[SF] ::: นี่มันอะไรกันเนี่ย ภาค 2 :::: Jin x Pi x Reio - [SF] ::: นี่มันอะไรกันเนี่ย ภาค 2 :::: Jin x Pi x Reio นิยาย [SF] ::: นี่มันอะไรกันเนี่ย ภาค 2 :::: Jin x Pi x Reio : Dek-D.com - Writer

    [SF] ::: นี่มันอะไรกันเนี่ย ภาค 2 :::: Jin x Pi x Reio

    ถ้าคนรักขอให้คุณเชื่อใจ... แต่การกระทำที่เห็นมันค้านกับคำพูด... คุณจะเชื่อคนรักของคุณมั้ย??

    ผู้เข้าชมรวม

    549

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    549

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 พ.ค. 52 / 00:24 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                       ตอนนี้ใครอยากจิ้น ยามะพี จิน คาเมะ เวอร์ชั่นไหน

                      จิ้นได้เต็มที่เลยนะ คนแต่งยังไม่มีเวลาอัพข้อมูลเน๊!
                       
                         คนแต่งแบบว่า...แต่งแล้วหลงเรโอะ 555
                       
                      อ่านแล้วได้ feel ไหนก็บอกกัน...เพราะว่ายิ่งมืดยิ่งงงง

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ( รูปนี้ จินสาวไปหน่อยป่ะคะ)

                     

                      หลังจากใช้ความมุ่งมั่นที่จะทำตามฝันให้สำเร็จซึ่งทำให้พ่อจินใจอ่อน(!)จนเข้ามาอยู่ในบ้านอาคานิชิได้สำเร็จ โทโมฮิสะก็เปรียบเสมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งดูเหมือนว่าแม่จินจะรักโทโมฮิสะมากกว่าเรโอะเสียอีก (ฮะ ฮ่า) ดังนั้นภาพของการรับประทานอาหารเย็นพร้อมหน้าพร้อมตาของสมาชิกทั้งห้าคน อันประกอบไปด้วย พ่อจิน แม่จิน จิน น้องจิน และเจ้าสาวของจิน(>//< อ่ะนะ) จึงเป็นภาพที่คุ้นตาของบ้านนี้ไปซะแล้ว

                      โทโมฮิสะคีบอาหารให้จินชิ้นแล้วชิ้นเล่า จนเรโอะที่นั่งข้างๆ อดหมั่นไส้ไม่ได้

                      “นี่! เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็จับได้หรอก เก็บอาการหน่อยสิ น้ำลายจะหกออกมาอยู่แล้ว”  เรโอะกระซิบกระซาบ พลางทำท่าเช็ดน้ำลายให้โทโมฮิสะ  แต่ความหวังดีได้รับการตอบแทนด้วยศอกแหลมๆ ที่กระทุ้งเข้าข้างชายโครงหนึ่งที

                      “โอ๊ย!

                      “ยุ่งน่า” โทโมฮิสะหันไปเหยียดยิ้มมุมปาก

                      พ่อกับแม่ที่ก้มหน้าก้มตาทานข้าวไม่ทันได้รับรู้เรื่องราวก่อนหน้า จึงได้แต่ทำหน้างงงงกับเสียงร้องของเรโอะ เจ้าตัวยิ้มเก้อๆ ให้พ่อกับแม่ก่อนหันไปทำหน้ายักษ์ใส่โทโมฮิสะที่เอาแต่ทำตาหวานเยิ้มใส่จิน เมื่อเห็นว่าเพื่อนหน้าหวานไม่ได้สนใจเขา เรโอะจึงก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อไปเงียบๆ

                      หลังมื้ออาหาร ถ้วยชามกองใหญ่ถูกนำมาวางยังอ่างล้างจาน โดยมีเรโอะยืนล้างอยู่เพียงลำพัง เจ้าตัวล้างไปพลางคำรามฮึ่มๆ ในลำคอ ทั้งที่เป็นเวรของเขากับโทโมฮิสะแท้ๆ แต่เจ้าเพื่อนหน้าหวานกลับบอกว่า

                      “ฉันไปช่วยจินจัดห้องก่อนนะ นายล้างคนเดียวได้ใช่มั้ย”

                      ยังไม่ทันที่เรโอะจะอ้าปากตอบโทโมฮิสะก็หายแวบไปจากอ่างล้างจานทิ้งให้เขาเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง

                                                      .... คิดแล้วมันเจ็บใจไม่หาย...

       

                     

                      “ฮัดชิ้วว!!!  โทโมฮิสะใช้มือถูจมูกจนแดงกล่ำ จินละสายตาจากหนังสือ เงยหน้ามองร่างบางที่นั่งเฝ้าเขาอ่านหนังสือมาได้สักพัก

                      “เป็นหวัดหรอ”  จินถาม

                      “เปล่าหรอก คงมีใครแอบนินทาฉันแน่ๆ เลย”  โทโมฮิสะตอบติดตลก... ทั้งที่ในใจรู้ดีว่าป่านนี้เรโอะต้องกำลังด่าและกำลังสาปแช่งเขาแน่ๆ

                      “แน่ใจหรอ ไหนดูหน่อยสิ”  จินลุกจากโต๊ะอ่านหนังสือทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆ โทโมฮิสะ พลางใช้หลังมือแตะหน้าผากเบาๆ ไอร้อนกระทบหลังมือ

                      “เนี่ยนะ บอกว่าไม่เป็นอะไร ตัวร้อนออก”  จินว่าพลางโยกหัวโทโมฮิสะเบาๆ ร่างบางได้ทีซบเข้ากับไหล่กว้างของจิน

                      “จิน...”

                      “หืม..”

                      “อย่าทำแบบนี้กับใครนะ ...ฉันหวง” 

       

                     

                      ............................................................

       

                      เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้ง ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกโดยเจ้าของห้องอีกคนที่เดินหน้าบานเข้ามาจนแทบจะเข้าประตูไม่ได้ เรโอะละสายตาจากจอเกมส์คอมพิวเตอร์ก่อนถาม

                      “อ้าว! นึกว่าจะนอนกับจินซะอีก” เรโอะแกล้งแซว

                      “บ้าหรอ! ฉันก็อายเป็นนะ อีกอย่างมันยังไม่ถึงเวลา หุ หุ”  แววตามาดมั่นของโทโมฮิสะทำให้เรโอะเสียวสันหลังวาบ

                      “นี่นายคิดจะเผด็จศึกพี่ฉันรึไง”

                      “บ้า! เรื่องแบบนี้ต้องให้ผู้ชาย(?)เริ่มก่อนสิ”  โทโมฮิสะว่า (-_-“ พูดเหมือนตัวเองไม่ใช่ผู้ชายเนอะ พีจังเนอะ)

                      “นายนี่น๊า”  เรโอะว่าพลางเขย่าหัวได้รูปของเพื่อนหน้าหวานเบาๆ ...เอ้อ!!~...ผมนุ่มกว่าที่คิดแหะ

                      “หยุดเลย ฉันเป็นเพื่อนเล่นนายหรอ ฉันเป็นว่าที่พี่สะใภ้นายนะ กล้าเล่นหัวหรอ”  โทโมฮิสะพูดอย่างไม่จริงจังนัก

                      “ก็ได้ ก็ได้ คุณพี่สะใภ้... ไปอาบน้ำเถอะครับ ผมทนเหม็นคุณพี่ไม่ไหวแล้ว”

                      “บ้า!

                      ร่างบางอาบน้ำพร้อมฮัมเพลงอย่างมีความสุข แต่หารู้ไม่ว่า ข้างนอกห้อง เรโอะเอามืออุดหูอย่างเหลืออด

      ....เพลงอะไรของมันฟะ ฟังแล้วขนลุกชะมัด....

