คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ::::::: Chapter 7:::::::: เรทนิดๆ หน่อยๆ::::
งานเลี้ยงต้อนรับจุนโนะสุเกะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ภายในงานถูกประดับประดาตกแต่งอย่างสวยงาม อาหารและเครื่องดื่มถูกนำมาเลี้ยงแขกผู้มีเกียรติอย่างต่อเนื่อง นางสนมในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยกำลังร้องรำทำเพลง และเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน แต่สายตาเจ้าของงานกลับไมได้จับจ้องอยู่ที่พวกนางเลย เวลานี้ในสายตาของเขามีเพียงร่างบางในชุดยูกาตะสีน้ำเงินเข้มที่กำลังมองสิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างสนใจ จุนโนะสุเกะยิ้มน้อยๆ กับภาพที่เห็น
... ภาพของคนที่เขาทำได้แค่มอง แต่ไม่มีทางได้เป็นเจ้าของ...
โทโมฮิสะผู้ตกเป็นเป้าสายตาไม่ได้รู้ตัวแม้แต่น้อย เขายังคงตื่นตาตื่นใจกับศิลปะการร่ายรำแบบโบราณที่เคยอ่านเจอ แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะงดงามถึงเพียงนี้ หันมาหวังจะถามเทโกชิว่าการแสดงชุดนี้เรียกว่าอะไร เจ้าตัวเล็กก็ไม่อยู่ให้ถามซะนี่ กวาดสายตามองหาไปเรื่อยๆ ก็ดันไปสบตาเข้ากับองครักษ์หนุ่มที่ยืนทำหน้าเข้มอยู่ไม่ไกล ความสั่นไหวเกิดขึ้นในหัวใจ แล้วเสียงหัวเราะของเจ้าตัวเล็กก็ดึงความสนใจของโทโมฮิสะ โทโมฮิสะหันไปเห็นอิคุตะกำลังยิ้มกว้างพร้อมๆ กับเสียงหัวเราะของเจ้าตัวเล็กที่กำลังสนใจการแสดง อิคุตะลูบหัวเจ้าตัวเล็กอย่างเอ็นดูสายตาที่ทั้งคู่ส่งประสานกัน หวานซึ้งจนโทโมฮิสะอดอิจฉาไม่ได้
...ความรักสินะ...
ความรักของคนทั้งคู่คงไม่มีอุปสรรคใดๆ หากคนหนึ่งไม่ได้เป็นทายาทอันดับหนึ่งของไอซุในขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า!
หลังจากการแสดงจบลง เจ้าเมืองไอซุก็กล่าวต้อนรับการกลับมาของจุนโนะสุเกะ และแต่งตั้งจุนโนะสุเกะเป็นทายาทอันดับสามแห่งไอซุ ซึ่งสร้างความประหลาดใจและไม่พอใจแก่ข้าราชบริพารบางคนเป็นอย่างมาก แต่เมื่อคำสั่งแต่งตั้งออกมาจากปากท่านเจ้าเมืองแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง ท่านเจ้าเมืองมอบของที่ระลึกให้แก่จุนโนะสุเกะ ตามมาด้วยอิคุตะที่มอบดาบที่ตีโดยช่างมือหนึ่งแห่งไอซุ คนต่อไปที่จะมอบของที่ระลึกคือโทโมฮิสะ แต่แค่ลุกขึ้นยืน เขาก็รู้สึกปวดแปลบที่ข้อเท้า จุนโนะสุเกะเห็นอย่างนั้นจึงเป็นฝ่ายเดินมารับเสียเอง เขาเดินมาและหยุดนั่งลงหน้าโทโมฮิสะ มองสบดวงตาคู่สวยนิ่งนาน โทโมฮิสะรู้สึกอึดอัดจึงได้เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาขึ้นก่อน
