ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : intro ::: and ::: Chapter 1
ท่ามกลางความเงียบของค่ำคืนอันมืดมิด ร่างบางหอบหายใจถี่ เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามไรผม หัวใจเต้นแรงราวกับเพิ่งผ่านเหตุการณ์สะเทือนอารมณ์ สองมือรวบเข่าเข้ามากอดไว้แน่นเพื่อปลอบตัวเอง
“อีกแล้ว ฝันแบบนี้อีกแล้ว...” เหมือนเสียงละเมอ ร่างบางพึมพำกับตัวเองในความเงียบ ความฝันประหลาดที่เฝ้าตามหลอกหลอนมาตั้งแต่จำความได้ ภาพปราสาทถูกไฟเผาวอดวาย กับเสียงร่ำไห้ของผู้คน ภายใต้เปลวเพลง มีภาพของบุรุษผู้หนึ่งที่รู้สึกแสนคุ้นเคย ส่งสายตาที่แสนเศร้ามายังเขาและประโยคที่ยังคงดังก้องในโสตประสาท
“ข้าจะปกป้องท่านด้วยชีวิตของข้า... ด้วยความรักของข้า” เจ้าของคำสัญญากับแววตาที่หวานซึ้งยังคงติดตาเขามาจนถึงเวลาตื่น
“เขาเป็นใครกันนะ”
บทที่ 1
เสียงเดินลงบันไดทำให้คุณนายยามาชิตะละสายตาจากเตาทำอาหาร หันมามองเจ้าของเสียงฝีเท้า ที่เวลานี้นั่งหาวและฟุบลงกับโต๊ะอาหาร
“เป็นอะไรไปโทโมะ ทำตัวไม่สดชื่นเลย เปิดเทอมวันแรกในฐานะเด็กมหาลัยแท้ๆ” คุณนายยามาชิตะหันมายิ้มให้ลูกชาย
“ผมนอนไม่ค่อยหลับครับแม่” ตอบทั้งที่ยังฟุบอยู่กับโต๊ะ
“ฝันแบบเดิมอีกแล้วหรอ” คราวนี้คุณนายยามาชิตะวางมือจากเตาทำอาหาร เดินมาวางมือบนไหล่บางของลูกชาย
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยโทโมะ” น้ำเสียงอ่อนโยนของผู้เป็นแม่ทำให้โทโมฮิสะ ยามาชิตะ รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เขายิ้มบางๆ ให้ผู้เป็นแม่ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้แม่สบายใจ หลายครั้งที่เขาเครียดกับความฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งเขารู้ดีว่าผู้เป็นแม่ก็ต้องเครียดไปกับเขาด้วย
“แล้วนี่รินะยังไม่ลงมาอีกหรอครับ” โทโมฮิสะว่าพลางมองไปยังบันได ก่อนจะเห็นน้องสาววิ่งลงมาอย่างรีบร้อน
“หว๋า สายอีกแล้ว” รินะวิ่งมายังโต๊ะอาหาร หยิบขนมปังเข้าปาก กอดแม่และพี่ชายก่อนจะถือกล่องนมวิ่งออกไป โทโมฮิสะยิ้มกับท่าทางลุกลี้ลุกลนของน้องสาว เมื่อเทอมที่แล้วเขาเองก็เป็นแบบนี้ แต่จากวันนี้ไปชีวิตของเขาจะเปลี่ยนแปลงไป ความกังวลเล็กๆ ผุดขึ้นในดวงตา
“ยังคิดถึงโรงเรียนอยู่รึไง จากนี้โทโมะไม่ใช่เด็กนักเรียนม.ปลายแล้ว โตเป็นผู้ใหญ่ซักทีนะ” โทโมฮิสะยิ้มให้แม่ก่อนจะขอตัวออกจากบ้านไป
สถานีรถไฟอันเนืองแน่นไปด้วยผู้คน โทโมฮิสะมองนาฬิกาพลางชะเง้อมองหาใครคนหนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะต้องสะดุ้งเฮือกใหญ่เมื่อมีมือเย็นชืดมาเจ็บแก้มทั้งสองข้างจากทางด้านหลัง
“จิน!! เล่นแบบนี้อีกแล้วนะ” โทโมฮิสะว่าพลางทำแก้มป่องไม่พอใจ อาคานิชิ จิน เพื่อนสนิทของโทโมฮิสะ หัวเราะจนตาปิด
“ก็เพราะแกล้งแล้วทำหน้าตลกแบบนี้นะสิ ถึงได้ชอบแกล้ง” จินพูดก่อนจะกึ่งจูงกึ่งลากโทโมฮิสะฝ่าฝูงชนขึ้นรถไฟไป
โทโมฮิสะและจินเดินหาที่นั่งของตัวเองบนรถไฟ แต่แล้วสายตาของโทโมฮิสะก็ไปสะดุดกับเจ้าของสายตาที่แสนคุ้นเคย ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นมาในหัวใจ จนร่างบางเซถลา ดีที่จินประคองไว้ทัน
“เป็นอะไรรึเปล่า ยามะพี” จินเรียกถามร่างบางด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร ฉันแค่.... ไม่มีอะไร” โทโมฮิสะส่ายหน้าปฎิเสธทั้งที่มือยังกุมอยู่ที่หัวใจ เจ็บเหลือเกิน... ทำไมกันนะ นี่ไม่ใช่ความฝันไม่ใช่หรือ... แล้วสายตาคู่นั้น... เหมือนเหลือเกิน
แต่ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมอง คนๆ นั้นก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว
..............................................................................................................................................