       

       

                      แสงตะวันยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เรโอะค่อยๆ ตื่นลืมตาขึ้น ก่อนจะลุกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำเขาเหลือบตามองร่างบางที่นอนข้างๆ ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นก่อนผุดยิ้มที่มุมปาก

      ...เจ้านี่นอนดิ้นเหมือนเด็กๆ เลยแหะ...

                      เรโอะเหลือบมองนาฬิกายังไม่เจ็ดโมงจึงไม่ได้ปลุกร่างบางที่นอนห่มผ้าจนถึงคอ เขาเดินลงมายังโต๊ะอาหารที่ยังว่างอยู่ แม่ทยอยยกอาหารเช้าซึ่งวันนี้เป็นอาหารเช้าสไตล์อเมริกัน เรโอะมองจานไข่ดาวและไส้กรอกตรงพลางน้ำลายไหล เกือบจะเอื้อมมือไปหยิบก็โดนแม่ตีมือดังเพี๊ยะ

                      “เรโอะนี่ยังไงเนี่ย ส้อมก็มี มือสกปรกออก”

                      “ผมเพิ่งอาบน้ำมานะ”  เรโอะลูบหลังมือตัวเองป้อยๆ

                      พ่อและจินมาสมทบแล้วในตอนนี้ มีเพียงโทโมฮิสะเท่านั้นที่ยังไม่เห็นแม้เงา

                      “โทโมะจังล่ะ”  พ่อถามขึ้น

                      “คงกำลังอาบน้ำอยู่มั้งครับ”  เรโอะตอบทั้งที่ยังเคี้ยวไข่ดาวตุ้ย

                      “เขาตื่นแล้วใช่มั้ย”  แม่ถามขึ้นอีก

                      “เอ่อ... ตอนผมลงมาเค้ายังนอนอยู่ครับ” เรโอะกลืนไข่ดาวลงคออย่างยากลำบาก...รู้สึกเหมือนงานกำลังจะเข้าเลยแหะ >_<

                      “อ้าว! แล้วไม่ได้ปลุกกันหรอ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายกันพอดี เรานี่ใช้ไม่ได้เลย” แม่บ่นพลางทำท่าจะลุกไปตามโทโมฮิสะ

                      “ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวผมขึ้นไปดูเอง เมื่อคืนก็ตัวร้อน อาจจะไม่สบายก็ได้”  เป็นเสียงของจินที่แทรกขึ้น เจ้าตัวก้าวขึ้นบันไดไปทั้งที่ยังไม่ได้แตะอาหารเช้าเลยด้วยซ้ำ

      ... ไม่สบายหรอ ไม่เห็นรู้เลย เห็นตอนกลับมาจากห้องจินก็ยังดีดีอยู่นี่นา...

                      เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้ง ก่อนที่ร่างสูงจะก้าวผ่านประตูเข้ามา ร่างบางลืมตามองอย่างยากลำบาก ภาพลางเลือนราวกับความฝัน นี่ตกลงว่ามันเป็นความฝันหรือความจริงกันนะ

                      “ไหนว่าไม่เป็นอะไรไง ไม่สบายจริงๆ ด้วยสินะ”  แม้จะตำหนิแต่น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมานุ่มนวลเหลือเกิน มือนุ่มที่วางอิงอยู่บนหน้าผากแทบจะมลายความร้อนรุมจากพิษไข้ไปจากตัวโทโมฮิสะไปจนหมดสิ้น

                      “ก็เมื่อคืนมันยังดีดีอยู่นี่นา แต่เช้ามาเหมือนมันหมดพลังงานยังไงไม่รู้”  ร่างบางตอบ

                      “...” จินไม่ได้ตอบว่าอะไร แค่ดึงร่างบางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนจะจุมพิตลงที่ปากอิ่มเบาๆ

                      “เฮ้!!~  จินทำแบบนี้เดี๋ยวก็ติดหวัดฉันหรอก”

                      “ไม่เป็นไรหรอก ฉันน่ะแข็งแรงอยู่แล้ว เป็นไง... มีพลังงานเพิ่มขึ้นบ้างรึยัง” 

                      “อืม... รู้สึกดีมากๆ เลยล่ะ”  โทโมฮิสะพยักหน้าหงึกหงักกับแผ่นอกกว้างของจิน

      ....เวลานี้ หากมันเป็นความฝัน ก็ไม่อยากตื่นเลย....

       

                     

                     

                      โทโมฮิสะเดินลงบันไดอย่างร่าเริง หลังจากอาบน้ำ (และได้รับการชาร์ตพลังจากจิน>//< ) ร่างบางดูจะมีเรี่ยวแรงขึ้นมา ร่างบางเดินลงมายังห้องครัวเห็นแม่จินกำลังล้างจานจึงเดินเข้าไปช่วย

                      “ไม่เป็นไรหรอกจ้า โทโมะจังไปพักผ่อนเถอะ จะได้หายเร็วๆ”  แม่จินยิ้มให้อย่างอ่อนโยน.... คุณแม่สามีดีแบบนี้คงไม่ต้องห่วงแล้วสินะ โฮะ โฮะ

                      โทโมฮิสะจึงได้แต่เดินดูนู่นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย รดน้ำต้นไม้ก็แล้ว อาบน้ำให้พิน (น้องหมาของจิน) ก็แล้ว เวลาว่างก็ยังเหลือเยอะแยะ

      วันหยุดที่ไม่มีจินอยู่ด้วยนี่ ...มันช่างยาวนานและน่าเบื่อเสียจริงๆ

       

      Trrr  Trrrrrrrrr...............

                      โทโมฮิสะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกรอกเสียงหวานไปตามสาย

                      “จิน!!~ .... อืม ดีขึ้นมากแล้วล่ะ  ตอนนี้พินจังตัวหอมมากเลยนะ ....ใช่ ฉันอาบน้ำให้มันล่ะ”  โทโมฮิสะว่าพลางกอดรัดฟัดเหวี่ยงน้องหมาตัวจ้อยก่อนจะหัวเราะคิกคัก

                      “เย็นนี้เราพาพินจังไปเดินเล่นกันนะ ได้ได้ ฉันจะรอนะ”  โทโมฮิสะกดวางสายก่อนจะกอดพินจังแล้วซุกหน้าลงไปกับขนนุ่มๆ พินจังดิ้นด้วยความจักจี้

                     

                      โทโมฮิสะพาพินจังมาวอร์มร่างกายด้วยการวิ่งเล่นไล่งับลูกบอลในสวนหน้าบ้าน จนเจ้าตัวเล็กหมดกำลังที่จะวิ่งตามลูกบอล มันหยุดและมองโทโมฮิสะอย่างอารมณ์ไม่ดี โทโมฮิสะมองพินจังและลูบหัวอย่างอ่อนโยน

                      “ไม่เอาน่า พินจัง แค่นี้จะยอมแพ้ได้ยังไง นายต้องพยายามให้มากกว่านี้สิ ... ลูกบอลเนี่ย ก็เหมือนกับความรักล่ะนะ ถ้าอยากได้ก็ต้องพยายามสิ”  ว่าแล้วโทโมฮิสะก็ขว้างลูกบอลลงกับพื้น พินจังวิ่งตามไป แต่เจ้าลูกบอลนั่นดันกลิ้งไปหยุดที่เท้าใครบางคนเสียก่อน

                      “โทโมะจัง ความรักไม่เหมือนลูกบอลหรอกนะ ไม่ใช่ว่าคว้ามาอยู่ในมือได้แล้ว มันจะเป็นของเราตลอดไป ถ้ากำแน่นไป มันก็จะบิดเบี้ยว แต่ถ้าปล่อยมันก็จะหล่นลงพื้นแบบนี้ เพราะฉะนั้น ... อย่ามัวแต่วิ่งตามความรักนะรู้มั้ย เราต้องรู้จักประคับประคองความรักไว้ด้วย”  แม่จินว่าพลางยื่นตะกร้าใส่ขนมให้โทโมฮิสะ โทโมฮิสะรับมาก่อนจะกล่าวขอบคุณ และมองไปยังลูกบอลลูกเดิมที่เวลานี้อยู่ในปากพินจัง

      ...แกเนี่ย ฉวยโอกาสจังเลยน๊า....

