ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~~Friends_ ลิขิตรักกระชากใจ~~

    ลำดับตอนที่ #6 : พรหมลิขิต และการดิ้นรนเพื่อ....

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 52


    “ยัยข้าวฟ่าง หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้นะ ฉันเหนื่อยแล้วนะ”

                    “ข้าวฟ่างหยุดเถอะค่ะ ไข่มุกวิ่งไม่ไหวแล้วนะคะ”  เสียงเพื่อนทั้งสองคนตะโกนไล่หลังมา จะให้หยุดตอนนี้ได้ยังไงกัน มันทั้งเขิน ทั้งอาย จูบแรกของฉันกลับกลายเป็นของไอ้หมูดำไปซะด้ายยยย  ม่ายยยยยยย  คิดแล้วอยากถีบมันให้ตกตึก

                    ฉันวิ่งมาหยุดข้างสนามบาส เกาะลูกกรงสนามบาสหอบจนตัวโยน อย่างน้อย ถ้าใครมาเห็นฉันหน้าแดงตอนนี้จะได้คิดซะว่า ฉันเหนื่อยเพราะวิ่งมาตั้งไกล  ฉันไม่ได้เขินมันนะเฟ้ย ไอ้หมูดำ แกอย่ามาเข้าใจผิดเลย....

                    “น้องเป็นอะไรรึเปล่าครับ”  อ๊ะ เสียงนี้ แม้ได้ยินเพียงครั้งเดียวก็จำได้ขึ้นใจ เทพบุตรสุดหล่อของชั้น แม้จะมีลูกกรงสนามบาสกั้นกลางระหว่างเรา แต่ฉันก็รู้สึกว่าเราใกล้กันมากขึ้นนิดนึงแล้ว

                    “พะ พี่เฟิร์ส”  เหมือนพี่จะทำหน้างงว่ารู้จักชื่อได้ยังไง  ฉันก็เลยรีบบอกที่มาและแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ นี่หน้าฉันคงจะยิ่งแดงแน่ๆเลย *_* เขินเว้ยยย

                    “อ่อ คือพอดี ข้าวฟ่างชอบดูบาสเก็ตบอลน่ะคะ แล้วก็เห็นพี่เป็นนักกีฬาโรงเรียน ก็เลยรู้จัก ข้าวฟ่างไม่ใช่พวกโรคจิตชอบแอบตามนะคะ”  เอ้อ บอกไปให้หมดเลย ตอนนี้แกก้อดูเหมือนคนโรคจิตวะ ไอ้ข้าวฟ่าง

                    “หึ หึ”  พี่เฟิร์สพยายามกลั้นยิ้ม ตอนนี้หน้าฉันเป็นแบบไหนกันน้า

                    “แก หนีมาอยู่นี่เองนะ ฉันนึกว่าแกจะโดดตึกตายไปซะแล้ว แค่โดนจู....”  ฉันเอามือปิดปากยัยตั้งโอ๋แทบไม่ทัน จูบเจิบอะไรเล่า มาพูดตอนที่เทพบุตรสุดหล่อยืนอยู่ตรงนี้ ... แกนี่

                    “โอ๋ยยย วิ่งเร็วกันทั้งสองคนเลยนะคะ ไข่มุกแทบแย่”   ไข่มุกทรุดลงกับพื้นหอบอย่างน่าสงสาร

                    “เพื่อนน้องข้าวฟ่างหรอครับ น่ารักกันทุกคนเลยนะครับ”

                    .........ปุ้ง.......รู้สึกว่ามันจะแตกหลายรอบไปแล้ววันนี้ .... น่ารักหรอคะ ขอบคุณค่ะ (ได้ข่าวว่าเขาชมทุกคน แกเนี่ย)

                    “เมื่อกี้น้องข้าวฟ่างบอกว่าชอบบาสเก็ตบอลใช่มั้ยครับ ถ้าไม่รังเกียจ มาเป็นผู้จัดการทีมให้ทีมโรงเรียนมั้ยครับ พอดีพี่พรีม ผู้จัดการคนเก่าเขาเพิ่งจบไปน่ะครับ”

