[Fic yaoi] ::: As a love shadow::: - [Fic yaoi] ::: As a love shadow::: นิยาย [Fic yaoi] ::: As a love shadow::: : Dek-D.com - Writer

    [Fic yaoi] ::: As a love shadow:::

    ผู้เข้าชมรวม

    701

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    701

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 พ.ย. 52 / 21:53 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    อยากจิ้นอะไรก็จิ้นค่ะ

    ตามสบาย เดี๋ยวว่างๆ จะมาอัพอิมเมจนะคะ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      หวัดดีทุกคน...ช่วงนี้ไม่รู้ว่าจินตนาการล้ำเลิศหรืออ่านการ์ตูนแฟนตาซีมากไป รู้สึกว่าคิดพล๊อตอะไรเพ้อเจ้อเกินจริงขึ้นทุกวัน -*-

      ยิ่งช่วงนี้อ่าน Black Butter แล้วกรี๊ดเซบาสเตียนมากเลย ก็เลยได้ฟิคออกมาแนวๆ นี้ล่ะ...(ตอนนี้ไม่ว่าหายใจเข้าหายใจออกก็เป็นเซบาสเตียนล่ะ )  อ่านแล้วก็อย่าจริงจังมากนะ เพราะว่าคนแต่งมันเพ้อ 55+

       

       

                      สิ่งที่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์เพราะไม่มีรูปกาย มีเพียงเงาลางเลือนที่พอมองเห็นได้ แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นภูติผีเพราะสามารถออกมาเผชิญแสงแดดจ้าในตอนกลางวันได้ พวกเขาถูกส่งมาจากสวรรค์ด้วยหน้าที่เฉพาะอย่าง หน้าที่ที่ทูตสวรรค์ต้องทำให้สำเร็จ คือทำให้ความรักเกิดขึ้นในหัวใจของคนที่หมดศรัทธาในรัก

      “เป็นเพราะแกแท้ๆ จิน แกไม่น่าเข้าไปใน Secret room นั่นเลย ฉันเลยพลอยซวยไปด้วย”  จินรีบเอามือปิดหู ก่อนที่เสียงอันดังเกรี้ยวกราดของเพื่อนจะทำลายเยื่อแก้วหูของเขาจนหมดสิ้น แต่น่าแปลกที่คนรอบกายไม่มีใครได้ยินเสียงนี้เลยสักคน....ก็แน่ล่ะสิ...เขากับโคคิ เพื่อนที่แหกปากเสียงดังอยู่นี่ ไม่ได้เป็นมนุษย์เหมือนพวกนั้นนี่นา

      “อะไรกัน ก็แค่โดนให้ลงมาโลกมนุษย์ ทำงานชดใช้แค่เนี้ย ทำเป็นบ่นไปได้ แล้วอีกอย่าง คนที่อยากอ่าน Secret letter นั่นมันแกไม่ใช่หรอ ไอ้คิ” จินยังลอยหน้าลอยตาผิวปากอย่างสบายอารมณ์ ความสงบร่มเย็นของวัดประกอบกับเสียงสวดมนต์เบาๆ ที่ลอยตามลมมาทำให้ใจเขาสงบอย่างประหลาด

      “นี่แกยังมีหน้ามาอารมณ์ดีอีกหรอ เวลาแค่เดือนเดียว ชี้ชะตาชีวิตเลยนะเว้ย แทนที่จะได้เป็นทูตสวรรค์ระดับสูงแล้วเชียว”  โคคิว่าพลางทำท่าเครียด

      “ถ้าเครียดขนาดนั้น ก็หาใครสักคนที่เขียนคำขอพรเกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวัง แล้วก็ช่วยเค้าสิ ไม่เห็นจะยากเลย”

      โคคิพยักหน้าก่อนจะหายวับไปจากจินและกลับมาพร้อมกระดาษแผ่นหนึ่ง

      “แอบรักเพื่อนตัวเองว่ะ”

      “ไม่เห็นตื่นเต้นเลย ใครเค้าก็เป็นกัน”  จินว่าพลางนอนหลับตากระดิกขาอย่างไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว

      “แต่เพื่อนที่ว่าเนี่ย...เป็นผู้ชายเหมือนกันนะเว้ย”  โคคิว่า

      จินลุกขึ้นมองดูอย่างสนใจ

      “แกไปหาคนใหม่ก็แล้วกัน อันเนี้ยฉันขอ”

      .....................................................................

      บนทางเดินเส้นเดิมที่แสนคุ้นเคย กลับกลายเป็นเส้นทางที่ทำความอึดอัดให้ผู้ร่วมทางเหลือเกิน ทั้งที่เคยมีแค่เราสองคนเดินเคียงกันไป แต่วันนี้กลับเป็นเขา ที่ยืนอยู่ตรงที่ที่ฉันเคยยืน  เหมือนคนข้างหน้าจะได้รับรู้ได้ว่าเพื่อนสนิทลดฝีเท้าลง จึงได้หันกลับมามอง ทั้งที่มือยังกุมมือคนรักของตัวเองไว้

      “ยามะพี นายเป็นอะไรรึเปล่า”   เพื่อนสนิทหันมาถามด้วยความเป็นห่วง....ก็แค่ในฐานะเพื่อนสินะ

      “ฉันไม่เป็นไร พวกนายไม่ต้องห่วงนะ”  ยิ้ม ...ทั้งที่รู้ว่าฝืนเต็มที่

      ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กที่รู้จักกัน ในสายตาของยามะพีไม่เคยมีใครเลย นอกจากเพื่อนตัวเล็กคนนี้ คนที่คอยปกป้องยามะพีจากเพื่อนขี้แกล้งในห้อง ทั้งที่คิดว่าโตขึ้นมาจะได้เป็นคนๆ เดียวที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาแท้ๆ ...แต่ก็เปล่าเลย

      สุดท้าย เรียวก็ไม่เคยคิดกับเขา เกินคำว่าเพื่อนเลย .... มันเจ็บปวดเหลือเกิน

      “นี่ วันนี้ไปเล่นเกมส์บ้านฉันมั้ย เสร็จแล้วจะได้อ่านหนังสือกันต่อด้วยไง ไปนะ ยามะพี”  ร่างบางหน้าหวานที่ยืนยิ้มให้ยามะพีอย่างเป็นมิตรเอ่ยปากชวน ยามะพีมองหน้าเรียวนิ่ง ไม่มีแววตาผิดสังเกตใดๆ หลุดมาจากดวงตาโศกคู่นั้น นี่เรียวไม่รู้เลยหรอว่า...เขาคิดอะไรอยู่...

      “ฉันไม่ไปดีกว่าฮิโรกิ พอดีต้องกลับไปช่วยแม่น่ะ เดี๋ยวจะมีญาติมาเยี่ยม”  โกหกไปทั้งที่รู้ว่าไม่แนบเนียนเป็นที่สุด

      “งั้นหรอ เสียดายจังนะ ถ้ายามะพีไปต้องสนุกแน่ๆ เลย ฉันจะได้รู้เรื่องเกี่ยวกับเรียวที่เรียวไม่ยอมบอกด้วย” ฮิโรกิหัวเราะ แต่ยิ่งทำให้ยามะพีหน้าเจื่อนลง.... เขาอยากเป็นแบบนี้บ้าง อยากยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ เรียว อยากได้ไออุ่นจากมือของเรียว....แต่ในเวลาที่สายลมพัดผ่านมา ยามะพีทำให้แค่ทำตัวให้ชินกับความหนาวเหน็บเท่านั้น

      “ฉันไม่มีอะไรปิดบังฮิโระจังหรอก อยากรู้อะไรถามฉันได้เลย งั้นเดี๋ยวไปส่งยามะพีเสร็จแล้วตามไปเจอที่บ้านนะ”  เรียวทำท่าจะไปส่ง