                     

      เสียงเปิดประตูบ้านทำให้โทโมฮิสะละสายตาจากพินจัง

                      “จิน!~  โทโมฮิสะเริงร่าขึ้นมาในทันที จินเพียงแค่พยักหน้ารับรู้การมีตัวตนอยู่ของโทโมฮิสะก่อนจะขึ้นไปเก็บของแล้วลงมาในชุดลำลอง

                      “จินเป็นอะไรรึเปล่า ดูเครียดๆ นะ”  โทโมฮิสะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน หลังจากที่เดินออกจากบ้านมาได้สักพัก

                      “ฉันหรอ...ไม่เป็นอะไรหรอก โทโมะจังล่ะ วันนี้ไม่ได้ไปโรงเรียนเหงารึเปล่า”  จินปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

                      “เหงาสิ วันเวลาที่ไม่มีจินอยู่ด้วยมันผ่านไปช้ามากเลยนะ มากจนฉันทรมานเลยล่ะ”  โทโมฮิสะว่าพลางกอดจินจากด้านหลัง ก่อนจะซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างของจิน  

                      “นายทำแบบนี้เหมือนกับว่า ถ้าไม่มีฉัน นายจะอยู่ไม่ได้อย่างนั้นแหละ”

                      “อืม ถ้าไม่มีจิน ฉันก็คงเหมือนตายทั้งเป็นนั่นแหละ”  โทโมฮิสะตอบเสียงอู้อี้

                      ดวงตะวันใกล้จะลับขอบฟ้าสาดสะท้อนแสงเงาเป็นรูปคนสองคนทอดยาวไปทางด้านหลัง ก่อนจะค่อยๆ มืดมิดลงและถูกแทนที่ด้วยแสงไฟ จินหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับโทโมฮิสะ ก่อนจะเชยคางมนขึ้นสบตากับเขา

                      “โทโมะจังไม่ใช่คนอ่อนแอแบบนั้นสักหน่อย ไม่ว่าจะมีฉันหรือไม่มี โทโมะจังก็ต้องอยู่ให้ได้”  จินว่า

                      “จินพูดเหมือนจินจะไปไหนอย่างนั้นแหละ”

                      “ฉันไม่ได้ไปไหนหรอก ... แต่การที่เราอยู่ในบ้านเดียวกัน มันเป็นอะไรมากกว่านี้ไม่ได้อยู่แล้ว ”  จินตอบ

                      “ไม่หรอก...”   ...โทโมฮิสะว่า.... นี่การตัดสินใจเข้ามาอยู่ในบ้าน ทำให้ความสัมพันธ์ไม่พัฒนาหรือนี่ T^T

                      “ห๊ะ!

                      “ถ้าจินคิดจะทำอะไรจริงๆ ...ฉันพร้อมเสมออยู่แล้ว ”   ( o_O  โทโมะจัง นู๋เป็นเคะนะลูกกกก!!~) 

                      “แต่แม่จะคิดยังไงล่ะ ลูกชายเจ้านายพ่อเชียวนะ...”

                      “คุณแม่จินไม่ว่าอะไรหรอก ท่านต้องเป็นแม่สามีที่ดีแน่ๆ ยังช่วยฉันเลือกสีไหมพรมที่จะถัก อุ๊บส์....”  โทโมฮิสะปิดปากตัวเองราวกับนึกขึ้นได้ว่าจะปูดความลับออกมา... ความลับที่แอบถักเสื้อกันหนาวให้จิน

                      “โทโมะจังเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองจังเลยนะ ชอบก็บอกว่าชอบ ...ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ...ฉันชอบนายที่เป็นแบบนี้แหละ”

                      “ฉันไม่ชอบโกหก แล้วก็ไม่ชอบคนโกหกด้วย จินก็เหมือนกัน ... ต่อไปถ้ามีอะไรก็บอกฉันนะ ...บอกรักฉันวันละหลายๆ รอบก็ได้”   โทโมฮิสะว่าพลางซุกหน้าลงกับไหล่กว้างของจิน 

                      จินยิ้มน้อยๆ กับท่าทางอ้อนๆ ของคนตัวเล็ก....โกหก...อย่างนั้นหรอ การไม่บอกความจริงทั้งหมดมันคงไม่เรียกว่าเป็นการโกหกหรอกมั้ง.... เขาแค่ไม่อยากให้โทโมฮิสะไม่สบายใจเท่านั้นเองนี่นา

                      กลับมาถึงบ้านก็ถึงเวลาอาหารค่ำพอดี เรโอะนั่งหน้าบูดเป็นตูดปลาหมึกอยู่ที่โต๊ะอาหาร โทโมฮิสะเข้าไปนั่งข้างๆ เหมือนทุกครั้ง  แต่น่าแปลกที่ไม่มีเสียงทักทายหรือพูดคุยหลุดออกมาจากปากเรโอะเหมือนเคย แถมกินอิ่มแล้วก็เดินขึ้นไปข้างบนโดยที่ไม่ดูทีวีอีกด้วย โทโมฮิสะมองตามไปอย่างงงงง

                      “อย่าไปสนใจเลย พวกชอบเรียกร้องความสนใจน่ะจ้ะ”   แม่จินว่าพลางเก็บจานชาม  โทโมฮิสะพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะช่วยคุณแม่(สามี)ทำความสะอาดโต๊ะกินข้าว

                      โทโมฮิสะก้าวเข้าห้องนอนมาก็รู้สึกถึงบรรยากาศมาคุที่เริ่มกรุ่นๆ ไปทั่วห้อง  เรโอะนอนแล้ว แต่โทโมฮิสะรู้ดีว่าหมอนี่ยังไม่หลับ จึงเดินไปอาบน้ำและออกมาล้มตัวลงนอน กำลังจะเคลิ้มก็ถูกปลุกด้วยเสียงเรียกที่น่ารำคาญ

                      “นี่ นี่ นี่”  เรโอะว่าพลางใช้นิ้วเขี่ยโทโมฮิสะ

                      “นี่ นายไปเดินเล่นกับจินมาหรอ” โทโมฮิสะปรายตามองเพียงนิดเดียวแล้วก็หลับตาต่อ

                      “อืม”

                      “โห! ไม่เห็นชวนเลย”

                      “ก็นายกลับเย็น ขี้เกียจรอ”  โทโมฮิสะลุกขึ้นนั่งอย่างเซ็งๆ

                      “ฉันเล่นบาสอยู่”

                      “นั่นไง เลยไม่รอ กว่าจะกลับมาถึง อาบน้ำอีก ...ไม่ต้องไปกันพอดี”

                      “โห! อะไรว้า ใจดำชะมัดเลย” เรโอะแกล้งบ่น แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากโทโมฮิสะ เรโอะจึงเปลี่ยนแผน

      “ ... อ่ะนี่ ฉันให้” เรโอะเปลี่ยนหน้าจากอารมณ์เซ็งเป็นสดใสก่อนจะส่งตั๋วใบหนึ่งให้โทโมฮิสะ

                      “อะไร”

                      “บัตรเข้าสวนสนุก”

                      “มีใบเดียวหรอ งั้นไม่ไป”

                      “สอง.... ฉันใบหนึ่ง นายใบหนึ่ง”

                      “นั่นก็...ไม่ไป”  โทโมฮิสะทำท่าจะฟุบลงกับหมอนอีก

                      “อ่ะอ่ะ อีกใบก็ได้ จะชวนจินไปอ่ะดิ ตลอดแหละนาย ในหัวมีแต่เรื่องจะจับพี่ชายฉัน”

                      “เหอะน่า เอาไว้พอนายมีคนที่ชอบ ในหัวนายก็จะมีแต่เรื่องของคนๆ นั้นแหละ”  โทโมฮิสะตอบทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม

                      คำตอบของโทโมฮิสะทำให้เรโอะชะงักเลยทีเดียว ...