                    “เฮ้ย! เฟิร์ส ฟอร์มทีมเตรียมซ้อม” พี่เฟิร์ส (แหม เขินจัง) หันไปพยักหน้ากับเพื่อนก่อนจะหันมาย้ำอีกครั้ง

                    “ห้องชมรมอยู่ที่อาคารเอนกประสงค์ชั้นล่างนะครับ แล้วเจอกัน”  โอ้ว แค่ท่าโบกมือก็แทบกระชากหัวใจแล้ว เฮ้อ! อย่างน้อยวันนี้ก็มีเรื่องดีดีบ้างละนะ

                    “ตื่น ตื่นได้แล้วแก ไปเก็บของกลับบ้านกัน”  ตั้งโอ๋โบกมือผ่านหน้าสองสามครั้งยังไม่ได้สติ มันก็เลยลากฉันไปเลย  โดยมีไข่มุกเดินตามมาห่างๆ ....รุนแรงจริงๆ เพื่อนฉันนี่

                    ฉันค่อยๆ ย่องตามหลังตั้งโอ๋กับไข่มุกเข้าไปในห้อง เพื่อนๆ ทยอยกันกลับบ้านเกือบหมดแล้ว แต่พวกที่เหลือไม่กี่คนก็ยังส่งเสียงแซว

                    “ว้าว ! It starts with a kiss สตาร์ทบ้านป้าแกล่ะสิ  Game over! มันจบแล้วเว้ย

                    “อุบัติรักจากฟากฟ้า”  จากนรกอ่ะสิไม่ว่า -_-“

                    “เนื้อคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันไปด้ายยย”  เออ เอาเข้าไป

                    “รักนะแต่ไม่แสดงออก”  จะแสดงออกได้ไง ก็มันไม่ได้รักโว้ยยย ย๊ากส์

                    ฯลฯ

                    ดู.... ดูมันแต่ละตัว แต่เมื่อหันไปมองหลังห้องก็โล่งใจ ที่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเจอหน้าไอ้หมูดำนั่น แกนะแก แล้วพรุ่งนี้ฉันจะสู้หน้าใครได้เนี่ย

                    “แกไม่คิดว่ามันเป็นพรหมลิขิตหรอ”  ฉันหันควับไปมองเจ้าของคำพูดที่เฮงซวยที่สุดตั้งแต่คบกันมา  ตั้งโอ๋กำลังเก็บของใส่กระเป๋านักเรียนด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้านตามแบบฉบับของมัน

                    “พรมเช็ดเท้านะสิ  นี่แก พรหมลิขิตของฉัน ต้องเป็นพี่เฟิร์สสิ เขาน่ะ เป็นคนช่วยชีวิตฉันจากการถูกรถไฟฟ้าทับตาย แกนี่น้าไม่เข้าใจอะไรซะเลย ” ฉันว่าพลางส่ายหน้าด้วยความระอาใจ

                    “แล้วพรุ่งนี้เราจะไปอาคารเอนกประสงค์กันรึเปล่าคะ”  ไข่มุกถาม

                    “ไปสิ นี่แหละ บันไดก้าวแรกในการมัดใจรุ่นพี่สุดหล่อ”  ฉันยิ้มพลางทำหน้ามั่นใจ

                    “แหวะ จะอ้วกว่ะ”

                    “อะไรของแก ไม่ช่วยก็อย่ามาขัดขวางเลย”

                    “ฉัน... เชื่อในพรหมลิขิต”  ตั้งโอ๋พูดพลางยักคิ้ว ก่อนที่จะลากไข่มุกจากไป ทิ้งให้ฉันเหน็บหนาวท่ามกลางคำว่า “พรหมลิขิต”....................................