มหาวิทยาลัยอันเป็นเป้าหมายของสองหนุ่มตั้งตระหง่านอยู่บนเชิงเขา สวยงามราวกับภาพวาดในเทพนิยาย โทโมฮิสะยิ้มน้อยๆ กับภาพตรงหน้า เขายอมรับเลยว่าส่วนหนึ่งที่เขาเลือกมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ก็เพราะชื่อเสียงในแง่ความงดงามและความโด่งดังในแง่ของวิชาประวัติศาสตร์ที่เขาและจินสนใจจะเรียน
ทันทีที่ก้าวเท้าผ่านเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัย ความสั่นไหวน้อยๆ เกิดขึ้นในหัวใจซึ่งแม้แต่โทโมฮิสะเองก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร จินหันมายิ้มกว้าง ก่อนจะเดินหายไปกับหนุ่มหน้าสวยกลุ่มหนึ่ง โทโมฮิสะส่ายหน้าอย่างไม่จริงจังนัก
เขายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงห้องเรียนที่จะใช้เรียนวิชาประวัติศาสตร์ จินกลับมาแล้วในตอนนี้พร้อมกับเพื่อนใหม่ จินแนะนำให้โทโมฮิสะรู้จัก ในตอนนั้นโทโมฮิสะจำได้เพียง คาเมนาชิ คาซึยะ ที่มีผิวขาวหมดจด กับนากามารุ ยูอิจิเท่านั้น โทโมฮิสะอิจฉาจินในเรื่องนี้ จินมักหาเพื่อนใหม่ได้เสมอ ในขณะที่เขาเองเป็นคนเงียบและค่อนข้างเก็บตัว
อาจารย์เริ่มต้นด้วยการแนะนำรายวิชาและสถานที่ที่สามารถค้นคว้าหาความรู้ได้ อาจารย์ชี้ไปยังหอสมุดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาหลังมหาวิทยาลัย โทโมฮิสะมองมันอย่างชื่นชม มันสวยงามราวกับปราสาทที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางขุนเขา ความรู้สึกสงบอย่างประหลาดแล่นเข้าสู่ขั้วหัวใจ เขายิ้มอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะหลุดหัวเราะเมื่อหันมาเห็นจินนอนน้ำลายไหลอยู่ข้างๆ โทโมฮิสะตบหลังจินเบาๆ จินปาดน้ำลายลวกๆ ก่อนจะทำท่าตั้งใจเรียน คาซึยะเองก็หลุดยิ้มกับภาพที่เห็น ดูเหมือนว่าคาซึยะก็สนใจจินอยู่เหมือนกัน
หลังจากออดหมดคาบเรียนสุดท้ายของวัน โทโมฮิสะยืนรอจินอยู่หน้าห้องน้ำ
“นี่จิน ไปเป็นเพื่อนที่หอสมุดหน่อยสิ อยากหาหนังสืออ่านสักสองสามเล่มอ่ะ” โทโมฮิสะว่าพลางเขย่าแขนเพื่อนสนิท
“อะไรกัน เพิ่งเปิดเรียนวันแรกเอง อย่าขยันไปหน่อยเลย ออกไปเที่ยวแล้วก็ผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ดีกว่า ไป! ฉันนัดคาเมะกับยูอิจิไว้แล้ว” จินไม่รอฟังคำตอบ กึ่งลากกึ่งจูงโทโมฮิสะเหมือนที่ชอบทำ ไปยังจุดนัดพบซึ่งเป็นร้านกาแฟในมหาวิทยาลัย
โทโมฮิสะที่เวลานี้นั่งมองจินคุยกับเพื่อนใหม่อย่างยูอิจิและคาเมะ (จินเรียกคาซึยะว่าอย่างนั้น โทโมฮิสะจึงเรียกตามไปด้วย) เขามองจินด้วยความชื่นชม ไม่ว่าสถานการณ์ไหนๆ เจ้านี่ก็หาเรื่องคุยได้ตลอด โทโมฮิสะไม่ได้มีส่วนในบทสนทนามากนัก เพราะโดยปกติเขาเป็นคนไม่ช่างพูดอยู่แล้ว เขาจึงได้แต่ยิ้มและแสดงความคิดเห็นบ้างเป็นครั้งคราว แต่แล้วเรื่องที่เขาสนใจก็เข้ามาอยู่ในบทสนทนา
