ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Yaoi] ~~** May I Love you **~~ (P+Me)

    ลำดับตอนที่ #5 : บทสุดท้ายของความรัก

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 52


    บทที่ 5

                    ตะวันลับขอบฟ้าไปนานแล้ว แต่โทโมฮิสะยังนั่งอยู่ที่เดิม เขานั่งไกวชิงช้าปล่อยความคิดไปเรื่อยเปื่อย เสียงโซ่ฝืดๆ ของชิงช้าดังเอี๊ยดอ๊าดเป็นจังหวะ ทำให้โทโมฮิสะไม่ทันได้สนใจเสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้ามา

                    “ มานั่งคอตกอกหักเป็นหมาเศร้าอะไรอยู่ตรงนี้วะ”   เสียงเหน็บแนมคุ้นหูดังขึ้น โทโมฮิสะหันไปมองก่อนจะตอบ

                    “อกหัก?... เออ... จะว่างั้นก็ได้”

                    “ทำไมถึงยอมรับง่ายนักวะ ได้พยายามบ้างรึยังเนี่ย นั่งคิดบ้าคิดบอไปเองฝ่ายเดียว แล้วก็สรุปว่าเขาไม่ได้รักอ่ะ”  โคยาม่าทิ้งตัวลงนั่งบนชิงช้าถัดไปก่อนจะหันมาเทศนาเพื่อนเป็นฉากๆ

                    “ความอดทนคนเรามันก็มีขีดจำกัดนะโว้ย เห็นอยู่ตำตาทุกวันว่าเค้ารักคนอื่น ... อีกอย่างไม่อยากให้พ่อไม่สบายใจด้วยว่ะ”  โทโมฮิสะพูดอย่างปลงๆ

                    “แกแน่ใจได้ยังไงว่าเค้ารักคนอื่น”

                    “อะไรของแกวะ ไอ้เคย์ ตั้งแต่มานั่งเนี่ย นอกจากไม่ให้กำลังใจแล้ว ถามนู่นถามนี่ตอกย้ำอยู่ได้”  โทโมฮิสะโวยขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก

                    “แกก็รู้ว่าฉันปลอบใครไม่เป็น ... แต่ฉันหวังดีนะโว้ย”

                    โทโมฮิสะพยักหน้า ด้วยไม่รู้ว่าจะต่อล้อต่อเถียงกับโคยาม่าไปทำไม

                    “แล้วนี่แกจะเอายังไงต่อไป ออกไปอยู่ข้างนอก เรื่องค่าใช้จ่ายทำยังไงวะ”

                    “ว่าจะหางานพิเศษทำ เอ้อ! แกฝากฉันเข้าทำงานหน่อยสิ”  โทโมฮิสะขอร้อง

                    “เออ แล้วจะบอกให้  ฝีมืออย่างแกพี่เค้าคงรับอยู่แล้วล่ะ”

                    หลังจากคุยเรื่องสัพเพเหระสองสามเรื่อง ทั้งคู่ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน  โทโมฮิสะรู้สึกว่างเปล่า และวังเวงในหัวใจลึกๆ

    คืนแรกที่จะต้องอยู่คนเดียว ... คืนแรกที่ไม่ได้อยู่ใต้ชายคาเดียวกับคนที่รักที่สุด... ทำไมมันเหงาขนาดนี้นะ

     

     

                                    คาซึยะหยุดยืนอยู่หน้าห้องที่ว่างเปล่าของผู้เป็นพี่ชาย ความคุ้นเคยเกือบทำให้เขาเคาะประตู แต่ก็นึกได้ว่าไม่มีตัวตนของเจ้าของห้องอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว คาซึยะถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป ห้องที่เขาเคยบ่นนักบ่นหนาว่ามันรกจนไม่มีแม้ที่จะวางเท้าเวลาเดิน เวลานี้กลับโล่งว่าง ว่างเปล่า... จนใจหาย  หยาดน้ำใสๆ ไหลอาบลงมาสองแก้ม คาซึยะปาดมันทิ้งอย่างลวกๆ ...ไม่ร้อง จะไม่ร้องไห้ให้คนๆ อีกเป็นอันขาด  ร่างบางทิ้งตัวลงบนฟูกนุ่มๆ ที่เคยเป็นของผู้เป็นพี่ชาย ก่อนจะซุกหน้าลงกับหมอนแล้วร้องไห้อย่างไม่อาย

                                                                    ....ทั้งที่สัญญาว่าจะดูแล แต่กลับทิ้งกันไปง่ายดาย...