                   

     

     

     

                    “ โอ๊ยยยยย  พรุ่งนี้มันจะยังเป็นแบบนี้อีกมั้ยเนี่ย เค้าบอกว่าข่าวลือ 49 วันก็ลืมแล้วใช่มั้ย ทำไมนานนักล่ะห๊ะ ”   เสียงยัยข้าวฟ่างร้องโวยวาย พร้อมกับทำหน้าปานจะขาดใจตาย  ก็น่าเห็นใจอยู่เหมือนกัน เมื่อเช้าตั้งแต่เข้าห้องมา ก็มีคนวาดรูปร่มความรักพร้อมกับเขียนชื่อไนซ์กับข้าวฟ่างไว้ใต้ร่มคันเดียวกัน ไหนจะร้องเพลงแต่งงานตอนที่อาจารย์เรียกทั้งคู่ออกไปหน้าห้อง ไหนจะแซวเรื่องจูบ เฮ้อ ! สารพัด ยัยข้าวฟ่างก็เป็นเดือดเป็นแค้นตามอาละวาดจนบรรดาพวกปากมอมแตกกระเจิง แต่ที่น่าแปลกก็คือไนซ์กลับนิ่งอยู่ได้ ไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ...

                    “ เพื่อนๆ คงจะแค่นึกสนุกน่ะค่ะ ข้าวฟ่างอย่าเครียดไปเลยนะ”  ไข่มุกปลอบข้าวฟ่าง

                    “ รึไม่... เขาก็อาจจะดูออก” ฉันพูดตามที่ฉันคิด

                    “ดูอะไรออก..ห๋า! แกพูดดีดีนะเว้ย”  ข้าวฟ่างพูดพร้อมกับส่งสายตาพิฆาตมาหา แต่ก็รู้ว่ามันทำได้แค่นั้น แล้วฉันก็ไม่กลัวด้วย

                    “ ถ้าแกมัวแต่ช้าอยู่แบบนี้ ตำแหน่งผู้จัดการทีม อาจจะเป็นของสาวอื่นก็ได้นะ”  แล้วฉันก็เห็นข้าวฟ่างปิดปากสนิทพร้อมกับรีบสาวเท้าตามฉันมา โดยมีไข่มุกเดินตามมาไม่ไกล... เห็นแว่นยัยนี่แล้วรำคาญชะมัด

                    หน้าห้องชมรมบาสเกตบอลของโรงเรียน...

                    “โห คนเยอะจังเลยนะคะ” ไข่มุกว่า

                    “ ต้องบอกว่า ...ผู้หญิงยั้วเยี้ยจังเลยนะคะ...  ถึงจะถูกนะไข่มุก ” ตั้งโอ๋ส่ายหน้าอย่างระอา

                    “ เอ๊ะ! แล้วนี่ข้าวฟ่างหายไปไหนล่ะคะ”

                    “นู่น!  ตั้งโอ๋ชี้ยังผู้หญิงกระเซอะกระเซิงคนหนึ่งที่กำลังแย่งชิงใบสมัครผู้จัดการทีมจากสาวร่างใหญ่

                    “ สงสัยข้าวฟ่างจะเอาจริงนะคะ.... เอ๊ะ! นั่นไนซ์นี่นา เค้ามาสมัครเข้าชมรมด้วยหรอคะ” ไข่มุกว่าพลางโบกมือทักไนซ์

    ...นั่นสินะ เจ้าหมอนี่ก็เคยเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลตอนอยู่ม.ต้นนี่นา

                    “ พวกเธอมาทำอะไรกันหรอ นี่มันชมรมบาสชายนะ” ไนซ์ว่า

                    “นู่น! มานั่นแล้ว ถามกันเอาเองก็แล้วกัน”

                    ข้าวฟ่างวิ่งมาพร้อมกับใบสมัครที่สภาพยับเยินไม่ต่างจากตัวมันเท่าไหร่

                    “แท่น แทน แท๊นนนน .... ได้มาแล้ว ใบสมัครสื่อรัก” 