      “อ๊ะ! ไม่เป็นไรหรอก ฉันกลับเองดีกว่า เรียวจังจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมาด้วย มันเหนื่อยนะ”

      “เอางั้นหรอ นายกลับเองได้แน่หรอ”

      “ได้สิ ตอนนี้ฉันตัวโตกว่าเรียวจังแล้วนะ ไม่ต้องรอให้เรียวจังมาปกป้องเหมือนเมื่อก่อนหรอก”

      “งั้นก็...ดูแลตัวเองนะ”

      ยามะพีบอกลาทั้งสองคนแล้วหันหลังเดินจากมาโดยที่ไม่หันกลับไปมองอีก ยามะพีเดินไปเรื่อยๆ พร้อมกับความคิดที่วนเวียนไปในหัว

      โป๊กกกกก!!~

      อาการเจ็บแปลบวิ่งขึ้นไปที่หัว ก่อนที่จะเห็นกระป๋องเบียร์กลิ้งไปกับพื้น   ยามะพีหันหาที่มาของกระป๋องเบียร์ด้วยความโกรธแค้น มือยังคงลูบที่หน้าผากตัวเองป้อยๆ

      “ทำตัวเป็นพระเอกจังเลยนะ คิดว่านี่เป็นนิยายน้ำเน่ารึไง”  ร่างสูงที่ค่อยๆ โผล่พ้นมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ ยืนยิ้ม

      “นายเป็นใคร อยู่ดีดีเอากระป๋องมาปาใส่หัวคนอื่นแบบนี้ อยากมีเรื่องรึไง”   แม้จะตะลึงในความดูดีของคนตรงหน้า แต่ก็ยังโกรธอยู่ ...เห็นหัวเราเป็นถังขยะซะได้

      “ฉันหรอ... นั่นสิ ฉันจะเรียกตัวเองว่าอะไรดีนะ เทพบุตร อ๊ะ! ไม่สิ ทูตสวรรค์สินะ”  จินว่าพลางทำท่าหล่อสุดฤทธิ์ ยามะพีได้แต่เบะปาก

      “เอาเป็นว่าฉันไม่ถือคนบ้าอย่างนายก็แล้วกัน” ยามะพีพูดก่อนจะรีบเดินจากไป จินยักไหล่ ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบาๆ

      “คนเขาอยากจะช่วยแท้ๆ  มาหาว่าบ้าซะได้”

      ยามะพีกลับมาถึงบ้านอย่างขุ่นเคือง ไหนจะน้อยใจเรื่องเรียว ไหนจะเจ็บหัวที่โดนกระป๋องเบียร์ที่มีเบียร์เกือบครึ่งกระป๋องขว้างใส่หัวอีก

      “กลับมาแล้วหรอจ๊ะ”  แม่ทักทายอย่างอารมณ์ดี

      “กลับมาแล้วครับ”

      “ขึ้นไปอาบน้ำแล้วลงมาทานข้าวกันนะจ๊ะ”

      ยามะพีพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะ ถอดเสื้อคลุมและถอดถุงเท้าโยนไปให้พ้นทาง

      “ยี้!~ คิดจะแก้แค้นกันรึไงฮะ”  เสียงผู้บุกรุกทำให้ยามะพีที่นอนลงไปแล้วกระเด้งตัวขึ้นมาก่อนมองหาที่มาของเสียง

      “แก! ไอ้คนบ้าเมื่อกี้นี่ แกเข้ามาที่นี่ได้ยังไง แม่ฮะ ขโมย!!~” ก่อนที่ร่างบาง(กว่า)จะมีโอกาสได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ จินจึงคว้าผ้าขนหนูมัดปากยามะพีไว้ ทั้งที่อยากจะใช้มือปิดแล้วล๊อคคอคนตัวเล็กให้อยู่หมัด แต่ก็จนปัญญา เพราะตามกฎของทูตสวรรค์แล้ว หากเจ้าตัวยังไม่ได้ตกลงทำสัญญากับทูตสวรรค์แล้ว จะไม่อาจแตะต้องตัวกันได้ จึงทำให้การขัดขืนครั้งนี้สร้างความลำบากแก่จินอย่างมาก

      “นายจะร้องทำไมเนี่ย ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยนายนะ”  ....แล้วก็ช่วยตัวฉันเองในการไถ่โทษด้วย...จินคิดในใจ

      “ไอ้ อ้า อ่อย อั้น อะ โอ้ยยยย “  ยามะพียังคงดิ้นขลุกขลักๆ

      “ฉันเป็นทูตสวรรค์ ไม่ใช่คนบ้า บอกกี่ทีแล้วเนี่ย ฉันจะช่วยให้นายสมหวังในความรักนะ อย่าดิ้นได้มั้ย ฉันเหนื่อยนะ ตัวนายฉันก็จับไม่ได้เนี่ย”  จินพูดไปหอบไป ก็ยามะพีตัวเล็กๆ ซะที่ไหน

      “อั้น ไอ่ เอื้อออออ ไอ้ อ้า   อ่อออยยยยย! 

      เสียงขลุกขลักๆ ในห้องของลูกชายทำให้คนเป็นแม่ต้องรีบเปิดประตูเข้ามาดู ก่อนจะเห็นลูกชายตัวเองลงไปนั่งหอบกับพื้น โดยมีผ้าขนหนูกองอยู่ระหว่างปากกับคอ ทันทีที่ยามะพีเห็นแม่ก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที พลางชี้ไปยังตัวต้นเหตุ

      “แม่ครับ มีผู้บุกรุกครับ มันพยายามจะฆ่าผม มันบ้าด้วยครับแม่”  ยามะพีหลับหูหลับตาพร้อมกับสูดลมหายใจแรงๆ ...ความเหนื่อยจากการดิ้นรนขัดขืนทำให้เขาหายใจแรง คนเป็นแม่ทำหน้างง ก่อนจะมองไปรอบๆ ... ความผิดปกติที่เห็นก็มีแต่เตียงที่ยับยู่ยี่จากแรงดิ้นของลูกชายตนเท่านั้น คนเป็นแม่แตะหน้าผากคนเป็นลูกก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

      “ลูกไม่สบายรึเปล่า อาบน้ำอุ่น ลงไปกินข้าว ทานยาแล้วก็นอนดีมั้ย ลูกอาจจะเหนื่อยเกินไปก็ได้นะจ๊ะ”

      “ไม่นะฮะแม่ ผมสบายดี นั่นไงครับ มันยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น แม่!  ยามะพียังคงยืนกราน ยิ่งเห็นคนบ้าเต๊ะท่ายืนยิ้มยามะพียิ่งโกรธ

      “โทโมะจัง...ฟังแม่นะลูก ไปอาบน้ำสงบสติอารมณ์แล้วตามแม่ลงไปกินข้าว น้องมาแล้วนะ แล้วก็อย่าดิ้นเสียงดัง มันน่าตกใจ”

      คนเป็นแม่เดินจากไปโดยที่ไม่เห็นหน้าของลูกเลย ว่าเศร้าสลดเพียงใด

      “ก็บอกแล้ว ว่าฉันไม่ใช่คน แล้วก็ไม่ได้บ้าด้วย ทีนี้นายเชื่อรึยังล่ะ”  เสียงคนแปลกหน้ากระซิบที่ข้างหู ยามะพีหันไปเหวี่ยงหมัดซ้ายด้วยแรงขนาดที่ทำให้ฟันร่วงได้เป็นแถบๆ ...แต่ก็ผ่านร่างนั้นไปราวกับคนตรงหน้าเป็นแค่อากาศธาตุ

      o_O นี่มันอะไรกัน หรือว่าฉันหึงเรียวจังจนเป็นบ้าไปแล้วเนี่ย”  ยามะพีมองมือตัวเองสลับกับร่างของคนแปลกหน้า

      “นายไม่ได้บ้าหรอก หายใจลึกๆ นะ ตั้งใจฟังดีดี ฉันกับนาย...ไม่มีใครบ้า ฉันลงมาที่นี่เพื่อช่วยนายให้สมหวังกับคนที่นายรัก”

      ยามะพีกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา

      “มันยากเกินกว่าที่จะเชื่อนะ นี่มันยุคไหนแล้ว เรื่องแบบนี้มัน... จะมีจริงๆ น่ะหรอ”

      “ถ้านายรับคำสัญญานี้ ฉันก็จะช่วยนายจนกว่าที่นายจะสมหวังกับคนที่นายรัก”

      “ช่วยฉัน..แล้วนายได้อะไร”

      “ฉันหรอ....เอ่อ...ก็ได้ ความดีความชอบล่ะมั้ง อาจจะได้เลื่อนขั้นไปเป็นผู้บริหาร แบบ...ไม่ต้องมาเหนื่อยอย่างตอนนี้” จินว่า....