       

       

       

                      เช้าวันอาทิตย์มาถึงอย่างรวดเร็ว โทโมฮิสะตื่นเองโดยที่ไม่ต้องมีใครปลุก แม้แต่เรโอะเองยังตกใจกับความเริงร่าที่ผิดสังเกตของเพื่อนหน้าหวาน

                      “นี่ ฉันเห็นนายหมุนไปหมุนมาหน้ากระจกหลายรอบแล้วนะ”

                      “แหม ไปเที่ยวกับแฟนมันก็ต้องดูดีสิ”

                      “ใครแฟนใคร”

                      “เอ้า! ก็ฉันกับจินไง”

                      “ฉันก็ไปด้วยนะเฟ้ย สนใจกันบ้างดิ”  เรโอะว่าพลางชี้มาที่ตัวเอง

                      “แหม ทำตัวเป็นน้องสามีที่ดีหน่อย”

                      “เออ เออ เอาไงก็เอา ... แล้วก็เลิกหมุนไปหมุนมาได้แล้ว ฉันเวียนหัว”

                      โทโมฮิสะยิ้มกับตัวเองในกระจกหนึ่งครั้ง ก่อนจะวิ่งลงไปในห้องครัว เพื่อช่วยคุณแม่ (สามี) จัดโต๊ะสำหรับอาหารเช้า

       

       

                      ภาพคนสองคนเดินเกาะแขนกันมาท่ามกลางดอกซากุระที่กำลังผลิบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจสำหรับผู้พบเห็น แต่มันไม่เป็นที่น่าประทับใจของเรโอะเลยแม้แต่น้อย

      ....มากันสามคนนะเฟ้ย ไหงให้เดินเป็นติ่งแบบนี้ ยังไม่พอ...ใช้ให้ถือของอีก

                      สวนสนุกวันอาทิตย์คราคร่ำไปด้วยผู้คน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะพาครอบครัวมาพักผ่อน หรือไม่ก็จะมากันสองต่อสองแบบคู่รัก เรโอะมองคนโน้นคนนี้แล้วก็ปลงกับชะตาชีวิตตัวเอง

      .... เหมือนมาเป็นทาสให้โทโมะจังยังไงก็ไม่รู้ แต่เอาเหอะ ...แค่โทโมะจังไม่ทำหน้าเศร้าก็พอแล้วล่ะ...

                      “เฮ้ย!  เสียงร้องของเรโอะทำให้จินและโทโมฮิสะที่เดินอยู่ข้างหน้าหันมามอง  เรโอะโบกมือในเชิงว่าไม่มีอะไร ก่อนจะต้องตกใจกับความคิดในหัวของตัวเอง ...พร้อมๆ กับคำพูดที่โทโมฮิสะเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้

      “เอาไว้พอนายมีคนที่ชอบ ในหัวนายก็จะมีแต่เรื่องของคนๆ นั้นแหละ”

      ....สองสามวันมานี้ ในหัวเรามีแต่เรื่องโทโมะจังตลอด...

                      “ไม่ ไม่ ไม่”  เรโอะสะบัดหัวสองสามครั้ง ก่อนจะเงยหน้ามาสบตากับสายตาพิฆาตของเพื่อนหน้าหวาน

                      “เป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายก็กลับไปนอนเถอะ”  โทโมฮิสะว่า

      ...ฟังดูเหมือนเป็นห่วงนะเจ้าบ้า ฉันรู้ทันนายหรอก ไม่อยากให้ฉันอยู่เป็นก้างล่ะสิ...

                      “ไม่นี่ ฉันสบายดี จะเล่นชิงช้าสวรรค์กันหรอ ดีเลย ฉันเล่นด้วย” เรโอะจงใจแกล้ง

                      โทโมฮิสะทำท่าจะวีนอีกรอบ แต่เมื่อเห็นจินขึ้นไปนั่งในกระเช้า เจ้าตัวจึงรีบแทรกตัวไปนั่งข้างๆ เรโอะมองภาพนั้นอย่างขำๆ แล้วจึงขึ้นไปนั่งในฝั่งตรงข้าม

                      โทโมฮิสะวิ่งเล่นเครื่องเล่นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จินมองเห็นรอยยิ้มก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้ เขาเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าอายุก็เป็นอุปสรรคในการเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกเหมือนกัน เขาจึงทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งข้างน้ำพุ เรโอะโดนโทโมฮิสะลากไปช่วยถือน้ำอยู่หน้าร้านขายของซึ่งอยู่ไม่ไกล จินมองโทโมฮิสะกับเรโอะที่ทะเลาะกันเรื่องน้ำผลไม้ ก่อนจะยิ้มอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้โทโมฮิสะกลายเป็นคนในครอบครัวเขาไปแล้วสินะ

                      “จิน!   เสียงเรียกที่คุ้นเคยทำให้จินหันไปตามเสียง

                      “อ้าว คาเมะ มาคนเดียวหรอ”  จินหันไปเห็นเพื่อนร่วมคณะเดินมาเพียงลำพัง

                      “มากับยูอิจิ เค้าไปซื้อของอยู่”

      “อืมม...”

      “ ... จิน...เรื่องนั้นว่ายังไง ฉันจริงจังนะ”  คาเมะพูดถึงบางเรื่องที่จินไม่อยากแม้แต่จะพูดถึง

                      “เรื่องนั้น...มาพูดตอนนี้ดูมันจะสายไปหน่อยมั้ง” 

                      “เพราะจินรักคนอื่นแล้ว...อย่างนั้นหรอ”

                      “เพราะยูอิจิรักนายมากต่างหาก”

                      บทสนทนาจำเป็นต้องจบลงเพียงแค่นั้น เพราะทั้งยูอิจิ โทโมฮิสะและเรโอะเดินกลับมาพอดี โทโมฮิสะมีแววประหลาดใจบนใบหน้า เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้เจอคาเมะ

                      “สวัสดีครับ”  เป็นโทโมฮิสะที่กล่าวทักทายก่อน คาเมะเพียงแค่ยิ้มตอบก่อนจะขอแยกตัวไปกับยูอิจิ คิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้ แต่โทโมฮิสะรู้สึกว่า...นั่นเป็นรอยยิ้มที่ฝืนเหลือเกิน

                     

                                         ...................................................................................................................

                     

                      “นี่ นี่ เราแวะไปหาจินที่มหาลัยดีมั้ย”  โทโมฮิสะพูดขึ้นขณะเดินนำหน้าเรโอะไปยังสถานีรถไฟ หลังเลิกเรียนของทุกวันพวกเขาจะต้องมาขึ้นรถไฟที่สถานีนี้เสมอ

                      “แวะหรอ... มหาลัยเจ้านั่นไม่ใช่ทางผ่านซักหน่อย ถ้าอยากจะไป ก็บอกว่าไป ไม่ใช่แวะ”  เรโอะว่า

                      “อะไรเล่า แค่นี้ก็ต้องโมโหด้วย... นั่นแหละที่อยากจะพูด เราไปหาจินกันเถอะ”  ว่าแล้วโทโมฮิสะก็ลากเรโอะไปโดยไม่ปล่อยให้เจ้าตัวตอบแม้แต่น้อย

                      โทโมฮิสะลากเรโอะมาจนถึงมหาลัยของจิน แต่ความกว้างใหญ่ของมหาลัยทำให้ทั้งสองคนหาจินไม่เจอ ทั้งที่เดินหาในที่ที่คิดว่าจินจะอยู่ก็ไม่เจอ  เรโอะเดินตามโทโมฮิสะจนขาลาก

                      “นี่ โทรหาไม่ดีหรอ เผลอๆ ตอนนี้เจ้านั่นอาจจะไม่อยู่ในมหาลัยแล้วก็ได้”

