ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เลี้ยงส่ง
“นายทำอะไรน่ะ” โทโมฮิสะหันตามเสียงเรียก พู่กันในมือแทบจะร่วงลงพื้นทันที เมื่อปลายจมูกของเขาแทบจะสัมผัสกับเสี้ยวหน้าสวยของคนข้างๆ โทโมฮิสะละล่ำละลักลุกขึ้นยืนแล้วล้างพู่กันในมืออย่างลวกๆ
“รูปนี่สวยจังเลยเนอะ” คนที่เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง ยังคงพร่ำเพ้อกับภาพวาดสีน้ำมันที่เห็นตรงหน้า แม้จะมีหลายคนชื่นชมในฝีมือของผม แต่ก็ผมยังอดเขินกับคำชมนั้นไม่ได้ ก่อนที่จะแสดงอาการไปมากกว่านี้ ผมจึงได้แต่เปลี่ยนเรื่อง
“บอกกี่ครั้งแล้ว ว่าก่อนเข้ามาให้เคาะประตูก่อน เห็นมั้ยว่านายน่ะ เดินเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า ถ้าเกิดเหยียบของฉันพังไป นายจะว่าไง” โทโมฮิสะว่าพลางแกล้งจัดนู่นจัดนี่ สังเกตคนข้างๆ ที่ยืนมองอย่างไม่สบอารมณ์ โทโมฮิสะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่าง
“แหม ก็ไม่ค่อยอยากจะเข้ามานักหรอก แม่ตามให้ไปกินข้าวน่ะ แล้วนายน่ะ ก่อนกินข้าวก็ไม่ต้องสูบบุหรี่ เข้าใจมั้ย มันเหม็น“ ร่างบางตรงหน้าทำเสียงขึ้นจมูกแสดงถึงความไม่พอใจ พร้อมกับดึงบุหรี่ออกจากปาก ปลายนิ้วเรียวที่สัมผัสโดนริมฝีปากทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น แต่โทโมฮิสะก็พยายามสะกัดกั้นมันในใจเงียบๆ ความรู้สึกนี้ ที่คาซึยะจะรู้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด
“ตกลงนี่นายมาเป็นน้องฉัน หรือแม่ฉันกันแน่เนี่ย คาเมะ” ผมแกล้งบ่นไม่จริงจังนัก
“อย่าเรียกฉันว่าคาเมะนะ”
“ก็นายมันหน้าเหมือนเต่าจริงๆ นี่นา”
โทโมฮิสะกระเซ้าก่อนจะเดินตามน้องชายลงไปกินข้าว
ทันทีที่ถึงโต๊ะกินข้าว แม่ก็รีบตักข้าวใส่จานให้ผมและคาซึยะ พ่อที่นั่งรออยู่ก่อนยิ้มน้อยๆ กับภาพตรงหน้า เป็นแบบนี้มากี่ปีแล้วนะ แปดไม่สิเก้าปีแล้วต่างหาก ที่ผมและพ่อได้รู้จักคำว่าครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง แล้วแบบนี้จะให้ผมทำลายคำว่า “ครอบครัว” ด้วยความรู้สึกที่เห็นแก่ตัวที่มีต่อคาซึยะได้ยังไงกัน
“โห กับข้าววันนี้ดูพิเศษจังเลยนะครับ กินได้เป็นสิบคนเลย ดูสิมีแต่ของดีดีทั้งนั้น” คาซึยะหยิบปูตัวโตขึ้นมามองอย่างตื่นเต้น
ผมยิ้มขื่นๆ ให้กับตัวเอง นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ ที่ผมจะได้กินข้าวพร้อมกับพวกเขา ได้เห็นรอยยิ้มของคนที่ผมอยากดูแล พ่อมองมาที่ผมอย่างลำบากใจ คงอยากให้ผมพูดสินะ
“ก็จะไม่พิเศษได้ยังไงล่ะ ก็เลี้ยงส่งฉันทั้งที มันก็ต้องพิเศษอยู่แล้ว” ผมว่าพลางตักข้าวเข้าปาก น่าแปลกที่ผมกลับไม่รู้สึกถึงรสชาติอาหารนั่นเลยแม้แต่น้อย คาซึยะวางปูลงในจาน จ้องหน้าผมเขม็ง
“เลี้ยงส่ง??”