“ ของที่ข้าจะมอบให้ท่าน ข้าไม่รู้ว่ามันคู่ควรแก่การที่ท่านเสียเวลาเดินมาหรือไม่” โทโมฮิสะว่าพลางมอบรูปวาดที่เขาวาดขึ้นเองให้ (จริงๆ แล้วมันเป็นภาพวาดที่คุณชายโทโมฮิสะแห่งไอซุวาดไว้ต่างหาก ) ตอนแรกที่โทโมฮิสะเห็นภาพนี้ เขาตกใจมากทีเดียว เพราะมันเป็นภาพภาพเดียวกับที่เก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ ภาพชายสูงศักดิ์ที่จินเคยพูดถึง ซึ่งหนึ่งในนั้นหน้าตาเหมือนเขามาก มาถึงตอนนี้ เขารู้แล้วว่า อีกสองคนที่เหลือในภาพก็คืออิคุตะ และจุนโนะสุเกะนั่นเอง
“ของที่เจ้าให้ แม้จะเป็นเพียงก้อนหิน ก็มีค่ามากมายสำหรับข้า” จุนโนะสุเกะพูดโดยไม่ละสายตาจากหน้าสวย
โทโมฮิสะมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจนัก สายตาที่จุนโนะสุเกะมองเขาไม่เหมือนสายตาที่อิคุตะมองเขาแม้แต่น้อย เขารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย หากแต่ก็ยิ้มรับไมตรีของผู้เป็นพี่ชายที่หยิบยื่นให้ จุนโนะสุเกะยิ้มพอใจกับรูปภาพที่เห็น ก่อนจะเดินกลับไปยังที่นั่งของตน และงานเลี้ยงก็ดำเนินต่อไป
วันรุ่งขึ้น โทโมฮิสะตื่นลืมตาอย่างยากลำบาก แต่ก็ฝืนลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อขับไล่ความขี้เกียจออกจากกาย เขามาที่นี่เพื่อค้นหาเสี้ยวประวัติศาสตร์ที่หายไปไม่ใช่หลงเข้ามาเพื่อมากิน ดื่ม เที่ยว แบบนี้ หลังจากเรียกความสดชื่นได้ระดับหนึ่ง เขาก็เดินออกมาที่สวนหน้าบ้าน พลันสายตาก็เห็นร่างเล็กๆ คุ้นตาก้มๆ เงยๆ อยู่กลางแปลงดอกไม้
“เทโกชิ ดอกไม้พวกนี้เจ้าเป็นคนปลูกหรอ” โทโมฮิสะว่าพลางเดินสำรวจแปลงดอกไม้
“ครับ” เงยหน้าขึ้นมาตอบ ก่อนจะหันไปสนใจกับดอกไม้สีม่วงกลีบบางตรงหน้า
“หว๋า!~ เจ็บจังเลย” โทโมฮิสะสะบัดมือหลังจากที่โดนหนามกุหลาบตำ เทโกชิยิ้ม โทโมฮิสะจึงเดินมาหยุดตรงหน้าคนตัวเล็ก พลางทำหน้าตาสนใจดอกไม้สีม่วงที่เทโกชิรดน้ำอย่างเบามือ
“นี่มันดอกหญ้าไม่ใช่หรอ ทำไมต้องใส่ใจขนาดนี้ด้วยล่ะ ปล่อยมันไว้มันก็โต”
“คุณค่าของมัน ไม่ได้อยู่ที่ว่ามันเป็นอะไรนะครับ มันอยู่ที่ว่าเราให้ความสำคัญกับมันหรือเปล่าต่างหาก” เทโกชิว่าพลางอมยิ้ม
.... เทโกชิก็เหมือนกับดอกหญ้า ไม่มีที่มา เกิดมาพร้อมกับความเข้มแข็งและอดทน
...หากแต่จากนี้ไปเทโกชิจะเป็นดอกหญ้าที่มีคุณค่าเพราะเทโกชิเป็นดอกหญ้าที่เบ่งบานในหัวใจ...