      “......”

      “นายอยากยืนตรงนั้นไม่ใช่หรอ ....ที่ที่นายเคยยืน”  จินพูดราวกับอ่านความคิดของยามะพีออก

      “อืมม .....ก็ได้ ฉันยินดีรับคำสัญญา”  ขอเพียงแค่ได้ยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ เรียวจังเท่านั้น....

                      ไม่ได้คิดไปเอง...แต่ยามะพีเห็นลำแสงสีเขียวประหลาดแผ่ออกมาจากตัวคนแปลกหน้าที่เรียกตัวเองว่าทูตสวรรค์ ก่อนที่มันจะหายวับไปพร้อมกับรูปกายที่มองชัดมากขึ้น

                      “อคานิชิ จิน ทูตสวรรค์สุดหล่อ ขอรับใช้ครับ เจ้านาย” จินยื่นมือมาให้จับ ยามะพีมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะส่งมือไปสัมผัสและรับรู้ได้ถึงการมีตัวตนของจิน

                      ร่างบางจึงส่งหมัดซ้ายไปอีกครั้ง แต่จินก็คว้ามือนั้นไว้ได้อย่างหวุดหวิด

                      “คิดจะทำอะไรน่ะ คราวนี้มันเจ็บได้จริงๆนะ”  จินดุ

                      “ก็แค่ลองดูว่านายทำอะไรได้บ้าง”  ยามะพีหัวเราะ

                      “ทำอะไรได้บ้างหรอ ...ถ้าระหว่างฉันกับนาย ก็ทำได้ทุกอย่างที่คนเค้าทำกันล่ะ ส่วนเรื่องอื่น ฉันก็มีความสามารถพิเศษอีกเยอะ เอาไว้จะค่อยๆ ทำให้ดูนะ”

                      “อืม”

                       “แล้วนี่ยืนนิ่งอยู่ทำไม ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวแม่นายก็เป็นห่วงหรอก”  จินว่า ยามะพีจึงรีบคว้าอุปกรณ์อาบน้ำเข้าห้องน้ำไป

                      ยามะพีเปิดน้ำอุ่นให้รดไล่มาตั้งแต่หัวจรดเท้า พลางคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ...มันแทบจะทำให้เขาคิดว่าเขาเป็นบ้าแล้วนะเนี่ย ... ยามะพีสระผมอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะควานมือหาครีมอาบน้ำ แล้วก็นึกได้ว่ามันเพิ่งหมดไปเมื่อเช้า อันใหม่ก็อยู่ในห้องนอนซะด้วย

                      “หาไอ้นี่อยู่ใช่มั้ย”   จินว่าพลางยื่นมือทะลุกำแพงมาก่อนที่ตัวจะเข้ามาด้วย ยามะพีแทบกรี๊ดถ้าไม่ติดว่ากลัวแม่จะตกใจ

                      “ไอ้บ้า นายเข้ามาทำไม ฉันลืมล๊อคประตูหรอเนี่ย” ยามะพีว่าพลางเอาผ้าขนหนูปิดส่วนนั้นไว้อย่างรีบร้อน

                      “อ่อ ลืมบอกไปว่านี่เป็นความสามารถขั้นพื้นฐานของทูตสวรรค์นะ ...อ่อ...แล้วก็ไม่ต้องปิดหรอก ของนายกับของฉันมันก็เหมือนๆ กันนั่นล่ะ ...อาจจะต่างกันหน่อย ก็ตรงที่...”  จินพูดพลางทำหน้าตาเจ้าเล่ห์

                      “ไอ้บ้า แกออกไปเลยนะ”  ยามะพีว่าพลางขว้างจินด้วยของที่พอจะหาได้

                      จินค่อยๆ หายเข้าไปในกำแพงพร้อมกับเสียงหัวเราะฮึฮึ ในลำคอ

                      ยามะพีปล่อยให้น้ำไหลผ่านตัว ก่อนจะถอนหายใจแรงๆ

                      “ฉันคิดอะไรผิดไปรึเปล่าเนี่ย??”

      ..................................................................................

      ยามะพีเดินลงมายังโต๊ะอาหาร สายตาของแม่และน้องสาวที่มองมายังเขาส่อแววเป็นห่วงชัดเจน

      “แม่บอกว่าพี่ชายละเมอหรอคะ ไม่สบายรึเปล่า” รินะว่าพลางทาบหลังมือไว้กับหน้าผากของพี่ชาย

      “เอ่อ...ไม่หรอกพี่สบายดี”  ยามะพียิ้มให้แม่กับน้องสาว จินซึ่งยืนอยู่ด้านหลังก็พาลยิ้มและพยักหน้าไปด้วย

      “น้องสาวนายนี่น่ารักดีนะ”  คำพูดของจินทำให้ยามะพีหันควับ

      “ห้ามยุ่งนะ”   ยามะพีตวาด ทำให้แม่และรินะ หันมามองเป็นตาเดียวกัน

      “โทโมะจัง”

      “เอ่อ ...เปล่าครับ ผมแค่เหนื่อยๆ นิดหน่อยเท่านั้นเอง คิดว่าทานข้าวแล้วได้นอนคงจะดีขึ้น”  ยามะพียิ้มแหย ก่อนที่จะมองตาเขียวไปยังจิน ที่เวลานี้เดินไปนั่งอยู่ข้างๆ รินะ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลย ยามะพีพยายามที่จะไม่แสดงอาการผิดปกติระหว่างอยู่ที่โต๊ะอาหาร และพยายามคุยกับแม่และน้องสาวอย่างเป็นปกติ

      แต่ทันทีที่เข้ามายังห้องนอนของตัวเอง.....

      “ฉันขอยื่นคำขาดเลยนะ ห้ามนายยุ่งกับน้องสาวฉันเด็ดขาด!

