรกิได้ฟังคำสารภาพรักแบบสายฟ้าแลบก็หน้าแดงก่อนก้มหน้างุดๆ ไปกับอกกว้างของชิโรตะ ร่างสูงยิ้มกับท่าทางน่ารักนั้น

                      “ฉันรักนาย แล้วก็รู้สึกอยากครอบครองนาย ตั้งแต่วันที่ฉันรู้ว่า ปากบางๆ นี้ มันหวานจนฉันอดใจไม่ไหว”

                      “หมัดฉันก็หนักด้วยใช่มั้ยล่ะ”   ฮิโรกิทำท่าจะฟาดหมัดลงไปบนหน้าหล่อ แต่ก็ถูกชิโรตะจับไว้

                      “มือนี้ เอาไว้โอบกอดฉันเวลาทำเรื่องอย่างว่าดีกว่า”

                      “บ้า!!~

                      แล้วทั้งคู่ก็นั่งกอดกันข้างกองไฟจนเช้า....

       

       

                      “เรียว เรียว”  

                      เสียงหวานปลุกเรียกคนรักในตอนเช้า เรียวค่อยๆ ตื่นลืมตาก็พบใบหน้าของคนรักอยู่ใกล้กันแค่คืบ เขาจึงฉวยโอกาสหอมแก้มคนรัก ยามะพีทุบเรียวแก้เขิน ก่อนจะพาคนฉวยโอกาส(แต่จริงๆ ก็ชอบใช่มั้ยล่ะ >//<) ออกมายังชายหาดที่มีฮิโรกิกับชิโรตะ ยู นั่งอยู่แล้ว เรียวทำหน้าประหลาดใจอย่างมาก

                      “ฉันเป็นคนพายามะพีมาที่นี่ แล้วพอดีเมื่อวานไม่ได้กลับ”  ฮิโรกิว่าพลางก้มหน้างุด

                      “ฉันไม่ยอมให้กลับ ฉันอยากมีหมอนนุ่มๆ เอาไว้หนุนน่ะ”  ยูพูดกับยามะพียิ่งทำให้ฮิโรกิหน้าแดงเข้าไปใหญ่

                      “หมายความว่า นายกับฮิโระ” เรียวทำหน้าตาหรอหรา

                      “...”  ฮิโรกิพยักหน้าก่อนจะเดินหลบไปข้างหลังของชิโรตะ ยู

                      “อ๊ะ! ดูนั่นสิ พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว”  ชิโรตะ ยู ว่าพลางชี้ให้ทุกคนดู

                      “จุดตัดของขอบฟ้ากับท้องทะเลในเวลาที่สวยที่สุด” เรียวว่าพลางดึงยามะพีเข้ามากอด

                      “ได้อยู่ในอ้อมกอดของคนที่รักที่สุด”  ยามะพีว่า

                      “แล้วก็ได้หอมแก้มคนที่รักที่สุด”  ชิโรตะ ยูดึงฮิโรกิเข้ามาจุ๊บเบาๆ ที่ข้างแก้ม

                      แล้วความรักก็จบลงอย่างมีความสุข ท่ามกลางท้องฟ้า เม็ดทราย สายลม ท้องทะเล และดอกไม้แห่งรักอันเป็นนิรันดร์

       

       ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::END::::::::::::::::::::::::::::

       

      ปล. จากคนแต่ง...น้ำเน่ามั้ยคะ ... บทจะแต่งเรียวพีแล้วนึกอย่างอื่นไม่ออกหรอกค่ะ

      ต้องหวานเลี่ยนประมาณนี้ ...เพราะไม่กล้าแต่งให้เรียวเลว (ก็รักนี่คะ)

      พล๊อตเรียวพีก็จะออกมาประมาณนี้เกือบหมด ประมาณว่าเรียวรักพี พีรักเรียวประมาณนี้

      จะฉุดกระชาก ลาก ซาดิสม์ DV นี่ไม่มีในเรียวพีนะคะ ขอบอก....

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×