โทโมฮิสะไม่ค่อยเข้าใจกับความหมายนั้นเท่าไหร่นัก พลันสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นดอกไม้ประหลาดดอกหนึ่ง ดอกสีแดงเพลิง กลีบดอกทั้งห้าแฉกคล้ายมีหนามแหลมแซมอยู่ทั่ว ด้วยความสงสัยกำลังจะเอื้อมมือไปแตะ แต่เทโกชิก็ร้องห้ามเสียงดัง
“อย่านะคุณชาย! อย่าแตะต้องมัน”
โทโมฮิสะชักมือกลับอย่างรวดเร็ว
“ทำไมล่ะ ห่วงหรอ”
“เปล่าครับ ดอกไม้เพลิงแห่งเซนโกกุ เป็นดอกไม้พิษแห่งตำนาน ว่ากันว่ามันเป็นดอกไม้ต้องคำสาป ใครโดนแม้เพียงหนึ่งหนามแหลมต้องจับไข้ไปหลายวัน ดอกมันสามารถคร่าชีวิตคนได้เลยครับ ”
“น่ากลัวขนาดนั้นแล้วเอามาปลูกทำไม”
“ข้าเจอหน่อของมันเมื่อหลายปีก่อน ก็เลยเอามาปลูกไว้ เมื่อมันออกดอกถึงได้รู้ว่ามันเป็นดอกไม้พิษแห่งตำนาน ข้าว่าจะรอให้ดอกมันโรย แล้วก็จะตัดมันทิ้ง” เทโกชิว่า
โทโมฮิสะพยักหน้าก่อนจะหันไปสนใจเทโกชิกับดอกไม้สีม่วงดอกเล็กที่เจ้าของเฝ้าทะนุถนอมหนักหนา เทโกชิพรวนดินแล้ววางกระถางลงอย่างเบามือ
“ข้าจะเอาผ้าไปซักที่แม่น้ำ หากมีอะไรจะใช้ข้า คุณชายให้คนไปตามข้าได้ที่นั่น” เทโกชิกล่าวก่อนขอตัวจากไป
XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX
ภาพของคนตัวเล็กกับผ้ากองใหญ่เดินเปะปะมาตามทางริมแม่น้ำ อยู่ในสายตาของอิคุตะตลอด เขายิ้มอย่างผ่อนคลาย เขามองดูร่างบางซักผ้าผืนแล้วผืนเล่า เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามไรผม จมูกรั้นเล็กๆ ตามประสาเด็กขี้งอน เวลานี้เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ แก้มสองข้างแดงสุกปลั่งจากอากาศที่เริ่มร้อน อิคุตะหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนบางในมือขึ้นดู ก่อนจะเก็บไว้ที่เดิม
... เก็บไว้แกล้งอีกหน่อยดีกว่า...
แต่ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาเขาก็ไม่เห็นเทโกชิอยู่ที่ริมธารแล้ว อิคุตะมองหาก่อนที่จะเห็นร่างบางใช้ไม้เขี่ยชุดยูกาตะเนื้อดี ที่ติดอยู่กับโขดหินกลางลำธาร แม้มือจะสาละวนกับการเขี่ยชุดยูกาตะของคุณชายโทโมฮิสะ แต่ปากหยักบางได้รูปก็ไม่วายบ่นเหมือนอย่างที่เคยเป็น แม้จะไม่ได้ยินว่าร่างบางบ่นว่าอะไร แต่อิคุตะรู้ดีว่าเทโกชิคงไม่สบอารมณ์นัก
“เจ้าบ้าเอ๊ย!!~ หลุดมือไปได้ยังไงกันนะ ทั้งที่ระวังที่สุดแล้วเชียว เทโกชิเอ๊ย!! เจ้าเนี่ยนะ มันน่าเฆี่ยนให้หลังลายนัก” เทโกชิทั้งเขี่ยไปบ่นไป เจ้าตัวเล็กจะรู้มั้ยนะ หากเขาตั้งใจเขี่ยชุดนั่นเพียงอย่างเดียว เขาอาจไม่เหนื่อยขนาดนี้ก็ได้ และแล้วความหวังก็ใกล้จะเป็นจริง ปลายไม้ตวัดได้กับปลายแขนของชุดยูกาตะ แต่ด้วยความแรงของกระแสน้ำทำให้ชุดนั้นหลุดลอยออกจากโขดหิน ไม่ทันได้คิดไตร่ตรอง เทโกชิทิ้งตัวลงสู่แม่น้ำเพื่อคว้าชุดนั้นไว้ แต่แม่น้ำในฤดูน้ำหลากเช่นนี้ ไหลแรงกว่าที่เคย แม้มือร่างบางจะคว้าชุดไว้ได้ แต่จะว่ายกลับฝั่งนั้นยากเหลือเกิน แรงน้ำที่ซัดร่างบางให้ไกลห่างออกจากฝั่งประกอบกับน้ำหนักของชุดยูกาตะที่อุ้มน้ำ ยิ่งดึงร่างบางให้จมดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง ร่างบางตะเกียกตะกาย มโนสำนึกผุดภาพคนๆ เดียวขึ้นมาในหัว ก่อนสมองจะขาวโพลน แล้วสติก็ดับวูบลง...