      “อะไรกัน ฉันทำอะไรน้องนายไม่ได้อยู่แล้ว เขาไม่เห็นฉัน แล้วฉันก็แตะต้องตัวเขาไม่ได้ด้วย หวงไม่เข้าท่าเลยนายเนี่ย”  จินว่าพลางถือวิสาสะนั่งลงกับเตียง

      “นั่นแหละ แทะโลมด้วยสายตาก็ห้าม ... ยิ่งไอ้ความสามารถพิเศษทะลุห้องน้ำอะไรนั่นก็ห้าม ...เอาเป็นว่า นายห้ามอยู่นอกสายตาฉัน เข้าใจมั้ย”  ยามะพียื่นคำขาด

      “ได้สิ เพราะมันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ทูตต้องอยู่กับเจ้านายตลอดเวลา...อันนั้นก็เป็นข้อหนึ่งในสัญญาเหมือนกัน"

      "หิวมั้ย นายน่ะ”  ยามะพีถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนตรงหน้ายังไม่ได้กินอะไรเลย

      “ฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนะ ทูตเค้าไม่กินข้าวกันหรอก เรารับสารอาหารผ่านเจ้านาย ทั้งอาหารทั้งความรู้สึกทูตจะรับรู้ได้  เราผูกพันกัน เหมือนสายสะดือของแม่และทารกนั่นล่ะ”

      “หรอ...” ยามะพีตื่นเต้น

      “เอาล่ะนอนเถอะ ฉันง่วงแล้ว” จินว่าพลางนอนลงบนเตียงของยามะพี และตบที่ว่างข้างๆ เป็นเชิงเชิญชวน

      “เฮ้ย! นายเป็นทูตไม่ใช่หรอ”

      “ทูตก็ต้องพักผ่อนน่า มาเถอะมานอน ฉันง่วงแล้ว”  แล้วจินก็หลับตาไป ทิ้งให้ยามะพียืนอ้าปากค้าง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ จิน

      .....ให้ตายเถอะ ไม่คุ้นจริงๆ ที่จะต้องนอนกับคนอื่น บนเตียงเล็กๆ แบบนี้.....

      ...........................................................................................

      ยามะพีเดินโซเซด้วยความง่วง พยายามสลัดหัวหลายต่อหลายครั้งอาการก็ยังไม่ดีขึ้น

      “นายเป็นอะไรของนาย เดินส่ายหัวอยู่ได้ เห็นแล้วน่าเวียนหัว”  จินพูดขณะที่เดินตามหลังยามะพีมา

      “ก็ใครล่ะที่ทำให้ฉันแบบนี้น่ะ  คืนนี้ลงไปนอนพื้นเลยนะ” ยามะพีพูดอย่างอารมณ์เสีย แต่จินกลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ทูตอย่างเขาไม่ต้องนอนหลับก็ยังได้ แต่ที่เขาไปแย่งที่นอนเจ้านี่ ก็เพราะแค่อยากแกล้งเท่านั้นแหละ

      “นี่ใกล้ถึงประตูโรงเรียนนายแล้วนะ อย่าพูดคนเดียวเหมือนคนบ้าล่ะ อย่าลืมนะ ว่านายเป็นคนเดียวที่เห็นฉันน่ะ”  จินกำชับก่อนจะเดินไปด้วยกันในความเงียบ

      ยามะพีพยักหน้าแล้วเดินไปยังห้องเรียน ยามะพีวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ ก่อนจะนั่งเท้าคางด้วยความง่วงงุน หลับซักงีบคงไม่เป็นไรนะ... กำลังจะเคลิ้มๆ ก็ต้องอารมณ์เสียเมื่อได้ยินเสียงของจินโวยวายขึ้นมา

      “เฮ้ย! แก ไอ้คิ แกมาทำอะไรที่นี่วะ”  และยิ่งอารมณ์เสียหนักกว่าเดิม เมื่อไม่เห็นคู่กรณีที่จินเรียกว่า “ไอ้คิ” เลย ในลานสายตาของยามะพีมีเพียงคาเมนาชิ คาซึยะ เพื่อนสนิทรูปร่างอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิงที่เดินยิ้มเข้ามา

      ยามะพีหัวเราะเมื่อเห็นจินพูดคนเดียวเหมือนคนบ้า ท่าทางเอะอะโวยวายอยู่คนเดียว แต่เมื่อเห็นคาซึยะ หันไปพูดคนเดียวเท่านั้นล่ะ

      เอ๊ะ! รึว่านอกจากจินแล้ว ยังมีทูตสวรรค์ตัวอื่นอีก

      คิดได้แค่นั้น ยามะพีก็รีบคว้ามือคาซึยะวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว คาซึยะตกใจกับการกระทำของยามะพีแต่ก็ยอมถูกลากไปแต่โดยดี (เพราะฝืนแรงยามะพีไม่ไหว -_-“) ทั้งคู่ยืนหอบตัวโยนอยู่บนดาดฟ้าโรงเรียน

      “คาเมะ ..นายก็เจอมันใช่มั้ย”  ยามะพีถามคำถามที่ทำให้คาซึยะตาโต

      “นายหมายถึง...”

      “ไอ้ทูตสวรรค์บ้าบออะไรนั่น”

      “อืม... ดีใจจังเลยที่มีคนรู้เรื่องนี้ ฉันแทบจะเป็นบ้าเลยรู้มั้ย”  คาซึยะวิ่งไปกอดยามะพีก่อนจะร้องไห้

      “ฉันนึกว่าฉันประสาทเสียถึงขั้นเห็นภาพหลอน แต่มันก็ขัดแย้งเพราะฉันจับต้องเขาได้” คาซึยะยังคงกอดยามะพีแน่น

      “ฉันเองก็ตกใจเหมือนกัน ...ว่าแต่คาเมะรู้ที่มาที่ไปของไอ้ทูตสวรรค์อะไรนี่มั้ย”  ยามะพีถาม

      “ต้องเป็นวัดคิโยมิสึ*ที่เราไปกันมาเมื่อวันก่อนแน่เลย” คาซึยะว่า

      “ไม่อยากจะเชื่อเลย... ฉันเลิกเชื่ออะไรแบบนี้มานานมากแล้วนะ ทั้งเรื่องเครื่องรางทั้งเรื่องความเชื่อของศาลเจ้าจิชู”  ยามะพีว่าพลางนั่งลงกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก

      “ทำไมล่ะ”  คาซึยะนั่งลงข้างๆ

      “ก็ก้อนหินสองก้อนในศาลเจ้าจิชูที่อยู่ในวัดคิโยมิสึนะ ฉันหลับตาเดินมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ...แล้วดูฉันกับเรียวจังสิ ...สมหวังกันซะที่ไหนล่ะ”  ยามะพีว่า

      “บางที...เนื้อคู่ของพีจังอาจจะไม่ใช่เรียวจังก็ได้นี่นา”  คาซึยะตั้งข้อสังเกต

      “ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอก ตั้งแต่โตมา ในสายตาฉันมีแต่เรียวจังมาตลอด แล้วมันจะเป็นคนอื่นได้ยังไงกันล่ะ” ยามะพีว่า

      “แต่ฉันไม่คิดแบบนั้นนะ ... สำหรับฉันแล้ว พรหมลิขิตก็คือพรหมลิขิต ฉันจะไม่ฝืนเด็ดขาด”  คาซึยะยิ้มอย่างมีความสุข

      “แหม ก็แน่ล่ะ ดูยูอิจิเค้าก็สนใจคาเมะอยู่นี่นา”  ยามะพีเผลอค้อนใส่เพื่อน คาซึยะหัวเราะคิกคัก

      เสียงออดคาบแรกดังขึ้นทั้งยามะพีและคาซึยะจึงรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องเรียนอีกครั้ง ทิ้งให้ทูตสวรรค์สองตัวยืนคุยกันอย่างคร่ำเครียด

      “ไอ้คิ แกคิดจะทำอะไรกันแน่ เท่าที่ฉันอ่านจิตเด็กคนนั้น เค้าไม่ได้มีปัญหาด้านความรักเลยนะ เค้าออกจะศรัทธาในรักเต็มเปี่ยม”  จินมองเพื่อนตาเขียว

      “แกเคยมีความรักรึป่าววะ”  โคคิพูดออกมาราวกับไม่ได้ยินคำถามของจิน

      “ห๊ะ!