                    “ เธอจะสมัครเป็นผู้จัดการทีมบาสของโรงเรียนจริงๆ อ่ะหรอ” ไนซ์ยื่นหน้ามาถาม แต่ข้าวฟ่างทำราวไม่เห็นสิ่งมีชีวิตตัวนั้นเอาซะเลย -*-

                    “ไปกันเถอะ ไปหาที่กรอกใบสมัครแล้วจะได้เอามาส่งเขา” ว่าแล้วก็กึ่งลากกึ่งจูงตั้งโอ๋และไข่มุกออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้ไนซ์ยืนทำหน้างงต่อไป

                    หลังจากที่ข้าวฟ่างใช้ความสามารถบวกกับความตั้งใจจริงในการเป็นผู้จัดการทีมบาสเก็ตบอล มันก็ได้เป็นผู้จัดการทีมบาสเก็ตบอลสมใจ ฉันก็อยากจะดีใจกับมันอยู่หรอกนะ ถ้ามันไม่มาบอกฉันกับไข่มุกว่า

                    “งานผู้จัดการทีมน่ะ ไม่ใช่แค่ดูแลนักบาสเก็ตบอลเท่านั้นนะ แต่พวกชุดซ้อม ชุดแข่ง เก็บลูกบาส เก็บกวาดห้องชมรมก็เป็นหน้าที่ของพวกเราด้วย”  ข้าวฟ่างว่าพลางทำตาปริบๆ

                    “พวกเราไหน แกคนเดียวไม่ใช่หรอที่สมัครน่ะ”  ฉันว่า

                    “แหม ตั้งโอ๋ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ พวกเราเป็นเพื่อนรักกันนี่นา แกไม่มีวันปล่อยให้ฉันลำบากคนเดียวหรอก จริงมั้ย แกน่ะ รักฉันจะตายไป เนอะไข่มุกก็จะช่วยด้วยใช่มั้ย” ไข่มุกพยักหน้ารับ ฉันถอนหายใจอย่างระอา

                    “เอาก็เอา”

    นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่ไม่เคยจับไม้กวาดเลยอย่างฉันต้องมารับบทเป็นแม่บ้านทำความสะอาดห้องชมรมบาส ไข่มุกทำงานของเธออย่างมีความสุข เธอทำความสะอาดถ้วยรางวัลอย่างเบามือ  ฉันมองหาข้างฟ่าง แต่มันไม่อยู่แล้วในตอนนี้ มันคงจะอยู่ในซอกหลืบใดซอกหลืบหนึ่งในห้องชมรมที่แลดูเหมือนบ้านหลังย่อมๆ แห่งนี้  ในเมื่อมันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ฉันก็จะมีความสุขกับงานของฉันบ้างละนะ คิดได้แบบนั้น ฉันก็ได้แต่ปลงกับโชคชะตาตัวเอง แล้วก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดพื้นไปเรื่อยๆ

                    .................................................................................................................................................................................

                    “โธ่ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้เนี่ย นึกว่าเป็นผู้จัดการทีมแล้วจะได้อยู่ใกล้ๆ รุ่นพี่ ที่ไหนได้ กลายเป็นคนทำความสะอาดไปซะนี่ แถมยังไม่ได้เจอรุ่นพี่เลยด้วย”  ข้าวฟ่างบ่นพลางใช้มือหยิบชุดซ้อมลงซักในถังซักผ้า แต่เมื่อนับๆ ดูแล้ว เธอก็พบว่าจำนวนเสื้อซ้อมนั้นหายไปหนึ่งตัว ข้าวฟ่างทำหน้าเซ็งเป็นรอบที่ร้อยแปดก่อนเดินออกตามหาเสื้อที่หายไป

