คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เปิดฉากรุก
หมดชั่วโมงพละ โทโมฮิสะแวะล้างมือล้างหน้าที่ก๊อกน้ำข้างสนามบอล เสียงเปิดก๊อกน้ำข้างๆ ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหน้าคนที่ไม่อยากจะเห็นอีกตลอดชีวิต
“อะไร ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วย คนคุ้นเคยกันแท้ๆ” จินคว้าข้อมือร่างบางดึงเข้ามากอด แต่ร่างบางสะบัดมือและถอยกรูดตามสัญชาตญาณ
“ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย แล้วก็ไม่ต้องมาแตะต้องตัวฉัน มันขยะแขยง” โทโมฮิสะมองหน้าคนตรงหน้าอย่างเคืองๆ ... เรื่องที่จินย้ายโรงเรียนมาเพราะหลงรักโฉะอง เรื่องที่ขืนใจเมื่อคราวนั้น ....ความโกรธมันปนเปกันไปหมดจนแยกไม่ออก
“ทีคืนนั้น นายไม่เห็นทำท่าอย่างนี้เลย ชอบใจด้วยซ้ำที่ฉันกอดนายน่ะ” จินขโมยจูบที่ริมฝีปากบาง
โทโมฮิสะถูริมฝีปากก่อนจะฟาดมือลงบนใบหน้าของจิน แต่ถูกจินคว้าข้อมือไว้ได้ก่อน แล้วดึงตัวเข้ามาในอ้อมกอด ซุกไซ้ซอกคอขาว ก่อนจะปล่อยให้เป็นอิสระ ร่างบางโกรธจนหน้าแดง
“นายยังเร่าร้อนเหมือนเดิมเลยนะ” จินหัวเราะแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้ร่างบางโมโหจนตัวสั่น
ยูอิจิที่ยืนดูอยู่นานมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
....แกคิดจะทำอะไรกันแน่
.... นี่อยู่ในแผนการล้างแค้นของแกด้วยรึเปล่า
...หรือว่าจริงๆ แล้ว แกหลงรักโทโมะจังเข้าแล้วล่ะจิน....
โทโมฮิสะเดินมาขึ้นรถอย่างอารมณ์เสีย เขาไม่สามารถลืมภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวันได้เลย เขาเกลียดคนฉวยโอกาสแบบนี้ที่สุด ร่างบางกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสบสายตากับใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆโฉะอง
“วันนี้อคานิชิคุงเค้าจะไปกินข้าวบ้านเราด้วย” โฉะองบอกอย่างอารมณ์ดี.... จะว่าไปตั้งแต่มีความรักโฉะองก็พูดจากับเขาดีขึ้นกว่าแต่ก่อน... เพราะงั้นเขาควรจะยินดีด้วยใช่มั้ย
โทโมฮิสะไม่ตอบอะไร เพียงแค่เดินอ้อมไปนั่งข้างๆ คนขับรถ ตลอดทางโฉะองแทบจะเป็นฝ่ายผูกขาดบทสนทนา คำพูดหวานหูที่จินมอบให้โฉะองทำให้โทโมฮิสะเกือบจะร้องไห้ออกมา
...ร้องไห้?? ทำไมต้องร้องด้วยล่ะ....