      “ฉันรู้ว่ามันไม่ควรเป็นแบบนี้ แต่ฉัน...ห้ามตัวเองไม่ได้ว่ะ”  โคคิตอบโดยไม่สบตาจิน

      “แกจะบ้าหรอ เป็นทูตสวรรค์รักเจ้านายตัวเองได้ไงวะ secret letter ก็บอกไว้แล้ว อยากหายสาบสูญรึไงแก”

      “ไม่ใช่นะโว้ย ถ้าไม่มีสัมพันธ์ทางกาย ก็ไม่เป็นไรไม่ใช่หรอ ทูตก็มีหัวใจนะเฟ้ย”

      “หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ เลยไอ้คิ”

      “เสียดายนะ อ่านไม่จบ ไม่งั้นมันอาจจะมีทางแก้ก็ได้” โคคิรำพึงรำพันกับตัวเอง

      “แค่นี้ยังซวยไม่พอรึไง แค่มาสเตอร์รู้ว่าแอบเข้า Secret room ยังโดนดีดลงมาอยู่ที่นี่ ถ้ารู้ว่าแอบอ่าน Secret letter ด้วยล่ะก้อ ตายแน่เลย”  จินว่า

       “เออ นั่นสิเนอะ... แล้วแบบนี้ฉันจะช่วยให้คนที่ฉันรัก สมหวังกับคนอื่นได้มั้ยเนี่ย”  โคคิโวยวายพร้อมกับตีอกชกตัว

      “ต้องได้สิวะ ...มันเป็นหน้าที่นี่นา”  จินว่าพลางตบไหล่เพื่อนรักเบาๆ

      ...........................................................................

      ยามะพีเริ่มชินกับการมีจินอยู่ด้วยเกือบจะตลอด 24 ชั่วโมง จะพูดไปเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก็แค่เวลาที่ยามะพีเข้าห้องน้ำล่ะมั้ง...เป็นช่วงที่สั่งนักสั่งหนาว่า “จินห้ามยุ่ง”...  วันนี้เจ้าตัวก็มาเรียนโดยมีจินตามมาเหมือนเงา   ชั่วโมงพละใกล้เข้ามา ทุกคนในห้องจึงพากันเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้วลงมาพร้อมกันที่สนาม วันนี้เป็นการเรียนกีฑาประเภทลู่  นักเรียนทุกคนแบ่งกันซ้อมอยู่ตามมุมของสนาม ก่อนที่จะเข้ามารวมกลุ่มกัน ไฮไลท์ของการเรียนวันนี้คือการวิ่ง 400 ม.เพื่อคัดตัวคนที่ทำเวลาได้ดีที่สุดสามอันดับแรกเพื่อไปคัดตัวเป็นตัวแทนโรงเรียนในการแข่งขันกีฑาระดับภาค

      ทุกคนพากันตื่นเต้น และยืดกล้ามเนื้อกันอย่างจริงจัง ยกเว้น ...ยามะพี

      อย่าว่าแต่ทำเวลาให้ดีที่สุดเลย ขอให้วิ่งเข้าเส้นชัย เขาก็ดีใจนักหนาแล้ว เรื่องวิ่งนี่ยามะพีไม่สู้ใคร เหมือนกับคาซึยะที่หลบแดดยืดกล้ามเนื้ออยู่เงียบๆ เพราะผิวเจ้าตัวแดงง่ายเหลือเกิน ความหวังของห้องก็คงจะเป็นแชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้ว ก็คือ นิชิกิโด เรียว และคนที่ทำเวลาได้ดีเป็นอันดับสี่ในการคัดตัวครั้งที่แล้ว อุจิ ฮิโรกิ

      ยามะพีมองคนสองคนนั้นด้วยแววตาชื่นชม แต่แว่บหนึ่งความรู้สึกอิจฉาลึกๆ ก็ผุดขึ้นในใจ... ทำไมถึงเป็นฮิโรกิล่ะ ทั้งๆ ที่เขารู้จักเรียวจังมาก่อนฮิโรกิแท้ๆ....

      “ยืนเหม่ออะไรอยู่ ยืดกล้ามเนื้อเข้าสิ เดี๋ยวก็บาดเจ็บหรอก”  จินว่า ยามะพีหันมาค้อนให้ทีหนึ่งก่อนจะยืดกล้ามเนื้ออย่างจริงจัง

      “ฮิโรกิเนี่ย เค้าน่าอิจฉานะ มีอะไรหลายๆ อย่างที่ฉันไม่มี”  ยามะพีพูดกับจินอย่างไม่กลัวใครหาว่าบ้า เพราะโซนที่ยามะพีอยู่นั้น มีเพียงแค่ยามะพีคนเดียวเท่านั้น

      “เช่นอะไรบ้างล่ะ” 

      “ เรียนก็เก่ง เล่นกีฬาก็เก่ง หน้าตาก็น่ารัก”  ยามะพีว่า จินมองคนตรงหน้านิ่ง ไม่อยากจะลำเอียงหรอกนะ แต่เท่าที่พิศดูเนี่ย....ไอ้คนหน้าหล่อที่มันบอกว่าตัวเองไม่น่ารักเนี่ย มันโคตรจะน่ารักเลย...

      “เอ่อ....ที่พูดมาเนี่ย นายก็มีไม่ใช่หรอ ที่นายไม่มีคือความมั่นใจต่างหาก”   จินหลบตา....ทำไมต้องเขินด้วยฟระ!!~

      “ยังไงวันนี้ฉันก็จะพยายามเป็นหนึ่งในสามให้ได้ จะทำให้เรียวจังหันกลับมามองฉันบ้างให้ได้”

      การวิ่งจับเวลามีเป็นรอบๆ ...รอบของยามะพีนั้นผ่านไปแล้ว พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินคอตกกลับมา

      “ไหนล่ะอันดับหนึ่งในสาม”  จินกระเซ้า ถ้าไม่ติดว่ามีคนนั่งอยู่ด้วยหลายคน ยามะพีคงฟาดหัวจินหนักๆ ไปแล้ว

      “ไม่เป็นไรใช่มั้ยยามะพี”  คาซึยะเข้ามาพร้อมกับยื่นขวดน้ำกับผ้าขนหนูให้

      “วิ่งเกือบสองนาที แบบนี้...วิ่ง 400 เมตรหรือเดินจ่ายตลาดเนี่ย” จินยังคงหัวเราะต่อไป เพราะรู้ว่ายามะพีทำอะไรไม่ได้ ยามะพีจึงหันมาพูดผ่านคาซึยะแทน

      “นี่คาเมะ นายรู้อะไรมั้ย มีคนว่าฉันวิ่งเหมือนเดินจ่ายตลาดด้วยล่ะ กลับไปฉันจะซ้อมมันให้น่วมเหมือนกล้วยปิ้งเลย คอยดู”  ประโยคเด็ดพร้อมสายตาพิฆาตจากยามะพีทำให้จินหุบปากลงทันที คาซึยะซึ่งรู้ว่าเพื่อนพูดถึงใครได้แต่ยิ้ม

      “รอบต่อไปเป็นรอบของนิชิกิโดคุงกับอุจิคุงแล้วนี่ ...แบบนี้มีอ่อนข้อให้แฟนรึเปล่านะ”  เสียงเพื่อนในห้องดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงโห่แซว

      “เรียวจังไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก เรียวจังรักการวิ่งจะตายไป”  ยามะพีได้แต่พึมพำกับตัวเองเบาๆ

      ...แล้วถ้าเทียบกับฮิโรกิล่ะ ...ระหว่างการวิ่งกับฮิโรกิ ....นายจะเลือกอะไร?

      แล้วการแข่งขันรอบที่น่าสนใจที่สุดก็เริ่มขึ้น ทั้งเรียวทั้งฮิโรกิออกตัวได้อย่างสวยงาม ทั้งคู่วิ่งสูสีกันมาจนระยะ 50เมตรสุดท้าย แต่แล้วฮิโรกิก็เสียหลักล้มลง ทุกคนข้างสนามพากันส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ แล้วก็ต้องตกใจมากขึ้น เมื่อเรียวหยุดวิ่งแล้วกลับมาหาฮิโรกิ จากเสียงฮือฮาจึงเป็นเสียงแซวแทน

      ภาพเรียวประคองฮิโรกิโดยที่ทิ้งเส้นชัยที่อยู่เบื้องหน้าไป ทำให้ยามะพีต้องเบือนหน้าหนี ยามะพีลุกไปจากที่ตรงนั้นเงียบๆ

      ....สุดท้าย นายก็เลือกฮิโรกิสินะ ....