“อืม ก็โทโมฮิสะน่ะ เค้าสอบเข้ามหาลัย K ได้ ก็เลยอยากออกไปอยู่ข้างนอก โตเป็นหนุ่มแล้ว ก็คงอยากมีโลกส่วนตัวสินะ” แม่ว่าพลางยิ้มกับพ่อ
ผมพยักหน้ามองหน้าคาเมะที่ยังทำหน้างง อะไรกันสีหน้าแบบนั้น ฉันกำลังจะคิดเข้าข้างตัวเองว่านายไม่อยากให้ฉันย้ายออกไปนะ
“ไม่ดีรึไง คาซึยะจะได้ไม่ต้องเป็นธุระ เก็บห้องให้โทโมฮิสะไง ให้มันออกไปอยู่คนเดียว มันจะได้สำนึกซะบ้าง เวลาไม่มีใครทำกับข้าวให้กิน ไม่มีใครทำความสะอาดน่ะ มันลำบากแค่ไหน แล้วมันจะได้ไม่ร่ำร้องออกไปอยู่ข้างนอกอีก” พ่อว่าพลางส่งสายตาดูแคลนมาทางผม
“นั่นสิครับ จริงๆ มหาลัย K ก็ไม่ได้อยู่ไกลขนาดนั้นสักหน่อย แค่นั่งรถไฟ 30 นาทีก็ถึงแล้ว ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลย” คาเมะพูดต่อ ผมวางตะเกียบ มองหน้าคนที่อยู่ตรงข้าม
“ฉัน... อยากมีความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้น่ะ” ขอโทษนะคาเมะ หนทางเดียวที่จะลบเลือนความรู้สึกนี้ได้ คืออยู่ห่างๆ นายเท่านั้น
“... ที่ผ่านมา ฉันคงเข้าไปรบกวนความเป็นส่วนตัวนายมากสินะ ถ้างั้นล่ะก้อ ... ฉันขอโทษด้วย” พูดจบก็ลุกออกจากโต๊ะไป โทโมฮิสะมองตามไปด้วยสายตาเจ็บปวด ... คงมีสักวัน ที่นายจะเข้าใจความรู้สึกฉัน ...คาซึยะ
“โทโมฮิสะ อย่าโกรธน้องเลยนะ คาซึยะก็คงจะเสียใจที่ต้องห่างพี่ชาย แหม แต่คิดแล้วก็น่าใจหายนะ อยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งเก้าปี อยู่ๆ จะถูกจับแยกกัน” แม่ว่าพลางตักกับข้าวใส่จานให้ผม แต่ผมไม่มีกะจิตกะใจจะกินอีกแล้ว
“ผม.. อิ่มแล้วล่ะครับ ขอบคุณนะครับแม่” ผมทำท่าจะลุกแต่ก็ต้องชะงัก
“เดี๋ยว... แล้วแกจะย้ายออกวันไหน”
“ผมจัดของไว้หมดแล้วครับพ่อ ถ้าพ่อสะดวก พรุ่งนี้เลยก็ได้”
“แกจะรีบไปไหน ยังมีเวลาอีกตั้งสองเดือนกว่ามหาลัยจะเปิด อยู่ช่วยน้องติวหนังสือดีกว่า ปีหน้าก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว”
“พ่อไม่ต้องห่วงหรอกครับ คาเมะ ...คาซึยะน่ะ เค้าหัวดีกว่าผม เขาต้องสอบเข้ามหาลัยได้แน่ ส่วนหนังสือเตรียมสอบผมแยกไว้ให้แล้ว เดี๋ยวผมเอาไปให้เขาเองครับ”
“ก๊อก ก๊อก”