                      “หรอ”

                      “หรออะไร ฉันเดินจนขาลากแล้วนี่ คืนนี้โทโมะจังนวดให้เลยนะ”

                      “ถ้าจินไม่อยู่ที่นี่ แล้วจินจะไปไหนล่ะ ทั้งที่บอกฉันว่าจะกลับบ้านช้าแท้ๆ”  โทโมฮิสะพูดเสียงเบา เรโอะเงยหน้ามองคนตรงหน้า ก่อนจะเข้าใจเจตนาทั้งหมดของเพื่อนหน้าหวาน

                      “ทำไม ไม่ไว้ใจเจ้านั่นรึไง” 

                      “ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่มันก็อดกังวลไม่ได้ นายเห็นสายตาของคาเมะที่มองจินรึเปล่า ...ฉันเคยเป็นแบบนั้น...สายตาคนมีความรัก ดูปั๊บก็รู้แล้ว”  โทโมฮิสะพูดพลางทิ้งตัวลงข้างๆ เรโอะที่นั่งอยู่ก่อน

                      “อ๊ะ! นั่นยูอิจินี่ เค้าน่าจะรู้นะว่าจินอยู่ที่ไหนนะ”  เรโอะว่าก่อนที่จะวิ่งไปที่ยูอิจิที่เพิ่งเดินผ่านมา

                      ยูอิจิทำท่างงงงกับการทักทายสายฟ้าแลบของเรโอะก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ

                      “แล้วนายเห็นคาเมะบ้างรึเปล่า” ยูอิจิถามกลับ

                      เรโอะส่ายหน้าก่อนจะหันกลับมาหาเพื่อนหน้าหวานที่เพิ่งเดินมาสมทบ ความกังวลฉายชัดในดวงตาคู่สวย

      ....คาเมะกับจินหายตัวไปพร้อมๆ กัน....

                     

                      โทโมฮิสะกลับมาถึงบ้านนานแล้ว กินข้าวแล้ว อาบน้ำแล้ว จินก็ยังไม่กลับมา ร่างบางมานั่งรอในห้องของจินจนกระทั่งหลับฟุบไปกับโต๊ะอ่านหนังสือ จินเปิดประตูเข้ามาเห็น ความรู้สึกผิดผุดวาบขึ้นในใจ  เขาเหลือบมองนาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน

      ....ดึกขนาดนี้ ยังรออีกหรอเนี่ย...

                      จินแตะไหล่คนตัวเล็กเบาๆ ร่างบางสะดุ้งตื่นมาพร้อมกับความงัวเงียแต่ก็ยังอุตส่าห์ยิ้มให้จินจนได้

                      “จินกลับดึกจัง”

                      “พอดีมีธุระกับเพื่อนนิดหน่อยน่ะ”  จินตอบโดยที่ไม่สบตา

                      “หรอ งั้นฉันไปนอนดีกว่า จินปลอดภัยกลับมา ฉันก็ดีใจแล้ว”  โทโมฮิสะกำลังจะเดินออกจากห้องไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรับรู้ได้ถึงอ้อมกอดของคนรักจากด้านหลัง

                      “เชื่อใจฉันนะ”

                      “อืมม”  แม้จะไม่รู้ว่าจินให้เชื่อใจเรื่องอะไร แต่ในสภาพนี้ต่อให้ตาย โทโมฮิสะก็ยอม

      ..................................................

                      แสงตะวันยามเช้าส่องแสงผ่านหน้าต่างเข้ามา ปลุกให้คนขี้เซาอย่างเรโอะตื่นขึ้นอย่างยากลำบาก เรโอะหรี่ตาขึ้นมองคนข้างกาย ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยเบาๆ เหมือนที่ชอบทำ

                      “นี่ โทโมะจังเช้าแล้วนะ ไม่ไปอาบน้ำหรอ”

                      “....”  ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากโทโมฮิสะ

                      “โทโมะจัง!  เรโอะยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนพร้อมกับดึงผ้าห่มออกจากตัวโทโมฮิสะ ร่างบางขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะคว้าผ้าห่มขึ้นคลุมจนมิดทั้งตัว

                      “ฉันเหนื่อยนะ เมื่อคืนก็นอนดึก ฝากลาป่วยให้ฉันด้วยละกัน”  เสียงอู้อี้เล็ดลอดมาจากใต้ผ้าห่ม เรโอะทำได้แค่ส่ายหน้า เพราะถ้าโทโมฮิสะบอกว่ายังไง ก็คือหมายความตามนั้น

                      เรโอะอาบน้ำก่อนจะเดินลงมารับประทานอาหารเช้าร่วมกับพ่อแม่และพี่ชาย แต่เมื่อลงมาถึงยังไม่มีใครมาที่โต๊ะเลยสักคน เรโอะจึงเดินไปเปิดตู้เย็น แล้วเทนมใส่แก้วกินรองท้องแทน แม่หันมาเหมือนจะถาม เรโอะจึงชิงตอบเสียก่อน

                      “วันนี้โทโมะจังขอไม่ไปโรงเรียนครับ บอกว่าไม่ค่อยสบาย”

                      “อีกแล้วหรอเนี่ย สุขภาพไม่ค่อยดีจริงๆ ด้วยนะ”  แม่พูดคล้ายพึมพำกับตัวเอง

                      “เอ๋! เจ้านั่นไม่ค่อยแข็งแรงหรือครับ” เรโอะวางแก้วนมลงบนโต๊ะอย่างลืมตัว

                      “เห็นว่าเป็นโลหิตจางมาตั้งแต่เล็กๆ แล้วนะ” แม่ว่า

                      “งั้นหรอครับ”  เรโอะรู้สึกร้อนวาบขึ้นมาในอก

                     

      ...................................................

                      โทโมฮิสะตื่นลืมตาก่อนจะสะบัดหัวสองสามครั้งด้วยความมึนงง ช่วงนี้เขานอนไม่หลับติดต่อกันหลายคืนแล้ว เขาคงกังวลมากไปสินะ ทั้งๆ ที่จินบอกว่าไม่มีอะไร ทั้งๆ ที่จินบอกว่าให้เชื่อใจ... แต่ทำไมเขาถึงได้ยังกังวลอยู่ก็ไม่รู้

                      โทโมฮิสะเข้าครัวด้วยความหิว แต่ความอ่อนเพลียทำให้เขากินได้ไม่มาก เขาทรุดตัวลงนั่งดูทีวีอย่างเซ็งๆ

                      “โทโมะจัง เมื่อเช้าพ่อของโทโมะจังโทรมาด้วยล่ะ แต่แม่เห็นว่ายังหลับอยู่ก็เลยไม่ได้ปลุก”  แม่จินพูดขึ้นขณะยกของว่างมาให้

                      “หรอครับ พ่อว่ายังไงบ้างล่ะครับ”

                      “ก็ถามว่าสบายดีมั้ย มีเรื่องร้องไห้รึเปล่า บอกว่าถ้าว่างให้ไปเที่ยวที่นู่นบ้าง อ่อ...แล้วก็ถามว่าโทโมะจังทำความฝันสำเร็จหรือยัง”  แม่ว่าพลางนั่งคนกาแฟในถ้วย โทโมฮิสะแทบจะสำลักโกโก้ร้อนที่ดื่มอยู่

                      “เรื่องนั้น ผมก็กำลังพยายามอยู่”  โทโมฮิสะไม่กล้าสบตาแม่จิน (กลัวโดนจับได้ว่าจะกินลูกชายแม่ >//<)

                      “แม้แม่จะไม่รู้ว่าความฝันนั้นคืออะไร แต่ก็...พยายามเข้านะ”  แม่จินยิ้มให้ โทโมฮิสะพยักหน้าและยิ้มตอบ

                      โกโก้อุ่นๆ ทำให้โทโมฮิสะรู้สึกดีขึ้นแต่เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน โทโมฮิสะเผลอหลับไปตรงโซฟาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ก็ต้องตกใจตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้อง ร่างบางลุกขึ้นมองหยาดฝนที่ไหลรินอยู่ที่บานหน้าต่าง แม่จินที่เดินเข้ามาพร้อมกับผ้าที่เพิ่งเก็บ

                      “ฟ้าร้องทำให้โทโมะจังตื่นเลยสินะ”  โทโมฮิสะหันไปยิ้มกับแม่จิน

                      “แปลกจังนะครับ ฝนตกทั้งที่เป็นหน้าร้อน”

                      “ฝนหลงฤดูนะสิ  ขากลับเจ้าสองคนนั่นคงเปียกเป็นลูกหมาแน่ๆ” แม่พูดก่อนจะเดินขึ้นชั้นสองไป

                      “ผมไปข้างนอกนะครับ” โทโมฮิสะว่าพลางหยิบร่มแล้ววิ่งออกจากบ้านไป

                                                      ... ป่านนี้จินคงติดฝนอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่ๆ...