      ...........................................................................................

      จินที่มัวแต่อ่านจิตเรียว จึงไม่รู้ว่ายามะพีลุกไปตั้งแต่ตอนไหน เจ้าตัวทำหน้าหรอหราที่ไม่เห็นเจ้านายของตัวเอง

      “อะไรจิน ทำหน้าแบบนั้น แค่นายหายตัวไป ก็เจอเค้าแล้วนี่”  โคคิแกล้งว่า

      “เปลืองพลังงาน”

      “รึว่าเดี๋ยวนี้ติดความเป็นมนุษย์มากเกินไปแล้ว”  โคคิกระเซ้า

      “....”

      “อ่านจิตเจ้านั่นแล้วเจออะไรบ้าง ด้ายแดงที่นิ้วก้อยสองคนนั้นผูกกันรึเปล่า” โคคิถามถึงด้ายแดง ซึ่งจินมีความสามารถในการหยั่งรู้เจ้าของด้ายแดงนี้ จินพยักหน้า

      “แล้วแกยังจะดันทุรังช่วยเจ้านายหน้าสวยของแกอีกหรอวะ” โคคิถาม

      “ฉันไม่อยากให้เขาเสียใจ”

      “ทั้งที่รู้ว่ายังไง ไอ้...ชื่ออะไรนะ ..อ่อ เรียว ก็ไม่ใช่คู่ของเค้าอ่ะนะ”

      “อย่างน้อยช่วงเวลาที่ฉันยังอยู่กับเขา ฉันก็อยากให้เขามีความสุขกับคนที่เขารักนั่นแหละ”  จินพูดโดยไม่รู้เลยว่า ความผิดปกติในน้ำเสียงของเขานั้น ทำให้โคคิรับรู้ได้ถึงอะไรหลายๆ อย่าง

      “งั้นก็รีบๆ ทำให้เจ้านายของแกมีความสุขซะนะ เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว” โคคิว่า

      “อืม”

      “เอ้อ จินแกดูคาเมะจังให้หน่อยสิ ว่าปลายอีกด้านหนึ่งของด้ายแดงที่พันนิ้วคาเมะจังไว้ มันไปสิ้นสุดที่ใครกัน”  โคคิถามอย่างจริงจัง

      “รู้แล้ว แกจะทำอะไรได้ ไม่มีด้ายแดงเส้นไหนผูกมายังทูตอย่างเราหรอก”

      “มันก็ไม่แน่ ...ทุกอย่างอาจจะมีข้อยกเว้นก็ได้นะเว้ย”  โคคิพูดอย่างมั่นใจ

      จินพยักหน้าก่อนจะตั้งสมาธิและมองลึกลงไปในดวงตาของคาซึยะ ก่อนจะส่ายหน้าและตบไหล่เพื่อนเบาๆ

      “เลิกหวังซะเถอะไอ้คิ เจ้านายแก เค้าเจอคนที่ใช่แล้ว”

      แต่แทนที่โคคิจะเศร้า เขากลับยิ้มให้จิน

      “ไม่เป็นไร ในเมื่อแกยังทำเพื่อให้เจ้านายแกมีความสุข ฉันเองก็จะทำบ้าง แม้ฉันจะเจ็บปวดก็ไม่เป็นไร ....อ่อ จิน วันไหนแกต้องการใช้พลังลบความทรงจำของฉันก็บอกได้เลยนะ ถือซะว่าตอบแทนที่ช่วยฉันวันนี้”  โคคิว่า จินพยักหน้าก่อนจะเดินออกตามหายามะพี

      ...........................................................................

      ยามะพีนั่งไกวชิงช้าไปมา โดยที่ไม่สนใจความเป็นไปของสิ่งรอบตัวเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้แม้กระทั่งการมาของจิน

      “มานั่งทำซึ้งอะไรอยู่ตรงนี้”  จินว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งชิงช้าข้างๆ ยามะพี

      “ไม่ได้ทำซึ้ง กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่”  ยามะพีตอบ

      “คิดอะไร”

      “บางทีฉันกับเรียวจังอาจจะเกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนกันก็ได้นะ”

      “เฮ้ย...ทำใจง่ายงั้นเชียว”

      “ไม่ใช่ว่าทำใจ.... แต่บางที การที่ฉันได้ยืนข้างๆ เขา มันไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในฐานะคนรักนี่นา....เป็นเพื่อนกัน มันยืนยาวกว่าเป็นไหนๆ”  ยามะพีพูด น่าแปลก...ที่ในหัวใจไม่เจ็บเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

      “เอางั้นหรอ” 

      “อืม แล้วฉันก็ไม่คิดว่าฉันแพ้ฮิโรกิหรอกนะ แต่ที่ฉันแพ้ และคิดว่าไม่มีวันจะชนะ ก็คือความรู้สึกของเรียวจังต่างหาก สายตาเจ็บปวดตอนที่ฮิโรกิล้มลง มันเหมือนแสงสว่างที่ทำให้ฉันต้องเปลี่ยนความคิดของตัวเองเลยล่ะ”

      “ใช่ นายไม่มีอะไรที่ต่ำต้อยไปกว่าฮิโรกิเลย บางอย่างอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่สำหรับความรัก ...มันเป็นความพอดีสำหรับคนสองคน...สำหรับนาย อาจจะมีคนนิสัยดี หล่อๆ รอนายอยู่ก็ได้”  จินว่าพลางไกวชิงช้าเร็วขึ้น

      “นายพูดยังกับเชี่ยวชาญมากงั้นแหละ ...เคยมีความรักหรอ?”  ยามะพีถาม แต่ไม่ทันเห็นสีหน้าของจินเพราะแรงส่งของชิงช้า

      “อ้าว ลืมไปแล้วหรอ ฉันเป็นทูตของความรักนะ”

      “อืม....นี่นายเข้าวัดได้รึเปล่า”  ยามะพีถาม

      “ได้ดิ ฉันเป็นทูตนะ ไม่ได้เป็นผี”

      “งั้นมากับฉันหน่อย”  ยามะพีว่าพลางลากจินลงจากชิงช้า

      .............................................................................................

      ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่ จินก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับวัดนี้มากขึ้นเท่านั้น และทันทีที่เห็นป้าย จินก็แทบจะร้องอ๋อออกมาดังๆ  ...วัดคิโยมิสึ.... ที่เขาและโคคิโดนมาสเตอร์จับมาโยนไว้เมื่อสามอาทิตย์ก่อน และที่วัดนี้นี่แหละ ที่เขาได้เห็นคำอธิษฐานเรื่องความรักของยามะพี

      “มาที่ทำไมหรอ”  จินถาม

      “ฉันจะมาถอนคำขอพรน่ะ  ทุกครั้งที่มีโอกาส ฉันจะมาขอพรเรื่องความรักที่นี่ และในคำขอพรทุกครั้งก็จะมีชื่อของเรียวจัง ...มันเลยกลายเหมือนเป็นโซ่มัดตัวฉันไว้ ตอนนี้ฉันอยากเป็นอิสระแล้วล่ะ” ยามะพีว่า

      ก่อนจะเดินนำหน้าจินไปยังศาลเจ้าจิชู (Jishu-jinja) ยามะพีเดินเข้าไปสักการะเทพโอคุนินุชิโนะ มิโคโตะ ซึ่งเป็นเทพแห่งความรักและเนื้อคู่ จินมองคนข้างๆ ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้สักการะบ้าง ยามะพีเห็นจึงยิ้ม