“...ยะ ยูยะ”
เหมือนเพิ่งตื่นจากฝันร้าย เทโกชิกวาดตามองไปรอบตัวก่อนจะผวาเข้ากอดคนตรงหน้า ร่างบางสั่นสะท้านในอ้อมอกแกร่ง
“ข้าคิดว่าข้าจะตายเสียแล้ว” ร่างบางสะอื้น
“เจ้ากลัวตายด้วยหรือ ทำเรื่องบ้าบิ่นแบบนั้น... หากข้าไม่เห็น เจ้าจะเป็นยังไง ” อิคุตะทำเสียงแข็ง หากแต่มือลูบผมเทโกชิอย่างปลอบโยน
“ข้าไม่ได้กลัวตายสักนิด สิ่งที่ข้ากลัวคือข้าจะไม่ได้พบท่านอีก” คำตอบของเทโกชิทำให้อิคุตะชะงักก่อนจะดันร่างบางให้สบตากับเขา
“แล้วเจ้ารู้มั้ย ว่าสิ่งใดในโลกที่ทำให้ข้ากลัว... ข้ากลัวว่าข้าจะไม่ได้ฟังเสียงบ่นจากปากเล็กๆ นี่อีก”
ไม่มีเสียงตอบใดๆ หลุดรอดออกมาจากปากหยักบางของคนขี้บ่น เพราะตอนนี้มันถูกครอบครองด้วยริมฝีปากของใครอีกคน คงมีแต่เวลานี้กระมังที่เทโกชิไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะปัดป้อง ไม่มีแม้เสียงบ่นให้รำคาญ แต่หากเป็นเสียงบ่นของเทโกชิแล้วล่ะก้อ อิคุตะยินดีจะฟังมันไปชั่วชีวิต
อิคุตะถอนริมฝีปากอย่างยากลำบาก เสียงหายใจถี่ๆ ของคนตรงหน้าทำให้อารมณ์ของเขากระเจิงจนฉุดไม่อยู่ เขาบดริมฝีปากหนักหน่วงสลับกับแตะลิ้นเกี่ยวล้อริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมือไปปลดสายรัดคาดเอวที่เป็นปราการด่านเดียวของชุดฮากามะ ผ้าที่แหวกออกเผยให้เห็นผิวเนียน อิคุตะเลื่อนริมฝีปากลงมาถึงซอกคอระหง ไล่เรื่อยมาจนถึงตุ่มไตสีชมพูที่ตั้งตระหง่านด้วยความเสียวซ่านของผู้เป็นเจ้าของ ทั้งขบเม้ม ดูดดุนเพื่อเค้นหาความหวานจากคนตรงหน้า เสียงกระซิบแผ่วเบาของเทโกชิทำให้หวามใจยิ่งนัก เทโกชิแอ่นกายรับสัมผัสแปลกใหม่ในช่องทางที่ไม่คุ้นเคย สองมือกอดรัดร่างแกร่งไว้แน่น กัดปากเพื่อเก็บเสียงร้องที่ตัวเองคิดว่าน่าอับอายยิ่งนัก
“ร้องออกมา ยูยะ ... อย่าเก็บไว้ ... ร้องออกมา” อิคุตะพูดทั้งที่ร่างกายยังเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ
“ไม่ ...ข้าว่ามัน ...ฮึก... มัน.. น่าอับอาย...ฮึก” เสียงกระเซ่าตามจังหวะที่โดนกระแทกทำให้เทโกชิออกเสียงอย่างยากลำบาก
“ได้โปรด ยูยะ ร้องออกมา แล้วเรียกชื่อข้า” อิคุตะร้องขอ
“โทมะ...อ๊าา... ฮึก....ฮ๊าาาา” แม้จะมีหยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาจากหางตา แต่ทั้งเทโกชิและอิคุตะรู้ดีว่านี่คือน้ำตาแห่งความสุข อิคุตะตามจูบซับน้ำตานั้นอย่างอ่อนโยน ก่อนจะพลิกตัวให้ร่างบางนอนในอ้อมกอด
“ข้ามีความสุขที่ได้อยู่กับเจ้า... ข้ารักเจ้า” อิคุตะพูดพร้อมกับจุมพิตหน้าผากมน
“พวกเราจะเป็นแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน” เทโกชิซุกหน้าลงกับอ้อมอก
“ตราบเท่าที่เจ้ารักข้า เพราะข้าจะรักเจ้าไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” อิคุตะยืนยันหนักแน่น
“ความรักของข้ามีไว้เพื่อให้ท่านมีความสุข แต่หากเมื่อใดที่ความรักของข้าขัดขวางความสุขของท่าน ข้าจะละทิ้งมัน” เทโกชิตอบอย่างขมขื่น
“ทำไมเจ้าพูดแบบนั้น จะไม่มีวันนั้น ความรักของเจ้าเป็นความสุขหนึ่งเดียวของข้า ข้ามีชีวิตอยู่เพื่อเจ้า”
“ไม่ใช่เพื่อข้า... แต่เพื่อชาวไอซุทั้งหลายต่างหาก ท่านเป็นทายาทอันดับหนึ่งของทสึรุงะ นั่นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้”
“และข้ารักเจ้า...นั่นเป็นสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลง”
ความคิดเห็น