ภาพเบื้องหลังประตูที่เปิดออกทำเอาหัวใจของโทโมฮิสะหล่นวูบ รอยน้ำตาที่อาบแก้มของคนที่เขารักมากที่สุด นี่สิ่งที่เขาตัดสินใจ ทำร้ายคนที่เขารักมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ.... ไม่หรอก คาซึยะก็คงแค่ใจหายกับการย้ายออกจากบ้านของพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้นแหละ เพราะยิ่งเขาเดินเข้าไปในห้องคาซึยะมากเท่าไหร่ ความจริงที่ว่าหัวใจของคาเมะเป็นของคนอื่นก็ยิ่งกระจ่างชัดขึ้นเท่านั้น
ผมเบือนหน้าหนีจากภาพถ่ายบนโต๊ะของคาเมะที่เป็นรูปคู่ของคาเมะกับยูอิจิ กลับมามองหน้าคนที่ผมรักมากที่สุด แสร้งทำน้ำเสียงร่าเริง ก่อนจะวางลังหนังสือลงบนเก้าอี้
“นี่เป็นมรดกสุดท้าย ที่พี่ชายไม่ได้เรื่องอย่างฉันจะมอบให้กับน้องชายหัวดีอย่างนาย ... ถึงไม่มีฉันคอยติวให้ แต่ฉันก็มั่นใจว่าฉลาดอย่างนายต้องเข้ามหาลัยได้แน่...”
“.....”
“... อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันย้ายออกไป นายจะได้มีเวลาอ่านหนังสือ จะได้ไม่ต้องมาทำความสะอาดห้องให้ฉันอีกไง นายเคยบอกเองไม่ใช่หรอว่ามันน่าเบื่อน่ะ”
“....”
“คาเมะ นายเงียบแบบนี้ฉันไม่สบายใจเลยนะ” ผมจับไหล่ทั้งสองข้างของคนตรงหน้า เขาช้อนสายตามองผมอย่างน้อยใจ
“.... นายไม่ไปได้รึเปล่า ฉันสัญญาว่าต่อไปจะไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของนาย จะไม่เอาเรื่องบ้าๆ บอๆของฉันไปรบกวนเวลานายวาดรูป เวลาทะเลาะกับยูก็จะไม่ไปร้องไห้ให้นายรำคาญ ..ฮึก ..ฮึก ... ขออย่างเดียวนายไม่ไปได้รึเปล่า ...ฮือ”
คาเมะกอดผมไว้แน่น แต่เขาจะรู้รึเปล่าว่า ยิ่งเขาทำแบบนี้ ผมยิ่งจะต้องรีบออกไปจากที่นี่ ออกไปจากความรู้สึกนี้ให้เร็วที่สุด ... พี่ชาย...พี่ชายเท่านั้นสินะ ที่นายโหยหา ... แล้วความรักแบบอื่นล่ะ... ยูอิจิเขาให้นายมากจนเกินพอแล้วอย่างนั้นหรือ
โทโมฮิสะเผลอซุกหน้าลงกับซอกคอขาว ก่อนจะคลอเคลียเรื่อยมาจนถึงแก้มนิ่ม และริมฝีปาก ก่อนจะฝังรอยจูบลงบนริมฝีปากเรียวอิ่ม คาซึยะตกใจกับสัมผัสนั้น เลือดสูบฉีดขึ้นใบหน้า หัวใจที่ตอนนี้เต้นแรงมากจนเขาเองก็ไม่เข้าใจ... นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนจูบ ยูอิจิก็เคยทำแบบนี้ แต่ความรู้สึก... ทำไม ... ไม่เหมือนกัน
“ข..ขอโทษ ฉันไปล่ะนะ” คาซึยะยังคงยืนอยู่ที่เดิม อะไรกัน... โทโมฮิสะนาย... ทำไมกัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น