      “นี่นายกำลังขอเนื้อคู่ด้วยหรอ เป็นทูตสวรรค์น่ะ มีเนื้อคู่ได้ด้วยหรอ”

      “ฉันกำลังขอให้นายมีความสุขกับเนื้อคู่ของนายต่างหากล่ะ”  จินพูดไปตามที่ขอจริงๆ ยามะพียิ้มให้จินก่อนจะเดินมายังก้อนหินก้อนหนึ่ง ยามะพีทำท่าจะหลับตา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อจินถามขึ้นมาซะก่อน

      “จะทำอะไรน่ะ หลับตาเดิน เดี๋ยวก็ล้มหรอก”

      “หูยยยย เป็นทูตสวรรค์นี่รู้อะไรบ้างมั้ยเนี่ย เนี่ย เค้าเรียกว่าก้อนหินแห่งความรัก  ....เห็นมั้ย อีกก้อนอยู่ตรงนู้น ถ้านายอธิษฐานแล้วหลับตาเดินไปยังอีกก้อนหนึ่งได้นะ คำอธิษฐานของนายก็จะเป็นจริงล่ะ ...ลองดูมั้ย”  ยามะพีถาม ก่อนที่จะเริ่มอธิษฐานและหลับตาเดินไปยังหินก้อนนั้น

      ......อธิษฐาน...หลับตาเดินไปให้ถึง....แล้วจะสมหวังหรอ....

      ยามะพีที่เดินมาถึงก่อน ลืมตาขึ้นเมื่อพบว่าตัวเองเดินถึงหินก้อนที่อยู่ปลายทางแล้ว เจ้าตัวยิ้มเมื่อคิดว่าสิ่งที่ขอจะเป็นจริง เมื่อหันกลับไปมองคนข้างหลังก็ต้องยิ้มกว้าง เมื่อเห็นจินก็เดินหลับตามาเหมือนกัน ทั้งที่ไม่รู้ว่าจินอธิษฐานอะไร แต่ก็แอบลุ้นในใจลึกๆ ว่าจินจะเดินมาถึงก้อนหินอีกก้อนหนึ่งได้

      “พีจัง!!~  เสียงเรียกทำให้ยามะพีหันไปหา และก่อนจะเห็นว่าจินล้มลงก่อนที่จะถึงก้อนหินอีกก้อนหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว

      “คาเมะจัง รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่” 

      “โคคิบอกน่ะ”  คาซึยะพยักเพยิดไปยังคนข้างๆ ซึ่งยามะพีมองไม่เห็น แต่ก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

      “พีจังมาทำอะไรที่นี่หรอ หรือว่ามาขอเรื่องเรียว”

      “อืม...จะว่างั้นก็ได้ แต่ฉันมาขอให้ใจฉันเป็นอิสระจากเรียวจังนะ” ยามะพียิ้ม

      “หรอ ก็ดีนะ รู้มั้ย ว่าฉันไม่ได้เห็นพีจังยิ้มกว้างๆ แบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว”  คาซึยะยิ้มให้เพื่อนสนิท

      .....................................................................

      หลังจากแยกย้ายกับคาซึยะและโคคิ ยามะพีก็เลือกที่จะเดินกลับมาเส้นทางเดิมที่เคยเดินกับเรียวเป็นประจำ โดยมีจินเดินตามหลังมาไม่ห่าง

      “ทำไมนายไม่นั่งรถบัสล่ะ เดินจากโรงเรียนถึงบ้าน มันก็ไกลอยู่นะ”  จินถาม ...เป็นคำถามที่อยากรู้มานานแล้วล่ะ

      “ก็เพราะ...เมื่อก่อนฉันได้เดินมากับเรียวจังน่ะสิ การได้อยู่กับคนที่เรารักนะ ไม่ว่าเส้นทางมันไกลแค่ไหน มันก็ไม่พอหรอก”

      “แล้ววันนี้ล่ะ จริงๆ นายนั่งรถบัสก็ได้นี่”

      “นายเมื่อยหรอ” ยามะพีหันมาถามเสียงเขียว

      “ไม่ไม่ ฉันแค่ห่วงนาย เพิ่งเดินจ่ายตลาด ...เอ่อ วิ่ง 400 เมตรมาต้องมาเดินไกลๆ แบบนี้อีก ฉันอุ้มนายในที่สาธารณชนไม่ได้นะ”  จินว่า

      “รู้แล้วน่า ก็ไม่ต้องรีบสิ ฉันแค่อยากลืมเรื่องเก่าๆ แล้วก็จำเรื่องใหม่ๆ นะ”  ยามะพีสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด

      “....”  จินพยักหน้าหงึกหงัก

      “นี่ ที่ตรงนี้ นายขว้างกระป๋องเบียร์มาโดนหัวฉัน” 

      “ก็ตอนนั้นฉันไม่มีรูปกายนี่นา มันก็ต้องใช้อุปกรณ์แหละ”

      “แต่กระป๋องเบียร์ที่มีเบียร์อยู่เยอะขนาดนั้น มันเจ็บน่าดูเลยนะ หัวโนเลย”  ยามะพีว่าพลางลูบหัวตัวเอง

      “ไหนๆ ...ไม่โนแล้วนี่ เห็นแต่รอยเขียวๆ”   จินว่าพลางเปิดหน้าผากยามะพีดู หน้าคนสองคนอยู่ใกล้กันมาก จนยามะพีรู้สึกได้ถึงลมหายใจของจินที่รวยรินอยู่ตรงหน้าผาก

      .....นายเหมือนคนมากๆ จนฉันแทบจะลืมไปแล้วว่านายไม่มีตัวตนอยู่จริง....

      ยามะพีได้สติรีบผลักจินออกห่างตัว ก่อนจะพูดแก้เขิน

      “จะให้โนอยู่ได้ยังไงตั้งสามอาทิตย์กว่า พรุ่งนี้ก็ครบเดือนแล้วมั้ง”

      จินสะดุ้งกับประโยคสุดท้าย....อีกสองวันเท่านั้น ที่เขาจะได้อยู่กับร่างบางตรงหน้า ทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บปวดแบบนี้นะ

      “รีบไปเหอะจิน ฉันหิวข้าวแล้ว”

      .........................................................................

      ในความมืดจินยังคงลืมตา แม้ร่างบางจะหลับไปนานแล้ว แต่เขายังคงวนเวียนอยู่กับความคิดบ้าๆ ในหัว

      Secret letter บอกเอาไว้ชัดเจนว่าห้ามทูตสวรรค์ตกหลุมรักเจ้านายตนเอง และรูปกายสลายไปหากได้สัมผัสเจ้านายด้วยความปรารถนาในความไคร่ .... แล้วนะตอนนี้ล่ะ .... ไม่ว่ายังไงเขาก็จะต้องจากร่างบางนี้ไป ... เขาจะเลือกแบบไหนดีนะ 

      ร่างบางขยับตัวไปมาบนเตียงเล็กๆ  จินอดไม่ได้ที่จะคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้ ยามะพีตกใจก่อนจะลืมตากว้าง

      “นายจะทำอะไรนะ”

      “ฉันขอโทษ”  จินว่าพลางละมือออกจากเอวของยามะพี

      “ไม่ต้องขอโทษหรอก นายไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา” ยามะพีว่า

      “ฉัน...”  แล้วจินก็ไม่สามารถต้านทานอารมณ์ปรารถนาในตัวเองได้ เขารั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดก่อนจะมอบจูบอันแสนดูดดื่ม จากนั้นทุกอย่างที่ถูกควบคุมด้วยแรงปรารถนาของคนสองคน

      ค่ำคืนที่แสนยาวนาน .... รักต้องห้าม....และบทลงโทษที่รออยู่เบื้องหน้า

      ...............................................................................