       

                      ร่างบางวิ่งฝ่าสายฝนที่ตกกระหน่ำ แม้จะมีร่มแต่ละอองฝนก็ทำให้ร่างบางเปียกปอนไปทั้งตัว ร่างบางไล่ถามหาห้องเรียนของจินจากนักศึกษาที่เดินผ่านไปมา แต่เมื่อมาถึงก็ไม่พบใครอยู่ในห้องนอกจากนักศึกษาที่นั่งลอกเลคเชอร์เพื่อนอยู่

                      “จินหรอ เห็นออกไปกับคาเมะตั้งแต่เลิกเรียนแล้วนี่”  คำตอบที่ได้แทบจะทำให้หัวใจของโทโมฮิสะหยุดเต้น

      ...ไปกับคาเมะ...

      “เชื่อใจฉันนะ”   

       คำพูดของจินที่ยังคงดังก้องอยู่ในหัว คำพูดกับการกระทำมันค้านกันเหลือเกิน...จิน

                      ร่างบางเดินไปเรื่อยๆ ท่ามกลางสายฝน เรี่ยวแรงมีไม่พอที่จะถือร่มเพื่อกันฝนด้วยซ้ำ โทโมฮิสะจึงได้แต่ปล่อยให้สายฝนหล่นลงเปียกปอนตัว พร้อมๆ กับหัวใจที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตา

                      “โทโมฮิสะ นายจะหูเบาแบบนี้ไม่ได้ นายต้องตามหาจินให้เจอสิ จินอาจจะรอนายไปรับอยู่ก็ได้”  พูดพลางปาดน้ำตาแล้วกางร่ม ก่อนจะวิ่งออกไป

                      ร่างบางวิ่งไปยังสถานที่ที่คิดว่าจินจะไป ทั้งชมรมดนตรี ทั้งห้องสมุด แต่ไม่มีวี่แววของคนที่รักเลย ร่างบางถอดใจก่อนจะเดินออกจากมหาลัยไป ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดในขณะที่โทโมฮิสะเหลือเรี่ยวแรงน้อยลงทุกที

                                                      จ๊อกกกกก!!~

                      เสียงท้องร้องประท้วงขึ้นมาทำให้นึกได้ว่า เขายังไม่ได้กินเข้ากลางวันเนื่องจากหลับไปเพราะความเพลีย ร่างบางหยิบเหรียญเงินในกระเป๋า กำลังจะก้าวเข้าร้านเบเกอรี่ สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างคุ้นตา

      ....จิน...กับ...คาเมะ!

                      ไม่มีความอดทนอีกต่อไป หยาดน้ำตามากมายที่หลั่งรินออกมาก่อนจะถูกกลืนหายไปกับหยาดฝน โทโมฮิสะตัดสินใจฝากร่มไว้ที่ร้านเบเกอรี่ก่อนเดินจากไป

                                                                      ... เชื่อใจ... จินยังต้องการให้ฉันเชื่ออะไรอีก...

       

                      โทโมฮิสะกดออดหน้าบ้าน สักพักประตูก็ถูกเปิดออก เรโอะอ้าปากจะต่อล้อต่อเถียง แต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นรีบปราดเข้าไปประคองร่างบางที่ทรุดลงกับพื้นหน้าบ้าน

                      “เรโอะ ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว จิน...จิน...”  โทโมฮิสะซบหน้ากับฝ่ามือพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น เรโอะปวดแปลบขึ้นในใจ เขาคว้าโทโมฮิสะเข้ามาในอ้อมกอด

                      “ไม่เป็นไรนะ ยังไงนายก็ยังมีฉัน”  เรโอะไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาปลอบใจเพื่อนหน้าหวานที่ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอด แต่เขารู้ว่าโทโมฮิสะคงเจ็บปวดมาก ไม่เช่นนั้น คนเข้มแข็งแบบโทโมฮิสะคงไม่เสียน้ำตามากมายขนาดนี้

                      เรโอะประคองโทโมฮิสะขึ้นไปบนห้อง  แม่ที่เพิ่งตามขึ้นมาถึงเตรียมน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้

                      “โทโมะจังก็นะ... ทั้งที่รู้ว่าฝนตกวิ่งออกไปไหนก็ไม่รู้ แล้วดูสิเนี่ย ตอนไปก็เอาร่มไป แล้วตอนกลับทำไมถึงได้เปียกขนาดนี้ล่ะ”  แม่ว่าพลางวางกะละมังไว้ตรงหัวเตียง ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่จากตู้เสื้อผ้ามาวางไว้ให้

                      “โทโมะจังก็โตแล้ว เรโอะก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน เช็ดตัวให้หน่อยละกันนะ เปลี่ยนชุดให้ด้วย เพิ่งสร่างไข้ เดี๋ยวจะทรุดลงอีก ร่างกายยิ่งไม่แข็งแรงอยู่ด้วย”  แม่พูดจบก็เดินจากไปโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าลูกชายเลยว่าเหวอขนาดไหน

                                                                      ....เช็ดตัว เปลี่ยนชุดให้เจ้าหน้าหวานเนี่ยน่ะหรอ...

                      เรโอะหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วบิดน้ำออกช้าๆ มือไม้ดูจะควบคุมยากไปหมด เขาไม่เคยจ้องมองเจ้านี่จริงๆ จังๆ เลยสักครั้ง แล้ววันนี้จู่ๆ ก็ได้มาเช็ดตัว ทุกจังหวะที่ผ้าขนหนูไล้ผ่านแก้มเนียนและต้นคอขาว เรโอะต้องเผลอกลืนน้ำลายทุกที ผ้าขนหนูลากผ่านมาเรื่อยๆ ผ่านเสื้อที่เปียกชุ่มมายังแผ่นอก เรโอะหายใจเข้าออกอย่างยากลำบาก ก่อนจะตัดสินใจถอนมือออก แล้ววางผ้าขนหนูลงในกะละมังตามเดิม

      ....ทำไมต้องตื่นเต้นด้วยฟะ...

                      สุดท้ายสิ่งที่เขาทำได้ก็แค่เปลี่ยนเสื้อให้โทโมฮิสะเท่านั้นเอง เรโอะห่มผ้าให้โทโมฮิสะ จังหวะที่จะลุกจากเตียงเพื่อเอากะละมังไปเก็บนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าหวานละเมออีก

                      “จิน...ไม่นะ ...อย่า...คาเมะ... อย่าไปกับคาเมะนะ...จิน”  เสียงเรียกสลับกับเสียงสะอึกสะอื้น เรโอะมองหน้าซีดๆ ของคนที่นอนบนเตียงก่อนจะพูดคำบางคำที่แม้โทโมฮิสะเองก็คงจะนึกไม่ถึง

                                                      ... “ถ้าเป็นฉัน ฉันไม่มีวันทำให้นายเสียใจแบบนี้แน่”...