     

     

                    หลายวันผ่านไป หัวใจของคาซึยะเข้มแข็งขึ้น พยายามไม่คิดถึงพี่ชายคนนั้นอีกต่อไป แต่ทุกครั้งที่อยู่คนเดียว หรือทุกครั้งที่เผลอ ภาพคนคนนั้นก็จะผุดขึ้นมาในสมองอยู่ร่ำไป ออดบอกเวลาหมดคาบเรียน คาซึยะหยิบหนังสือสองสามเล่มเข้ากระเป๋าก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินออกไปยังที่นัดหมาย ยูอิจิรออยู่ก่อนแล้วที่ร้านกาแฟหน้าโรงเรียน

                    “เป็นอะไรไป หน้าตาไม่สดชื่นเลยนะ  เอ๊ะ! รึว่าคิดถึงฉัน”  ยูอิจิกระเซ้าอย่างอารมณ์ดี

                    “....”  คาซึยะไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ฝืนยิ้มให้คนตรงหน้า

                    “ดูนี่สิ ฉันได้อะไรมา”  ยูอิจิชูตั๋วกระดาษขึ้นสองใบ ใบหน้าของคาซึยะดูมีสีสันขึ้นมาทันที

                    “นิทรรศการแสดงภาพหรอ”  คาซึยะรับมาดูอย่างสนใจ

                    “อืม ... ทำหน้าให้สดใส ทำใจให้สดชื่น แล้วเราก็ไปกันเลย”  ยูอิจิวางเงินไว้บนโต๊ะแล้วคว้าแขนคนรักเดินจากไป

                    นั่งรถไฟสามสิบนาทีก็ถึงที่หมาย ซึ่งเป็นหอประชุมสำหรับแสดงนิทรรศการโดยเฉพาะ คาซึยะจำได้ดีเพราะเค้าเคยมาที่นี้แล้วหลายครั้ง กับคนที่เขาพยายามจะลืมตลอดเวลา...โทโมฮิสะ... เพราะโทโมฮิสะชอบวาดรูป และอยากเป็นศิลปิน เขาจึงมาที่นี่บ่อยๆ และคาซึยะเองที่ขอตามมาด้วย ทุกครั้งที่มาด้วยกัน คาซึยะมักจะต้องคอยเดินตามพี่ชายเสมอ เพราะโทโมฮิสะมักจะมีสมาธิกับการดูงานศิลปะ ซึ่งบางภาพคาซึยะก็รู้สึกว่ามันไม่เข้าท่าเลยสักนิด แต่เขาก็ไม่เบื่อที่ต้องทำอย่างนั้น... เขาเดินตามทุกก้าวย่างของพี่ชายอย่างมีความสุข แต่ความนี้ความรู้สึกมันต่าง ทั้งที่มากับคนที่คิดว่าตัวเองรักไม่แพ้พี่ชาย แต่ความรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวก่อเกิดขึ้นทั้งที่ยูอิจิเดินกุมมืออยู่ข้างๆ  ทั้งคู่เดินดูภาพวาดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาสะดุดที่ภาพๆ หนึ่ง

    ....ภาพเปลือยของผู้หญิงคนหนึ่ง...

                    คาซึยะเกือบจะมองเลยผ่านไป หากสายตาไม่ไปสะดุดกับลายเซนต์ศิลปินที่เขียนไว้ด้านล่างของภาพ

    ...ยามะพี...