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารอบอวลไปด้วยความสุข เคย์สุเกะมองภาพลูกชายกับคนรักด้วยแววตาชื่นชม ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับ ว่าตั้งแต่โฉะองมีแฟน เขาก็เกรี้ยวกราดน้อยลง และดีกับโทโมฮิสะมากขึ้น คงดีไม่น้อย ที่จะมีคนดูแลโฉะองได้ พลันสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ลูกชายคนเล็กที่นั่งเขี่ยข้าวโดยไม่ได้กินสักคำ
“ข้าวไม่อร่อยหรอโทโมะจัง”
“อ๊ะ! เปล่าครับ พอดีผมไม่ค่อยหิว”
“นายต้องกินเยอะๆ รู้มั้ย ช่วงนี้ยิ่งผอมๆ อยู่” โฉะองว่าพลางคีบเนื้อไก่ให้โทโมฮิสะ ร่างบางยิ้มให้ผู้เป็นพี่ชาย ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวไปเงียบๆ
“เห็นโฉะองเล่าว่าอคานิชิคุงตามมาเรียนที่นี่ เพราะหลงรักโฉะองอย่างนั้นหรอ”
“เอ่อ...ครับ”
“ฟังดู...จริงจังจังเลยนะ ทั้งที่เป็นความรักของวัยรุ่นแท้ๆ”
“ความรักเป็นสิ่งสวยงามครับ ไม่ว่าวัยไหนมันก็จริงจังได้ทั้งนั้น สำหรับคนที่เห็นคนรักเป็นแค่เครื่องรองรับอารมณ์ใคร่เท่านั้นล่ะครับ ที่ไม่เข้าใจ” คำตอบของจินทำให้เคย์สุเกะถึงกับชะงัก สายตาของคนทั้งคู่สบกัน ก่อนที่จินจะเป็นฝ่ายหลุดหัวเราะ
“ก็โฉะองน่ะ เป็นรักแรกพบของผมนี่ครับ”
“งั้นหรอ งั้นก็ฝากด้วยก็แล้วกัน”
“ช่วงนี้กิจการโรงแรมของคุณอาเป็นยังไงบ้างครับ” จินถามคำถามที่ทำให้เคย์สุเกะถึงกับชะงัก
“ผมเป็นคนบอกจินเองล่ะครับ ว่าเรามีโรงแรม” โฉะองแทรกขึ้นเมื่อเห็นพ่อทำหน้าประหลาดใจ เคย์สุเกะพยักหน้าก่อนจะตอบคำถามคนรักของบุตรชาย
“ก็ทรงๆ นั่นล่ะ การท่องเที่ยวมันไม่บูม ธุรกิจโรงแรมก็พลอยซบเซาไปด้วย”
“งั้นหรอครับ น่าแปลกนะครับ ทั้งที่ไตรมาสนี้ บริษัทของพ่อผมได้กำไรเกือบ 3 เท่าแท้ๆ แต่ธุรกิจโรงแรมของคุณอากลับไปได้ไม่ดีนัก”
เคย์สุเกะยิ้มฝืนๆ ก่อนจะพยายามฝืนทานอาหารต่อไป แววตาของจินยังคงจับจ้องมาที่เขา ...แววตาที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ....
......................................................
เสียงท้องร้องประท้วงให้โทโมฮิสะต้องลืมตาตื่นขึ้นมากลางดึก นาฬิกาบอกเวลาตีสอง ร่างบางสลัดหัวไล่ความมึนงงก่อนจะมุ่งไปยังเป้าหมายคือห้องครัว
....อย่างน้อยได้บะหมี่รองท้องหน่อยก็น่าจะดี....
ร่างบางค่อยๆ เดินลงบันได ความงัวเงียทำให้ร่างบางสะดุดขาตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่จะตกลงไปกองกับพื้น ก็รู้สึกว่ามีใครบางคนรั้งเข้าไว้ก่อนจะดึงเข้ามา ร่างบางเซถลาเข้าไปสู่อ้อมอกของใครบางคน ที่แม้อยู่ในความมืดแต่โทโมฮิสะก็จำเสียงนั้นได้ดี
“ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวก็ตกบันไดหรอก” คนพูดพยายามก้มหน้ามาคลอเคลียอยู่ที่แก้มเนียนอย่างจงใจ
“เรื่องของฉัน ปล่อยฉันนะ” ร่างบางดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขน ที่เริ่มรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“ทำไมนายถึงไม่อ่อนหวานเหมือนโฉะองเลยนะ”
“นายก็ไปกอดโฉะองสิ มายุ่งอะไรกับฉัน ปล่อย!” โทโมฮิสะดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในห้องครัว เสียงโฉะองเรียกคู่รักของตน เสียงจินที่ขานรับด้วยความอ่อนหวาน ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าทั้งคู่จะโอบกอดกันเข้าไปในห้องนอน คิดได้แค่นั้นก็ทำให้โทโมฮิสะใจเต้นแรงขึ้น
ร่างบางนั่งกินบะหมี่อย่างไม่รู้รสชาติ ถอนหายใจ ดื่มน้ำ แล้วก็เดินขึ้นบันไดกลับไปยังห้องนอนของตน ร่างบางเดินผ่านห้องของโฉะองด้วยความรวดเร็ว แม้กระนั้นก็ยังได้ยินเสียงที่ไม่อยากได้ยิน
....เสียงเตียง...เสียงครางของโฉะอง....
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังทำอะไรกัน ไม่มีกิจกรรมไหนที่ทำให้เตียงเกิดเสียงเอียดอาดได้ขนาดนั้น ร่างบางรีบปิดประตูเข้าห้องก่อนจะนั่งกอดเข่าร้องไห้ระบายความอัดอั้นตันใจออกมาทั้งหมด
....พอกันที เขาควรจะอยู่ห่างคนๆ นี้ไว้ให้มากที่สุด....
.................................................................................
ความคิดเห็น