                      เรโอะก้าวเดินออกจากห้องไป ก็พบพี่ชายยืนรออยู่หน้าห้องแล้ว

                      “เห็นแม่บอกว่าโทโมะจังออกไปข้างนอก แล้วตากฝนกลับมาหรอ”  จินถาม

                      “อืม... เห็นว่าตอนไปมีร่ม แต่กลับมาเปียกทั้งตัวเลย ร้องไห้ด้วย” เรโอะว่า

                      “ร้องไห้?”

                      “อืม” เรโอะพยักหน้าพลันสายตาก็เหลือบเห็นร่มที่จินถืออยู่

                      “นายพกร่มไปด้วยหรอ รอบคอบดีจังนะ”

                      “เปล่าหรอก พนักงานร้านเบเกอรี่บอกว่ามีคนฝากไว้ให้”  จินเริ่มประติดประต่อเรื่องราวได้บ้างในตอนนี้

                      “จิน...ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้มั้ย”

                      “อืม”

                      “ระหว่างพวกนายสามคน เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

                      “สามคน...งั้นหรอ”

                      “นายรู้อยู่แก่ใจ... โทโมะจัง นาย แล้วก็คาเมะ ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น”

                      “ฉันรักโทโมะจัง ฉันอยากดูแลปกป้องเขา”

                      “แล้วกับคาเมะล่ะ”

                      “เขาทะเลาะกับยูอิจิ ...มันใกล้สอบแล้วเรโอะ ฉันทิ้งเขาตอนนี้ไม่ได้ ”  ประโยคหลังจินพูดเสียงดังราวกับจะช่วยลบความรู้สึกผิดต่อโทโมฮิสะได้

                      “ก็เลยเลือกที่จะโกหกโทโมะจังงั้นหรอ นายใจร้ายมากจิน”

                      “ฉันไม่ได้โกหก...ก็แค่ไม่ได้เล่าให้ฟังเท่านั้นเอง”

                      “นายรู้มั้ยว่าหลายวันที่ผ่านมา โทโมะจังนอนไม่หลับเลยสักคืน เอาแต่พลิกตัวไปมาแล้วก็ถอนหายใจ นายคิดว่าแค่บอกว่าให้เชื่อใจแล้วทุกอย่างก็จบอย่างนั้นหรอ”

                      “ฉันไม่อยากให้เขาคิดมาก โทโมะจังอ่อนไหวมาก มากจนฉันไม่อยากให้เขาต้องเจ็บ”

                      “แต่สิ่งที่นายทำ มันยิ่งทำให้เขาเจ็บยิ่งกว่า” เรโอะเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

                      “...”

                      “ถ้าเป็นฉัน ...ฉันไม่มีวันทำให้โทโมะจังร้องไห้แน่ๆ” น้ำเสียงหนักแน่นของเรโอะทำให้จินสะท้านในใจ

                      “แกกำลังทำให้ฉันคิดว่าแกก็ชอบโทโมะจัง”

                      “...”  ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากปาก แต่สำหรับพี่ชายอย่างจินแล้ว นี่เป็นการขานรับสำหรับคนหัวดื้ออย่างเรโอะ

                     

                      ร่างบางลืมตาขึ้น หัวสมองหนักอึ้งไปหมด กลิ่นชื้นๆ ของอากาศยิ่งทำให้เขาหายใจลำบากมากขึ้น ร่างบางกระชับเสื้อตัวหนาเข้ากับตัว ก่อนจะแปลกใจว่ามันไม่ใช่เสื้อที่ใส่ไปเมื่อกลางวัน

      ...สงสัยคุณแม่จินจะเปลี่ยนให้... ฉันไม่ยอมเสียคุณแม่สามีที่ดีแบบนี้ไปหรอกนะ แล้วก็ไม่ยอมเสียจินไปด้วย...

                      คิดได้แค่นั้นร่างบางก็มีกำลังที่จะลุกขึ้นยืนใหม่ โทโมฮิสะหันไปยิ้มกับกระจกหนึ่งครั้งก่อนจะพาสังขาร(อันร่วงโรย)ลงไปยังห้องนั่งดูทีวี ซึ่งมีพ่อกับแม่และสองพี่น้องอาคานิชินั่งดูทีวีอยู่ 

                      ทันทีที่เห็นร่างบางเดินลงบันไดมา จินทำท่าจะขยับลุกไปประคอง หากก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินคำพูดแทงใจของคนเป็นน้อง

                      “ถ้านายยังตัดสินใจไม่ได้ ก็อย่ายุ่งกับโทโมะจังเลย ฉันไม่อยากให้เขาเจ็บไปกว่านี้” พูดจบเรโอะก็เดินตรงไปยังโทโมฮิสะที่สายตาจับจ้องไปที่จิน ที่ยังนั่งนิ่ง

                      “โห นายกล้าลงมาในสภาพนี้ได้ยังไงเนี่ย หน้ายังกะหมีแพนด้าโดนพายุไซโคลน”  เรโอะว่าพลางใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากโทโมฮิสะ

                      “ไอ้บ้าเรโอะ ฉันป่วยอยู่นะ แกล้งคนป่วยบาปนะ”  โทโมฮิสะแกล้งผลักเรโอะให้พ้นทาง

                      “มานั่งด้วยกันสิจ๊ะ โทโมะจัง รายการโปรดของโทโมะจังกำลังจะมาแล้ว”  แม่จินว่าพลางขยับที่นั่งให้

                      โทโมฮิสะเดินผ่านจินไปนั่งลงข้างแม่จิน สายตายังคงมองมาที่จิน ที่ไม่มีวี่แววจะเอื้อนเอ่ยคำพูดใดๆ แค่ถามทุกข์สุขกันธรรมดาก็ได้ ไม่ต้องถามฉันว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องถามฉันว่าฉันเจ็บปวดแค่ไหน ที่เห็นคนรักอยู่กับคนอื่น...ไม่ต้องถามเลย

                      เสียงออดดังขึ้นสักพัก ก่อนที่เรโอะจะเดินเข้ามาแล้วเรียกหาจิน

                      “จิน มีคนมาหา”

                      จินหันไปตามเสียงเรียก พร้อมๆ กับทุกคนในครอบครัว ภาพตรงหน้าเหมือนมีดคมด้ามเดิมที่บาดลึกในหัวใจของโทโมฮิสะรอยแล้วรอยเล่า

                      “จินลืมหนังสือนี่ไว้ ฉันเลยเอามาคืน”  คาเมะว่าพลางยิ้มหวาน โทโมฮิสะมองภาพนั้นอย่างตะลึง ตั้งแต่เดินชนกันวันนั้นที่โรงเรียน แล้วก็วันนี้ที่ร้านเบเกอรี่ โทโมฮิสะแทบไม่มีโอกาสมองคาเมะให้เต็มตาเลย... ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับ คนคนนี้ดูดีมากจริงๆ

                      “อ้อ อืม... ขอบใจนะ”  จินว่าพลางรับหนังสือจากคาเมะ ก่อนจะขอตัวออกไปส่งกันที่หน้าบ้าน โทโมฮิสะทำท่าจะเดินตามออกไปดู แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกเรโอะคว้าข้อมือไว้

                      “จะไปดูให้ปวดใจทำไม อยู่กับความฝันที่สวยงามดีกว่าเห็นความจริงที่เจ็บปวดนะ”  โทโมฮิสะสะบัดมือออกจากการเกาะกุม

                      “แต่สำหรับฉัน... ไม่ว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหน แต่ฉันก็อยากรู้ความจริง”  โทโมฮิสะพูดก่อนจะวิ่งตามออกไป เรโอะได้แต่ถอนหายใจกับการกระทำนั้น

                      โทโมฮิสะหยุดยืนอยู่หน้าประตู จินที่เดินกลับเข้ามามองหน้าโทโมฮิสะที่แววตาประหลาดใจ

                      “ออกมาทำไมโทโมะจัง อากาศเย็นแบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก”

                      “จิน... ฉัน... อยากไปเดินเล่นกับจิน”

                      “ตอนนี้น่ะหรอ”

                      โทโมฮิสะพยักหน้าตอบรับ ทั้งสองคนเดินมาเรื่อยๆ ตามทางเดินของหมู่บ้าน ต้นไม้เล็กๆ สองข้างทางชุ่มไปด้วยน้ำฝนที่เพิ่งตกไปเมื่อกลางวัน แสงไฟสาดสะท้อนหยดน้ำเปล่งประกายสวยงาม แต่เจ้าของดวงตากลมโตกลับไม่ได้มองมันแม้แต่น้อย ในดวงตาของโทโมฮิสะมีภาพของคนคนเดียวเท่านั้น ...คนนั้นก็คือ จิน

                      “วันนี้โทโมะจังไปหาฉันที่มหาลัยหรอ”

                      “อืม...”