                    ความรู้สึกโกรธปนอิจฉาผุดขึ้นในหัวใจอย่างห้ามไม่ได้ ลายเซ็นตัวย่อที่อยู่ด้านล่างของภาพเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากโทโมฮิสะ ยามาชิตะ... ยูอิจิหันมามองคาซึยะที่หยุดเดินอย่างกระทันหัน ก่อนจะมองตามสายตากร้าวไปที่ภาพเขียนนั้น

                    “ลายเส้นดีนะ คนวาดต้องมีแรงบันดาลใจดีแน่ๆ เลย”  ยูอิจิพูดกลั้วหัวเราะ

                    “ยู วันนี้เรากลับก่อนนะ เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระน่ะ”  แล้วคาซึยะก็วิ่งหายไปตรงทางออก ทิ้งให้ยูอิจิยืนงงอยู่เพียงลำพัง

                   

                    ทั้งที่ไม่คิดว่าจะมาเหยียบที่นี่ แต่ก็มาจนได้ คาซึยะหยุดหายใจหอบอยู่หน้าห้องพักของโทโมฮิสะ เมื่อวันก่อนหลังจากได้ที่อยู่จากแม่ ก็เลยลองเตร็ดเตร่มาดู ไม่คิดว่าจะได้มาอีก ทั้งที่ไม่อยากเลยสักนิด

    ....ไม่อยากจริงๆ นะหรอ....

     ร่างบางส่ายหัวไล่ความคิดบ้าๆ ออกไปจากหัว ทำท่าจะเคาะประตู แต่มันก็ถูกเปิดออกก่อน สายตาที่คุ้นเคยสอดประสานกัน คาซึยะเป็นฝ่ายหลบตาก่อน

                    “ใครมาหรอ พี” เสียงหวานของผู้หญิงที่ดังมาจากในห้อง ยิ่งทำให้คาซึยะหงุดหงิด

                    “น้องชายมาหาน่ะ วันนี้ซากิจังกลับไปก่อนก็แล้วกันนะ”  โทโมฮิสะหันกลับไปบอกคนในห้อง

                    “อะไรกันนะ แค่น้องมาหา ฉันก็นอนที่นี่ไม่ได้หรอเนี่ย ไว้พรุ่งนี้ฉันมาใหม่นะ แล้วจะขอคืนเป็นสองเท่า”  ซากิพูดก่อนจะโน้มคอโทโมฮิสะมาจูบเบาๆ ข้างแก้ม หยุดปรายตามองคาซึยะก่อนจะเดินเชิดหน้าจากไป

                    คาซึยะกัดกรามแน่น ก่อนจะเดินตามพี่ชายเข้าไปในห้อง เสียงปิดประตูดังปังทำให้โทโมฮิสะหันมามองน้องชายอีกครั้ง

                    “มีอะไร ทะเลาะกับยูอิจิอีกแล้วรึไง ฉัน...ไม่ว่างพอที่รับฟังปัญหาของนายแล้วนะ” 

                    “ไม่นี่ ฉันกับยูรักกันดี”  คาซึยะจ้องมองมายังโทโมฮิสะทั้งที่ยังกัดกรามแน่น

                    “แล้วมาที่นี่ทำไม”  โทโมฮิสะถามเสียงเบาก่อนจะหลบสายตาไปทางอื่น

                    “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ใช่คนในรูปที่งานแสดงนิทรรศการรึเปล่า”  คาซึยะกัดปากแน่น จนรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่ซึมออกมา

                    โทโมฮิสะพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ

                    “บอกแล้วไง ว่าไม่ให้สูบบุหรี่น่ะ”  คาซึยะแย่งบุหรี่จากมือของโทโมฮิสะ

                    “นายมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน เป็นแฟนฉันรึ ก็เปล่า”  โทโมฮิสะปัดมือของคาซึยะ ก่อนจะหันหลังเพื่อเก็บกลั้นความรู้สึกบางอย่างที่เอ่อท้วมขึ้นมาเต็มหัวใจ

    ...ฉันพยายามลืมนายแล้ว แต่ทำไมนายถึงกลับมาวนเวียนใกล้ๆ ฉันอีก คิดจะปั่นหัวกันรึไง....