“ว่าแต่ จินรู้รึเปล่า ว่าเนินเขาแห่งนี้มันมีตำนานนะ” คาเมะว่า โทโมฮิสะมองคาเมะด้วยความสนใจ
“ยังไงหรอ” จินถาม
“มันเคยเป็นปราสาทของเจ้าเมืองไอซุในสมัยเอโดะ ว่ากันว่าเป็นยุคสมัยที่รุ่งเรืองมาก เจ้าเมืองไอซุสามารถแผ่ขยายอาณาเขตได้กว้างใหญ่ไพศาลแม้แต่องค์จักรพรรดิ์เองยังทรงให้ความเกรงใจ แต่เขากลับต้องมาพ่ายให้กับคนใกล้ตัว ว่ากันว่าเขาถูกลูกชายคนโตของเขาที่สมคบกับองครักษ์ลอบสังหารและยึดปราสาท แล้วเขาก็เล่าลือกันถึงความรักที่ลึกซึ้งตราตรึงใจของ...”
คาเมะเริ่มต้นเล่าเรื่อง แต่เรื่องก็เล่าได้เพียงเท่านั้นเพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ คาเมะรับโทรศัพท์ก่อนจะขอตัวกลับบ้าน เพราะมีธุระด่วน จินอาสาไปส่งคาเมะ
โทโมฮิสะจึงได้อยู่กับยูอิจิเพียงลำพัง ทั้งคู่เลือกที่จะเดินไปเรื่อยๆ เพื่อสำรวจรอบๆ มหาวิทยาลัย
“ปกติ ยามะพีเป็นคนพูดน้อยแบบนี้หรอ” ยูอิจิเป็นคนเริ่มบทสนทนาหลังจากที่ทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบ
“เอ่อ ก็กับคนที่เพิ่งรู้จัก ก็ไม่มีเรื่องจะคุยนะ” โทโมฮิสะตอบ แม้จะรู้สึกไม่สะดวกใจอยู่บ้าง ที่โดนเรียกว่า “ยามะพี” เพราะมีเพียงคนสนิทเท่านั้นที่เรียกแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ทำไมยามะพีถึงเลือกเรียนที่นี่ล่ะ”
“ฉันชอบประวัติศาสตร์แล้วก็ชอบบรรยากาศที่นี่ด้วย” โทโมฮิสะยิ้มกว้าง ก่อนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด
“นึกว่าจะมาตามหาเสี้ยวที่หายไปจากประวัติศาสตร์ของปราสาทบนเนินเขานั่นซะอีก” ยูอิจิยิ้ม โทโมฮิสะสะดุดกับคำพูดนั้น
“เสี้ยวประวัติศาสตร์ที่หายไปงั้นหรอ” โทโมฮิสะทวนคำอย่างเลื่อนลอย
“อืม เหตุผลที่ว่าทำไมปราสาทที่รุ่งเรืองถึงได้ล่มสลาย แล้วบุตรชายคนโตของเจ้าเมืองหายไปไหนในวันที่ปราสาทถูกเผา หรือแม้แต่ข่าวลือที่ว่าเขาเองที่เป็นกบฏ”
“ไม่!!~ ไม่จริง” โทโมฮิสะโพล่งขึ้น ความรู้สึกโกรธแล่นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
“...” ยูอิจิตกใจกับท่าทางโกรธกร้าวนั้น
“คือ...ฉันเคยอ่านเจอมา มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก” โทโมฮิสะพูดอย่างมั่นใจ ทั้งที่เขาเองไม่เคยรู้เลยว่าเรื่องจริงมันเป็นอย่างไร... ทำไมถึงได้มั่นใจขนาดนี้นะ
to be continued...
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
จบตอนแรกแล้วค่ะ
เป็นยังไงกันบ้าง
แต่งไปก็...เฮ้อ!!~ อยากกอดปลอบยามะพีเหลือเกิน (หัวเราะ) เอาเป็นว่าอยากให้เป็นยังไง
ก็บอกๆ พล๊อตกันมานะคะ
เรื่องราวเปลี่ยนแปลงได้ตลอด เพราะว่าเป็นฟิคสด
เจอกันใหม่ตอนหน้าละกันนะ
บายค่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น