                    “มันจะไปอยู่ไหนได้ละเนี่ย ฉันก็ตามเก็บมาจากตระกร้าของทุกห้องแล้วนะ ไม่เข้าใจเล้ยยย ทำไมผู้ชายมันถึงได้ซกมกขนาดนี้นะ เก็บไว้ได้ยังไงตั้งสองสามวัน ซักก็ไม่ยอมซัก ผึ่งลมไว้ก็ยังดี ... อ๊ะ ฉันจะบ่นไม่ได้สิ นี่อาจจะเป็นบททดสอบของผู้จัดการทีมก็ได้ ใช่ ต้องใช่แน่ๆ “ ข้าวฟ่างบ่นพึมพำไปเรื่อยๆ เข้าห้องนู่นออกห้องนี้เพื่อหาเสื้อเจ้าปัญหาตัวนั้นแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเจอ

                    “หายไปไหนนะ มันไม่มีตั้งแต่แรกแล้วรึเปล่าเนี่ย ... แต่ก็ไม่น่าจะใช่ ในใบเช็คของที่เขาให้มา มันก็บอกว่ามีนี่นา จริงสิ มีอีกที่เดียวที่ยังไม่ได้หา....”  ว่าแล้วข้าวฟ่างก็เดินตรงไปยังที่ที่เธอพูดถึง .... ห้องน้ำชาย

                    ข้าวฟ่างเดินมาหยุดหน้าห้องน้ำชายที่ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้ย่างกรายเข้าไปสักครั้ง อยู่ๆ หัวใจก็เต้นขึ้นมาไม่เป็นจังหวะ

    “ทำไมต้องตื่นเต้นด้วยฟะ เราไม่ไช่พวกถ้ำมองซะหน่อย  เงียบแบบนี้คงไม่มีคนหรอก”  เมื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองได้แล้ว ข้าวฟ่างก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ

    แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คิดฝันก็เกิดขึ้น.....

    “เธอเข้ามาทำอะไรของเธอน่ะ”  เสียงที่คุ้นเคยของคู่ปรับตลอดกาลทำให้ข้าวฟ่างสะดุ้งโหย่ง ทั้งที่คิดว่าไม่มีใครแล้วเชียวนะ กำลังจะหันไปต่อปากต่อคำ แต่ตาของข้าวฟ่างกลับไปเห็นภาพร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าของไนซ์ที่เผยให้เห็นแผงกล้ามเนื้อและหยาดน้ำเล็กๆ และร่างกายท่อนล่างถูกพันไว้ด้วยผ้าขนหนูเพียงผืนเดียว

    “ว้ายยยย  ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ไอ้ลามก ไอ้จิตวิตฐาน ไอ้...”  ไนซ์ตัดสินใจเอามือปิดปากข้าวฟ่างที่ตอนนี้ดิ้นอึกอักอยู่ในอ้อมแขน

    “นี่ ยัยข้าวตอกแตก หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ อยากให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดรึไง  เงียบ บอกให้เงียบไง” ข้าวฟ่างยังคงร้องอู้อี้และดิ้นอึกอักอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของไนซ์ที่เพิ่มแรงรัดแน่นขึ้น

    “นี่ ถ้าไม่เงียบนะ ฉันจะเปลี่ยนจากมือที่ปิดปากอยู่เนี่ย เป็นปากฉันแทน แล้วก็จะประกาศให้ทุกคนรู้ด้วยว่าเธอแอบเข้ามาหาฉันในห้องน้ำชายเพราะติดใจรสจูบเมื่อวันก่อน”  ได้ผล... ข้าวฟ่างเงียบเสียงลง มีแต่เสียงหายใจถี่ๆ ที่บ่งบอกได้ว่าเธอใช้พละกำลังในการดิ้นรนมากเพียงใด

    “แก ไอ้หมูเห็นแก่ตัว ไอ้หมูลามก แกไปแต่งตัวให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้โรคจิต”