                    “ฉัน...ไม่มีสิทธิ์อะไรอยู่แล้ว ไม่มีสิทธิ์มาตั้งแต่แรก”  

                       น้ำตาที่พยายามเก็บกลั้นเอาไว้ ไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้าง ร่างบางทรุดลงร้องไห้กับพื้นอย่างไม่อาย แรงสะอื้นส่งผลให้ไหล่บางสั่นสะท้าน โทโมฮิสะหัวใจหล่นวูบ เขารีบคว้าร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด เชยคางมนขึ้นมาสบตาก่อนจะใช้ริมฝีปากจูบซับคราบน้ำตา เพื่อไล่ความปวดร้าวทั้งหมดจากใจร่างบาง ความปวดร้าวที่เขาเป็นคนก่ออย่างนั้นหรอ... การกระทำของคาซึยะมันทำให้เขาคิดไปว่าคาซึยะก็คิดเหมือนกันกับเขา และหากร่างบางจะดิ้นรนขัดขืน ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เพราะอารมณ์ของเขามันพลุ่งพล่าน จนต้านทานไม่ได้ โทโมฮิสะหยุดริมฝีปากอยู่ที่ปากอิ่มของคาซึยะ รอจังหวะให้มันเผยออก ไม่ได้ใช้กำลังบีบบังคับแต่อย่างใด ร่างบางก็เผยอริมฝีปากออกอย่างเชิญชวน ทั้งคู่แลกจูบกันอย่างเร่าร้อน มือใหญ่ปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออกอย่างชำนาญก่อนจะจัดการกับเข็มขัดและกางเกงในเวลาต่อมา ร่างบางบิดเร่าด้วยความต้องการ มือทั้งสองข้างโอบรอบคอโทโมฮิสะไว้ ร่างสูงละจากริมฝีปากบางมาหยุดดูดเม้มซอกคอขาว

     ...ไม่ว่าจะตารางนิ้วไหนของร่างกายนาย ฉันก็อยากเป็นเจ้าของ....

                    “คืนนี้นอนที่นี่เถอะนะ”  โทโมฮิสะว่า คาซึยะพยักหน้ารับพร้อมเสียงครางในลำคอ

                   

     

                    โทโมฮิสะสะลึมสะลือปะป่ายมือไปข้างๆ หวังจะเจอร่างบางของคนที่เขามอบบทรักที่แสนอ่อนโยนให้เมื่อคืน หากแต่ก็ไม่มี สิ่งที่หลงเหลืออยู่มีเพียงแค่กลิ่นหอมอ่อนๆ ติดหมอนอยู่เท่านั้น โทโมฮิสะหยิบขึ้นมากอดอย่างลืมตัว ก่อนจะได้ยินเสียงดังมาจากครัว เขารีบวิ่งพรวดพราดเข้าไปในครัว เห็นคาซึยะในชุดผ้ากันเปื้อนน่ารัก เขายิ้มก่อนจะโยกศีรษะคนตัวเล็กเล่นเบาๆ

                    “ทำอะไรน่ะ จะกินได้มั้ยเนี่ย หันผักน่ะ มันต้องแบบนี้ต่างหาก”  โทโมฮิสะซ้อนตัวเข้าทางด้านหลังของคาซึยะ โอบผ่านเอวบาง วางคางแหลมๆ ลงกับไหล่บางที่เวลานี้สั่นไหวน้อยๆ

                    “นายทำแบบนี้ ฉันทำกับข้าวไม่ได้นะ เดี๋ยวไม่มีอะไรกินไม่รู้ด้วย” คาซึยะพูดอย่างงอนๆ

                    “ไม่กินข้าวก็ได้ แต่จะกินนายแทน”  ไม่พูดเปล่า โทโมฮิสะงับเบาๆ ที่ใบหูของคาซึยะ ร่างบางรีบจับหูตัวเองก่อนที่มันจะร้อนรุ่มไปกว่านี้

                    “ล้อเล่นน่า รีบๆ เข้าล่ะ จะได้กลับบ้าน เดี๋ยวแม่เป็นห่วง”

                    “ฉัน...จะบอกเรื่องนี้กับแม่นะ”

                    “เรื่องไหน”

                    “เรื่องของเรา....ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนายอยู่ข้างๆ” คาซึยะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

                    “เรื่องนั้น... เราจะทำให้พ่อกับแม่ไม่มีความสุขรึเปล่า”  โทโมฮิสะว่าพลางหลบสายตา

                    “นายขี้ขลาดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

                    “ตั้งแต่รู้ตัวว่ารักนายนั่นแหละ ฉันไม่กล้า...ไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องนาย ฉันไม่อยากให้นายไม่มีความสุข”