                      “ร่มที่ร้านเบเกอรี่ก็เป็นของโทโมะจังใช่มั้ย”

                      “อืม”

                      “คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ”  ...เจตนาของจินคือไม่อยากให้โทโมฮิสะลำบาก การวิ่งฝ่าสายฝนทั้งที่ตัวเองป่วย...แค่คิด..จินก็เจ็บปวดแทนแล้ว  แต่อารมณ์น้อยใจที่มีอยู่แล้วของคนฟังทำให้ตีความไปในแง่ลบ ร่างบางก้มหน้าลงต่ำเพื่อหลบซ่อนน้ำตาที่เริ่มไหลลงมาอีก...หลายรอบแล้วสำหรับการร้องไห้ในวันนี้

                      “จินคงไม่อยากให้คาเมะรู้ว่าคบฉันใช่มั้ย ที่เคยบอกว่ารักฉันจินก็โกหกใช่มั้ย”

                      “ไม่ใช่นะ...”

                      Trrr  Trrrrrr...........

                      “ฮัลโหล คาเมะหรอ ..อะไรนะ! ตอนนี้อยู่ที่ไหน ได้ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”  จินวางโทรศัพท์และทำท่าจะวิ่งออกไปแต่โทโมฮิสะก็จงใจขวางไว้

                      “จะไปหาคาเมะหรอ ฉันไม่ให้ไป...”

                      “ขอโทษนะโทโมะจัง ฉันจำเป็น”  แล้วจินก็เดินจากไปโดยที่ไม่ได้หันมามองร่างบางที่ทรุดลงไปร้องไห้กับพื้นอย่างไม่อายใคร

                      จินวิ่งขึ้นบันไดจนมาถึงห้องของคาเมะ สภาพห้องที่ข้าวของกระจัดกระจาย เศษแก้วเกลื่อนกระจายไปทั่วพื้นทำให้หัวใจของจินหล่นวูบ เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังมาจากมุมหนึ่งของห้อง ทันทีที่คาเมะเห็นจิน ร่างบางก็วิ่งเข้ามาหาและกอดจินไว้แน่น

                      “เกิดอะไรขึ้น?”

                      “จิน...ยูอิจิเค้า...”  คาเมะพูดได้แค่นั้นก็ร้องไห้ออกมาอีก ปลอบกันอยู่นานกว่าคาเมะจะสงบลง จินทำแผลที่เกิดจากเศษแก้วบาดมือให้คาเมะ

                      “ทะเลาะกันแรงขนาดนี้เลยหรอ”  จินถาม

                      “ฉันขอเลิกกับเขา”  คาเมะพูดอย่างเลื่อนลอย

                      “...” จินมองคาเมะอย่างอึ้งๆ

                      “ในเมื่อไม่ได้รัก ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคบกันต่อไป ในเมื่อทุกครั้งที่จับมือกัน ทุกครั้งที่กอดกัน คนที่ฉันนึกถึงไม่ไช่ยูเลยสักครั้ง”  คาเมะพรั่งพรูคำพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย

                      “จบกันแบบนี้จะดีหรอ ยังไงก็ยังต้องเจอกันอีก” 

                      “ไม่แล้วล่ะ จบเทอมนี้ ฉันจะไปอเมริกา”  คาเมะพูดด้วยแววตามุ่งมั่น

                      “...”

                      “ถ้าฉันได้อยู่ห่างจากจินสักพัก ฉันคงลืมจินได้”  คาเมะฝืนยิ้มทั้งน้ำตา

                      “ขอโทษนะ แต่คนที่ฉันรักมีแค่โทโมะจังคนเดียวเท่านั้น”

                      “เรื่องนั้น ฉันรู้ ... แต่คืนนี้จินอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยได้มั้ย  ฉันขอเป็นครั้งสุดท้ายนะ”  คาเมะว่าพลางซบลงกับไหล่กว้างของจิน

       

       

                      จินออกจากบ้านคาเมะแต่เช้า เป้าหมายต่อไปของจินคือบ้านของยูอิจิ ยังไงซะ สองคนนี้ก็เป็นเพื่อนของเขา เขาไม่อยากให้สองคนต้องจบกันไปทั้งที่ยังมองหน้ากันไม่ติดแบบนี้ และอีกอย่าง...ดูเหมือนเขาจะเป็นสาเหตุของการเลิกลาครั้งนี้

                      ทันทีที่ยูอิจิเห็นหน้าจิน ก็แทบจะเบือนหน้าหนี

                      “แกมาที่นี่ทำไม” 

                      “แกทำเกินไปรึเปล่ายู”

                      “...”

                      “คาเมะเค้าเสียใจมากนะ ที่แกทำแบบนี้”

                      “...”

                      “ไหนแกบอกว่ารักเค้าไง ตอนนั้นที่แกขอให้ฉันช่วย แกบอกว่าจะไม่มีวันทำให้เขาเสียใจ”

                      “...”

                      “แล้ววันนี้แกเป็นคนที่ทำให้เขาร้องไห้ แล้วแกยังมีหน้ามาบอกว่าแกรักเค้าหรอ”

                      “...ขอโทษจิน”

                      “คนที่แกควรขอโทษ ..คือคาเมะ ไม่ใช่ฉัน”

                      “...”

                      “เค้าจะไปอเมริกา ถ้าแกไม่อยากให้สายเกินไป รีบไปปรับความเข้าใจกันซะ อย่างน้อย จบกันด้วยดีน่าจะดีกว่า” จินว่า

                      จินให้สติยูอิจิ ยูอิจิวิ่งออกจากบ้านตรงไปยังบ้านคาเมะเพื่อไขว่คว้าหัวใจที่กำลังจะหลุดลอย จินกลับเข้าบ้านด้วยความรู้สึกโล่งใจ แม้เรื่องราวของคาเมะกับยูอิจิจะต้องจบลง แต่ก็คงเป็นไปในทางที่ดี จินกลับถึงบ้านในตอนบ่าย เปิดประตูบ้านหวังว่าจะได้เจอรอยยิ้มสดใสของโทโมฮิสะแต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าบ้านเงียบผิดปกติ

                      “ไม่มีใครอยู่บ้านหรอเนี่ย ไปไหนกันหมดนะ”  จินบ่นกับตัวเองก่อนจะกดโทรศัพท์หาแม่

                      เสียงตอบของแม่ทำให้หัวใจของจินแทบหยุดเต้น...โทโมะจังจะไปอังกฤษ.... ทำไมกะทันหันแบบนี้นะ

                      “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า อาทิตย์หน้าเค้าก็จะกลับมาแล้วล่ะ แม่ยังฝากซื้อของแบรนด์เนมเลย ”  เสียงแม่ตอบกลับมา

                                                      ....แค่อาทิตย์เดียวเอง...แปบเดียวเท่านั้น....

      จินปลอบใจตัวเอง แต่หารู้ไม่ว่าการตัดสินใจไปครั้งนี้ของโทโมฮิสะ มันหมายถึงการไม่กลับมาญี่ปุ่นอีก

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×