      ยามะพีตื่นลืมตาขึ้นในตอนเช้า แต่ก็ต้องตกใจเมื่อไม่พบร่างคุ้นตาที่ต้องตื่นมาเจอทุกเช้าในระยะหนึ่งเดือนหลังนี้ แล้วร่างบางก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์

      “ฮัลโหล”

      “ฮัลโหล ...พีจัง วันนี้โคคิเค้าจะไปจากฉันแล้วล่ะ”  คาซึยะพูดพลางร้องไห้

      “ไป? ไปไหน จินก็ไม่อยู่เหมือนกัน ไม่รู้ไปไหน” ยามะพีเริ่มกระสับกระส่าย

      “ประโยคสุดท้ายก่อนที่โคคิจะหายตัวไป เค้าพูดถึงวัดคิโยมิสึ”

      “งั้นเราไปเจอกันที่นั่นนะคาเมะจัง”....ฉันไม่ยอมเสียจินไปเด็ดขาด

      ยามะพีวิ่งมายังวัดคิโยมิสึก่อนจะรีบกวาดสายตามองหาจิน แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า 

      “นายจะล่ำลาเค้าเป็นครั้งสุดท้ายมั้ย”  เสียงทุ้มๆ ของชายชุดดำ ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้า หันมาถามจิน

      “ผมทำได้หรือครับ”

      “ก็มาโดยที่ไม่ได้บอกเค้าไม่ใช่หรอ”  ชายชุดดำถามย้ำ

      “ครับ”

      “แล้วผมล่ะครับมาสเตอร์ ขอผมปรากฏร่างอีกสักครั้งเพื่อกอดลาคาเมะจังได้รึเปล่า”

      “สำหรับนาย ...ไม่ได้” 

      จินเดินไปยังร่างบางก่อนจะปรากฏตัวให้เห็น

      “ยามะพี!

      ยามะพีหันไปตามเสียงเรียกที่คุ้นเคย ก่อนจะวิ่งเข้ามา แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อโดนจินห้ามไว้

      “อย่านะ... อย่าทำอะไรที่ผิดกว่านี้อีกเลย นายอย่าร้องไห้นะ ฉันขอร้องโคคิไว้แล้ว นี่จะเป็นวันสุดท้าย ที่นายจำฉันได้ ต่อไป...นายจะได้อยู่กับเจ้าของด้ายแดงของนายนะ”

      “ไม่นะ... จิน...ฉันรั...”

      “หยุดเถอะ ...อย่าพูดเลย เดี๋ยวนายก็จะลืมแล้ว ..โคคิฝากด้วย”  ประโยคหลังจินพูดกับโคคิก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป  ยามะพีวิ่งตามมาก่อนจะดึงจินเข้ามาแล้วประกบปากอิ่มเข้ากับปากบางของร่างสูง ท่ามกลางความตกใจของมาสเตอร์และโคคิ แต่ไม่นานนัก ร่างของจินก็ค่อยๆ เลือนหายและสลายกลายเป็นไอแดดระยิบระยับ สิ่งที่ยามะพีคว้าไว้ได้ก็แค่ไออุ่นที่เคยมีเท่านั้น

      ร่างบางทรุดลงกับพื้นพร้อมกับร้องไห้

      “ไม่นะ ...ฉันไม่อยากเสียความทรงจำเกี่ยวกับจินไป...ขอร้องล่ะ...อย่าลบมันเลยนะ”

      โคคิมองหน้ามาสเตอร์ ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ มาสเตอร์พยักหน้าตามคำขอก่อนจะพาตัวโคคิกลับไป

      “นี่เป็นเคสใหม่ที่ต้องศึกษาใน secret letter เลยนะเนี่ย”  ประโยคสุดท้ายก่อนที่มาสเตอร์จะหายตัวไปพร้อมกับโคคิ

      ....................................................................................................

      สามปีผ่านไป....ไวเหมือนโกหก  (ก็โกหกนี่นะ ^^)

      ยามะพียังคงมาที่วัดคิโยมิสึทุกครั้งที่มีโอกาส คำอธิษฐานยังคงเป็นคำขอเดิมๆ แม้เขาจะรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ และทุกครั้งที่อธิษฐาน ผลของมันก็สำเร็จทุกครั้ง ยามะพีสามารถเดินไปยังก้อนหินที่เป็นจุดหมายได้ทุกครั้ง

      จนคาซึยะแซวว่ายามะพีเล่นนับก้าวตั้งแต่เริ่มเดินออกจากหินก้อนแรก...ก็เดินมาตั้งสามปีกว่าแล้วนี่นา อาจจะเป็นอย่างที่คาซึยะบอกก็ได้

      วันนี้ก็เช่นกัน วันนี้เมื่อสามปีก่อน....เขาเคยได้มาอธิษฐานขอพรกับใครคนหนึ่งที่เขาไม่เคยลืมเลย คนๆ แรกที่คิดว่าจะรักได้นอกเหนือจากเรียวจัง

      ยามะพียืนมาหยุดหน้าศาลเจ้าจิชูก่อนจะยกมือไหว้ แล้วไปอธิษฐานกับก้อนหินแห่งความรัก ก่อนจะหลับตาและก้าวเดินไปอย่างมั่นคงเหมือนทุกครั้ง เขารับรู้ได้ว่าอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงก้อนหินอันเป็นจุดหมาย เขาลืมตาขึ้นเมื่อรู้ว่าปลายเท้าสัมผัสกับมัน แต่สิ่งที่ทำให้เขายิ้มกว้างนั้นกลับไม่ใช่ก้อนหิน แต่เป็นชายหนุ่มในชุดดำที่อยู่ตรงหน้า

      “จิน!  เสียงเรียกแผ่วเบาที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็แทบไม่ได้ยิน  คนตรงหน้ายิ้มให้ก่อนจะอ้าแขนรอ

      “ฉันกอดนายได้จริงๆ หรอ ....กอดตรงนี้ได้จริงๆ หรอ”  ยามะพีถาม น้ำตาพาลจะไหล

      จินพยักหน้าก่อนจะรับยามะพีเข้ามาในอ้อมกอด

      แล้วบทสรุปของความรักก็จบลง....เพราะความรักแท้ที่มีให้กัน

       

       

      บทส่งท้าย

      “มาสเตอร์ครับ ทำไมไอ้จินมันได้กลับไปหายามะพีล่ะ แล้วผมล่ะคร้าบบบบ!!~  โคคิโวยวายพลางดิ้นพล่านๆ เหมือนเด็ก

      “ก็เค้ารักกันจริงนี่นา ยามะพีก็รอจินมาตั้งสามปี ส่วนคาเมะจังของแกหนีไปมีแฟนแล้วนี่”  มาสเตอร์ตอบเสียงเรียบ

      “ไหนว่าทูตห้ามตกหลุมรักเจ้านายตัวเองไง ถ้ามีสัมพันธสวาทก็จะต้องสลายไปไม่ใช่หรอ ....แงงงงงงง”

      “ก็ใช่ แต่ใน secret letter ที่แกอ่านกันน่ะ มันยังไม่จบ มันมีข้อยกเว้นว่า ถ้าหากเจ้านายก็รักทูตด้วยใจบริสุทธิ์แล้วล่ะก้อ จะช่วยชุบชีวิตทูตให้กลายเป็นมนุษย์ได้ ....แต่จะว่าไปตั้งแต่ฉันเป็นมาสเตอร์มา ก็เจอคู่นี้ล่ะนะ คู่แรกเลย” มาสเตอร์ว่าพลางอมยิ้ม

      “ไม่เอา....จะเอาคาเมะจัง...เอาคาเมะจังคืนมา”

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×