                    “ความสุขของฉันคือมีนายอยู่ข้างๆนะ”  คาซึยะว่าพลางเขย่งปลายเท้าเพื่อให้สูงเท่าคนตรงหน้าก่อนจะมอบจุมพิตให้

                    “ถ้างั้นเราไปหาพ่อกับแม่กัน”

     

     

     

     

                    “เอ๊ะ! อะไรนะ”  แม่ตกใจลุกจากโต๊ะทันทีที่ลูกชายคนโตสารภาพเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หากแต่ความตกใจนั้นไม่มีร่องรอยของความโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย

                    “มีความกล้าซักทีนะโทโมะจัง แม่น่ะ รอฟังคำนี้มานานมากแล้ว” 

                    “เห!!~  ทั้งคาซึยะและโทโมฮิสะอุทานเป็นเสียงเดียวกัน

                    “ก็แม่น่ะ เค้าดูออกว่าลูกรักน้องตั้งแต่ย้ายเข้ามาแล้วล่ะ แต่ก็ได้แต่เชียร์อยู่ห่างๆ”  พ่อว่าพลางจิบน้ำชาอย่างใจเย็น

                    “อะไรนะฮะ แต่ตอนนั้นแม่เป็นคนบอกให้ผมคบกับยูอิจินี่นา”  คาซึยะทำหน้าตาหรอหรา

                    “ก็แม่อยากจะดูน้ำหน้าไอ้พี่ชายขี้เก๊กปากแข็งคนนี้นะสิ ขืนให้กันง่ายๆ แล้วไม่ดูแลลูกแม่ขึ้นมาจะทำยังไง”  แม่ว่าพลางส่งสายตาอาฆาตไปยังโทโมฮิสะ

                    “คราวนี้ก็คงต้องปล่อยละนะ ก็ลูกชายคุณเสร็จลูกชายผมไปเรียบร้อยแล้วนี่”  พ่อว่าพลางมองหน้าแม่

                    “ก็ได้ ดูแลน้องให้ดีดีอย่างที่สัญญากันไว้ด้วยล่ะ แต่จะว่าไปก็สงสารยูอิจินะ อ๊ะ! ใช่ แนะนำทัตจังหลานชายที่น่ารักของคุณให้เขาสิคะ เนอะ”  แม่ว่าพลางพยักเพยิดกับพ่อ

                    “ง่ายกว่าที่คิดนะ”  โทโมฮิสะกระซิบกับคาซึยะ ก่อนจะคว้าคาซึยะมากอดไว้ ทั้งคู่อยู่ในอ้อมกอดกันและกันเนิ่นนาน

                   




    บทส่งท้าย ::::::

                    บนทางเดินเส้นเดิม บรรยากาศยามเย็นที่แสงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ทาบทับร่างกายของคนสองคนเกิดเป็นเงาทอดยาวอยู่เบื้องหลัง คนสองคนเดินกุมมือกันมาเงียบๆ

                    “คาเมะจัง... วันนั้นสิ่งที่นายจะตอบแทนฉันน่ะ”

                    “อะไรหรอ”

                    “ฉันยังอยากได้สิ่งที่นายจะให้อยู่นะ”

                    “....”

                    “หัวใจของนาย ฉันขอนะ”

                    คาซึยะหยุดเดิน หันกลับมายังคนรักของตนก่อนจะมอบจุมพิตที่แสนหวานให้ ทำท่าจะผละออกแต่โทโมฮิสะก็ช่วงชิงความหวานนั้นไว้อีก จูบแล้วจูบเล่า

                    “ฉันไม่ให้แค่หัวใจหรอกนะ  ร่างกายฉัน...ฉันก็แถมให้” 



    """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""END"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

    จบได้ห้วนมากเลยใช่มั้ยคะ
    ก็นะ ...คนแต่งหมดอารมณ์กับพีเมะมานานแล้วค่ะ
    แต่ก็อดทนแต่งจนจบ กลัวค้าง
    ตอนนี้...คิดว่ายังไงๆ น้องพีก็ต้องเคะลูกเดียวล่ะคะ
    อ่านแล้วเม้นท์นะ เผื่ออารมณ์ชั่ววูบเกิดอีก
    จะได้แต่งคู่อื่น 555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×