    “ใครกันแน่ที่โรคจิต เธอนั่นแหละ เข้ามาทำบ้าอะไรในห้องน้ำชาย ถ้าไม่ได้คิดจะมาแอบดูฉันน่ะ” ไนซ์ว่าพลางจัดการใส่เสื้อ ใส่กางเกง ข้าวฟ่างได้แต่หันหน้าเข้าข้างฝาและหลับตาปี๋

    “แหวะ หลงตัวเอง ใครเค้าอยากแอบดูนาย ฉันมาหาเสื้อซ้อมที่หายไปต่างหาก” แล้วสายตาข้าวฟ่างก็เห็นเสื้อเจ้าปัญหากองรวมอยู่กับเสื้อผ้าของไนซ์

    “นี่ไง เจอแล้ว  มันมาอยู่กับนายได้ยังไง”

    “เอามาเช็ดพื้นล่ะมั้ง  เสื้อซ้อม ก็ต้องใส่ซ้อมสิ มีหัวไว้ให้ผมขึ้นรึไง”

    “ไอ้บ้า อย่ามาว่าฉันนะ ... นี่แสดงว่านายก็อยู่ชมรมนี้หรอ”

    “อืม เริ่มฉลาดขึ้นแล้วนี่”

    “ยี๋ แย่ชะมัด”

    ....................................................................................................................................................................................................

                    ในห้องเรียนที่แสนจะจอแจ แต่ข้าวฟ่างก็ยังสามารถฟุบหลับลงกับโต๊ะได้ จริงๆ เธอไม่ได้หลับ เพียงแค่เหนื่อยเกินกว่าที่จะโงหัวขึ้นมาได้ ทำไมงานชมรมมันถึงได้หนักขนาดนี้เนี่ย สองวันแล้วที่ไม่ได้เจอรุ่นพี่ แถมยังต้องต่อปากต่อคำกับไอ้หมูบ้านั่นตลอดเวลา ... เบื่อเหลือเกิน          

                    “ข้าวฟ่าง เป็นอะไร แกหลับได้ทั้งที่เสียงดังขนาดนี้เนี่ยนะ” ตั้งโอ๋ว่าพลางเขย่าตัวข้าวฟ่าง

                    “ไม่ได้หลับ แค่เหนื่อย แล้วก็ไม่อยากเห็นหน้าใครบางคน”

                    “ถ้าใครบางคนที่แกว่าหมายถึงไนซ์ล่ะก้อ เค้าออกไปได้สักพักแล้วล่ะ”

                    “หรอ ...ค่อยยังชั่ว” ข้าวฟ่างค่อยๆ โงหัวขึ้นจากโต๊ะอย่างยากลำบาก

                    ขณะที่บทสนทนาของตั้งโอ๋และข้าวฟ่างกำลังดำเนินไปเรื่อยๆ ไข่มุกซึ่งตอนนี้ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าห้องก็ทำหน้ายุ่งพร้อมกับถือกระดาษปึกหนึ่งเดินเข้ามา

                    “ข้าวฟ่าง ตั้งโอ๋ ....  ไข่มุกมีเรื่องให้ช่วยหน่อยค่ะ”

    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

    เป็นนิยายที่ใช้เวลาในการแต่งยาวนานมากเลยค่ะ เริ่มแต่งตั้งแต่สมัยยังเรียน ตอนนี้ทำงานแล้วก็ยังไม่จบ
    ยิ่งนานรู้สึกว่านางเอกจะยิ่งแก่ขึ้นตามอายุคนแต่ง 555
    แหม แต่ก็ยังพอจำสมัยม.ปลายได้อยู่ค่ะ 
    อ่านแล้วเป็นไงกันบ้าง ...ไม่สนุกใช่ป่ะ ไม่เห็นมีใครเม้นท์ 555 
    ไม่เป็นไรค่ะ ได้ทำในสิ่งที่ชอบบ้างก็พอแล้ว.... ทำงานมันเครียดอ่ะคะ
    วันดีคืนดี  อยากเอามีดจิ้มคอคนไข้ซะให้หมด ... ล้อเล่นนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×